แชร์

บทที่ 11 หุบเขาหมอกมายา

ผู้เขียน: เจียหลุนซิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-17 20:14:47

การเดินทางสู่หุบเขากระดูกขาวเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่ทั้งสี่คนลงมาถึงตีนเขา มู่หลินมองไปยังเส้นทางข้างหน้าก่อนเอ่ยเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เราจะต้องผ่านด่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด่านหุบหมอกมายา ด่านหุบเขาอสรพิษ ด่านหุบเขาเทพ และผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึง หุบเขากระดูกขาว ทุกเส้นทางล้วนท้าทายมีบททนสอบและเสี่ยงตาย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว”

เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างมั่นใจ แต่นั่นกลับเป็นเสียงของบุรุษที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขา

มู่หลินเบิกตากว้าง หันขวับไปมองต้นเสียง เช่นเดียวกับเซียวหานและซิวเหยาที่เตรียมชักกระบี่ออกมา

“ไป๋เทียนหลง!?”

ดวงตาของมู่หลินฉายแววประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านมาได้อย่างไร?”

นางทักทายเขาพร้อมกับแนะนำเขาให้ศิษย์พี่ของนางได้รู้จัก

“ศิษย์พี่ทั้งสอง นี่คือไป๋เทียนหลงที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”

เซียวหานยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ส่วนซิวเหยานั้นแทบจะพุ่งเข้าหาด้วยความเข้าใจผิด หากมู่หลินไม่เอ่ยเตือนเสียก่อน

ไป๋เทียนหลงพยักหน้าทักทายพวกเขา ก่อนเอ่ยแนะนำชายร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“และนี่คือ เฮยเฟิง องครักษ์ของข้า”

มู่หลินยังคงมองเขาด้วยความสงสัย

“ว่าแต่ท่าน... มาได้อย่างไร?”

“ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าไม่อยากเป็นจอมมารที่จมอยู่กับความแค้นไปตลอดชีวิต”

ไป๋เทียนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้าจึงออกตามหา หอกสวรรค์จันทรา เพื่อจัดการจ้าวแห่งมารให้สิ้นซากด้วยตัวข้าเอง”

มู่หลินคลี่ยิ้ม

“เช่นนั้นก็ดี พวกข้ากำลังจะไปตามหาหอกสวรรค์จันทรามาช่วยท่านเช่นกัน”

“เช่นนั้นข้าขอร่วมเดินทางไปด้วย”

ไป๋เทียนหลงกล่าว ขณะปรายตามองทุกคนอย่างรอคำตอบ

“ข้าหวังว่าทุกท่านจะไม่คัดค้าน”

“ข้าดีใจที่พี่ใหญ่ไปกับพวกเราด้วย”

ไป๋เยี่ยนยิ้มอย่างตื่นเต้น ...แต่ไป๋เทียนหลงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงพยักหน้าให้เฮยเฟิง ก่อนที่องครักษ์คู่ใจจะก้าวเข้าไปยืนข้างไป๋เยี่ยน

“เจ้ามาทำอะไรใกล้ข้าขนาดนี้?”

ไป๋เยี่ยนขมวดคิ้วเอ่ยถามเสียงขุ่น

“เจ้าไม่มีวรยุทธ ตลอดการเดินทางนี้ ข้าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง”

เฮยเฟิงกล่าวเรียบ ๆ ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น “โปรดเชื่อฟัง และอย่าสร้างปัญหาให้ข้า”

ไป๋เยี่ยนเบ้ปากอย่างขัดใจ ขณะที่ทั้งหกคนมุ่งหน้าเข้าสู่ ด่านหมอกมายา การเดินทางอันตรายเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!

หุบหมอกมายา เส้นทางสู่หุบเขากระดูกขาว

เมื่อมาถึงหุบเขาหมอกมายา มีหมอกหนาทึบปกคลุมเส้นทาง ทุกอย่างดูเงียบงันราวกับโลกถูกกลืนหายไปในม่านหมอก ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของทุกคนเท่านั้น ที่ดังก้องในความเงียบ แต่ไม่นานก็เริ่มมีเสียงอื่นปะปนเข้ามา...เสียงกระซิบเบาๆ

ซิวเหยาเป็นคนแรกที่ถูกเล่นงานโดยหมอกมายา ร่างของนางสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เพราะภาพอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัว เสียงหวีดร้องของใครบางคน...ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด...มันคือความทรงจำที่นางพยายามฝังกลบมาตลอด แต่หมอกมายากลับดึงมันออกมาและฉายซ้ำให้เขาต้องจมอยู่ในห้วงความทรมาน

