Share

บทที่ 11 หุบเขาหมอกมายา

last update Last Updated: 2025-05-17 20:14:47

การเดินทางสู่หุบเขากระดูกขาวเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่ทั้งสี่คนลงมาถึงตีนเขา มู่หลินมองไปยังเส้นทางข้างหน้าก่อนเอ่ยเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เราจะต้องผ่านด่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด่านหุบหมอกมายา ด่านหุบเขาอสรพิษ ด่านหุบเขาเทพ และผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึง หุบเขากระดูกขาว ทุกเส้นทางล้วนท้าทายมีบททนสอบและเสี่ยงตาย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว”

เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างมั่นใจ แต่นั่นกลับเป็นเสียงของบุรุษที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขา

มู่หลินเบิกตากว้าง หันขวับไปมองต้นเสียง เช่นเดียวกับเซียวหานและซิวเหยาที่เตรียมชักกระบี่ออกมา

“ไป๋เทียนหลง!?”

ดวงตาของมู่หลินฉายแววประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านมาได้อย่างไร?”

นางทักทายเขาพร้อมกับแนะนำเขาให้ศิษย์พี่ของนางได้รู้จัก

“ศิษย์พี่ทั้งสอง นี่คือไป๋เทียนหลงที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”

เซียวหานยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ส่วนซิวเหยานั้นแทบจะพุ่งเข้าหาด้วยความเข้าใจผิด หากมู่หลินไม่เอ่ยเตือนเสียก่อน

ไป๋เทียนหลงพยักหน้าทักทายพวกเขา ก่อนเอ่ยแนะนำชายร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“และนี่คือ เฮยเฟิง องครักษ์ของข้า”

มู่หลินยังคงมองเขาด้วยความสงสัย

“ว่าแต่ท่าน... มาได้อย่างไร?”

“ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าไม่อยากเป็นจอมมารที่จมอยู่กับความแค้นไปตลอดชีวิต”

ไป๋เทียนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้าจึงออกตามหา หอกสวรรค์จันทรา เพื่อจัดการจ้าวแห่งมารให้สิ้นซากด้วยตัวข้าเอง”

มู่หลินคลี่ยิ้ม

“เช่นนั้นก็ดี พวกข้ากำลังจะไปตามหาหอกสวรรค์จันทรามาช่วยท่านเช่นกัน”

“เช่นนั้นข้าขอร่วมเดินทางไปด้วย”

ไป๋เทียนหลงกล่าว ขณะปรายตามองทุกคนอย่างรอคำตอบ

“ข้าหวังว่าทุกท่านจะไม่คัดค้าน”

“ข้าดีใจที่พี่ใหญ่ไปกับพวกเราด้วย”

ไป๋เยี่ยนยิ้มอย่างตื่นเต้น ...แต่ไป๋เทียนหลงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงพยักหน้าให้เฮยเฟิง ก่อนที่องครักษ์คู่ใจจะก้าวเข้าไปยืนข้างไป๋เยี่ยน

“เจ้ามาทำอะไรใกล้ข้าขนาดนี้?”

ไป๋เยี่ยนขมวดคิ้วเอ่ยถามเสียงขุ่น

“เจ้าไม่มีวรยุทธ ตลอดการเดินทางนี้ ข้าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง”

เฮยเฟิงกล่าวเรียบ ๆ ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น “โปรดเชื่อฟัง และอย่าสร้างปัญหาให้ข้า”

ไป๋เยี่ยนเบ้ปากอย่างขัดใจ ขณะที่ทั้งหกคนมุ่งหน้าเข้าสู่ ด่านหมอกมายา การเดินทางอันตรายเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!

หุบหมอกมายา เส้นทางสู่หุบเขากระดูกขาว

เมื่อมาถึงหุบเขาหมอกมายา มีหมอกหนาทึบปกคลุมเส้นทาง ทุกอย่างดูเงียบงันราวกับโลกถูกกลืนหายไปในม่านหมอก ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของทุกคนเท่านั้น ที่ดังก้องในความเงียบ แต่ไม่นานก็เริ่มมีเสียงอื่นปะปนเข้ามา...เสียงกระซิบเบาๆ

