Share

บทที่ 13 ไร้สิ้นหนทาง

last update Last Updated: 2025-11-12 10:56:25

        อาจารย์อู๋ชายชราอายุแปดสิบปีอ่านบทความของลูกศิษย์ที่ตนหวังรับเป็นคนสุดท้ายด้วยแววตาปลาบปลื้ม

                “คุณชายรองเพ่ยก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย” แววตาชื่นชมมองมายังอี้เฉิงที่นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ

                “เพราะมีอาจารย์คอยชี้แนะขอรับ” บุรุษหนุ่มยิ้มกว้าง

                “หากจะสอบให้ได้ขุนนางปีนี้เจ้าทำได้แน่ แต่ถ้าหากอยากหวังตำแหน่งจอหงวนยังห่างไกลนัก” อาจารย์อู๋กล่าวตามตรง

                “ศิษย์ไม่หวังตำแหน่งสูงเพียงนั้น เพียงไม่ทำให้มารดากับคนในครอบครัวต้องผิดหวังก็พอ” อี้เฉิงกล่าวพลางมองไปยังซูเม่ยที่นั่งยิ้มยินดีกับเขาอยู่มุมห้อง

        วันนี้ทุกอย่างดูสดใสไปหมด การตรากตรำเรียนตำรามากว่าสองเดือนของอี้เฉิงไม่สูญเปล่า บุรุษตัวสูงยิ้มหน้าบานเดินออกจากสำนักศึกษาอย่างภาคภูมิ ทำซูเม่ยที่เดินตามหลังอดขำกับความภาคภูมิใจนี้ของคุณชายตนไม่ได้

                “วันนี้เจ้าอยากกินอะไร ข้าเลี้ยงเอง” อี้เฉิงหันกลับมาถามสาวใช้ที่เดินตามหลัง

                “อืม....” ซูเม่ยคิดหนัก นางต้องกินของอร่อย ๆ สมกับที่เหน็ดเหนื่อยช่วยทบทวนตำราให้เขามาสองเดือนเต็ม

                “เช่นนั้นกินบะหมี่เถอะ”

                “ข้าอุตส่าห์เป็นเจ้ามือเหตุใดเลือกกินอาหารราคาถูกนัก” อี้เฉิงกอดอก จ้องมองสตรีเบื้องหน้าอย่างสงสัย

                “เอาเถิดน่า ท่านเป็นคุณชายผู้สูงส่งตั้งแต่เกิดไม่รู้หรอกว่าของอร่อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเสมอไป” ซูเม่ยกล่าวพลางดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายให้ตามนางไป

        ตรอกคับแคบหลังเมือง ชาวเมืองแต่กายแสนธรรมดากำลังจับจ่ายใช้สอยประจำวัน ข้าวของคุณภาพดีไม่แพ้ร้านกลางเมืองถูงวางขายในแผงลอยเต็มสองข้างทาง

                “ในเมืองหลวงมีที่แบบนี้ด้วยหรือ?” อี้เฉิงอุทานพลางเดินตามหลังซูเม่ยต้อย ๆ

                “ยังมีอีกมากที่ท่านไม่รู้คุณชายเพ่ย” นางหันมากล่าวกับเขา

                “ท่านรู้หรือไม่ว่าแจกันนี้ราคาเท่าไหร่” ซูเม่ยยกแจกันที่ตั้งขายข้างทางถามอี้เฉิง

                “เนื้อดินเผาละเอียด ลวดลายสวยงามเช่นนี้คงไม่ต่ำกว่าสิบตำลึงกระมัง” แม้ร้านจะเป็นแผงลอยแต่อี้เฉิงมองว่าสินค้าในร้านมีคุณภาพไม่น้อย

                “เถ้าแก่แจกันท่านถึงสิบตำลึงหรือไม่” ซูเม่ยยิ้มให้กับอี้เฉิงก่อนหันไปถามเจ้าของร้าน

