บทที่2
แม่นมจางวิ่งวุ่นไปทั่วจวน สั่งงานสาวใช้และคนงาน เช็คข้าวของที่ต้องตระเตรียมขนย้ายกลับเมืองหลวง แม้ว่าคุณหนูใหญ่จะสั่งเอาไว้ว่าให้พวกสาวใช้และคณะที่เดินทางมาจากเมืองหลวงทั้งหมดจัดการ แต่นางงก็ยังไม่วางใจ
“นั้นโต๊ะเครื่องแป้งของคุณหนู พวกเจ้าขนระวังๆ หน่อย หากมีอะไรเสียหาย ข้าจะให้นายท่านลงโทษพวกเจ้า” นิ้วเหี่ยวหย่น ชี้ไม่ชี้มือเป็นพันละวันเมื่อเห็น บ่าวชายสองคนยกโต๊ะที่คุณหนูใช้แต่งหน้าทำผมทุกเช้าอย่างไม่ออมแรง จนกระจกทองเหลืองบานใหญ่สั่นไหวหวิดจะล่วงหล่นลงมา หาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งปกติแล้ว ด้วยกำลังการยกเพียงเท่านี้คงไม่เสียหายอันใด แต่สำหรับข้าวของของคุณหนูของนางนั้นเป็นสิ่งของที่ใช้งานมาแล้วร่วม 10 ปีไม่เคยได้ซื้อเปลี่ยนด้วยเบี้ยหวัดที่ถูกส่งมาให้นั้นเพียงพอสำหรับใช้ในชีวิตประวันสำหรับ หนึ่งสตรีหนึ่งบ่าวรับใช้อย่างนางเท่านั้น แม้อยู่ห่างไกลจื่อหฮูหยินก็ยังไม่เคยคิดเมตตา บุตรสาวอีกคนของสามีเลย
สาวใช้ต่างพากันเบ้ปาก เชอะของเก่าๆ พวกนี้ จะให้มาทะนุถนอมอะไรหนักหนา ของใช้ในเรือนพวกนางยังดูดีกว่าเสียอีก หากไม่ได้รับคำสั่งจากนายท่าน ว่าจะต้องพาคุณหนูใหญ่กลับไปอย่างสงบที่สุด พวกนางไม่มีทางให้ยายแก่อย่างแม่นมจาง ยืนชี้นิ้วสั่งงานแบบนี้เป็นแน่
หลังจากมั่นใจว่าของใช้ทั้งหมดของคุณหนูถูกขนขึ้นรถม้าสำหรับออกเดินทางกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้แล้ว หญิงชราจึงกวาดสายตาหาคุณหนูแทน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เดินสอบถามสาวใช้และบ่าวที่กำลังพักเหนื่อยจากการทำงานหนัก
“เจ้าเห็นคุณหนูจื่อรั่วหรือไม่”
“ข้าจะไปเห็นได้อย่างไร มือเป็นระวิงวิ่งวุ่นขนข้าวของให้เสร็จก่อนตะวันตกดินขนาดนี้ คุณหนูของท่าน ทำไมอยู่ที่ใดต้องเป็นท่านที่รู้สิไม่ใช่ข้า”
“คุณหนูของข้า ก็คุณหนูของพวกเจ้าเหมือนกัน”
แม่นมจากถลึงตาให้บรรดาสาวใช้ พวกไม่เครารพคุณหนูใหญ่เลยซักนิด ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินตามหาต่อ
“เฮอะ ทำเป็นชูคอ หากนายท่านเห็นความสำคัญของคุณหนูจื่อรั่วจริง คงไม่ปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านนอกเช่นนี้หรอก คุณหนูตระกูลจื่อมีเพียงคุณหนูรองจื่อปิงเท่านั้นล่ะ หากไม่คิดให้แต่งงาน อย่าหวังเลยว่าน้ำหน้าอย่างคุณหนูจื่อรั่วของท่านจะได้หลับเมืองหลวง”