ซิวเหยาเป็นคนแรกที่ถูกเล่นงานโดยหมอกมายา ร่างของนางสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เพราะภาพอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัว เสียงหวีดร้องของใครบางคน...ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด...มันคือความทรงจำที่นางพยายามฝังกลบมาตลอด แต่หมอกมายากลับดึงมันออกมาและฉายซ้ำให้เขาต้องจมอยู่ในห้วงความทรมาน

“ไม่…ไม่นะ…”

ซิวเหยาถอยหลัง ดวงตาเบิกโพลง เหงื่อเย็นไหลซึมทั่วแผ่นหลัง

“ท่านพ่อ... ท่านแม่... ไม่... ไม่อย่าทำร้ายท่านพ่อท่านแม่ของข้า”

ร่างกายขอนางถูกควบคุม หมอกมายาสร้างภาพลวงตา บุคคลในอดีตที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า

“ลูกแม่หนีไป.. หนีไป”

ภาพที่บิดามารดาถูกโจรฆ่าตายปรากฏชัดขึ้น ซิวเหยาร้องลั่น นางทรุดตัวลงกับพื้น มือกุมศีรษะแน่นราวกับพยายามขับไล่เสียงนั้นออกไป แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ มันกลับยิ่งดังขึ้น

“ซิวเหยา! ตั้งสติไว้!”

เสียงของเซียวหาน ดังขึ้น ตามมาด้วยมู่หลินที่พยายามฉุดซิวเหยาขึ้นจากวังวนแห่งภาพหลอน

“นี่มันแค่ภาพลวงตา! อย่าปล่อยให้มันควบคุมศิษย์พี่”

ซิวเหยาเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัว นางพยายามควบคุมสติ เซียวหาน สร้างค่ายพลัง ปกป้องทุกคนจากการถูกกลืนโดยหมอกมายา เขารู้ว่าหากปล่อยให้ซิวเหยาถูกกลืนเข้าไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาอาจจะไม่มีทางพาเขากลับมาได้อีก

ขณะที่พวกเขาต่อสู้กับหมอกมายา พลังมืดบางอย่างเริ่มขยับเข้ามาใกล้ มีร่างเงาดำปรากฏขึ้นภายในหมอก

“ระวัง! มีบางอย่างกำลังมา!”

เสียงไป๋เทียวหลงแจ้งเตือนทุกคน

ทันใดนั้น หมอกดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากเงามืด สายหมอกมืดมิดไหลเวียนบิดเบี้ยวราวกับมีชีวิต

ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นร่างหญิงสาวในอาภรณ์สีแดงเพลิง นางยืนอยู่กลางอากาศ เรือนผมยาวพลิ้วไหวอย่างไร้น้ำหนัก ดวงตาสีแดงฉานของนางฉายประกายราวกับเปลวไฟในความมืด

"ฮึๆๆ ... ฮะ ฮะ ฮ่าาาา..."

เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังขึ้น ทำให้เส้นขนบนร่างกายของทุกคนลุกชัน

“พวกมนุษย์โง่เขลา อยู่ดีๆ ก็มาหาที่ตาย! มาเป็นพลังวิญญาณให้ข้าเสียดีๆ”

เสียงของนางแหลมสูงและก้องสะท้อนในอากาศ ก่อนที่มือเรียวซีดจะสะบัดออกไป เพียงเสี้ยววินาที พื้นดินใต้เท้าของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นบ่อโคลนสีเลือด มันข้นหนืดและส่งกลิ่นคาวคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน

“อึก…!”

ไป๋เยี่ยนสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่เย็นเฉียบไต่ขึ้นมาตามขา

พวกเขาพยายามดิ้นรน ทว่าร่างกลับค่อยๆ จมหายไปในโคลนสีเลือดที่ดูดกลืนทุกสิ่ง

“พวกข้ามาดี ไม่คิดทำร้ายเจ้า ปล่อยพวกข้าไปเถอะ ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า” มู่หลินกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น แม้สีหน้าจะซีดเผือดจากแรงกดดันของพลังปีศาจ

หญิงสาวแห่งหมอกมายาแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวลอยตัวมาหาพวกเขาอย่างช้าๆ

“เจ้าคิดว่าคำพูดพวกเจ้าจะช่วยให้รอดหรือ?”

แต่ก่อนที่นางจะทำอะไรไปมากกว่านี้...

“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าตายอยู่ที่นี่!”

เสียงตะโกนของไป๋เทียนหลงดังขึ้น เขารวบรวมพลังจอมมารพิฆาตจากสองฝ่ามือ พลังมหาศาลปะทุออกจากร่าง เปลวเพลิงสีดำลุกโชติช่วงพวยพุ่งเข้าใส่ร่างของนาง

ตูมมมม!!

