ตอนที่สาม
งานราชกิจ
จ้าวเฟยเฟิ่งลุกขึ้นมาปฏิบัติราชกิจดั่งเช่นที่พระบิดาอดีตฮ่องเต้เคยกระทำ ยามเช้านางนั่งบนบัลลังก์ข้างเพื่อตัดสินเรื่องทูลเกล้านำเสนอและการโต้แย้งของเหล่าขุนนางใหญ่น้อย ยามบ่ายนางนั่งตรวจพิจารณาฎีกาและลงนามส่งให้พวกเขานำไปปฏิบัติต่อ
องค์หญิงน้อยใช้สติปัญญาตัดสินใจและสั่งการอย่างชาญฉลาดจนขุนนางอาวุโสทั้งหลายอับจนคำพูดและจำต้องทำตามคำสั่งแม้ในใจจะไม่นับถือเชื่อฟัง
ฟากฟ้าซึ่งเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วจึงพอจำได้ว่าขุนนางแต่ละฝ่ายมีใครบ้าง และเธอยังเคยช่วยเขียนบทในกองถ่ายมาแล้วหลายเรื่อง หญิงสาวนำความรู้ที่หยิบมาจากละครประกอบกับการแสร้งให้ขุนนางขัดแย้งกัน สุดท้ายพวกเขาก็ขัดขากันไปแก่งแย่งกันมาจนเข้าทางเธอในที่สุด
เมื่อเสร็จจากการประชุมเช้าอันน่าเวียนหัว จ้าวเฟยเฟิ่งตัดสินใจเรียกตัวผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างแท้จริงเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพื่อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องโดยไม่ฟังแต่คำเอ่ยอ้างวุ่นวายของขุนนางเฒ่า
“ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางหนุ่มที่ถูกเรียกตัวเข้ามาต่างประสานเสียงทำความเคารพ ด้วยตำแหน่งของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าประชุมในท้องพระโรงหรืออย่างมากอาจได้ยืนในตำแหน่งท้ายๆเท่านั้น เมื่อองค์หญิงเรียกพบเป็นการส่วนพระองค์จึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ตามสบาย ไม่ต้องมากพิธี เราเรียกพวกเจ้ามาสอบถามให้เข้าใจขอพวกเจ้าตอบตามจริงอย่าได้ปกปิด จะได้แก้ไขปัญหาและช่วยราษฎรได้อย่างทันท่วงที” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน
“ท่านผู้ช่วยอัครเสนาบดี เรื่องภัยแล้งที่เมืองตงหัวจัดการอย่างไรบ้างแล้ว” จ้าวเฟยเฟิ่งหันไปถาม’จางชงเมิ่ง’ บุตรชายของอัครเสนาบดีจาง เดิมที่บิดาของเขาทั้งผลักทั้งดันให้เขาเข้ารับตำแหน่งใหญ่โต แต่ด้วยอายุยังน้อยและมีคำครหานินทาหนาหู เขาจึงขอเป็นเพียงผู้ช่วยบิดาเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งนี้กลับไม่ได้มีเบี้ยหวัดหรือยศศักดิ์อย่างเป็นทางการ
“ภัยแล้งครั้งนี้หนักหนานัก ด้วยกินเวลายาวนานจนผู้คนอดตายและทุกข์ยาก กระหม่อมขอเสนอให้เร่งส่งเสบียงไปเพิ่มเติมอีกมากหน่อย และส่งกำลังพลไปขุดหาตาน้ำหรือแหล่งน้ำอีกพ่ะย่ะค่ะ” จางชงเมิ่งไม่ปกปิดความจริงเช่นบิดา เขาทูลบอกและเสนอทางแก้ไขในคราวเดียว
จ้าวเฟยเฟิ่งมองจ้องชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวสะอาด ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ด้วยสายตาชื่นชม
อืม...นับว่าพอใช้ได้ เมื่อเช้าตาเฒ่าอัครเสนาบดียังบอกว่าปัญหานี้ได้จัดการแก้ไขไปแล้ว ไม่มีเรื่องต้องหนักใจ เชอะ หมกเม็ดชัดๆ
“เจ้าคิดว่าเสบียงเท่าใดจึงจะเพียงพอ”