“ไม่…ไม่นะ…”

ซิวเหยาถอยหลัง ดวงตาเบิกโพลง เหงื่อเย็นไหลซึมทั่วแผ่นหลัง

“ท่านพ่อ... ท่านแม่... ไม่... ไม่อย่าทำร้ายท่านพ่อท่านแม่ของข้า”

ร่างกายขอนางถูกควบคุม หมอกมายาสร้างภาพลวงตา บุคคลในอดีตที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า

“ลูกแม่หนีไป.. หนีไป”

ภาพที่บิดามารดาถูกโจรฆ่าตายปรากฏชัดขึ้น ซิวเหยาร้องลั่น นางทรุดตัวลงกับพื้น มือกุมศีรษะแน่นราวกับพยายามขับไล่เสียงนั้นออกไป แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ มันกลับยิ่งดังขึ้น

“ซิวเหยา! ตั้งสติไว้!”

เสียงของเซียวหาน ดังขึ้น ตามมาด้วยมู่หลินที่พยายามฉุดซิวเหยาขึ้นจากวังวนแห่งภาพหลอน

“นี่มันแค่ภาพลวงตา! อย่าปล่อยให้มันควบคุมศิษย์พี่”

ซิวเหยาเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัว นางพยายามควบคุมสติ เซียวหาน สร้างค่ายพลัง ปกป้องทุกคนจากการถูกกลืนโดยหมอกมายา เขารู้ว่าหากปล่อยให้ซิวเหยาถูกกลืนเข้าไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาอาจจะไม่มีทางพาเขากลับมาได้อีก

ขณะที่พวกเขาต่อสู้กับหมอกมายา พลังมืดบางอย่างเริ่มขยับเข้ามาใกล้ มีร่างเงาดำปรากฏขึ้นภายในหมอก

“ระวัง! มีบางอย่างกำลังมา!”

เสียงไป๋เทียวหลงแจ้งเตือนทุกคน

ทันใดนั้น หมอกดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากเงามืด สายหมอกมืดมิดไหลเวียนบิดเบี้ยวราวกับมีชีวิต

ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นร่างหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงเพลิง นางยืนอยู่กลางอากาศ เรือนผมยาวพลิ้วไหวอย่างไร้น้ำหนัก ดวงตาสีแดงฉานของนางฉายประกายราวกับเปลวไฟในความมืด

"ฮึๆๆ ... ฮะ ฮะ ฮ่าาาา..."

เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังขึ้น ทำให้เส้นขนบนร่างกายของทุกคนลุกชัน

“พวกมนุษย์โง่เขลา อยู่ดีๆ ก็มาหาที่ตาย! มาเป็นพลังวิญญาณให้ข้าเสียดีๆ”

เสียงของนางแหลมสูงและก้องสะท้อนในอากาศ ก่อนที่มือเรียวซีดจะสะบัดออกไป เพียงเสี้ยววินาที พื้นดินใต้เท้าของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นบ่อโคลนสีเลือด มันข้นหนืดและส่งกลิ่นคาวคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน

“อึก…!”

ไป๋เยี่ยนสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่เย็นเฉียบไต่ขึ้นมาตามขา

พวกเขาพยายามดิ้นรน ทว่าร่างกลับค่อยๆ จมหายไปในโคลนสีเลือดที่ดูดกลืนทุกสิ่ง

“พวกข้ามาดี ไม่คิดทำร้ายเจ้า ปล่อยพวกข้าไปเถอะ ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า” มู่หลินกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น แม้สีหน้าจะซีดเผือดจากแรงกดดันของพลังปีศาจ

หญิงสาวแห่งหมอกมายาแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวลอยตัวมาหาพวกเขาอย่างช้าๆ

“เจ้าคิดว่าคำพูดพวกเจ้าจะช่วยให้รอดหรือ?”

แต่ก่อนที่นางจะทำอะไรไปมากกว่านี้...

“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าตายอยู่ที่นี่!”

เสียงตะโกนของไป๋เทียนหลงดังขึ้น เขารวบรวมพลังจอมมารพิฆาตจากสองฝ่ามือ พลังมหาศาลปะทุออกจากร่าง เปลวเพลิงสีดำลุกโชติช่วงพวยพุ่งเข้าใส่ร่างของนาง

ตูมมมม!!

