วันนี้กนกเริ่มรู้สึกว่า…บางที คนที่ตามเขาอาจไม่ใช่ผีอย่างที่เขาคิด สายตาของใครบางคนเหมือนเฝ้าจับจ้องเขาจากที่ไกลๆ มันไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกวูบไหวหรือภาพหลอนที่เกิดจากความหวาดระแวง แต่มันชัดเจนจนทำให้ขนที่ต้นคอลุกชัน
"หืม…มีอะไรเหรอ?" พราวถามขึ้นระหว่างกำลังตักข้าวเข้าปากในโรงอาหาร
กนกขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า "เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก" พราวเหลือบตามองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
ช่วงบ่าย ขณะเดินไปห้องแล็บ มิวเข้ามากระซิบที่ข้างหูพราว เสียงของเขาเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน พราวชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าตกใจแต่ก็พยายามเก็บอาการแล้วทั้งสองค่อยๆลดความเร็วในการเดินราวกับกำลังจับตาดูอะไรบางอย่าง
ตรงข้ามกับพวกเขา กนกกลับเดินนำหน้าอย่างสบายใจ หูฟังเสียบอยู่กับหู ขยับปากร้องเพลงเบาๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่
และมันก็เป็นอย่างที่คิด...
เมื่อมิวกับพราวถอยห่างออกมา ก็เห็นชายคนหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน สวมหมวกและผ้าปิดปาก เดินลอบเลียบเลาะตามกนกอย่างแนบเนียน ทว่า…มีบางอย่างผิดปกติ
วันนี้เขาใส่เสื้อแขนยาวสีดำ แต่เมื่อวาน มิวจำได้ว่าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน...
เหมือนเป็นคนเดิม...แต่ก็ไม่เหมือน
พวกเขาเฝ้ามองจนกระทั่งกนกเลี้ยวเข้าห้องเรียน ทว่าชายปริศนากลับเปลี่ยนทิศทางไปอีกทางแทน
"เราว่ามันแปลกนะ" มิวพึมพำ ขณะที่มือยกขึ้นดูนาฬิกา "อีกห้านาทีจะเข้าเรียนแล้ว ตามไปตอนนี้ไม่ทันแน่"
แม้จะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่มิวก็จำต้องละสายตาจากชายปริศนา และเดินกลับไปที่ห้องเรียนตามปกติ
หลังจากนั้น มิวเริ่มจับตาดูกนกมากขึ้น และเขาก็พบว่าชายคนนั้นยังคงปรากฏตัว…ไม่ใช่เพียงวันเดียว แต่แทบทุกวัน
ลักษณะของเขาคล้ายเป็นนักศึกษา แต่มิวมั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน ทุกครั้งที่โผล่มา เขาสวมเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน บางวันเป็นเสื้อฮู้ดสีเทา บางวันเป็นแจ็กเก็ตสีน้ำเงินแต่มีสองสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือ หมวกและผ้าปิดปาก ท่าทางของเขาไม่เป็นที่คุ้นตา และยากจะคาดเดาว่ามาดีหรือร้าย
มิวอยากถามกนกให้แน่ใจ แต่ก็กลัวว่าหากพูดออกไป เพื่อนของเขาจะตื่นตระหนกเกินไปเหมือนเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน
แต่วันนี้...กนกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
"มิว..."