                “คุณหนูท่านนี้ แจกันเหล่านี้ข้าทำเองราคาหนึ่งตำลึงแปดเฟื้องเท่านั้น หากท่านอยากได้ข้าลดให้อีกก็ได้” ชายชราผมขาวโพลนตอบอย่างใสซื่อ

                “เหตุใดถูกเช่นนี้เล่า?” เป็นอี้เฉิงที่ตกใจกับราคาแจกันแสนวิจิตรในมือซูเม่ย

                “ข้าเอา บุรุษผู้นี้จะเป็นผู้จ่ายเงิน” นางกล่าวกับพ่อข้าพลางปรายตามองคุณชายของตนให้จ่ายเงินค่าแจกัน

        อี้เฉิงมิได้กล่าวขัดขืนใด ๆ เขายื่นเงินให้กับพ่อค้าอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินตามซูเม่ยไป

                “ในตรอกนี้ล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่มีสิทธิ์ค้าขายได้ทัดเทียมตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง” นางเริ่มอธิบายระหว่างทางที่เดินหาร้านบะหมี่

                “ทำไมเล่า ราชสำนักไม่ได้ห้ามค้าขายไม่ใช่หรือ”

                “ก็อย่างที่ท่านเคยบอกกับข้า ขุนนางมีอำนาจมากพวกเขาบีบบังคับให้ชาวบ้านขายของให้ตนในราคาถูก จากนั้นก็นำไปขายเองก่อนจะใช้อำนาจขุมขู่ไม่ให้เจ้าของสินค้าได้มีโอกาสเข้าไปค้าขายในเมือง”

                “แล้วพวกเขายอมหรือ?”

                “ไม่ยอมได้หรือ หากไม่ยอมก็คงต้องเดือดร้อนทั้งครอบครัวแน่” ซูเม่ยหยุดเดิน หันมาจ้องมองคุณชายที่พึ่งออกท่องโลกกว้างเป็นครั้งแรก

                “เหตุใดเจ้าที่พึ่งเข้าเมืองหลวงถึงรู้เรื่องพวกนี้ดีนัก” อี้เฉิงเริ่มสงสัยในตัวสาวใช้

                “ข้าเดินเล่นไปทั่วระหว่างรอท่านฝึกดาบในแต่ละวัน จึงพบตรอกนี้เข้าโดยบังเอิญ”

                “นั่นไงถึงแล้วร้านบะหมีที่ว่า” ซูเม่ยยิ้มกว้างชี้ไปยังเพิงไม้ข้างทางที่มีโต๊ะนั่งอยู่สองสามตัว

                “เร็วเข้านั่งลงข้าหิวแล้ว” นางดึงแขนเสื้อของอี้เฉิงให้ตามมา

                “ร้านแบบนี้ก็กินได้หรือ” คุณชายอย่างเขาไม่เคยเจอร้านเล็กเช่นนี้มาก่อน

                “อย่าดูที่ภายนอก ร้านบะหมี่แสนธรรมดาเช่นนี้จะทำให้ท่านลืมอาหารขึ้นชื่อของหออี้หนันเลยล่ะ”

        ยังไม่ทันที่อี้เฉิงจะได้โต้แย้ง บะหมี่ที่ยังไม่ถูกสั่งก็ถูกวางต่อหน้าเสียแล้ว เขาได้แต่มองซูเม่ยอย่างงงงวย

                “ร้านมีอาหารอย่างเดียวน่ะ ไม่ต้องสั่งเถ้าแก่ก็รู้ว่าจะกินอะไร” นางยิ้มแห้งพลางดึงชามบะหมี่มาเป่าให้หายร้อน ก่อนดันกลับไปให้อีกฝ่าย

                “หายร้อนแล้ว ท่านลองชิมดู”

        อี้เฉิงแข็งทื่อกับการกระทำของนาง เขาไม่คิดว่าซูเม่ยจะเอาใจใส่ถึงเพียงนี้ เขาไม่ชอบกินอาหารร้อนตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่นึกว่านางจะรู้ด้วย

                “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่กินอาหารร้อน”

                “สังเกตเอาน่ะ ข้าเห็นท่านมักนั่งมองอาหารอยู่เป็นชั่วยามกว่าจะกินลงไป จึงเดาว่าคงไม่ชอบของร้อน” ซูเม่ยกล่าวพลางคีบบะหมี่เข้าปาก

        คำตอบของนางกลับทำให้หัวใจของอี้เฉิงอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เขาอดยิ้มให้กับท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยของนางไม่ได้ ท่าทางที่ออกรสออกชาติโดยไม่เขินอายทำให้เขาเองคิดอยากอาหารตามไปด้วย

                “อื้อ อร่อยใช้ได้นี่” เพียงกินคำแรกเขามั่นใจเลยว่าร้านอี้หนันก็มิอาจทำได้อร่อยเช่นนี้

                “บอกแล้ว ท่านต้องชอบแถมราคายังเพียงหนึ่งร้อยอีแปะ ถูกว่าร้านอี้หนันที่อาหารหนึ่งจานก็หนึ่งตำลึงไปแล้ว”

                “น่าเสียดายที่ของพวกนี้ถูกขายแค่ในตรอกเล็ก ๆ” อี้เฉิงทอดสายตาออกไปยังร้านรวงต่าง ๆ

                “เช่นนั้นหากท่านได้เป็นขุนนาง คุณชายเพ่ยก็ช่วยพวกเขาหน่อยได้หรือไม่ ชาวเมืองเหล่านี้แม้ขยันเพียงใดแต่ก็ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ไหนจะถูกกิจการของพวกขุนนางบังคับให้ขายสินค้าในเมืองไม่ได้ แล้วยังต้องถูกเก็บภาษีที่สูงกว่าราชสำนักกำหนดอีก” ซูเม่ยจ้องตาบุรุษเบื้องหน้าขอความเห็นใจ

        อี้เฉิงมองลึกเข้าไปในตาคู่งาม ประกายระยิบระยับในดวงตาสาวใช้ของตนทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ซูเม่ยมีผลกับชีวิตของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ แววตาที่ใสซื่อเปิดเผยนี้ยากจะทำให้เขาปฏิเสธได้

                “อือ ข้ารับปาก”

                “ขอบคุณคุณชายล่วงหน้า” รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้างามของซูเม่ยอีกครั้ง

        รถม้าวิ่งผ่านจวนตระกูลมู่ อี้เฉิงเลิกคิ้วมองซูเม่ยด้วยความงุนงง เส้นทางนี้อยู่คนละฝั่งกับจวนแม่ทัพการผ่านมาบนถนนเส้นนี้จึงไม่ใช่เรื่องปกติ

                “ทำไมต้องมาตระกูลมู่?”

                “นำแจกันมาให้คุณหนูมู่อย่างไรเล่า” ซูเม่ยยกแจกันมาอุ้มไว้

                “ข้านึกว่าเจ้าอยากได้เสียอีก” อี้เฉิงมีท่าทีผิดหวัง

                “ข้าอยู่ในเรือนสาวใช้จะต้องการแจกันไปทำไม ไม่กี่วันก่อนตอนท่านไปฝึกดาบหยุนเสี่ยวกับข้าได้เดินเล่นในเมือง นางจ้องมองแจกันแต่ไม่ซื้อเพราะราคาของมันค่อนข้างสูง”

        อี้เฉิงเข้าใจความหมายของซูเม่ยในทันที แจกันนี้คงจะถูกมอบให้คุณหนูมู่ในนามของตัวเองแน่

                “ท่านเอาลงไปให้เถอะ บอกนางว่ารู้จากข้าว่าเห็นนางอยากได้จึงซื้อมาให้ และกำชับสาวใช้ด้วยว่าราคาของมันเพียงหนึ่งตำลึง นางจึงจะไม่คิดว่าท่านใช้ของมีราคาหวังซื้อน้ำใจนาง” ซูเม่ยอธิบายเสร็จสรรพ ก่อนยื่นแจกันให้อีกฝ่าย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจียงซูเม่ย บุตรสาวตระกูลเจียง   บทที่ 16 นำมาเป็นภาระ

