“แกเป็นใคร ถึงสมควรได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์ฉู่ ฉันไปขอคาราวะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ฉู่” “แล้วแกล่ะเป็นใคร ถึงคิดว่ามีคุณสมบัติที่พอจะเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ฉู่? ให้เขารับไว้ เป็นเขาน่าจะเหมาะกว่า”“งั้นฉันยอมเป็นหมา!”ในขณะนี้ ปรมาจารย์วรยุทธหลายคนก็ตระหนักได้ว่าแม้ว่าปรมาจารย์ฉู่จะยังอายุน้อย แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เป็นประจักษ์แก่สายตาของสาธารณะชน……“มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันต้องกำลังฝันอยู่แน่!”ในขณะนี้ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซุนซิงอวี่ก็กลายเป็นแข็งค้าง เพราะตระหนักได้ว่าตัวเองได้ไปอยากกระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว“อาจารย์อยู่ที่ไหน? อาจารย์ไม่ได้บอกว่าเขาจะมาด้วยเหรอ ทำไมฉันยังไม่เห็นเขาเลย”ด้วยความตื่นตระหนก ซุนซิงอวี่จึงนึกถึงอาจารย์ขึ้นมา……“ฉู่เฉินแข็งแกร่งขนาดนี้?”หนิงชิงเสว่ปิดปากด้วยความเหลือเชื่อเธอคิดว่าตราบใดที่ตัวเองฝึกฝนอย่างหนัก ก็จะสามารถตามน้องชายทันและสามารถปกป้องเขาได้ ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลก คนที่แม้แต่อสรพิษเฒ่าก็ยังรับมือไม่ได้ ถูกน้องชายของเธอจัดการได้อย่างง่ายๆ ด้วยเพียงฝ่ามือเดียวยังไงซะ ยิ่งน้องชายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น“เ
ยี่สิบนาทีกว่าผ่านไปปากแม่น้ำเจียนเจียงนี่คือจุดที่แม่น้ำมาบรรจบกับทะเล และไกลออกไปก็คือมหาสมุทรในที่สุดฉู่เฉินก็ตามจ้าวอู๋จี๋ได้ทัน โดยเตะเขาลงบนหาดทรายหลังจากการไล่ล่าอันยาวนาน จ้าวอู๋จี๋ก็หมดเรี่ยวแรง“จ้าวอู๋จี๋ ฉันขอพูดซ้ำอีกครั้ง สารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นตามความจริงมากซะ และฉันจะทำให้ศพของแกครบสามสิบสอง!”"ฮ่าๆ ฝันไปเถอะ ไอ้เด็กนรก แกถูกหลอกแล้ว!" จู่ๆ จ้าวอู๋จี๋ก็มีท่าทีสงบลง น้ำเสียงดุร้ายและเย็นชา: "ผู้อาวุโสสองท่าน ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่จะเผยตัวได้เล่า!"ทันใดนั้น ร่างสองก็โผล่ออกมาจากชายหาดไม่ไกลเป็นซุนซิงเจี๋ยและชายสูงอายุสองคนในชุดโบราณ“เพราะอะไรผู้อาวุโสจ้าวจึงตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้?” อาวุโสคนหนึ่งที่เดินนำมาขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไอ้เด็กแซ่ฉู่ได้ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งเอาไว้ ฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” จ้าวอู๋จี๋ไม่เต็มใจและพูดตามความจริง “แต่เมื่อมีผู้อาวุโสหลี่วกับผู้อาวุโสโหย่วอยู่ที่นี่แล้ว คนแซ่ฉู่จะต้องตายแน่นอน”เมื่อเห็นคนทั้งสาม จ้าวอู๋จี๋ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจฉู่เฉินเมื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของทั้งสาม และไม่ได