“คงต้องใช้ถึงสามสิบคันเกวียนพ่ะย่ะค่ะ”
“เมืองตงหัวอยู่ไกลมาก เอาเช่นนี้ ให้คนจัดส่งจากเมืองหลวงไปสิบคันเกวียน ส่วนที่เหลือให้เบิกเงินจากท้องพระคลังไปจัดซื้อหาจากเมืองใกล้เคียงแล้วรีบจัดส่งเข้าไปก่อน คงพอบรรเทาได้เร็วกว่า”
“ส่วนเรื่องน้ำ หากยังขุดหาไม่เจอก็ให้ชาวบ้านลองปลูกพืชทนแล้งแทน อีกทั้งให้พวกเขาเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงสัตว์ซึ่งขาดน้ำได้นาน ทั้งพืชและสัตว์เลี้ยงให้เร่งจัดส่งไปให้ในส่วนแรก อีกไม่นานพวกเขาจะได้มีอาหารและรายได้ ดีกว่าต้องรอน้ำเพียงอย่างเดียว”
“อ้อ กำลังพลที่ส่งไปบอกให้พวกเขาลองหาวิธีผันน้ำจากแหล่งน้ำข้างเคียงเข้ามาด้วย ข้าได้ร่างแผนภาพให้ลองทำดูแล้ว”
องค์หญิงจ้าวเฟยเฟิ่งบอกวิธีแก้ปัญหาตามลำดับ อีกทั้งยังส่งแผนภาพอย่างละเอียดให้จนชายหนุ่มทั้งสี่ที่ยืนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
นี่ใช่องค์หญิงน้อยผู้ไม่รู้ความอย่างที่บิดาของพวกเขาพยายามบอกเล่าจริงหรือ
นางทั้งเฉลียวฉลาด ทั้งรู้จักคิด มีความรู้มาก และยังเป็นห่วงเป็นใยราษฎร
วิธีการที่นางสั่งมาทั้งแก้ปัญหาได้ดีทั้งระยะสั้น ระยะยาว อีกทั้งยังเป็นขั้นเป็นตอน นี่ช่างไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากสมองของเด็กสาวอายุเพียง15ขวบปี
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” จางชงเมิ่งรีบตอบรับด้วยกิริยาที่เคารพนบนอบมากกว่าเดิม
เชอะ วิธีแก้ปัญหาพวกนี้ในละครที่เธอเคยทำมามีมากกว่านี้อีกเยอะ เรื่องภัยแล้งนี่ถือว่าเด็กๆ
ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง และไม่วายกำชับ
“ตรวจสอบให้ดีอย่าให้มีขุนนางโกงกินจนสร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรได้ หาไม่ข้าจะลงโทษให้หนักทีเดียว”
เรื่องโกงกินมีทุกยุคทุกสมัย นางต้องกำราบเอาไว้ก่อน
หมดเรื่องภัยแล้ง จ้าวเฟยเฟิ่งจึงหันมาถาม’ไป๋ชุนกัง’ บุตรชายหัวหน้าหมอหลวงซึ่งขณะนี้รับผิดชอบดูแลกรมรักษา
ตอนที่สามสิบสอง เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปจ้าวเฟยเฟิ่งมองไปทางคนสกุลหวังสองพ่อลูกซึ่งนั่งพิงกันอยู่โดยไม่เอ่ยขอความเมตตา“เสนาบดีหวังเล่า ไม่แก้ตัวสักหน่อยหรือ”“ข้าไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว ขอเพียงประหารในคราวเดียวอย่าได้เจ็บปวดจนเกินไปจะเป็นพระกรุณายิ่งแล้ว”“แล้วคุณหนูหวังเล่า”“ผู้แพ้เป็นมาร ผู้ชนะย่อมเป็นพระ ครั้งนี้เจ้าได้ชัยไปก็ด้วยโชคดีที่มีอนุหลายคนคอยช่วยเหลือ ครั้งหน้าอย่าหวังว่าเรื่องจะดำเนินไปเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้มีโอกาสดีดีเช่นนี้อีกแน่” วาจาถูกเอ่ยด้วยความเคียดแค้นและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ สายตาของหวังลี่ถิงถูกส่งออกมาสื่อให้เห็นว่านางไม่ยินยอมและจะหาโอกาสกลับมาอีกแน่หรือว่านิยายเรื่องนี้จะวนกลับไปใหม่และต้องเดินเรื่องวนไปวนมาอยู่อย่างนี้หรือ ไม่...ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งไม่ยอม เธอเข้ามาเดินเรื่องและสวมบทบาทของจ้าวฮองเฮามาจนใกล้จบเรื่องแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เรื่องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่แน่จ้าวฮองเฮาออกราชโองการสั่งประห