"หืม? มีอะไร ใจเย็นๆ ก่อน"
กนกลังเลไปชั่วครู่ ก่อนพูดเสียงเบา "เรารู้สึกว่ามีคนเดินตามเรามาจากห้องน้ำ แล้วก็ตามมาตลอดทางเลย"
พราวกับมิวสบตากัน ก่อนจะตัดสินใจ ทั้งสามคนเริ่มสะกดรอยตามชายปริศนา เมื่อเห็นว่าเขายังคงเดินเลียบเลาะอยู่ข้างหลังและเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเริ่มมีท่าทางผิดปกติ พวกเขาจึงตัดสินใจแจ้งลุงยามให้ช่วย ทันทีที่ลุงยามเริ่มเดินตามไป ชายปริศนาเหมือนจะรู้ตัว เขาคนนั้นชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันหลังและรีบวิ่งหนีออกไป
พวกเขาพยายามไล่ตาม...แต่สุดท้ายก็คลาดสายตาไป
"บ้าจริง…" พราวกัดฟัน "นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะกนก แกไปทำอะไรใครไว้หรือเปล่า?" พราวพูดขึ้น สีหน้าฉายแววหวั่นใจ
"แกเคยไปทำอะไรใครไว้หรือเปล่า?" มิวถามเสียงจริงจัง "หรือมีเรื่องกับใครโดยไม่รู้ตัว?"
"ไม่รู้อะ…" กนกยกมือขึ้นกุมขมับ "แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ใครกันแน่ที่ตามเรา? จะปล้นเราเหรอ? หรือจะหลอกไปขาย?"
"โอ๊ย ผู้ชายแบบแก ใครเขาจะเอาวะ ไอ้บ้า!" พราวพยายามแซวให้บรรยากาศคลายลงแต่แววตาของเธอก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล
"แต่เรากลัวจริงๆ นะพวกแก..." กนกพูดเสียงแผ่วตัวเริ่มสั่นเล็กน้อย ดวงตาสอดส่องรอบตัวอย่างระแวดระวัง
มิวมองเพื่อนแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขากลัวว่ากนกจะเกิดภาวะเครียดเหมือนครั้งก่อน จึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น
"งั้น…ช่วงนี้เราไปนอนกับแกก่อนสักอาทิตย์แล้วกัน"
กนกไม่พูดอะไร แต่พยักหน้ารับแทบจะทันที ราวกับกำลังรอคำนี้อยู่
"อย่างน้อยมีเราอยู่ด้วย ก็น่าจะดีกว่าแกต้องอยู่คนเดียว…ใช่ไหม?" มิวพูดพลางยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวกนกเบาๆอย่างปลอบโยน
เมื่อกลับถึงห้องพัก กนกดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดจากที่ก่อนหน้านี้เขาคอยเหลียวซ้ายแลขวา เดินไปไหนก็เหมือนมีเงาของความหวาดระแวงตามติด ตอนนี้บรรยากาศอึดอัดที่รายล้อมรอบตัวเขาค่อยๆ คลายลง กนกทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า สูดหายใจลึกๆ แล้วปล่อยลมหายใจออกมาเหมือนต้องการปลดเปลื้องความกังวลทั้งหมด
"วันนี้รีบพักเถอะ การบ้านก็ไม่มี"
"อืม..." กนกพยักหน้า ยิ้มอย่างสบายใจก่อนจะหยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดขึ้นมา
"อะ...แฮ่ม"
"อะไรอะ? อ่านนิยายก็ไม่ได้เหรอ?"
"แกควรพักผ่อนนะ... วันนี้เราเหนื่อยกันมามากแล้ว"
"แต่..." กนกทำตาปริบๆ ออดอ้อนแต่พอเห็นสายตาดุๆของมิวที่ส่งกลับมาก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มีทางได้อ่านแน่คืนนี้
"ก็ได้... นอนก็ได้" เขาถอนหายใจ ยอมวางหนังสือลง
มิวหยิบยาแล้วยื่นให้ "เอ้า นี่ กินยาแล้วก็นอนพักซะ"
"ต้องกินด้วยเหรอ?"
"อืม... จะได้หลับสบายไง"
"ก็...ได้" กนกยอมรับยาไปโดยไม่โต้แย้ง เพราะตอนนี้เขาคงต้องเชื่อฟังมิวทุกอย่าง...ก็เพื่อนคนนี้แหละที่อยู่ข้างเขามาตลอดในวันที่เกิดเรื่องไม่ดี
คืนนี้คงเป็นคืนแรกในรอบหลายวันที่เขาหลับสนิทโดยไม่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอีกเลย
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน