Masukเวลาต่อมา
“ไอ้เฉิ่มไหวปะวะ” เสียงคุ้นหูที่มาพร้อมกับแรงตบที่แก้มเบา ๆ ทำให้ฉันที่เมาจนพยุงร่างไม่ได้ปรือตามองคนที่หิ้วปีกกันอยู่ในขณะนี้ “ไหว๊!!” “เสียงสูงปี๊ด” “แล้วจะเอาสองคนนี้ไปนอนไหนวะ แม่งเมาทั้งคู่ ไอ้ได๋ก็ตายห่าไปละ” “เอาไปบ้านกูก็ได้ เดี๋ยวกูไปนอนกับไอ้ปราก” “เออเอางั้นก็ได้ ไหน ๆ ไอ้เจนก็กุ๊กกิ๊กกับเฮียมัน” ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใครบ้างที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน รู้แค่ว่าร่างตอนนี้กำลังถูกหิ้วปีกจนร่างเกือบลอยหวือ เพียงไม่นานก็ถูกจับยัดใส่อะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นรถ พร้อมกับความเย็นค่อย ๆ วิ่งกระทบเข้ากับผิวกาย “จะอ้วกอีกไหมเฉิ่ม” อือ เรียกแบบนี้ก็คงจะเป็นพี่ปาย “ไม่” ส่ายหน้าให้เขาดุ๊กดิ๊ก “จะพาไปไหน…” “นอนดิ ง่วงจะตายห่าอยู่แล้ว” “นอนไหน ไอ้เจนล่ะ…” ถามเขาในขณะที่สมองเริ่มประมวลอะไรไม่ได้แล้ว พยายามจะปรือตามองแต่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตาและสมอง สติที่มีเริ่มจะหายไป “เจนอยู่เบาะหลัง” “อ่อ…” พยักหน้ารับเท่านั้นก็ปิดการสนทนาเพราะคุยไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนยังไม่หยุดปากก็อาจจะอ้วกอีกก็ได้ และยังดีที่พี่ปายไม่ได้พูดอะไรต่อเหมือนกัน เพียงไม่นานสติที่มีก็ล่องลอยหายไปทันที มีเพียงคนไม่เมาเท่านั้นที่ยังมีสติอยู่ในขณะนี้ ปายเหลือบตามองสองสาวนิดหน่อยก็ทำหน้าที่ขับรถเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ใช้เวลาขับรถสักพักก็มาถึงบ้านตัวเอง “หิ้วสาวเข้าบ้าน?” คนเป็นพี่ชายถามขึ้นในขณะที่กำลังดื่มน้ำอยู่ในครัว และเมื่อเห็นว่าปายหิ้วใครมาก็ยกคิ้วเป็นคำถามทันที “นั่นไข่ตุ๋น?” “เออ เจนของมึงอยู่ในรถ ดับเครื่องให้กูด้วย” พูดแค่นั้นก็อุ้มไข่ตุ๋นขึ้นห้องโดยไม่สนใจพี่ชายตัวเองอีก และปรากก็ไม่ได้สนใจน้องชายเหมือนกัน เดินไปหิ้วเจนเข้าห้องตัวเองเงียบ ๆ “ไอ้เฉิ่มอย่าอ้วกใส่ที่นอนพี่นะเว้ย” เขาทิ้งตัวไข่ตุ๋นลงเตียงนอนแล้วพูดขึ้นเสียงดัง ไม่เท่านั้นยังตบมือลงบนแก้มป่อง ๆ นั้นอีกต่างหาก “รำคาญ…” เสียงเล็กพึมพำออกมาพร้อมกับพลิกตัวหนี คว้าหมอนข้างมากอดเงียบ ๆ เพราะคิดว่าเป็นห้องที่คอนโดฯ “หน้าเหมือนไข่สมชื่อ” ว่าแล้วก็หัวเราะกับคำพูดของตัวเองอย่างชอบใจ สองขาเดินออกไปข้างนอกเมื่อไม่เห็นพี่ชายมาส่งเจนที่ห้องเขาสักที “มึงจะให้เจนนอนห้องมึง?” ร่างสูงพิงตัวที่ประตูหน้าห้องของปราก ตาคมหรี่ตามองการกระทำพี่ชายนิ่ง “ให้น้องเขาไปนอนกับเพื่อนดีกว่ามั้ง” “เสือก” “ก็เสือกจริง ๆ” ปายไหวไหล่ไม่แยแสต่อคำพูดค่อนขอดนั้น แล้วเดินกลับห้องเงียบ ๆ เพราะรู้ดีว่ายังไงปรากก็คงไม่ปล่อยเจนมา ตาคมเหลือบมองคนเมาเล็กน้อยก็เดินเข้าห้องน้ำเงียบ ๆ อาบน้ำชำระร่างกายสักพักก็เดินเปลือยท่อนบนออกมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วกดโทร.