ตอนที่สามสิบเอ็ด ผิดแผนอัครเสนาบดีจาง เสนาบดีคลัง เสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางคนสำคัญอีกสามสี่คนซึ่งทยอยเดินเข้ามาต่างแยกย้ายกันไปนั่งเรียงสองฝั่งห้องโถง ในขณะที่จางชงเมิ่ง ข่งซีห่าวและไป๋ชุนกังเดินไปยืนด้านหลังจ้าวฮองเฮาในฐานะอนุชายเกากงกงก้าวออกมาจากด้านข้างพร้อมประกาศเสียงดัง“ถวายบังคมจ้าวฮองเฮา”เสียงทำความเคารพและถวายพระพรดังขึ้นกึกก้องพร้อมเพรียง“พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก” เกากงกงตวาดกลุ่มคนที่โดนควบคุมอยู่ตรงกลางอย่างโมโห คนพวกนี้สั่งการให้จับกุมเขาไปขังไว้ในตำหนักร้าง กว่าจะมีคนไปช่วยออกมาก็อดข้าวอดน้ำอยู่หลายวันทหารต่างช่วยกันใช้อาวุธกระแทกเข้าที่หลังและขาจนคนทั้งกลุ่มต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ“ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงถูกเชิญมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นอ๋องคนหนึ่ง เจ้าควรให้เกียรติข้าบ้างนะจ้าวฮองเฮา” อ๋องหย่งรีบเอ่ยขึ้นเมื่อโดนกระแทกจนจำต้องคุกเข่าเป็นคนสุดท้าย“ไม่รู้เรื่องหรือ ให้เกียรติหรือ ท่านทำสิ่งใดไว้ย่อมร
“เจ้าเนี่ยนะ ข้าไม่เชื่อ” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยคำดูหมิ่นออกมา“ไม่เชื่อก็ถามพวกเขาดูสิ แผนทั้งหมดข้าเป็นคนคิดแล้วบอกให้ท่านพ่อทำตามโดยการติดต่อกับอ๋องหย่ง ส่วนหวงฮุ่ยจือก็เห็นด้วยกับข้า แม้จะอยากแต่งงานกันแต่เขาถูกเจ้าทำลายเกียรติไปแล้ว จึงยอมช่วยงานเพื่อเร่งส่งเจ้าไปยมโลกโดยเร็ว”“หมอไป๋ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเจ้า” จ้าวเฟยเฟิ่งข้องใจ“เดิมทีไม่มี แต่บิดาของเขาอยู่ในกำมือข้า หากเขาไม่ทำย่อมกลายเป็นบุตรอกตัญญู อีกทั้งหลังจากนี้ ข้าย่อมตอบแทนด้วยตำแหน่งลาภยศอย่างจุใจ”“เจ้าซื้อหนิงเหอด้วยสิ่งใดหรือ”“ด้วยสิ่งที่นางไม่เคยได้จากเจ้าอย่างไรเล่า พี่หนิงเหออยากได้การยอมรับและอยากได้ชีวิตครอบครัวที่ดี ข้ารับปากจะยกฉีเซี่ยหลิวให้พวกเขาได้แต่งงานกัน หลังจากนี้นางก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกสกุลฉีมีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องคอยรับใช้คนเอาแต่ใจเช่นเจ้า”“หากข้าตาย คิดหรือว่าจะได้บัลลังก์และตำแหน่งฮ่องเต้ไปง่ายๆ ยังมีอัครเสนาบดีจางอยู่อีกทั้งคน”“ย่อมง่ายดายด้วยพวกเราจะยัด
