อลิสาและคีรินทร์ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและการงาน แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตและสร้างครอบครัว พวกเขาได้ส่งต่อคุณค่าแห่งความรัก ความซื่อสัตย์ และความพยายามให้กับลูกน้อยของพวกเขา น้องธาราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ ทำให้เป็นเด็กที่มีความสุขและมีคุณธรรม
หลายปีผ่านไปนับจากวันที่น้องธาราลืมตาดูโลก เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเยี่ยมจากอลิสาและคีรินทร์ ผู้เป็นพ่อแม่ที่ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและการงาน แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตและสร้างครอบครัว น้องธาราเป็นเด็กที่ร่าเริง ฉลาด และมีน้ำใจ ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าที่พ่อแม่ได้ส่งต่อให้เขาอย่างไม่ขาดสาย
อลิสาและคีรินทร์เชื่อเสมอว่าการให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่ลูก ไม่ใช่เพียงแค่การส่งไปโรงเรียนดีๆ แต่คือการปลูกฝังคุณธรรม ความรัก ความซื่อสัตย์ และความพยายามตั้งแต่วัยเยาว์ พวกเขาใช้ทุกโอกาสในการสอนบทเรียนชีวิตให้กับน้องธารา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน หรือเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นเมื่อเขาเติบโตขึ้น
วันหนึ่ง น้องธารากลับมาจากโรงเรียนด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อย เขาเดินตรงไปหาอลิสาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น
“แม่ครับ เพื่อนไม่ยอมเล่นด้วยครับ” น้องธาราพูดเสียงอ่อย น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
อลิสาวางหนังสือลง เธอโอบกอดน้องธาราเข้ามาใกล้ แล้วลูบศีรษะของเขาเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ เล่าให้แม่ฟังหน่อย”
น้องธาราเล่าว่าเขาพยายามชวนเพื่อนเล่น แต่เพื่อนคนนั้นกลับหันไปเล่นกับคนอื่น ทำให้เขารู้สึกเสียใจ
อลิสารับฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะอธิบายให้ลูกฟังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “บางครั้งคนเราก็อาจจะอยากอยู่คนเดียวบ้าง หรืออาจจะอยากเล่นกับคนอื่นบ้าง ไม่เป็นไรนะครับลูก ลองไปชวนเพื่อนคนอื่นเล่นดูไหม หรือพรุ่งนี้ค่อยลองชวนเพื่อนคนเดิมอีกครั้ง”
ไม่นานนัก คีรินทร์ก็เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นสีหน้าของน้องธารา เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ คีรินทร์เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ อลิสาและน้องธารา
“เป็นอะไรครับตัวเล็กของพ่อ” คีรินทร์ถามพลางลูบแก้มลูกชายเบาๆ
น้องธาราเล่าเรื่องให้พ่อฟังอีกครั้ง คีรินทร์รับฟังอย่างใจเย็น ก่อนจะเสริมคำสอนของอลิสา “บางครั้งเราอาจจะต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหน่อยนะครับลูก เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้าเราพยายามเต็มที่แล้ว และยังไม่ได้ผล ก็ไม่เป็นไรนะครับ เรายังมีโอกาสอื่นเสมอ”
คีรินทร์โอบกอดทั้งอลิสาและน้องธาราไว้แน่น เป็นภาพสะท้อนถึงความรักและความอบอุ่นที่สมบูรณ์แบบของครอบครัวที่สร้างขึ้นมาด้วยความรัก น้องธารารู้สึกดีขึ้นทันทีที่ได้รับอ้อมกอดจากพ่อและแม่
อลิสาและคีรินทร์ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังคุณธรรมความซื่อสัตย์และความเห็นอกเห็นใจให้กับน้องธารา พวกเขาสอนให้เขารู้จักแบ่งปัน รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น และรู้จักการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
วันหนึ่ง น้องธาราทำแจกันดอกไม้ในห้องนั่งเล่นแตกโดยไม่ตั้งใจ เขาตกใจมากและพยายามซ่อนแจกันที่แตกไว้ใต้โต๊ะ
