Share

บทที่ 8

ทุกคนมองไปรอบ ๆ และเห็นฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทันที

“ไอ้หนุ่ม นายเป็นใคร?” สีหน้าของหมอวิเศษซุนเคร่งขรึมขึ้น และพูดขึ้นอย่างไม่พอใจเอาเสียมาก ๆ

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมคือใครหรอก”

ฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้า และหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “ทั้งๆที่ชายชราผู้นี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองปี แต่คุณกลับพูดว่าเขาถึงอายุขัยแล้ว ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้เลยเหรอ”

การจะอยู่หรือตายของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา แต่อีกฝ่ายดันมาดูถูกชายชรา เช่นนั้นเขาก็จำต้องมาจัดการเสียหน่อย

เพราะชื่อของชายชราตอนท่องยุทธจักรในปีนั้นคือ“หมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน” โดยที่ในตอนนี้ตำแหน่งนี้ก็ส่งมาให้กับตัวเขาเอง และเขาก็มีหน้าที่ต้องรักษาชื่อเสียงของมันเอาไว้

พอได้ยินฉู่เฉินพูดว่าตัวเองฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา หมอวิเศษซุนก็โกรธมาก “ไอ้หลานชาย นายพูดว่าอะไรนะ?”

ทุกคนมองไปที่ฉู่เฉินอย่างเย็นชา

หมอวิเศษซุนชื่อจริงคือซุนหย่างซิน มาจากครอบครัวแพทย์ที่มีอายุนับร้อยปี เป็นที่รู้จักในนามหมอวิเศษแห่งเมืองอวิ๋น ซึ่งไม่รู้ว่าช่วยผู้คนมาแล้วเท่าไหร่ และว่ากันว่าเคยรักษาให้กับผู้นำของประเทศมาก่อน แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า กลับกล้าสงสัยในตัวเขา

“คุณชายท่านนี้ คุณกำลังจะบอกว่าคุณปู่ของฉันเขายัง……ยังรอดอยู่ใช่ไหมคะ?” หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเช็ดน้ำตา และพูดด้วยใบหน้าที่ดีใจ

“มันแน่นอนอยู่แล้ว”

ฉู่เฉินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วพูดว่า “ถ้าหากผมลงมือเอง คุณปู่ของคุณก็จะไม่ตาย และจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองปี”

“อะไรนะ?”

ทุกคนตกใจมาก

หญิงสาวรีบพูดขึ้นว่า “คุณชายท่านนี้ ฉันชื่อฉินปิงเยว่นะคะ ถ้าคุณสามารถรักษาคุณปู่ของฉันได้ ตระกูลฉินของฉันก็จะมีรางวัลตอบแทนให้อย่างงามเลยค่ะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

จู่ ๆ หมอวิเศษซุนก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่คุยโวโอ้อวดอย่างไม่กระดากปากเสียจริงๆ”

“นายรู้ไหมว่าการแพทย์แผนจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลและลึกซึ้งอย่างไม่สิ้นสุดขนาดไหน แม้ว่าจะแก่เฒ่าและใช้เวลามาครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้ก็เพิ่งแตกฉานทั้งหมด”

เขาก้าวเข้ามา และมองตรงไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่มืดมน “นายดูเหมือนจะแค่อายุราว ๆ ยี่สิบปี ต่อให้เริ่มเรียนการแพทย์ตั้งแต่ในท้องแม่ ตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นแค่มือใหม่เท่านั้น นายไปเอาความมั่นใจจากที่ไหนมาวิพากษ์วิจารณ์ฉันใหญ่โตกัน?”

“หมอวิเศษซุนพูดถูก หลานชายของผมติดตามหมอผู้มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็ก จนถึงตอนนี้ก็สามสิบปีแล้ว ก็ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเรียนวิชาสำเร็จเลย เขายังเป็นแบบนี้ แล้วยิ่งนับประสาอะไรกับไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กัน หรือว่าเขาจะเป็นเด็กอัจฉริยะงั้นเหรอ?” ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าซูบผอมยิ้มอย่างดูถูก

“ไม่ต้องพูดถึงการแพทย์แผนจีนหรอก เกรงว่าแม้แต่การแพทย์แผนตะวันตกที่เรียบง่าย สำหรับเด็กหนุ่มอย่างเขาคนนี้อยากจะสำเร็จวิชาก็ยังเป็นไปไม่ได้เลย”

หญิงวัยกลางคนที่งดงามและสวมแว่นกรอบดำอยู่ยิ้มเยาะขึ้นมาและพูดว่า “ลูกสาวของฉันมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนก็คือสาขาการแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จนถึงตอนนี้เธอก็ยี่สิบแปดปีแล้ว ยังเป็นผู้ช่วยให้อาจารย์ที่ปรึกษาอยู่เลยนะ”

คนที่เหลือเริ่มซุบซิบกันถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า พวกเขานั้นยอมเชื่อในสิ่งที่หมอวิเศษซุนพูด

“คุณหนูฉิน คุณได้ยินแล้วใช่ไหมล่ะ?”

หมอวิเศษซุนตะคอกขึ้นอย่างเย็นชา และมองไปที่ฉินปิงเยว่พร้อมพูดว่า “แทนที่คุณจะเชื่อไอ้หนุ่มนี่ เอาเวลาไปจัดการเรื่องงานศพของผู้เฒ่าฉินยังจะดีกว่า”

ใบหน้าอันงดงามของฉินปิงเยว่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนี้ “ขอโทษนะคะ หมอวิเศษซุน เป็นฉันที่ไร้เดียงสาเกินไป จนเกือบจะถูกเขาหลอกเสียแล้ว”

“รีบพาไอ้หนุ่มนี่ออกไปซะ อย่าให้เขามาพูดเพ้อเจ้ออยู่ในนี้ได้อีก”

“ฉันว่าไอ้หนุ่มนี่มาเพื่อสร้างปัญหานะ ยามอยู่ไหน?”

ทุกคนต่างก็พูดวิพากษ์วิจารณ์ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร

ฉินปิงเยว่มองไปที่ฉู่เฉินอีกครั้งด้วยสายตาที่เย็นชา “คุณชายท่านนี้ คุณกรุณาออกไปเถอะ รีบออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกยามมาแล้วนะ”

ฉู่เฉินถอนหายใจขึ้นมาทันที

มีบางคนยิ้มอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่ม นายถอนหายใจนี่หมายความว่าไงกัน?”

ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อย “ที่ผมถอนหายใจก็คือ ท่านที่อยู่บนเตียงผู้นี้ได้เจอผม ก็นับเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่ง เพื่อเห็นแก่โชคชะตา ผมอาจจะช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้”

“แต่ผลคือพวกคุณไม่เพียงแต่ดูหมิ่นผม แต่ยังไล่ผมออกไปอีก ด้วยนิสัยของผมแล้ว ผมควรจะเดินออกไปทันที”

“แต่ก่อนที่จะเดินจากไป ผมอยากให้พวกคุณเปิดตาให้กว้าง แล้วดูความสามารถของผมเอาไว้ให้ดี!”

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status