หาทับทิมที่เป็นเหมือนแฟนแต่ก็ไม่ใช่ แต่โทร.ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่รับสาย ก็เลยวางมันทิ้งไว้เหมือนเดิมพร้อมกับเดินออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกอย่างใช้ความคิด “ร้อน” เสียงพึมพำบ่นขึ้นทำให้ปายที่ยืนสูบบุหรี่เงียบ ๆ ที่ระเบียงบ้านหันมอง เขาดูดควันเข้าปอดไม่กี่ครั้งก็ดับมันแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นอนถีบผ้าห่มออกจากตัว ชุดเดรสรัดติ้วถลกขึ้นสูงจนเห็นไปไหนต่อไหน แต่ปายก็ไม่ได้สนใจ “ไอ้เฉิ่ม” เหมือนจะมันเขี้ยวนั่นแหละก็เลยบีบแก้มกลม ๆ จนมันยับยู่ยี่เข้าหากัน แต่ก็โดนคนเมาปัดมือออกอยู่ดี “ร้อน ถอดชุดให้หน่อย” เธอพยายามถอดชุดตัวเองออกแต่ก็โดนมือหนาจับไว้ “ยั่วเหรอวะเฉิ่ม ยั่วได้ก็เฉิ่มอยู่ดีนั่นแหละ” ว่าแล้วก็กดเร่งเครื่องปรับอากาศ แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมร่างไข่ตุ๋นไว้เหมือนเดิม “พี่ปาย…” เสียงเรียกพึมพำขึ้น “หนูมีความลับจะบอก…” “ความลับอะไรวะ” เจ้าของห้องมองคนเมานิ่ง เธอไม่ได้ลืมตามองเขาหรอก เหมือนแค่บ่นอะไรทั่วไปตามประสาคนเมา “วันนั้น…หนูเห็นผู้ชาย…” ปายพยายามเอียงหูฟังคำพูดของไข่ตุ๋น แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเธอเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว “เฉิ่มสมชื่อ” วันต่อมา ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าปวดหัวตึ๊บไปหมด รู้เลยว่าอาการนี้คือกำลังแฮงค์ พยายามลืมตาขึ้นสู้กับแสง แต่ก็สู้ได้แค่นั้นเพราะมองไม่เห็นอะไรอยู่ดี ก็เลยควานมือไปทั่วทิศทางเพื่อที่จะหาแว่นตัวเอง ไม่รู้ว่าเมาแล้วเอาแว่นไปทิ้งไว้ไหน ได้ถอดเองหรือมีใครถอดให้ ไม่แน่ใจเหมือนกัน “อะไรวะ?” ค่อย ๆ กระชับมือเข้าที่สิ่งนั้นเพื่อที่จะพิจารณาว่ามันคืออะไร เพ่งสายตาที่เลือนรางมองสิ่งนั้นนิ่ง อืม… มันเป็นแข็ง ๆ เหมือนอะไรสักอย่าง แต่ก็ยังมีความนุ่มอยู่นิด ๆ แล้วก็ใหญ่ด้วยนะ คลำมือไปอีกนิดก็เจอกับหัวกลม ๆ บิ่น ๆ “มะเขือยาว?” พึมพำออกมาอย่างสงสัย “เมาแล้วมานอนในครัวเหรอ” “ไอ้เฉิ่ม!!!” “เห้ย!” ฉันลุกเด้งตัวออกอย่างลนลานเมื่อได้ยินเสียงพี่ปายที่ว้ากดังขึ้นอยู่ใกล้ ๆ ส่วนมือก็คลำหาแว่นด้วยความรีบร้อน “แว่นหนูอยู่ไหน แล้วนี่ห้องใคร