    รถม้าหยุดลงหน้าจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างพาบุตรชายบุตรสาวเข้าร่วมงาน “ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร” ซูเม่ยมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า พลางถามสิ่งที่นางสงสัยว่าเขาพานางมาด้วยทำไม “กันเหล่าสตรีออกจากข้า” หยางอี้จัดอาภรณ์ตนให้เรียบร้อย ก่อนกำชับคำสั่งแสนเรียบง่ายทว่ากลับทำได้ยากยิ่ง “ข้าเป็นเพียงสาวใช้ จะขวางทางเหล่าคุณหนูบุตรีขุนนางใหญ่โตของราชสำนักได้อย่างไร” “นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” เขากล่าวจบก็ลงจากรถม้าโดยไม่สนสายตาขอความเห็นใจของสตรีเบื้องหน้า ภายจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายถูกตกแต่งอย่างโออ่า เหล่าขุนนางใหญ่ต่างนั่งร่วมโต๊ะดื่มชา คุณหนูตระกูลใหญ่จับกลุ่มชมบุปผาอีกฝั่งของสระบัว โดยเหล่าคุณชายนั่งชมความงามของสตรีอยู่อีกฝั่ง งานในวันนี้แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์ให้หนุ่มสาวได้เลือกคู่ครอง ทว่าสตรีที่โดดเด่นของงานนี้กลับเป็นคุณหนูจูลี่เฉี่ยวบุตรีเพียงคนเดียวของใต้เท้าจู ซูเม่ยยืนมองหยางอี้ที่บัดนี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางให้เหล่าคุณชายรุมล้อมแย่งกันตีสนิท ทว่าเขากลับนิ่งเฉยไม่สนจะร่วมวงสนทนาด้วย

  • เจียงซูเม่ย บุตรสาวตระกูลเจียง   บทที่ 15 สิ้นหวัง

    “ซูเม่ยเจ้าอย่าพึ่งร้อนใจ.......” ยังไม่ทันที่อี้เฉิงจะกล่าวจบ ซูเม่ยหันหลังกลับออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา “ท่านแม่เหตุใดถึงทำเช่นนี้” อี้เฉิงมองมารดาด้วยความผิดหวัง “แม่ขอโทษ แม่เพียงเห็นว่าช่วงนี้เจ้ามีสมาธิในการท่องตำรา หากบอกเรื่องนี้ออกไปนางจะไม่มีกะจิตกะใจช่วยเจ้าทบทวนตำรา จึงได้คิดเห็นแก่ตัว” หลี่หว่ารู้สึกผิดต่อซูเม่ยอยู่มาก “นี่!” อี้เฉิงกล่าวสิ่งใดไม่ออก ในใจคิดเป็นห่วงสตรีที่พึ่งออกจากเรือนเขารีบหันกายตามนางไป ซูเม่ยไม่รู้จะทำเช่นไรในตอนนี้ ไม่รู้จะไปที่ใดได้แต่เดินตามท้องถนนยามตะวันใกล้ลับขอบฟ้าเพียงลำพัง แสงสุดท้ายของวันค่อย ๆ ลับขอบฟ้าสองข้างทางในเมืองหลวงที่มีคนพลุกพล่านตลอดทั้งวันบัดนี้เริ่มบางตา ลมพัดผ่านต้นไม้ยามเย็นทำให้อากาศที่ร้อนระอุตลอดทั้งวันกลับมาเย็นสบายอีกครั้ง ทว่าในใจของนางกลับเหน็บหนาวความพยายามตลอดสองเดือนของนางดูไร้ความหมาย แม้ว่าจะอดทนรอเพียงใดกลับเหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้ต้องผิดหวังจนได้ โรงเตี๊ยมซูเจียงตั้งอยู่เบื้องหน้า ไม่รู้ว่านางเดินมานานเพียงใดแล้วจนบัด