เสียงระเบิดดังสนั่น ความร้อนแผดเผาอากาศรอบตัว หมอกมายาพลันสลายเป็นเสี้ยวธุลี แต่ก่อนที่พลังของไป๋เทียนหลงจะกวาดล้างทุกสิ่ง ร่างของนางก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

นางถอยหลังไปเล็กน้อย มือข้างหนึ่งจับไหล่ตนเองที่ไหม้เกรียม ดวงตาแดงฉานจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

“อ๊าก!!”

นางคำรามลั่น ก่อนเบิกตากว้างเมื่อสังเกตเห็นบางสิ่ง

“เจ้ามีพลังของจอมมาร… เจ้าเป็นใครกันแน่!?”

ไป๋เทียนหลงก้าวไปข้างหน้า แรงกดดันจากร่างของเขาทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง

“ข้าคือบุตรบุญธรรมของจ้าวแห่งจอมมาร”

หญิงสาวชะงัก ร่างสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นไปไม่ได้… ข้าจะสู้กับบุตรแห่งจอมมารได้อย่างไร…”

แววตานางฉายแววหวาดหวั่น ก่อนจะคุกเข่าลงกลางอากาศทันที

“อย่า… อย่าทำข้า! ท่านจอมมาร ข้าผิดไปแล้ว! โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิด!”

ไป๋เทียนหลงไม่ฟังคำอ้อนวอนใดๆ ทั้งสิ้น พลังมารอันแรงกล้าถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เปลวเพลิงสีดำแผ่ซ่านเข้าห่อหุ้มร่างของนางแห่งหมอกมายา

“อ๊ากกกกก!!”

เสียงกรีดร้องของนางดังสะท้อนไปทั่ว พริบตาต่อมา ร่างของนางก็แหลกสลายเป็นฝุ่นละออง หมอกดำจางลงช้าๆ บ่อโคลนสีเลือดที่เคยกลืนกินทุกคนก็สลายหายไป

เมื่อทุกอย่างจบลง เสียงหอบหายใจหนักดังขึ้นจากคนในกลุ่ม พวกเขามองไปยังไป๋เทียนหลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงน

“ไป๋เทียนหลง! นางเป็นมารของพ่อเจ้า ทำไมเจ้าไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรก!? เจ้าเกือบปล่อยให้พวกเราตายไปกับบ่อโคลนสีเลือดแล้ว!” มู่หลินกล่าว

ไป๋เทียนหลงเม้มปากแน่น สายตาเคร่งเครียด

“ข้าไม่รู้ว่านางรู้จักจ้าวแห่งจอมมาร…”

ไป๋เยี่ยนถอนหายใจ ก่อนจะมองพี่ชายของตนด้วยสายตาผิดหวังเล็กน้อย

“ว่าแต่… เจ้าทุกคนไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ไป๋เทียนหลงเอ่ยถาม

“พวกเราไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่”

ไป๋เยี่ยนตอบเสียงเบา ทว่าไป๋เทียนหลงกลับเพียงแค่มองนางโดยไม่ตอบสิ่งใด

เซียวหานจับจ้องไป๋เทียนหลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เคยไว้ใจชายคนนี้ตั้งแต่แรก และในตอนนี้ ความรู้สึกนั้นยิ่งทวีคูณ

ไป๋เทียนหลงมาที่นี่เพื่อตามหาหอกสวรรค์จันทรา… เขาจะใช้มันสังหารจ้าวแห่งจอมมารจริงๆ หรือเขามีแผนบางอย่างที่ซ่อนเร้นกันแน่?

แม้ว่าภัยร้ายจะสิ้นสุดลง แต่ในใจของเซียวหานยังคงไม่สงบ

ในขณะที่ทุกคนปลอดภัยแล้ว แต่ซิวเหยายังคงจมอยู่กับภาพมายาแห่งฝันร้าย เซียวหานเดินไปพยุงนางให้ลุกขึ้นพิงต้นไม้ใหญ่

“ซิวเหยา ไม่มีอะไรแล้ว มันเป็นเพียงภาพลวงตา… ข้าจะอยู่กับเจ้า ไม่ทอดทิ้งเจ้า”

เขาโอบกอดนางไว้เบาๆ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาทำให้ซิวเหยารู้สึกปลอดภัย

คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายไปพูดคุยกับคู่ของตน

ไป๋เยี่ยนพยายามจะเข้าไปหามู่หลินและไป๋เทียนหลง แต่กลับถูก เฮยเฟิงขวางทาง

“ท่านจะขัดขวางข้าทำไม!? ข้าจะไปหาพี่สาวและพี่ชายข้า!”