ทำไมพี่ปายถึงนอนกับหนู” “ตื่นมาก็ลามกเลยนะ” แม้ปากจะพูดค่อนขอดแต่ก็ยอมใส่แว่นให้ฉัน และเมื่อแว่นถูกสวมเข้าที่ตาก็ทำให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังนั่งง่วงมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนฉันก็ไล่สายตาไปตามร่างกายของเขา มองเห็นท่อนบนเปลือยเปล่าอย่างชัดเจน จ้องมองไปที่รอยสักที่ไม่คุ้นตาไปจนถึงหน้าอกแน่นแข็ง ยิ่งมีลอนหน้าท้องสวยงามก็ยิ่งทำให้บอดี้ของพี่ปายฮอตขึ้นไปอีกเท่าตัว และสายตาไม่รักดีก็ไปจบที่ท่อนลำยาวที่ตั้งชี้โด่อยู่ตรงเป้ากางเกง เห็นแบบนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอทันที โอ้แม่เจ้า! ใหญ่มาก... อย่างกับบั้งข้าวหลาม และที่ฉันจับเมื่อกี้ก็คงจะไม่ใช่มะเขือยาวอะไรหรอก เป็นไอ้นั่นของพี่ปายนั่นเอง ว่าแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ภาพที่ผู้หญิงในคลิปปนเปรอผู้ชายด้วยการดูดเลียก็โผล่เข้ามาในสมอง “ไอ้เฉิ่มไอ้เด็กลามก!” เสียงของพี่ปายเรียกสติฉันกลับมา จึงรีบเงยหน้ามองเขาทันที “หนูแฮงค์อยู่” อ้างไปก่อนเผื่อเชื่อ “แฮงค์แล้วเป็นแบบนี้เหรอวะ” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มไปปิดเป้าตัวเองอย่างกับคนรักนวลสงวนตัว “จับส่วนลับคนอื่นไม่พอยังนั่งจ้องตาไม่กะพริบ ไอ้เด็กเฉิ่ม!” “ก็ใครใช้ให้พี่แข็งเป็นลำแบบนั้นเล่า หนูเห็นหนูก็มองสิ” “แล้วใครจะห้ามไม่ให้มันแข็งได้วะ ตื่นมามันก็แข็งแล้วเหอะ” เขาเกาหัวแกรก ๆ เหมือนไม่สบอารมณ์ “ไปอาบน้ำไป เสื้อยืดอยู่ในตู้” นิ้วเรียวชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ ๆ ห้องน้ำ ก็เลยเปิดปากถาม “แล้วกางเกงล่ะ หนูไม่มีกางเกงเปลี่ยน” “วุ่นวายฉิบหาย” “ก็พี่หิ้วหนูกลับบ้านตัวเองทำไมล่ะ” “เมาเหมือนหมากลับห้องถูกมั้ง” แล้วเขาก็ลุกออกจากที่นอนโดยที่ไม่สนใจบั้งข้าวหลามที่กำลังตั้งเป็นลำส่ายไปส่ายมาเลยสักนิด ส่วนฉันก็ไม่คิดที่จะปิดตาเหมือนกัน เป็นไปได้อยากหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้ด้วยซ้ำ แข็งมาก ใหญ่มาก จะวูบ … ได้ข้อมูลไปแต่งนิยายแล้วสิ แบบนี้ฉากร่วมรักต้องร้อนระอุมากกว่าเดิมแน่นอนเวลาต่อมา…“โอ้ยเนาะ ว่าสิมาโรแมนติกจักนอย โซ่กะตก ห่าแดกมึงหนิ” ฉันบ่นไปทำไป ประเด็นคือตอนนี้กำลังใส่โซ่รถจักรยานอยู่ ปั่นยังไม่ครึ่งทางเลย โซ่ตกซะแล้ว“เดี๋ยวพี่ใส่ให้ มือเปื้อนหมดแล้ว” พี่ปายที่ยืนขำอยู่ข้างหลังพูดขึ้น คงจะขำที่ฉันบ่นเป็นภาษาอีสาน เพราะนาน ๆ ทีจะพูดให้ได้ยิน “เฉิ่มเอ้ย”“พี่ใส่เป็นเหรอ” หันไปมองพี่ปายงง ๆ“ใส่เป็น” เขาพยักหน้ารับแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างฉัน “ไปจับจักรยาน เดี๋ยวพี่ใส่เอง”“โอเค” ตอบรับแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองพี่ปายใส่โซ่จักรยานด้วยความชำนาญ และเพียงไม่นานก็ใส่เสร็จ จักรยานกลับมาปั่นได้เหมือนเดิม“โห ไม่น่าเชื่อว่าจะใส่ได้”“เรื่องแค่นี้” เขากระโดดขึ้นจักรยานแล้วหันมาหาฉันอีกครั้ง “กลับบ้านไปล้างมือก่อน ค่อยออกมาใหม่”แล้วเราสองคนก็กลับบ้านไปล้างไม้ล้างมือ ไม่นานก็ปั่นออกมาอีกเหมือนเดิม ฉันชี้บอกทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่บ้านติดทุ่งนาบรรยากาศก็เลยดี ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วย“เคยเลี้ยงควายไหมเฉิ่ม” พี่ปายถามขึ้นพร้อมกับชะลอความเร็วของการปั่นลง คงจะเห็นควายเดินผ่านหน้าไปก็เลยถาม“ไม่เคยเลี้ยง” ฉันส่ายหน้าพัลวัน ยกมือขึ้นกอดรอบเอวพี่ปายแน่น “เคยเลี้ยงแต
บ้านต่างจังหวัด“ยายยยย หนูกลับมาแล้ว” ฉันวิ่งไปหายายที่กำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน สีหน้าและท่าทางแสดงความสงสัยออกมาชัดเจนเมื่อเห็นรถพี่ปาย ดีนะที่เขาเอารถออดี้ทรงเก๋งมา ถ้าเอาซูเปอร์คาร์ลูกรักมา ป่านนี้ยายฉันคงเอาสากกะเบือโยนใส่แล้ว ข้อหาเสียงดัง“ยายกะว่าแม่นผู้ได๋ขับรถมาหา อีตุ๋นของยายนี่เอง” ยายรับฉันเข้าไปกอดพร้อมกับพูดออกมา “แล้วมานำไผหั่น”“พี่ปายแฟนหนูเอง” ว่าแล้วก็กวักพี่ปายที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหายาย “นี่ยายหนู สวยไหม เจ็ดสิบแล้วยังไม่แก่เลย”“สวัสดีครับ” พี่ปายยกมือไหว้ยายไม่ได้สนใจต่อคำพูดไปเรื่อยของฉัน“ไหว้พระ ๆ” ยายรับไหว้ในขณะที่กำลังมองพี่ปายอย่างพิจารณา “แมนแฟนหลานยายอิหลิติสู คือมาหล่อปานดาราแท้ ว่าแมนมาริโอ้”“หล่อบ่ยาย หนูเลือกมาอย่างดีเลยเด้หนิ” ไม่ได้เลือกหรอก เพราะความอยากลองเรื่องสิบแปดบวกล้วน ๆ ก็เลยตกกระไดพลอยโจนคบกับพี่ปายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็พูดหยอกยายไปอย่างนั้นเอง“หล่อ ๆ” ยายพยักหน้ารับ “ไป ๆ เข้าบ้าน”“พี่ปายไม่ต้องเกร็งนะ ยายหนูใจดีมาก ยายไม่โหด” ฉันผละตัวออกจากยายแล้วเดินเข้าไปหาพี่ปายที่ยืนนิ่ง ๆ เหมือนไม่ใช่พี่ปายที่ฉันรู้จัก
“เก็บแล้วออกไปข้างนอก ไอ้คินมันซื้อของกินมาเยอะ” ปายยอมลุกออกจากเมียตัวน้อยของตัวเอง ไม่ลืมที่จะดึงแขนเธอขึ้นตาม“พี่คินมาเหรอ?”