เสียงระเบิดดังสนั่น ความร้อนแผดเผาอากาศรอบตัว หมอกมายาพลันสลายเป็นเสี้ยวธุลี แต่ก่อนที่พลังของไป๋เทียนหลงจะกวาดล้างทุกสิ่ง ร่างของนางก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

นางถอยหลังไปเล็กน้อย มือข้างหนึ่งจับไหล่ตนเองที่ไหม้เกรียม ดวงตาแดงฉานจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

“อ๊าก!!”

นางคำรามลั่น ก่อนเบิกตากว้างเมื่อสังเกตเห็นบางสิ่ง

“เจ้ามีพลังของจอมมาร… เจ้าเป็นใครกันแน่!?”

ไป๋เทียนหลงก้าวไปข้างหน้า แรงกดดันจากร่างของเขาทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง

“ข้าคือบุตรบุญธรรมของจ้าวแห่งจอมมาร”

หญิงสาวชะงัก ร่างสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นไปไม่ได้… ข้าจะสู้กับบุตรแห่งจอมมารได้อย่างไร…”

แววตานางฉายแววหวาดหวั่น ก่อนจะคุกเข่าลงกลางอากาศทันที

“อย่า… อย่าทำข้า! ท่านจอมมาร ข้าผิดไปแล้ว! โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิด!”

ไป๋เทียนหลงไม่ฟังคำอ้อนวอนใดๆ ทั้งสิ้น พลังมารอันแรงกล้าถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เปลวเพลิงสีดำแผ่ซ่านเข้าห่อหุ้มร่างของนางแห่งหมอกมายา

“อ๊ากกกกก!!”

เสียงกรีดร้องของนางดังสะท้อนไปทั่ว พริบตาต่อมา ร่างของนางก็แหลกสลายเป็นฝุ่นละออง หมอกดำจางลงช้าๆ บ่อโคลนสีเลือดที่เคยกลืนกินทุกคนก็สลายหายไป

เมื่อทุกอย่างจบลง เสียงหอบหายใจหนักดังขึ้นจากคนในกลุ่ม พวกเขามองไปยังไป๋เทียนหลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงน

“ไป๋เทียนหลง! นางเป็นมารของพ่อเจ้า ทำไมเจ้าไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรก!? เจ้าเกือบปล่อยให้พวกเราตายไปกับบ่อโคลนสีเลือดแล้ว!” มู่หลินกล่าว

ไป๋เทียนหลงเม้มปากแน่น สายตาเคร่งเครียด

“ข้าไม่รู้ว่านางรู้จักจ้าวแห่งจอมมาร…”

ไป๋เยี่ยนถอนหายใจ ก่อนจะมองพี่ชายของตนด้วยสายตาผิดหวังเล็กน้อย

“ว่าแต่… เจ้าทุกคนไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ไป๋เทียนหลงเอ่ยถาม

“พวกเราไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่”

ไป๋เยี่ยนตอบเสียงเบา ทว่าไป๋เทียนหลงกลับเพียงแค่มองนางโดยไม่ตอบสิ่งใด

เซียวหานจับจ้องไป๋เทียนหลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เคยไว้ใจชายคนนี้ตั้งแต่แรก และในตอนนี้ ความรู้สึกนั้นยิ่งทวีคูณ

ไป๋เทียนหลงมาที่นี่เพื่อตามหาหอกสวรรค์จันทรา… เขาจะใช้มันสังหารจ้าวแห่งจอมมารจริงๆ หรือเขามีแผนบางอย่างที่ซ่อนเร้นกันแน่?

แม้ว่าภัยร้ายจะสิ้นสุดลง แต่ในใจของเซียวหานยังคงไม่สงบ

ในขณะที่ทุกคนปลอดภัยแล้ว แต่ซิวเหยายังคงจมอยู่กับภาพมายาแห่งฝันร้าย เซียวหานเดินไปพยุงนางให้ลุกขึ้นพิงต้นไม้ใหญ่

“ซิวเหยา ไม่มีอะไรแล้ว มันเป็นเพียงภาพลวงตา… ข้าจะอยู่กับเจ้า ไม่ทอดทิ้งเจ้า”

เขาโอบกอดนางไว้เบาๆ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาทำให้ซิวเหยารู้สึกปลอดภัย

คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายไปพูดคุยกับคู่ของตน

ไป๋เยี่ยนพยายามจะเข้าไปหามู่หลินและไป๋เทียนหลง แต่กลับถูก เฮยเฟิงขวางทาง

“ท่านจะขัดขวางข้าทำไม!? ข้าจะไปหาพี่สาวและพี่ชายข้า!”