เพียงแต่ว่ายาจิตวิญญาณเม็ดนั้น ได้มาจากในภูเขาลึก ทั้งสองคนต้องโจมตีคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแย่งยาได้สําเร็จ หลังจากนั้นก็จากไป“คนคนนั้นเป็นอาจารย์ของฉันเอง ฉันมาเพื่อแก้แค้นที่ฆ่าอาจารย์ของฉัน และจะเอาชีวิตของแกมาเซ่นดวงวิญญาณอาจารย์ อ่อ ฉันลืมบอกไป ครอบครัวของแกทั้งหมด ฉันพาพวกมันลงไปทักทายกับพญายมแล้ว!” ผู้หญิงในชุดขาวยกดาบขึ้นเมื่อนึกถึงความเมตตาที่อาจารย์มีต่อเธอ ผู้หญิงในชุดขาวก็ยิ่งแผ่จิตสังหารออกมา ซึ่งยังเพิ่มพลังของวิชาเพลงดาบอันร้ายกาจอีกด้วยตอนนี้ผู้อาวุโสโหย่วตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ"ไม่ดีแล้ว!"เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลี่ว์ก็เข้าไปช่วยทันที"ปัง!"ร่างทั้งสองมาปะทะกันบนกลางอากาศ ฉู่เฉินและคู่ต่อสู้ของเขาประมือกัน ทำให้ผู้อาวุโสหลี่ว์ต้องถอยกลับไป“แกจะเสนอหน้าเข้าไปทำสากกระเบืออะไร คนเขากำลังล้างแค้นแทนอาจารย์อยู่!” ฉู่เฉินยิ้มอ่อนขณะพูดดูเหมือนว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน ก่อนที่ผู้อาวุโสโหย่วจะพลาดท่าอย่างที่คาดไว้หลังจากสามกระบวนท่าผู้อาวุโสโหย่วก็ไม่สามารถหลบได้อีก ดังนั้นจึงถูกผู้หญิงในชุดขาวแทงเข้าที่หน้าอกและเสียชีวิตคาที่“เป็นเพลงดาวที่ไม่เลว!”แม้แ
“ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ฉันยอมพูดทุกอย่างแล้ว”ขาของจ้าวอู๋จี๋อ่อนลง และคุกเข่าลงบนพื้นทันที"เมื่อปีนั้น..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ คอของจ้าวอู๋จี๋ก็บิดและหายใจไม่ออก“เป็นแบบนี้อีกแล้ว!”สายตาของฉู่เฉินเย็นชาทันทีดูเหมือนว่าวิธีการของคนที่อยู่เบื้องหลังนั้น น่ากลัวเกินกว่าที่ตัวเองจะจินตนาการไว้เสียอีกตอนที่ทุกคนที่กำลังจะเปิดเผยความจริง จะต้องพบกับความตายทันทีที่พวกเขาพูดถึงมันเหตุเพลิงไหม้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กชิงซานในตอนนั้น มีความลับมากมายอยู่เบื้องหลังพอฉู่เฉินคิดถึงสิ่งนี้ ก็รู้สึกได้กลิ่นแปลกๆ ว่าเรื่องไฟไหมในอดีตอาจเป็นเพราะเขา และทำให้คนอื่นๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กโดนลูกหลงไปด้วย“คุณปู่คณบดีและเพื่อนๆ ไม่ต้องห่วง ฉัน ฉู่เฉิน คนนี้ขอสาบานต่อฟ้าดินว่า ถึงแม้เรื่องมันจะซับซ้อนยุ่งยากแค่ไหนก็ตาม ฉันจะล้างแค้นให้พวกคุณทุกคนเอง!”ฉู่เฉินพูดอย่างเคร่งขรึม จากนั้นจึงตัดหัวคนสองคนแล้วจากไปไม่นานหลังจากที่ฉู่เฉินจากไป ก็มีร่างหลายร่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าพวกเขาเป็นปรมาจารย์ที่แฝงตัวอยู่ เพื่อเฝ้าดูการต่อสู้ริมแม่น้ำเจียนเจียง“ตรงนี้มีศพไร้ศรีษะสามศพ”“ทำไมมีสามศพได้ นอกจากจ้าวอู