“อือ อยู่ข้างนอก”“งั้นขอเก็บของแป๊บ เดี๋ยวตามออกไป” พอได้ยินคำว่า ‘ของกิน’ หูก็ผึ่งทันที ดวงตากลมโตวาววับเหมือนกำลังถูกใจกับอะไรสักอย่าง ตาคมมองเมียตัวเองอยู่อึดใจก็เดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างนอก ไม่อยากอยู่นานเพราะกลัวอดใจไม่ไหว เห็นไข่ตุ๋นทีไร เขาของขึ้นทุกที“ที่จริงมึงไม่ต้องมาดูแลกูก็ได้นะ” คินละสายตาจากโทรศัพท์มามองเพื่อน “กูจะคิดว่าที่นี่คือห้องของกูเอง”“หน้าด้านฉิบหาย” ปายหยิบของกินขึ้นมาถือแล้วเดินเข้าไปในครัว จัดแจงอาหารใส่จานแล้วเอามาวางต่อหน้าคิน คนที่เล่นโทรศัพท์อยู่นั้นเงยหน้ามองทันที“เสิร์ฟกู?”“เปล่า” เจ้าของห้องส่ายหน้า “เอามาเสิร์ฟเมีย เดี๋ยวเมียออกมา”“หลงเมียฉิบหาย”“ไม่เถียง” เพราะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่คินพูดมันก็คือเรื่องจริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวโตแบบเขาจะมาเสียรู้ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวเล็กมากจริง ๆ แถมยังเป็นเด็กอายุยี่สิบเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงจัดจ้าน แต่งตัวบ้าน ๆ แถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะ แต่เขาก็หลงรักจริง ๆ
ช่วงปิดภาคเรียน“กลับไปเยี่ยมยายหรือย้ายบ้าน?” ปายมองเมียตัวน้อยที่กำลังเก็บเสื้อผ้าทั้งตู้ออกมาพับด้วยความสงสัย ตอนนี้ไข่ตุ๋นปิดภาคเรียนปีที่สองแล้ว ส่วนปายก็จบปีสี่เรียบร้อย แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะต่อโทหรือเปล่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ“ก็เยี่ยมยายไง”“ไม่ขนช่วยนะ เยอะขนาดนั้น” เพียงเท่านั้นหน้ากลม ๆ ก็บูดเบี้ยวทันที หน้าเริ่มงอง้ำเหมือนกำลังจะงอน “เอาไปแค่สิบชุดก็พอ”“เผื่อลงไร่ลงนาไง ก็ต้องเอาไปเยอะ ๆ สิ”“ตามใจ แต่พี่ไม่ขนช่วยนะ”“ขนช่วยหน่อย” ไข่ตุ๋นละมือจากการเก็บพับผ้า เดินเข้าไปหาปายที่นั่งมองเธอนิ่ง ๆ อยู่ปลายเตียง คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่งเหมือนที่ชอบทำ ซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างออดอ้อน“ทำไมนับวันยิ่งอ้อนวะ” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมยกแขนโอบกอดเอวเล็กไว้ พูดได้เต็มปากเลยว่าตอนนี้เขาหลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้นจริง ๆ แค่เห็นตากลม ๆ แก้มป่อง ๆ ก็อดใจไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนตกหลุมรักไอ้เฉิ่มของตัวเองทุกวันอยากขอบคุณทับทิมมากที่ทำแบบนั้นกับเขา เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น ก็คงไม่ได้มารักกับไอ้เฉิ่มแบบนี้“ไม่ดีเหรอ หนูอ้อนเยอะ ๆ พี่ปายจะได้รักหนูเยอะ ๆ ไง”“แค่นี้ก็รักไม่รู้จะรักย