เฮยเฟิงมองนางด้วยสายตาเย็นชา

“ท่านจอมมารต้องการความเป็นส่วนตัวกับแม่นางมู่หลิน ส่วนเจ้าจงอยู่กับข้า หากเตือนไม่ฟัง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า”

“ไอ้องครักษ์บ้านี่! เจ้ามีปัญหาอะไรกับข้ากันแน่!? ทำไมต้องจองเวรจองกรรมข้าตลอดด้วย!?”

เฮยเฟิงไม่ตอบอะไร แต่คว้าข้อมือของไป๋เยี่ยนแล้วลากนางไปนั่งอีกฟากหนึ่งของต้นไม้ใหญ่

“นั่งอยู่ตรงนี้ อย่าสร้างปัญหา”

ไป๋เยี่ยนมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

“เจ้า… คอยดูเถอะ!”

เฮยเฟิงแค่ยิ้มเย็น แต่ไม่พูดอะไรอีก

แม้เหตุการณ์ร้ายเพิ่งผ่านพ้นไป ทว่า... พายุแห่งปัญหา อุปสรรค และบททดสอบยังคง รอคอยท้าทายพวกเขาอยู่เบื้องหน้า...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 68 รักนิรันดร์ (จบ)

    แสงแดดอ่อนของยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่าง อุณหภูมิในห้องผู้ป่วยอุ่นสบาย ทว่าหัวใจของหญิงสาวกลับเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อดวงตาคู่งามเริ่มขยับเปลือกตาขึ้นช้า ๆจางเจียว ลืมตาขึ้นอย่างเลื่อนลอยในวินาทีแรก เธอไม่รู้ว่าตัวเองฝันอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเธอหันไปทางเตียงข้าง ๆ ...เธอเห็นเขา - กู้เหยี่ยนนอนอยู่ที่ ใบหน้าซีดจางแต่มีรอยยิ้มอ่อนโยน และที่สำคัญ... ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เขารักเธอเขายิ้ม...เธอไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นได้อีกต่อไป“ขอบคุณ...”เสียงของเธอสั่นเครือเมื่อพูดออกมา“ขอบคุณที่คุณยังรักษาสัญญา…”“ขอบคุณที่ไม่ทิ้งฉันกับลูกไป… กู้เหยี่ยน คนบ้า…”น้ำตาของเธอไหลลงช้า ๆ ขณะที่รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้าเธอไม่สนว่าตัวเองยังเพิ่งฟื้น ไม่สนแม้ร่างกายยังอ่อนแรง เธอรีบลุกจากเตียง เดินตรงเข้าไปหาชายคนที่เธอเกือบเสียไปตลอดกาลกู้เหยี่ยนยื่นมือออกมา...และเธอก็ทิ้งตัวลงกอดเขาแน่นทั้งน้ำตา“คุณรู้ไหม... ใจฉันแทบสลายตอนรู้ว่าคุณไม่หายใจ... ฉันกลัว... กลัวจนแทบจะตายตามคุณไป…”มือของเขาลูบผมเธอเบา ๆ จ้องมองเธอไม่ละสายตา“ผมต้องพยายามกลับมาให้ได้... เพราะผมสั

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 67 ไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรอคุณ

    ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกหนัก พายุคำรามราวกับฟ้ากำลังร่ำไห้ ประธานกู้ขับรถออกจากบ้านด้วยหัวใจอัดแน่นด้วยความกังวลเร่งรีบรถแน่นออกไปได้ไม่เกินสอบนาที เสียงล้อบดถนนดังกึกก้อง กระจกรถข้างหน้าพร่าเลือนด้วยม่านน้ำที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรง เสียงเหล็กบิดเบี้ยวดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนรถทั้งคันตีลังกาคว่ำสองตลบใครที่ผ่านไปพบเห็น ต่างพากันคิดว่าคนในรถคงไม่มีทางรอด...ในเวลาเดียวกันนั้นจางเจียว ยังนั่งรอฟังข่าวของลูกชายของ ดร.จอห์น ด้วยใจสั่นระรัว แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นฝันร้ายที่เธอไม่เคยคาดคิด“คุณนายค่ะ... ประธานกู้รถคว่ำค่ะ! ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล อาการเป็นตายเท่ากัน!”มือของจางเจียวสั่นระริก ใบหน้าเธอซีดเผือดก่อนเสียงสะอื้นแรกจะหลุดลอดริมฝีปากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“ไม่นะ... ไม่นะ... ฮือ ฮือ ฮือ... คุณอย่าทิ้งฉันกับลูกไปนะ... ได้โปรดกลับมาหาพวกเรานะคะ... ที่รัก...”โรงพยาบาลบรรยากาศในโรงพยาบาลเงียบงันแต่เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนแห่งความวิตก ทุกคนต่างมารวมตัวกันเฝ้ารอฟังผลจากห้องฉุกเฉิน ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความหวังผสมความสิ้นหวังจางเจียว นั่งนิ่งอยู่