เฮยเฟิงมองนางด้วยสายตาเย็นชา

“ท่านจอมมารต้องการความเป็นส่วนตัวกับแม่นางมู่หลิน ส่วนเจ้าจงอยู่กับข้า หากเตือนไม่ฟัง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า”

“ไอ้องครักษ์บ้านี่! เจ้ามีปัญหาอะไรกับข้ากันแน่!? ทำไมต้องจองเวรจองกรรมข้าตลอดด้วย!?”

เฮยเฟิงไม่ตอบอะไร แต่คว้าข้อมือของไป๋เยี่ยนแล้วลากนางไปนั่งอีกฟากหนึ่งของต้นไม้ใหญ่

“นั่งอยู่ตรงนี้ อย่าสร้างปัญหา”

ไป๋เยี่ยนมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

“เจ้า… คอยดูเถอะ!”

เฮยเฟิงแค่ยิ้มเย็น แต่ไม่พูดอะไรอีก

แม้เหตุการณ์ร้ายเพิ่งผ่านพ้นไป ทว่า... พายุแห่งปัญหา อุปสรรค และบททดสอบยังคง รอคอยท้าทายพวกเขาอยู่เบื้องหน้า...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 15 พิษร้ายพิษรัก (NC20+)

    ไป๋เทียนหลงพยายามเรียกมู่หลินให้ได้สติ แต่ร่างของนางกลับแน่นิ่ง ดวงตาปิดสนิท ร่างกายเย็นเฉียบ เขาก้มลงมองแผลที่ถูกพิษจากปีศาจงู รอยแผลแดงก่ำและรอบๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ คือการขับพิษออกไปแต่ที่แห่งนี้... กลับเป็นจุดที่เขาไม่สามารถใช้พลังภายในได้ และไม่มีสมุนไพรใดจะช่วยขับพิษได้เลย สิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้คืออาศัยพลังหยินหยางเพื่อช่วยนาง"มู่หลิน! เจ้าฟังข้าไหม? ตอบข้าสิ!"ไป๋เทียนหลงเรียกอย่างร้อนรน จนในที่สุดเปลือกตาของนางก็ขยับเล็กน้อย นางฝืนลืมตาขึ้น มองหน้าเขาด้วยสายตาพร่ามัว"ข้ารู้สึกตัว... แต่ข้าเจ็บเหลือเกิน... ทรมานเหลือเกิน..."เสียงของนางแผ่วเบาราวสายลม นางหอบหายใจถี่ร่างกายสั่นสะท้านจากพิษที่กัดกินเข้าไปในกระแสเลือด"อดทนไว้! ข้าจะช่วยเจ้า อย่ากลัว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!""ที่นี่ใช้พลังปราณไม่ได้... ไม่มียาถอนพิษ... แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร?"มู่หลินเอ่ยด้วยความอ่อนแรง แววตาของนางสะท้อนความสิ้นหวัง"ข้าไม่รอดแล้ว ไป๋เทียนหลง... เจ้าทิ้งข้าไว้ที่นี่เถอะ ปล่อยข้าไป""หยุดพูด! ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า!"ไป๋เทียนหลงตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาสั

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 14 อย่าแตะต้องผู้ชายของข้า

    หุบเขาอสรพิษเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งพืชมีพิษและไม่มีพิษ แต่ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดคือเถาวัลย์กินคน หากมันพันร่างเหยื่อเมื่อใด มันจะค่อยๆ เลื้อยเข้าไปในปาก แล้วดูดกลืนพลังชีวิต สูบฉีดเอาหัวใจของเหยื่อเป็นอาหาร ทว่าโชคดี... คืนนี้พวกเขาทุกคนรอดพ้นมาได้รุ่งอรุณมาเยือน ทุกคนตื่นเตรียมพร้อมออกเดินทาง กว่าพวกเขาจะพ้นจากหุบเขานี้ได้ ต้องใช้เวลาอีกสองวัน เส้นทางข้างหน้าผ่านถ้ำคับแคบ เต็มไปด้วยอันตรายมู่หลินปรายตามองไป๋เทียนหลงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ท่านเคยคิดไหม ว่าวันหนึ่งจอมมารเช่นท่านจะต้องมาใช้ชีวิตอย่างคนไร้พลังเวทเช่นนี้”ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบาๆ ดวงตาคมลึกจับจ้อง มู่หลินอย่างมีนัย“ข้าไม่เคยนึกเลย ว่าวันหนึ่งจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้… แต่ข้ากลับรู้สึกดีที่มีเจ้าร่วมเดินเคียงข้าง”คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของมู่หลินสะดุดไปชั่วขณะ นางหลบตาก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ตีรวนในอก“นี่ท่านกำลังจะเกี้ยวข้าใช่หรือไม่?”ไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนริมฝีปาก“ถ้าข้าบอกว่าใช่... เจ้าจะว่ายังไง?”มู่หลินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบเดินเถอะ ศิษ

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 13 ด่านหุบเขาอสรพิษ

    เหล่าบุรุษขะมักเขม้นกับการนำท่อนไม้มาผูกด้วยเถาวัลย์ เสียงเชือกเสียดสีกันดังเป็นจังหวะเมื่อพวกเขาโยงมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแพข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อข้ามแม่น้ำไปยัง "หุบเขาอสรพิษ" แล้วจะไม่สามารถใช้พลังใด ๆ ได้ การอยู่รอดที่นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถเพียงอย่างเดียว“ข้าคิดว่าแข็งแรงพอแล้ว เชิญทุกคนขึ้นแพได้”เซียวหานเอื้อมมือออกไปให้ทุกคนจับเพื่อขึ้นแพด้วยท่าทีสุภาพและอบอุ่น“ขอบคุณเจ้าค่ะศิษย์พี่” เหล่าสตรีๆ กล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนก้าวขึ้นไปอย่างระมัดระวังแต่เมื่อเซียวหานลืมตัว ยื่นมือให้ไป๋เทียนหลงตามมารยาท กลับถูกเมินราวกับอากาศ ไป๋เทียนหลงก้าวขึ้นแพโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเขา สายตาของทั้งสองเย็นชาต่อกันเหล่าสตรี ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่“พร้อมเดินทาง ทุกคนระวังตัวด้วย”เซียวหานกล่าวเตือนก่อนโอบไหล่ซิวเหยาเบาๆ ราวกับให้กำลังใจทั้งสองสบตากันเพียงชั่วขณะ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่ามีใจให้กัน เพียงแค่ยังไม่มีใครกล้าสารภาพ“พี่ใหญ่ ข้างหน้าเราจะเจออะไรบ้าง ข้าไม่เคยออกเดินทางแบบนี้”ไป๋เยี่ยนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนหว

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 12 เจ้าคิดว่าข้าชอบเจ้า

    ท่ามกลางป่าใหญ่ในหุบเขาหมอกมายา หลังจากที่ทุกคนเพิ่งเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้ว บัดนี้ทุกอย่างสงบลง แต่ละคนต่างเลือกที่พักเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น"เมื่อครู่เจ้ากลัวหรือไม่...มู่หลิน?"ไป๋เทียนหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความห่วงใย สายตาคมลึกมองนางอย่างต้องการคำตอบจากใจจริง"ข้าไม่กลัวหรอก ข้ารู้ว่าท่านจัดการได้"นางตอบกลับอย่างมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายศรัทธาในตัวเขาไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย"ทำไมเจ้าถึงอยากช่วยข้า?""ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งที่ถูกจ้าวแห่งมารหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อเป็นตัวแทนขึ้นครองบัลลังก์มาร "ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบา ๆ แววตาฉายความซับซ้อนบางอย่าง"ข้าอาจจะอยากเป็นจอมมาร มีพลังอำนาจเหนือสิ่งใดก็ได้""ข้าว่าท่านคงไม่ทำเช่นนั้นหรอก ข้ารู้ดี"นางยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเขาไป๋เทียนหลงพยักหน้าเบา ๆ แต่ในแววตาคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย เขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างหลังนาง"เจ้าอย่าขยับ!" เขาสั่งเสียงเข้ม ก่อนพุ่งเข้ามาบังนางจากบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 11 หุบเขาหมอกมายา