เวลาต่อมาสิบนาทีหรือสิบชั่วโมงก็ไม่รู้ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว บอกให้ปลุกก็ไม่ยอมปลุก แถมยังหนีไปสังสรรค์อีกนะ ทิ้งให้ฉันนอนน้ำลายยืดอยู่คนเดียว“เมียมึงหน้ายุ่งมาแล้วไอ้ปาย” พี่เดย์พยักพเยิดหน้ามาที่ฉันที่กำลังมุ่งตรงไปที่กลุ่มเหล้า ทุกสายตาจับจ้องมาทางนี้นิดหน่อยก็หันกลับไปโฟกัสแก้วเหล้าตัวเองเหมือนเดิม“โดนแน่มึง”“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วย อากาศมันเย็น” แต่พี่ปายก็ไม่ได้สนใจคำเพื่อนอยู่ดี เขาอ้าแขนออกรอรับร่างฉันให้นั่งลงที่ตักแกร่ง ซึ่งฉันก็ยอมทำตาม“ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะ” ไม่ลืมที่จะว้ากใส่เขา“เห็นนอนเพลิน ไม่อยากปลุก” สองแขนกระชับอ้อมกอดแน่น เหมือนกำลังจะง้อทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้“เฮียบอกมันแล้ว แต่มันบอกน้องใช้พลังงานเยอะ ต้องนอนพักผ่อน เฮียก็เลยไม่พูดอะไรต่อ” เฮียกปรากพูดออกมาด้วยสีหน้าเอือมระอาไม่ต่างจากคนอื่นที่มองพี่ปายแบบเหม็น ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ฉันหุบปากเงียบหรอก ประเด็นก็คือพี่ปายบอกคนอื่นว่า ‘ฉันใช้พลังงานเยอะ’ นี่สิ จะเกินไปไหม!!“มา ๆ เล่นเกมกันดีกว่า” พี่ได๋คงเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของฉันก็พูดขึ้น เธอเอาขวดมาวางไว้กลางวงพร้อมกับเคลียร์อาหารออก “เกมง่าย ๆ ข
“พี่ปาย…” ฉันกดเล็บเท้าลงกับแผ่นหลังกว้างเมื่ออีกคนกำลังละเลงจุดอ่อนไหวของฉันด้วยลิ้น และเป็นการละเลงที่ยาวนานมาก ละเลงแบบไม่พักเลยเชื่อไหมว่าหลังจากที่พี่ปายบอกว่าจะพาฉันเข้าห้อง เขาก็ทำจริง ๆ และเมื่อเข้ามาแล้วก็จับฉันยัดใส่ห้องน้ำไม่พูดไม่จา อุ้มร่างเล็ก ๆ ของฉันให้นั่งบนชักโครก ส่วนเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยกขาสองข้างวางบนไหล่กว้างแล้วก็ทำอย่างที่เห็นปรนเปรอกันด้วยลิ้น…“อ๊ะ” ความรู้สึกดีที่โคตรทรมานตีแล่นเข้ามาจนต้องเงยหน้าปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ขาดสาย ลมหายใจสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาสั่นจนไม่รู้จะสั่นยังไง ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ รู้แค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน ทรมานมาก ๆ เลย“อื้อ…”“อยากได้กี่นิ้ว” เขาถอนปากออกแล้วถามกันเสียงพร่า สอดนิ้วเข้ามาในช่องคับแน่นแล้วแยงเข้าออกไปมา เหมือนกำลังจะเล่นกับน้ำรักที่มันกำลังไหลเยิ้มเพราะความใคร่ยังไงก็ไม่รู้“อยากได้ไอ้นั่น”“ยังไม่ให้ เอานิ้วก่อน” พูดแค่นั้นก็กดหน้าลงไปดูดดึงกับติ่งเกสรกลางร่าง จากตอนแรกที่สอดเข้ามาหนึ่งนิ้ว ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองนิ้วแล้วเรียบร้อย แยงความนิ่มถูไถกับโพ