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 66 ไม่คาดคิด

    หลังจบทริปบริษัท บรรดาพนักงานต่างเดินทางกลับด้วยรถบัส ขณะที่ประธานกู้และประธานสื่อต่างให้คนขับรถส่วนตัวมารับกลับอย่างเงียบๆกู้เหยี่ยนเลือกพาจางเจียว ไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศริมทะเล ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยสวนดอกกุหลาบสีขาวที่เบ่งบานงดงามทั่วบริเวณทันทีที่จางเจียวก้าวลงจากรถหรู สายตาเธอก็ทอดมองไปทั่วสวนอย่างประทับใจ“ที่นี่สวยมากเลยค่ะ...”เสียงเธอเบาแต่นุ่มนวลเขายิ้มบาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“ผมสั่งให้เขาจัดสวนนี้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว...ผมทำเพื่อคุณนะ”เธอหันกลับมามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน“ขอบคุณที่ใส่ใจฉันนะคะ...มันสวยจริงๆ”“ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณ เดือนหน้าเราก็จะแต่งงานกันแล้ว...ผมเฝ้ารอวันนั้นทุกลมหายใจเลย”“แต่ถ้าเราแต่งเร็ว คุณอาจไม่มีอิสระอีกนะ...”เธอพูดด้วยความลังเล“ผมไม่ต้องการอิสระอะไรทั้งนั้น ขอแค่มีคุณอยู่ข้างๆ แค่นั้นก็พอแล้ว”เธอยิ้มละมุน หัวใจพลันอ่อนลงกับคำพูดอ่อนโยนนั้น“ปากหวานจริงนะคะ...”“เข้าบ้านกันเถอะครับ” เขาเอ่ยพลางยื่นมือให้จางเจียวส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น ก่อนจะก้าวเดิน แต่ยังไม่ทันถึงขั้นบันได เธอกลับเซไปเหมือนจะวูบกู้เหยี่ยนเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าประคองแล

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 65 ของขวัญจากอดีต

    เพื่อเป็นการตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของพนักงานที่ทำผลงานยอดเยี่ยมตลอดไตรมาส บริษัทกู้กรุ๊ปจึงจัดทริป “สานสัมพันธ์” ที่รีสอร์ตริมทะเล 3 วัน 2 คืน โดยมีพนักงานจากทุกแผนกเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงและสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นมากที่สุดคือ…ประธานใหญ่ กู้เหยี่ยน ตอบตกลงเข้าร่วมงานด้วยตัวเอง!พร้อมกับพา จางเจียว เลขาสาวคนสนิท ที่ตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เลขา แต่เป็นว่าที่คุณนายกู้นอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญพิเศษจากบริษัทพันธมิตร ประธานสือและแฟนสาว หลินหลินที่เพิ่งเปิดตัวกันหมาด ๆ ก็ขอตามมาร่วมแจมด้วยเช่นกันเช้าวันเดินทาง รถบัสสองคันจอดรออยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ พนักงานต่างถ่ายรูป เช็กอิน และโพสต์ภาพกันอย่างคึกคักประธานกู้เดินลงจากรถหรู พร้อมลากกระเป๋าเดินทางตรงมายังรถบัสในชุดลำลองสีขาวสะอาดตา แตกต่างจากภาพลักษณ์ประธานเย็นชาที่เห็นในห้องประชุมโดยสิ้นเชิงข้างกายคือจางเจียว ในเดรสยาวสีขาว สายเดี่ยวมัดโบว์ เผยให้เห็นความสดใสน่ารักอย่างล้นเหลือ“ทุกคนพร้อมรึยังครับ?”เขาถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเสียงเฮดังลั่นทันที พร้อมเสียงแซวเบา ๆ“พร้อมตั้งแต่รู้ว่าประธานจะไปแล้วค่า~”ไม่นาน รถยนต์หรูอีกคันก็จอด