    การเดินทางสู่หุบเขากระดูกขาวเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่ทั้งสี่คนลงมาถึงตีนเขา มู่หลินมองไปยังเส้นทางข้างหน้าก่อนเอ่ยเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เราจะต้องผ่านด่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด่านหุบหมอกมายา ด่านหุบเขาอสรพิษ ด่านหุบเขาเทพ และผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึง หุบเขากระดูกขาว ทุกเส้นทางล้วนท้าทายมีบททนสอบและเสี่ยงตาย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี”“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว”เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างมั่นใจ แต่นั่นกลับเป็นเสียงของบุรุษที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขามู่หลินเบิกตากว้าง หันขวับไปมองต้นเสียง เช่นเดียวกับเซียวหานและซิวเหยาที่เตรียมชักกระบี่ออกมา“ไป๋เทียนหลง!?”ดวงตาของมู่หลินฉายแววประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด“ท่านมาได้อย่างไร?”นางทักทายเขาพร้อมกับแนะนำเขาให้ศิษย์พี่ของนางได้รู้จัก“ศิษย์พี่ทั้งสอง นี่คือไป๋เทียนหลงที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”เซียวหานยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ส่วนซิวเหยานั้นแทบจะพุ่งเข้าหาด้วยความเข้าใจผิด หากมู่หลินไม่เอ่ยเตือนเสียก่อนไป๋เทียนหลงพยักหน้าทักทายพวกเขา ก่อนเอ่ยแนะนำชายร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง“

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 10 ภารกิจที่ยิ่งใหญ่

    ณ เขาไท่ซวน...ทุกคนร้อนใจถึงการหายตัวไปของมู่หลิน จึงกระจายกำลังกันค้นหาอย่างเร่งรีบ ทว่า..."อาจารย์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ทุกคนชะงักหันไปมองนักพรตอี้เซียนหันขวับ สีหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง"มู่หลิน! เจ้าไปที่ใดมา?! ทำไม...!"สีหน้าของนักพรตเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเฉียบคมจับจ้องมู่หลินอย่างไม่ละสายตา พลังอันดำมืดบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากตัวศิษย์หญิงของเขามู่หลินชะงักไปเล็กน้อย มองอาจารย์ด้วยความสงสัย"อาจารย์ อะไรกันหรือเจ้าคะ?""กลิ่นอายมาร... ทำไมทั่วทั้งตัวเจ้าถึงมีพลังมารที่รุนแรงเช่นนี้?! เจ้าไปที่ใดมา?! ตอบข้าบัดเดี๋ยวนี้!!" นักพรตอี้เซียนเสียงเข้มกว่าปกติมู่หลินกัดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะตอบ"ข้าถูกจอมมารจับตัวไป... ที่หุบเขาจอมมาร..."บรรยากาศเงียบงันลงทันที"เจ้าว่าอะไรนะ?!"แววตาของนักพรตฉายความตกใจปนระแวดระวัง เขาจ้องมองศิษย์ของตนราวกับกำลังมองหาความผิดปกติบางอย่าง"นี่เป็นเรื่องใหญ่! ทำไมพวกเขาถึงปล่อยเจ้ากลับมา?!"มู่หลินเม้มริมฝีปาก นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ "ข้า... ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"นักพรตอี้เซียนสูดหายใจลึก สี