หนึ่งในสาวใช้ที่ถูกสั่งให้เดินทางรอนแรมมาเพื่อคุมตัวจื่อรั่วกลับเมืองหลวง อดจะตะโกนตามหลังแม่นมจางไปไม่ได้ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เดินทางมาไกลจากเมืองหลวงยังไม่ได้พักสักเค่อ ก็ถูกคุณหนูที่ถูกลืมสั่งใช้งานให้เก็บข้าวของ แล้วด้วยฐานะเช่นพวกนางจะขัดสำสั่งก็ไม่ได้ อย่างไรพวกนางก็แค่บ่าวรับใช้อีกฝ่ายคือบุตรสาวนายท่าน ก็คงมีเพียงแม่นมจางนั้นล่ะที่ฐานะไม่แต่ต่างกัน ก็บ่าวเหมือนกันกันล่ะว่ะ
แม้จะเดินออกมาห่างแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ยืนคำพูดของสาวใช้เหล่านั้น เพียงแต่ตอนนี้ในใจแม่นมจางกลับร้อนรนหากคุณหนูของนางไม่อยู่ในจวน ก็มีอีกทีหนึ่งที่คิดออก แต่ขอเถอะอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย
“คุณหนู….” แต่แล้วความหวังของนางไม่เป็นจริง คุณหนูจื่อรั่วอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย หญิงชราเอ่ยเสียงโหย
“ท่านหาข้าเจอจนได้” จื่อรั่วได้ยินเสียงที่คุ้นเคย รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่มุมปากอิ่ม แต่สายตายังคงมองดวงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า
“คุณหนูลงมาเถอะเจ้าคะ หาพลัดตกลงมาจะทำอย่างไร” แม่นมจางแทบอยากจะร้องไห้ แหงนหน้ามองขึ้นไปยังยอดไม้ วันนี้คุณหนูของนางปีนขึ้นไปจนเกือบถึงยอด นางดูแลคุณหนูผิดพลาดที่จุดใดกัน เหตุใดคุณหนูในห้องหอที่สมควรจะเรียบร้อยดุจผ้าพับในหีบจึงกลายเป็นลิงเป็นค่างไปเช่นนี้
“เดี๋ยวสิ ตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว”
“หากตะวันลับไป แล้วคุณหนูลงมาตอนมืดๆ พลาดพลั้งตกลงมาจะทำเช่นไร” เสียงหญิงชรายิ่งร้อนรนเมื่อเห็นบรรยากาศโดยรอบเริ่มโพล้เพล้
“อย่าห้ามข้าเลย ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้ทำแบบนี้”
ที่โปรดของนาง ที่พักกายและใจ ทิวทัศน์เบื้องหน้าที่หล่อเลี้ยงหัวใจมาตลาดเกือบ 10 ปี
เสียใจหรือไม่
หากเป็นช่วงแรกที่ถูกทิ้ง ก็มีบ้างที่คาดหวัง แต่ทะว่าพอเติบโตขึ้น ได้รับรู้และเรียนรู้อะไรมากขึ้น ความเสียใจและความคาดหวังเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป นางคิดเช่นนั้น จนประจักษ์แต่แก่ใจในวันนี้เอง ว่าแท้จริงแล้ว ต่อให้แสร้งว่าไม่สนใจเรื่องราวต่างๆ ในตระกูล แต่ลึกๆ แล้วนางก็ยังหวังให้บิดารักนางบ้าง สักนิดก็ยังดี
บทที่32รถม้าวิ่งเข้าสู่ราชวัง จื่อรั่วถูกมัวมัวประคองลงจากรถม้า ก่อนจะส่งมือของนางทาบลงฝ่ามือใหญ่ จื่อรั่วช้อนสายตามองผ่านผ้าคุลม เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่ล่ง”จูล่งแต่งชุดเจ้าบ่าว จับจูงเจ้าสาวเข้าสู่พิธี จื่อรั่วเดิมตามแรงดึงจากฝ่ามือหนาและแรงประคองจากมัวมัว ไหนราชโองการให้นางแต่งกับฮองเต้ แต่นี้จูล่ง ไม่ผิดแน่จูล่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวของสตรีข้างๆจึงเอียงใบหน้ากระซิบลงข้างหู “ไว้เสร็จพิธีข้าจะเล่าทุกอย่างให้รั่วเอ้อร์ ฟังทั้งหมด แต่ตอนนี้เจ้าต้องใจเข้าพิธีแต่งงานของเราสองคนก่อนเถิด”จื่อรั่วช้อนสายตาตามเสียงนั้น บุรุษผู้นี้เป็นจูล่งไม่ผิดแน่ ใบหน้านี้ สายตาที่มองนางอย่างมั่นคงและจริงใจรอยยิ้มละมุนละไมที่มีให้นางเพียงผู้เดียว เป็นจูล่งของนางไม่ผิดแน่ จึงพยักหน้าตอบรับเบาๆ กระชับมือแน่น สื่อให้บุรุษด้านข้างรับรู้ว่านางเชื่อใจเขาแต่กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นก็เรัยกว่าแทบจะพรากลมหายใจคันชั่งหยกยื่นมาหมายจะเปิดผ้าคลุมเจ้าสาว“ช้าก่อน ท่านติดค้างข้าหลายเรื่องทีเดียว ข้าควรได้ฟังคำอธิบายก่อน ท่านถึงจะมีสิทธิ์เปิดผ้าคลุมออก” “แต่ข้ากับเจ้าเข้าพิธีกันเรียบร้อยแล้วน่ะ” จูล่งโอดครวญ เขาอยากจะเห็น
บทที่31หุบเขาห่างไกล มีเรือนหลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ จื่อรั่วตื่นมาท่ามความงุนงง มือของนางถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออันเหี้ยวย่นของแม่นมจาง จื่อรั่วจำวันนั้นได้เป็นอย่างดีเขาพานางออกจากวังมาในสภาพไร้สติ เขาทำตามที่รับปากนางเอาไว้ พานางออกมาจากวังต้องห้ามได้ แต่กลับไร้เงาของเขา แม่นมจางนำจดหมายที่จูล่งฝากเอาไว้ให้‘ขอโทษที่วางยาเจ้า การออกมาจากวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีนี้รวดเร็วที่สุด ข้าต้องภาระกิจใหญ่ ซึ่งอาจหมายถึงชีวิต หากภารกิจสำเร็จข้าจะไปรับเจ้ากลับหยิ่งตู่ไปพบครอบครัวของข้า แต่ถ้าหากไม่ บุรุษที่เดินทางไปกับเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจ เขาจะดูแลเจ้ากับแม่นมจางเป็นอย่างดี’จื่อรั่วอ่านจดหมายนั้นซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง ร้องไห้น้ำตารองหน้าอยู่หลายคืน จนในที่สุดนางก็ลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆเรือน พอเบื่อก็ออกสำรวจรอบๆป่า จนได้พบว่า บุรุษที่จูล่งฝากฝังนางเอาไว้ ฝีมือวรยุทธ์ดีเยี่ยมก็แน่ล่ะ จูล่งเก่งขนาดนั้น ลูกน้องจะกระจอกงอกง่อยได้อย่างไร “ข้าจะรอท่าน”ดวงหน้างามทอดสายตาทองไปยังทางขึ้นเขา นางไม่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่จะรอคอยบุรุษที่นางรักด้วยหัวใจที่เชื่อหมั่นว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ไม่เป็