  • เจียงซูเม่ย บุตรสาวตระกูลเจียง   บทที่ 14 หลงเชื่อใจ

    อี้เฉิงไม่ได้ดีใจเหมือนแต่ก่อนเมื่อคิดว่าจะได้เจอมู่หยุนเสี่ยว เขาเพียงทำตามที่ซูเม่ยบอก แจ้งสาวใช้ว่าตนนำแจกันราคาเพียงหนึ่งตำลึงมามอบให้คุณหนูมู่ เพียงไม่นานหยุนเสี่ยวก็เปิดประตูออกมาพบเขาที่หน้าจวน แม้นี่เป็นครั้งแรกที่นางยอมออกมาพบทว่าเขากลับไม่ได้ดีใจลิงโลดดั่งที่คิดไว้ กลับกันเขาเพียงรู้สึกโล่งอกเท่านั้น “คุณชายรองเพ่ย” หยุนเสี่ยวยอบกายทักทาย “ขออภัยคุณหนูมู่ที่มารบกวนเวลานี้ ข้าได้ยินจากซูเม่ยว่าท่านตามหาแจกันเนื้อดี บังเอิญข้าพบกับช่างทำแจกันเห็นว่าเนื้อดินละเอียดสวยงามไม่แพ้แจกันราคาแพง จึงนำมาฝากคุณหนูมู่ด้วย” อี้เฉิงกล่าวพลางยื่นแจกันให้สตรีเบื้องหน้า “ขอบคุณคุณชายรองที่มีน้ำใจ ข้ากำลังหาแจกันราคาถูกอยู่จริงเพราะอยากได้ใส่ดอกไม้ถวายพระโพธิสัตว์พอดีเจ้าค่ะ” ใบหน้างามยิ้มบางให้เขาเป็นครั้งแรกพลางรับแจกันลายโบตั๋นสีขาวบริสุทธิ์จากผู้มอบ อี้เฉิงเพียงยิ้มตอบตามมารยาท “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว ขอตัวก่อน” หยุนเสี่ยวแปลกใจไม่น้อยนางนึกว่าเขาอยากจะรั้งอยู่ต่อนานกว่านี้เสียอีก ทว่านางกลับไม่ถาม

  • เจียงซูเม่ย บุตรสาวตระกูลเจียง   บทที่ 13 ไร้สิ้นหนทาง

    อาจารย์อู๋ชายชราอายุแปดสิบปีอ่านบทความของลูกศิษย์ที่ตนหวังรับเป็นคนสุดท้ายด้วยแววตาปลาบปลื้ม “คุณชายรองเพ่ยก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย” แววตาชื่นชมมองมายังอี้เฉิงที่นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ “เพราะมีอาจารย์คอยชี้แนะขอรับ” บุรุษหนุ่มยิ้มกว้าง “หากจะสอบให้ได้ขุนนางปีนี้เจ้าทำได้แน่ แต่ถ้าหากอยากหวังตำแหน่งจอหงวนยังห่างไกลนัก” อาจารย์อู๋กล่าวตามตรง “ศิษย์ไม่หวังตำแหน่งสูงเพียงนั้น เพียงไม่ทำให้มารดากับคนในครอบครัวต้องผิดหวังก็พอ” อี้เฉิงกล่าวพลางมองไปยังซูเม่ยที่นั่งยิ้มยินดีกับเขาอยู่มุมห้อง วันนี้ทุกอย่างดูสดใสไปหมด การตรากตรำเรียนตำรามากว่าสองเดือนของอี้เฉิงไม่สูญเปล่า บุรุษตัวสูงยิ้มหน้าบานเดินออกจากสำนักศึกษาอย่างภาคภูมิ ทำซูเม่ยที่เดินตามหลังอดขำกับความภาคภูมิใจนี้ของคุณชายตนไม่ได้ “วันนี้เจ้าอยากกินอะไร ข้าเลี้ยงเอง” อี้เฉิงหันกลับมาถามสาวใช้ที่เดินตามหลัง “อืม....” ซูเม่ยคิดหนัก นางต้องกินของอร่อย ๆ สมกับที่เหน็ดเหนื่อยช่วยทบทวนตำราให้เขามาสองเดือนเต็ม “เช่นนั้นกิ