“พี่เจ็ด” ฉู่เฉินมองไปที่หนิงชิงเสว่ ด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ พร้อมแสดงท่าทีที่ซับซ้อนอย่างมาก“เสี่ยวสือโถว ไอ้ตัวแสบ ทำไมไม่บอกฉันว่านายคือเสี่ยวสือโถวห้ะ!” หนิงชิงเสว่พูดอย่างขุ่นเคือง“เพราะตอนนั้นคุณไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด คุณเลือกที่จะหย่ากับฉันเอง และอีกอย่าง ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นพี่เจ็ดสักหน่อย” ฉู่เฉินพูดอย่างเขินอาย ขณะที่เกาหัวเมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงชิงเสว่ก็หน้าแดงด้วยความเขินอายเช่นกันจริงๆ แล้วตัวเองแต่งงานกับเสี่ยวเฉินอย่างที่เคยบอกไว้ตอนเป็นเด็ก แต่น่าเสียดายที่ได้หย่ากันแล้ว“พวกพี่อยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?” เสียงของฉู่เฉินเปลี่ยนไปและถามว่า“สิบนาทีกว่า” ฉู่เมิ่งเหยาคิดก่อนครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบไป“เห็นคนแปลกหน้ามาที่นี่บ้างไหม?” ฉู่เฉินยังคงถามต่อ“คนแปลกหน้า? ไม่นะ ฉันไม่เห็นใครเลย เกิดอะไรขึ้นเหรอ? เสี่ยวเฉิน”“ไม่มีอะไร”ฉู่เฉินส่ายหัวและไม่ได้ถามต่อ เหมือนว่าตัวเองจะคิดมากเกินไปจากนั้นเขาก็พาทั้งสองคนกลับไปที่อวี้หลงวานป้าหลานก็มีความสุขมากที่ได้พบกับหนิงชิงเสว่ เธอไม่เพียงแต่สั่งแม่บ้านจัดเตรียมห้อง แต่บอกให้หนิงชิงเสว่อยู่ที่นี่ด้วยหลังอาหารเย็น ฉู่เ
สนามบินจินหลิงขณะที่เครื่องบินลงจอดชายหนุ่มสวมเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะปรากฏตัวที่อาคารผู้โดยสารชายหนุ่มคนนี้คือฉู่เฉินเมื่อมาถึงจินหลิงแล้ว นอกจากบัตรเครดิตฉู่เซี่ยงตงยัดใส่มือเขาแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้พกกระเป๋าเดินทางอื่น ๆ มาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรอรับสัมภาระเขาปรากฏตัวตรงในอาคารผู้โดยสาร พร้อมที่จะขึ้นรถบัสของสนามบินและออกไป"สุดหล่อ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างๆฉู่เฉินหันไปมองและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัย แว่นกันแดดและหมวกแก๊ป สวมเสื้อผ้าจัดเต็มแม้จะต้องเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนในฤดูร้อนก็ตามและกำลังจ้องมาที่เขา ฉู่เฉินมองไปรอบ ๆ พร้อมชี้ไปที่ตัวเองนอกจากเขาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่รอบๆ แล้ว เพราะผู้โดยสารคนอื่นๆ กำลังรอรับกระเป๋ากันอยู่“ใช่แล้ว คุณนั่นแหละสุดหล่อ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม!”เสียงของผู้หญิงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน“คุณต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร?” ฉู่เฉินไม่ปฏิเสธทันที“คุณช่วยฉันยกกระเป๋าหน่อยได้ไหมคะ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดและล้วงตั๋วออกมาจากกระเป๋า“ทำไมคุณไม่เอามันเองล่ะ? ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายใช่ไหม?” ฉู่เฉินขมวดคิ้วเ