ตอนที่สามสิบ เจ้าแผนการเมื่อเห็นว่าองครักษ์เงาถูกส่งออกไปแล้ว หวงฮุ่ยจือจึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วจ้าวเฟยเฟิ่งสบตานิ่งเฉยของไป๋ชุนกังก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่นานก็มีเสียงคนหลายคนเดินตรงมายังห้องบรรทมโดยมีนางกำนัลหนิงเหอเปิดประตูนำเข้ามาจ้าวฮองเฮามองใบหน้าที่เดินเรียงกันมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาฉงนสงสัยโดนเฉพาะคนสุดท้ายซึ่งนางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“หนิงเหอ เหตุใดจึงเป็นเจ้าที่พาคนพวกนี้เข้ามา เกากงกงเล่า อยู่ที่ใด ไยไม่มากราบทูลขออนุญาตก่อน” จ้าวฮองเฮาตรัสถามเสียงอ่อนแรงความจริงนางสงสัยอยู่แต่แรกแล้วว่า ช่วงหลายวันมานี้ เหตุใดนางกำนัลหนิงอันและหนิงอ้ายจึงหายหน้าไป อีกทั้งเกากงกงเองก็หายไปเช่นกัน มีเพียงหนิงเหอซึ่งอยู่ดูแลรับใช้ แต่ด้วยอ่อนแรงเต็มทนจึงไม่อยากถามให้มากความ “พวกเราคงรบกวนเวลาฮองเฮาไม่นาน ไม่ต้องสร้างความยุ่งยากให้เกากงกงหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีหวังเอ่ยตอบเสียงระรื่น“พวกเจ้ามีเรื
ตอนที่ยี่สิบเก้าเจ็บป่วยหลังจากคืนนั้น จ้าวเฟยเฟิ่งจึงแสร้งแวะไปที่ตำหนักของอนุข่งซีห่าวและอนุไป๋ชุนกัง เพื่อไม่ให้ผู้คนครหานินทาว่านางไม่โปรดปรานพวกเขา แต่หญิงสาวเพียงนั่งกินอาหารและจับจูงกันเข้าห้องนอนเพื่อสร้างภาพเท่านั้นภายในห้องนอนกลับเป็นการนั่งลงพูดคุยกันของสองหนุ่มสาวเพื่อถกสถานการณ์ในช่วงนี้ผ่านการแวะเวียนยังตำหนักของเหล่าอนุทุกค่ำคืน ไม่นานจ้าวเฟยเฟิ่งก็มีอาการป่วยไข้จนสังเกตได้แค่ก แค่ก แค่ก“น้องเฟย ช่วงนี้เจ้าดูอ่อนเพลียและมีสีหน้าซีดเซียวมาก อีกทั้งยังไอไม่หยุดเช่นนี้ กลับไปพักก่อนดีหรือไม่”จางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งมาถึงยังห้องอักษรทันได้ยินเสียงไอของฮองเฮาสาวจึงรีบก้าวเข้ามาถามอย่างห่วงใยแม้เขาจะไม่พอใจที่หญิงสาวแวะเวียนไปหาชายอื่น แต่ไม่อาจว่ากล่าวอันใดได้ด้วยนางมีตำแหน่งเป็นถึงฮองเฮา“หมอหลวงไป๋ตรวจดูแล้ว บอกว่าเพียงโดนไอเย็นมากไปหน่อย กินยาฝังเข็มแล้ว อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง”“งานพวกนี้ไม่ได้เร่งมากนัก พี
ตอนที่ยี่สิบแปด หาหลักฐาน“เชอะ ทำลายหลักฐานมาแล้วล่ะสิ จึงกล้าท้าทายเช่นนี้”“ทำลายที่ใด กลับจากจวนสกุลหวังพี่ก็ตรงมาที่นี่ จะมีเวลาใดทำอย่างที่เจ้าว่า น้องเฟย เจ้าฟังพี่หน่อยเถิด หวังลี่ถิงมีเจตนาไม่ดีต้องการยุแยงให้พวกเราแตกคอกัน พี่ย่อมรู้ตัวอยู่ก่อนไม่ปล่อยให้นางได้ทำสำเร็จตามแผนแน่” “แล้วในห้องนั่น เข้าไปทำสิ่งใดกัน” “นางแสร้งว่ามีของสำคัญจึงให้พี่ช่วยค้นหา พี่ทำทีเป็นช่วยหาของแต่สังเกตท่าทางของนางโดยตลอด จู่ๆนางก็แสร้งทำถ้วยน้ำชาหกใส่ชุดเสื้อผ้าแล้วขอตัวไปเปลี่ยนที่หลังฉากเพื่อยั่วยวน แต่นางหรือจะงดงามเท่าน้องเฟย พี่ไม่มีวันหลงกลตื้นๆพวกนี้ จึงฉวยโอกาสค้นข้าวของในห้องของนางจนทั่ว”