  • เจียงซูเม่ย บุตรสาวตระกูลเจียง   บทที่ 12 ช่วยเหลือ

    ตลอดเส้นทางกลับจวนอี้เฉิงเอาแต่เหม่อลอย เขานั่งพิงกรอบหน้าต่างรถม้าทอดสายตาออกไปภายนอก โดยไม่สนทนาใด ๆ กับซูเม่ยอีก ไม่ต่างจากนางที่ลอบสังเกตอาการของคนผิดหวังจากความรัก โดยที่ไม่กล่าวคำใดออกมาเช่นกัน รถม้าหยุดนิ่งหน้าจวนแม่ทัพใหญ่ ทว่าคุณชายรองของตระกูลยังไม่รู้สึกตัว ทำให้ซูเม่ยต้องกล่าวเตือน “คุณชายเพ่ย ถึงจวนแล้วหากท่านยังไม่อยากลง เช่นนั้นข้าเข้าจวนก่อนแล้วกัน” นางกล่าวก่อนลงจากรถม้าไป แต่พึ่งก้าวพ้นประตูจวนกลับถูกมื้อของอี้เฉิงรั้งแขนนางไว้ “เช่นนั้นเจ้าช่วยข้า” เสียงที่กล่าวขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ซูเม่ยต้องหันกลับไปมอง บุรุษเจ้าของเสียงมองมายังนางด้วยแววตาจริงจัง บ่งบอกว่าคำพูดเมื่อครู่เขาหมายความตามที่พูดจริง “ช่วยท่าน ช่วยท่านเรื่องอะไร” นางไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังแขนเรียวที่ถูกมือของอี้เฉิงรั้งไว้ไม่ยอมปล่อย คิ้วโก่งขมวดแน่นพลางมองสบตาอีกฝ่ายเป็นสัญญาณให้เขาปล่อยมือจากนาง หากทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ “เป็นแม่สื่อให้ข้า ช่วยให้ข้าเข้าหามู่หยุนเสี่ยว”

  • เจียงซูเม่ย บุตรสาวตระกูลเจียง   บทที่ 11 นับเป็นสหาย

    รุ่งเช้ายังไม่ทันที่ซูเม่ยจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ได้เรียบร้อย แม่นมกุ้ยคนสนิทของฉิงอันกลับมาลากตัวนางไปยังเรือนฮูหยินรองเสียแล้ว “คารวะฮูหยินรอง” นางมองสตรีสูงศักดิ์แต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมชั้นดี ท่าทางเย่อหยิ่งทำให้ผู้คนมิกล้าเข้าใกล้ “ได้ยินว่าเจ้าไปร่ำเรียนเป็นเพื่อนคุณชายรองเป็นการส่วนตัวกับอาจารย์อู๋” เพ่ยฉิงอันกล่าวไม่ไยดี พลางเป่าชาในถ้วย “เจ้าค่ะ” “เด็กคนนั้นเรียนเป็นอย่างไรบ้าง” “แม้คุณชายรองจะมีความรู้ไม่โดดเด่น แต่เขาก็ตั้งใจศึกษาไม่น้อยเจ้าค่ะ” ซูเม่ยรู้ว่าฮูหยินรองไม่พอใจต่ออี้เฉิง ที่ถูกท่านแม่ทัพเอ็นดูกว่าบุตรชายของนาง “หลี่หว่าคิดให้บุรุษที่เพิ่งเริ่มอ่านตำราได้ไม่นาน สอบแข่งขันขุนนางกับหยางอีหรือ” ฉิงอันวางถ้วยชาลงก่อนจ้องสาวใช้ผู้มาใหม่อย่างไม่เป็นมิตร “ข้าน้อยไม่ทราบ” “หึ! ครั้งนี้หลี่หว่าเลือกสาวใช้ได้ดีนี่ กล้ามีปากเสียงมิเกรงกลัวข้าจนตัวสั่นเหมือนสาวใช้คนอื่น แลยังมีหน้าตางดงามโดดเด่นไม่น้อย” สายตาที่เพ่งมองซูเม่ยตั้งแต่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status