บทที่30ปั้ง!ฝ่ามือหนามือหนาตบลงบนพนักวางแขน บัลลังก์ทองสั่นสะเทือน“ข้าจะแต่งกับนาง ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขวาง” จูล่งฮองเต้ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หัวข้อถกเถียงในท้องพระโรงวันนี้คือ การรับสนมเข้าวัง “แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” แม้เจียวก้านและขุนนางฝ่ายเจียวก้าวจะสนับสนุนเขาเต็มกำลัง แต่ก็ทีขุนนางอีกหลายคนที่มองว่าคุณหนูจื่อรั่วไม่เหมาะกับตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน“ถ้าอย่างไร รับคุณหนูใหญ่ตระกูลจื่อเข้ามาเป็นพระสนมก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางอีกคนรีบเสนอ เพราะหลายวันที่ผ่านมาถดเถียงกันอยู่เพียงเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรฮองเต้ก็จะรับนางเข้ามาเป็นฮองเฮา“ข้าบอกแล้วข้าไม่รับสนม ไม่ว่าตำแหน่งใดๆก็ไม่รับ ข้าจะรับจื่อรั่วมาเป็นฮองเฮาเพียงผู้เดียว” ไม่ว่าอย่างไร จูล่งก็ไม่มีทางรับสตรีใดเข้าวัง“ฝ่าบาท ราชวงศ์จำเป็นต้องแตกสาขา เพื่อความมั่นคงของแคว้น ตอนนี้เชื่อพระวงค์โดยสายเลือดมีเพียงพระองค์ เหล่าอ๋องทั้งสามและองค์หญิงที่อภิเษกไปอยู่แคว้นฉู่”กงกงเดินเข้ามากระซิบกระซาบ จูล่งฮองเต้พยักหน้า ไม่ช้าก็มีบุรุษสวมชุดเกราะเดินองอาจเข้ามาภายในท้องพระโรง แม่ทัพใหญ่ซ่งเว่ยหลง เป็นคนคุ
บทที่29จูล่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจูล่งฮองเต้ โดยใช้ยังคงใช้พระนามเดิมที่บิดามารดาตั้งให้ ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรโดยที่ขุนนางไม่มีใครคิดที่จะจะขัดขวาง วังหลังก็ถูกกวาดล้าง จูล่งฮองเต้สั่งให้ถอดถอนสนมทุกนางให้กลับบ้านเก่าพร้อมจ่ายเบี้ยรายปีให้เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนองค์หญิงองค์ชายทุกคนถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์พร้อมเบี้ยรายปีครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทุกคนโชคดีที่จำนวนเหล่าองค์หญิงองค์ชายมีจำนวนไม่มาก เพราะฮองเต้หลงมีรับสั่งให้สนมตั้งแต่ขั้นผินลงไปดื่มยาห้ามครรภ์ทุกครั้งที่ทำการรับใช้พระองค์ ทรงไม่โปรดให้สนมชั้นต่ำตั้งครรภ์มังกรจูไป๋เสวี่ยขี่ม้าตามหลังคุณชายสี่และรองแม่ทัพไป๋ชู่จากเมืองลี่เจียงกลับเมืองหลวงแคว้นเว่ยทันทีหลังจากพี่สี่รีบควบม้ากลับมาส่งข่าวด่วน การยึดบัลลังก์คืนจากฮองเต้หลงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พี่ๆ ทั้งสี่คนได้แผลกันคนละเล็กละน้อยเท่านั้น แต่แม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน หลังจากที่คุณชายรองดึงกระบี่ออกจากอก จนวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาจูกูกัดกิ่นและจูฮูหยินตัดสินใจขอเดินทางแยกกับบุตรชายและบุตรสาวเพราะทั้งสองเดินทางด้วยรถม้าต้องใช้เวลา จูไปเสวี่ยขี่ม้าไปคงเดินทางถึงไ