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 64 ใครคิดถึงผม (NC20++)

    “ไหนใครบ่นคิดถึงผม?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาหลินหลินสะดุ้งเธอหันขวับไปตามเสียง ก่อนจะพบกับร่างสูงของ ประธานสือ ยืนไขว้ขาพิงกรอบประตู ใบหน้าเรียบเฉยภายใต้กรอบแว่นไร้ขอบที่มองมาไม่วางตาสูทสีดำหรู เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมบนเพียงเม็ดเดียว เผยช่วงอกแน่นล่ำพอให้ใจเต้น เส้นผมเซตอย่างลวก ๆ แต่กลับดูดี“ประธานสือ! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”เธอรีบวางแก้วกาแฟ ตาโตด้วยความตกใจ เขิน และ...หงุดหงิดเขาเดินเข้ามาใกล้ หยุดตรงหน้าเธอโดยไม่ตอบคำถาม ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ“เปิดดูแชทหลายรอบแล้วใช่ไหม? ผมเห็นตั้งแต่คุณถอนหายใจรอบแรก”“คุณ...แอบดูฉันเหรอ?!”“ก็คุณชอบทำตัวให้น่าจับตามอง”หลินหลินอ้าปาก แต่พูดไม่ออก ความเขินตีขึ้นหน้าแดงจัด ขณะมือหนาลูบศีรษะเธอเบา ๆ“ก็คุณไม่โทร ไม่ตอบแชท ฉันก็นึกว่าคุณไม่สนใจ...”“แบตหมดตอนประชุมครับ”เขาตอบ พร้อมยื่นมือถือให้ดูเธอชะงักไปชั่วครู่... แต่ก็ไม่ยอมให้เขาชนะง่าย ๆ“ก็ได้ งั้นฉันไม่โกรธก็ได้”เขายิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนโน้มตัวกระซิบข้างหู“ต่อให้คุณโกรธ ผมก็ตามง้ออยู่ดี”น้ำเสียงของเขานุ่มลึก แฝงแรงปรารถนาบางอย่างก่อนกระซิบข้าง ๆ ใบหูของเธอ“คืนนี้...ไปกินข้าวที

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 63 ประธานคลั่งรัก

    บริษัทตระกูลกู้ภายในห้องทำงานใหญ่ชั้นบนสุดของอาคารจางเจียวนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พลางไล่ดูเอกสารอย่างตั้งใจ แสงแดดยามสายลอดผ่านม่านโปร่งบางสร้างบรรยากาศสงบแต่ไม่เงียบเหงาเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆก๊อก... ก๊อก..“ขออนุญาตค่ะคุณจาง ประธานกู้สั่งให้เอานี่มาให้ค่ะ”เลขาซูเดินเข้ามาพร้อมถาดขนม ในถาดมีเค้กช็อกโกแลตเนื้อเนียนนุ่มกับชาผลไม้กลิ่นหอมสดชื่นเมนูโปรดของจางเจียวทั้งคู่ เธอวางถาดลงตรงหน้าจางเจียวอย่างสุภาพ“ขอบคุณมากนะคะ เลขาซู”“ยินดีค่ะ ตั้งแต่คุณจางเข้ามาทำงานที่นี่…ประธานของเราก็อารมณ์ดีขึ้นมากเลยค่ะ ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนเลย”เลขาซูพูดยิ้ม ๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดต่อ เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ“แน่นอนอยู่แล้วครับเลขาซู...”เสียงทุ้มอบอุ่นของกู้เหยี่ยนดังขึ้นข้างหลัง“…ก็ผมได้อยู่ใกล้ว่าที่ภรรยา จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไงล่ะ”“อุ๊ย! ท่านประธาน...”เลขาซูยกมือปิดปาก ยิ้มเขินแต่ไม่ลืมโค้งให้เบา ๆ ก่อนจะถอยออกจากห้องอย่างรู้จังหวะ“เลขาซู เดี๋ยวผมขอพักสักครู่ห้ามมีใครรบกวนผมนะครับ”“รับทราบค่ะท่านประธาน”จางเจียวยิ้มเขิน แก้มแดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดนั้นต่อหน้าคนอื่น เธอแสร้งก้มหน้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status