อลิสาเดินเข้ามาเห็น เธอไม่ได้ตำหนิน้องธารา แต่กลับนั่งลงข้างๆ เขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ทำไมไม่บอกแม่ครับลูก ไม่เป็นไรนะ ไม่มีใครตั้งใจให้มันแตกหรอก แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องบอกความจริง”
น้องธาราพยักหน้า เขารู้สึกผิดและรีบขอโทษอลิสา “น้องธาราขอโทษครับแม่ น้องธาราจะบอกความจริงครับ”
เมื่อคีรินทร์กลับมาถึงบ้าน อลิสาและน้องธาราก็เล่าเรื่องให้ฟัง คีรินทร์ไม่ได้ดุน้องธารา แต่กลับชมที่เขากล้าพูดความจริง “ดีมากครับลูก ที่ลูกกล้าพูดความจริง พ่อภูมิใจในตัวลูกนะครับ”
หลังจากนั้น คีรินทร์ก็พาน้องธาราไปซื้อแจกันใหม่ด้วยกัน เพื่อสอนให้เขารู้จักการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
การสอนลูกด้วยความเข้าใจและเหตุผล แทนที่จะใช้ความโกรธหรือการลงโทษ ทำให้น้องธาราเรียนรู้ที่จะซื่อสัตย์และรับผิดชอบมากขึ้น เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความสุขและมีคุณธรรม ซึ่งเป็นมรดกแห่งหัวใจที่อลิสาและคีรินทร์ได้ส่งต่อให้เขา
อลิสาและคีรินทร์ยังคงเป็นแบบอย่างของความรักที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับน้องธาราเสมอ พวกเขาไม่เคยละเลยที่จะแสดงความรักให้กันและกันเห็น ไม่ว่าจะเป็นการกอด การจูบ หรือการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน
ในตอนเย็นของทุกวัน พวกเขามักจะใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิทานก่อนนอนให้น้องธาราฟัง การเล่นเกมด้วยกัน หรือการนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน
คืนหนึ่ง อลิสาและคีรินทร์กำลังอ่านหนังสือนิทานให้น้องธาราฟังก่อนนอน เมื่อเล่านิทานจบ น้องธาราก็หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของพ่อแม่
อลิสาและคีรินทร์มองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม คีรินทร์ค่อยๆ เลื่อนมือมาโอบกอดอลิสา แล้วจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน อลิสาเองก็ยิ้มตอบ แล้วจูบที่แก้มของคีรินทร์เบาๆ
น้องธาราที่แอบลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย เห็นภาพพ่อกับแม่จูบกันอย่างอ่อนโยน เขาหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กๆ ภาพความรักที่พ่อแม่มีให้กันคือสิ่งสำคัญที่เขาได้เรียนรู้และซึมซับมาตลอด
การแสดงความรักต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้องธาราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความมั่นคงทางจิตใจ เขารู้สึกปลอดภัยและเป็นที่รัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่จะหล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและสามารถมอบความรักให้แก่ผู้อื่นได้ในอนาคต
ชีวิตของอลิสาและคีรินทร์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวความสำเร็จส่วนบุคคล แต่ยังเป็นเรื่องราวของมรดกแห่งหัวใจที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น พวกเขาได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบบนพื้นฐานของความรัก ความซื่อสัตย์ ความพยายาม และคุณธรรม
น้องธาราลูกชายของพวกเขา คือผลผลิตของความรักอันยิ่งใหญ่ และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของทั้งคู่ เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ ทำให้เป็นเด็กที่มีความสุขและมีคุณธรรม พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมต่อไป
ความสุขของครอบครัวอลิสาและคีรินทร์คือภาพสะท้อนของความรักที่แท้จริง ซึ่งเป็นมรดกอันล้ำค่าที่พวกเขาจะส่งต่อไปยังน้องธารา และเป็นแสงสว่างนำทางให้แก่เขาตลอดไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่