บทที่28แม้จะต้องสังหารคนที่เคยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มาก่อน จูล่งก็ไม่ลังเล เขารู้ฝีมือองครักษ์ของฮองเต้ทุกคนเป็นอย่างดี แต่องครักษ์ทุกคนก็รู้ฝีมือเขาเช่นกันเมื่อถูกลุมล้อม จูล่งจึงพลาดพรั้ง ถูกปลายกระบี่จองฮองเต้แทงเข้าที่หัวไหล่ขวา ฮองเต้หลงหมายจะซ้ำอีกดาบสังหารกบฏแท่ทัพหลิวเห็นจูล่งพลาดพลั้ง จึงกระโดดเอาตัวเข้าบังจูล่งเอาไว้ แทงกระบี่สวนออกไปยังทิศทางที่ฮองเต้แทงหมายจะสังหารจูล่งกระบี่ทั้งสองเล่นจึงปักที่อกข้างซ้ายของทั้งสองฝ่ายพอดี ทั้งคู่ตึงทรุดลงไปนั่งกับพื้น“อย่าอาฆาตแค้นกันเลย คิดซะว่ามันคือเวรกรรมที่พระองค์สังหารคนที่เลี้ยงดูพระองค์” จูล่งตวัดปลายกระบี่ตัดศีรษะของฮองเต้หลงหลุดจากบ่าในกระบี่เดียวรีบไปประคองแม่ทัพหลิวเพื่อดูอาการและให้คนไปตามน้องรองมาดูอาการแม่ทัพทันทีส่วนองครักษ์ที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฮองเต้สิ้นพระชนม์จึงวางดาบยอมจำนวน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไปอีกแล้วคุณชายรองจูเหวินจางรีบฝ่าเข้ามาดูอาการแม่ทัพหลิวในทันที“แม่ทัพเอาตัวบังให้ข้า ไม่งั้นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นอาจเป็นข้าเอง” จูล่งกล่าวบอกน้องชายเสียงเบา เขาเป็นหนี้ชีวิตแม่ทัพหลิวแล้ว หากไม่ได้แม่ทัพ คง
บทที่27หลังจากที่สำรวจเส้นทางตามแผนที่ พบกุญแจและทางเข้าตามที่จูไป๋เสวี่ยบอกอย่างไม่ผิดเพี้ยน แม่ทัพหลิวจึงวางแผนนำกองกำลังเขาเมืองหลวง โดยการเดินทางเจ้าเมืองหลวงหลายๆ เส้นทาง แยกกันมากลุ่มล่ะ 1-2คนเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นการผิดสังเกต ผู้นำตระกูลอย่างเจียวเจี้ยก็สนับสนุนอาวุธและเสบียงอาหาร ยอมเปิดคลังเสบียงของตระกูลเพื่อช่วยเหลือในครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้พี่น้องทั้งสี่ของสกุลจูและเขาตกใจก็คือ นอกจากจะเชื่อมไปยังพระราชวังยังมีอาวุธมากมายเก็บซ่อนเอาไว้ หากดูผิวเผินเส้นทางนี้ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อนเพราะไม่มีรอยเท้าใดๆ เลยเงาสายหนึ่งวิ่งฝ่าท่ามกลางความมืดไปมุ่งตรงไปยังปลายทางอย่างไม่หยุดพัก บนไหล่หนามีร่างสลบไสลของสตรีนางหนึ่ง “เจ้าไม่คิดจะบอกความจริงกับนาง” หลิวเสวี่ยอวี้มองสหายที่แบกร่างจื่อรั่วที่สลบออกมาจากอุโมงค์ลับ จูล่งค่อยๆว่างร่างของนางลงบนรถม้าแผ่วเบา จุมพิตลงบนหน้าผาก ก่อนจะพยักหน้าให้องครักษ์เงาบังคับรถม้าลงจากเขาไป“ข้าฝากจดหมายไว้กับองครักษ์มู่แล้ว” นั้นคือชื่อขององครักษ์เงาที่คอยตามดูแลนางมาตลอดหลายปีอีกไม่เพียงชั่วยามจะเริ่มแผนการทั้งหมด แม้จะฝากนางไว้กับเจียวเฟย แต่กร