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 9 เจ้าไม่มีวันเข้าใจ

    หุบเขาจอมมาร…“พี่มู่หลิน!” เสียงใสของไป๋เยี่ยนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มดีใจ เมื่อเห็นสหายที่คุ้นเคย“ไป๋เยี่ยน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มาที่นี่นานแล้วหรือยัง?”มู่หลินถามพลางจับไหล่นางเบาๆไป๋เยี่ยนถอนหายใจแล้วเล่าเสียงแผ่ว“ข้ากำลังจะไปแจ้งข่าวกับอาจารย์ของท่าน แต่ระหว่างทางเจอโจรป่า ดีที่องครักษ์ของพี่ใหญ่ช่วยไว้ แต่ว่า...พวกเขากลับจับข้ามาที่นี่แทน”มู่หลินขมวดคิ้วแน่น ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้น“ป่านนี้อาจารย์และศิษย์พี่ทั้งหลายต้องเป็นห่วงข้าแล้ว”สายตาของนางตวัดไปมองไป๋เทียนหลงที่ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง ราวกับไร้ความรู้สึก“ท่านจอมมาร! ท่านจับน้องสาวตนเองมาทำไม? นี่หรือคือหัวใจของพี่ชาย ช่างอำมหิตนัก!”น้ำเสียงของนางแข็งกร้าว ขณะที่ไป๋เยี่ยนรีบสะกิดแขนมู่หลินเป็นเชิงปรามไป๋เทียนหลงมองนางนิ่ง ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ“ที่ข้าพาเจ้ามารักษาที่นี่ เจ้ากลับว่าข้าอำมหิตหรือ?”“ใช่! ต่อให้ท่านช่วย แต่ไม่ยอมให้คนติดต่ออาจารย์ข้า ป่านนี้อาจารย์ของข้าต้องตามหาข้าทั่วแล้ว”มู่หลินกล่าวไป๋เทียนหลงแค่นเสียงเย็นชา“ไม่ต้องห่วง ข้าให้คนไปส่งพวกเจ้าพรุ่งนี้”ไป๋เยี่ยนลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“พี่ใหญ่... ท่านพ่

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 8 เจ้าหึงข้ารึ..

    หุบเขาจอมมาร…“นี่ท่านจับข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาสามวันแล้วนะ! ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่!” ไป๋เยี่ยนจ้องเขม็งไปยังบุรุษชุดดำตรงหน้าเฮยเฟิง องครักษ์ผู้ภักดีแห่งจอมมาร กลับยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธจนแก้มแดงเรื่อ ทว่ายิ่งเธอขัดขืน ความน่าเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น“นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ว่าข้าได้แจ้งเรื่องนี้กับท่านจอมมารแล้ว และท่านจอมมารเองก็สั่งให้ข้าจัดการกับเจ้าเช่นนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“อย่าให้ข้าออกไปได้เชียว! ข้าจะไปฟ้องพี่มู่หลินให้มาจัดการเจ้า!” ไป๋เยี่ยนกัดฟันกล่าวอย่างขุ่นเคือง ดวงตาเป็นประกายโกรธจัดเฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเธอ“พี่มู่หลินของเจ้า ป่านนี้... ท่านจอมมารของข้าคงกำลังทำให้เขามีความสุขไปแล้ว....คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว”ไป๋เยี่ยนชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! ข้าจะไปหาพี่มู่หลิน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์บ้า!”เฮยเฟิงยืนกอดอก มองหญิงสาวที่ดิ้นรนอย่างขบขัน“ท่านจอมมารมอบหมายให้ข้าดูแลเจ้า หากขัดใจข้า ข้าสามารถ 'จัดการ' ได้ทันที” เขาเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อย

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 7 อย่าคิดล่วงเกินข้า

    หุบเขาจอมมาร…ม่านหมอกจางลอยเหนือหุบเขาจอมมาร ฟ้าถูกบดบังด้วยเงาเมฆครึ้ม แสงจันทร์ส่องประกายลงมายังกลางหุบเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงสตรีร่างบางระหงนอนอยู่บนแท่นบรรทมของจอมมาร แก้มขาวซีดของนางดูอ่อนแรง แต่ยังคงความมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างประหลาดไป๋เทียนหลงนั่งมองนางนิ่งนาน แววตาคมกริบของเขาฉายแววสับสน เหตุใดกัน…เหตุใดเขาจึงรู้สึกผูกพันกับนางลึกล้ำถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากเห็นนางเจ็บปวดทันใดนั้น มู่หลินกระอักเลือดออกมา สีแดงเข้มไหลเปรอะริมฝีปาก“มู่หลิน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง เจ็บตรงไหน บอกข้า” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เจ้าช่วยข้าไว้ทำไม…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว“…ใยไม่ฆ่าข้าให้ตายเสียตั้งแต่ที่จวนนั้นเลย พาข้ามาที่นี่ทำไม”ไป๋เทียนหลงนิ่ง ดวงตาฉายแววสำนึกผิด เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของนาง แต่มู่หลินเบือนหน้าหนี“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษ”“จอมมารเช่นเจ้ามีคำขอโทษด้วยรึ ข้าขันนัก”นางแค่นหัวเราะแม้ร่างกายจะอ่อนแรงเขาถอนหายใจแผ่วเบา“ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เจ้ากินยาก่อน”ไป๋เทียนหลงยื่นยาถ้วยหนึ่งให้นาง แต่มู่หลินสะบั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status