ฉู่เฉินก้มลงสำรวจดูตัวเอง ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติกับชุด แล้วทำไมถึงกล่าวหาว่าแต่งกายไม่เหมาะสม?"เขาเป็นเพื่อนของฉัน"โชคดีที่หลินอีนัวเข้ามาขัดอย่างรวดเร็วด้วยการโชว์บัตร ทำให้ไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไป“ขอโทษครับ เชิญทางนี้ครับ!” เมื่อเห็นบัตรสีดำ บริกรก็ขอโทษทันทีและเดินนำทางพวกเขาเข้าไปนี่เป็นบัตรสีดำที่ออกร่วมกันจากธนาคารขนาดใหญ่ทุกแห่งในต้าเซี่ย ซึ่งมีสิทธิ์พิเศษในการรูดบัตรโดยไม่จำกัดวงเงิน ไม่ใช่แค่ใช้จ่ายได้ในร้านอาหารเท่านั้น แม้แต่โรงแรมสี่ฤดูก็ยังสามารถซื้อได้ด้วยโดยเลือกโต๊ะที่ติดหน้าต่าง ซึ่งทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และยังอยู่ตรงหัวมุมอีกด้วยหลินอีนัวยื่นเมนูให้ฉู่เฉิน “สั่งอะไรก็ได้ที่คุณต้องการค่ะ”“ข้าวผัดไข่” ฉู่เฉินพูดออกมาสามคำ โดยที่ไม่ได้ดูเมนู“อืม….ได้ค่ะ ข้าวผัดไข่สองจาน” หลินอีนัวพูดกับบริกรไม่มีใครเคยสั่งแค่ข้าวผัดไข่ที่นี่มาก่อนเมื่อพบกับฉู่เฉินเป็นครั้งแรก หลินอีนัวเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไม่ได้ระวังตัว และได้ถอดอุปกรณ์ปลอมออกทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยงามก็ถูกเปิดเผย ในขณะที่ถอดหมวกออกนั้น ผมยาวสีเข้มของเธอก็หล่นลงมาพาดไหล่และบ่า ท
“แก แกพูดว่าอะไรนะ? ไหนพูดอีกครั้งสิ” นายน้อยหยางแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน“ฉันบอกว่าออกไปให้พ้นหน้าฉัน ได้ยินชัดหรือยัง?” ฉู่เฉินจ้องมองนายน้อยหยางแล้วพูดอีกครั้ง“ไอ้หน้าอ่อน รนหาที่ตายซะแล้ว! ในจินหลิงไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนั้น แกเป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้าย ฉันอยากให้แกตาย!” นายน้อยหยางตะโกนใส่หน้าฉู่เฉิน ฉู่เฉินตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการตบหน้านายน้อยหยาง"เพี้ยะ"เสียงตบดังก้องไปทั่วทั้งร้านอาหาร“แก แกกล้าตบฉันเหรอ?” นายน้อยหยางกุมหน้าที่ถูกตบไว้ “หวังลี่ ฆ่ามัน!”หวังลี่เป็นชื่อของชายที่ยืนอยู่ข้างหลังนายน้อยหยางเมื่อได้ยินคำสั่งของนายน้อยหยาง หวังลี่ก็ไม่ลังเล เอื้อมมือไปที่เอวแล้วดึงปืนพกออกมา“ฉู่เฉิน ระวัง!” หลินอีนัวตะโกนออกด้วยความตกใจ"ปัง!"หวังลี่ยิงปืนออกมา!เสียงปืนดังก้องไปทั่วร้านอาหาร"มีคนฆ่ากัน!"ทันใดนั้น ลูกค้าในร้านอาหารก็เหมือนมดรังแตก ต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดมีเพียงนายน้อยหยางเท่านั้นที่ยังจ้องไปที่ฉู่เฉิน“ไอ้เด็กนรก แกยังไม่ตายอีกเหรอ!”นายน้อยหยางตกใจมาก เขาเห็นฉู่เฉินหยุดกระสุน โดยคีบไว้ระหว่างนิ้ว“คีบกระสุนด้วยมือเปล่า แกเป็นนักสู้โบร