ในขณะที่คีรินทร์เริ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความแข็งแกร่งของอลิสา อลิสาเองก็เริ่มเห็น ความรับผิดชอบและความมีน้ำใจของคีรินทร์ ที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน จากภาพลักษณ์เพลย์บอยเจ้าสำราญที่เธอเคยมีในใจ คีรินทร์เริ่มเผยให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ ความเด็ดขาดแต่เป็นธรรม และจิตใจที่ดีงามที่ทำให้อลิสามีความคิดต่อเขาเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
โปรเจกต์คอลเลกชันการกุศลยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มข้น มีการประชุมใหญ่ครั้งหนึ่งซึ่งจะต้องตัดสินใจเรื่องงบประมาณและการจัดสรรผลกำไรเพื่อการกุศล ในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้บริหารและทีมงานจากทั้งสองบริษัท บรรยากาศเต็มไปด้วยความจริงจัง
ระหว่างการประชุม มีพนักงานคนหนึ่งจากทีมของอลิสาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการจัดทำงบประมาณ เกิดความผิดพลาดในการคำนวณตัวเลข ทำให้เกิดข้อผิดพลาดใหญ่หลวงที่อาจส่งผลกระทบต่อโปรเจกต์ทั้งหมดได้ พนักงานคนนั้นหน้าซีดเผือด ตัวสั่นด้วยความกลัว และเริ่มพูดตะกุกตะกักเมื่อถูกถามถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ผู้บริหารบางคนเริ่มแสดงความไม่พอใจและตั้งคำถามอย่างรุนแรงกับพนักงานคนนั้น บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ อลิสารู้สึกสงสารพนักงานคนนั้นมาก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังโกรธจัด
ทันใดนั้นเอง คีรินทร์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เด็ดขาด "ใจเย็นๆ ครับทุกคน" เขามองไปยังพนักงานคนนั้นด้วยแววตาที่เข้าใจ "ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอครับ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก"
เขาหันไปมองพนักงานคนนั้น "ไม่ต้องกลัวนะ คุณแค่บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น และเราจะหาวิธีแก้ไขมันด้วยกัน"
คำพูดของคีรินทร์ทำให้พนักงานคนนั้นรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอเริ่มอธิบายถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด คีรินทร์รับฟังอย่างตั้งใจ และเมื่อพนักงานคนนั้นพูดจบ เขาก็เริ่มวิเคราะห์ปัญหาอย่างรวดเร็วและเสนอแนวทางแก้ไขที่ชาญฉลาดและเป็นไปได้
"ผมคิดว่าเราสามารถปรับเปลี่ยนงบประมาณในส่วนนี้ได้เล็กน้อย และขอความร่วมมือจากพันธมิตรของเราให้ช่วยสนับสนุนในส่วนที่ขาดไป" คีรินทร์อธิบายด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง "และในขณะเดียวกัน เราก็ต้องทบทวนขั้นตอนการทำงานของเราให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต"
การแสดงภาวะผู้นำที่เด็ดขาดแต่เป็นธรรมของคีรินทร์ในการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจที่ยากลำบาก ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็ว ผู้บริหารคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับแนวทางของเขา พนักงานคนนั้นรู้สึกขอบคุณคีรินทร์อย่างสุดซึ้งที่ช่วยเธอไว้ในสถานการณ์คับขันนี้
อลิสานั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจและชื่นชม เธอไม่เคยเห็นคีรินทร์ในมุมนี้มาก่อน เขาไม่ได้สนใจแค่เรื่องผลประโยชน์ของบริษัทเท่านั้น แต่เขายังให้ความสำคัญกับการให้โอกาสและแก้ไขปัญหาให้กับพนักงานด้วย เธอรู้สึกว่า คีรินทร์น่าสนใจและแตกต่างจากภาพลักษณ์เพลย์บอยที่เธอเคยมีในใจ
ในอีกสถานการณ์หนึ่ง วันนั้นเป็นวันทำกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทคีรินทร์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร กิจกรรมในวันนั้นคือการร่วมกันทำความสะอาดและปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งในชุมชนแออัด อลิสาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยในฐานะตัวแทนจาก ALISA Design
คีรินทร์ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ดูเป็นกันเองและกระตือรือร้น เขาลงมือทำความสะอาด ทาสีรั้ว และปลูกต้นไม้ร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ อย่างไม่ถือตัว
อลิสาเดินไปรอบๆ เพื่อดูความคืบหน้าของงาน เธอเห็นพนักงานคนหนึ่งกำลังประสบปัญหาในการขนย้ายกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ เขาพยายามยกมันขึ้นหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกระถางหนักเกินไป
คีรินทร์ที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี เขารีบเดินเข้าไปช่วยเหลือพนักงานคนนั้นทันที
"ให้ผมช่วยครับ" คีรินทร์เอ่ยขึ้น ก่อนจะช่วยพนักงานคนนั้นยกกระถางต้นไม้ไปวางในตำแหน่งที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว
พนักงานคนนั้นยิ้มขอบคุณคีรินทร์ "ขอบคุณมากครับคุณคีรินทร์ ผมยกไม่ไหวจริงๆ ครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วยๆ กัน" คีรินทร์ยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเดินไปช่วยเหลือพนักงานคนอื่นๆ ต่อไป
อลิสายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นในใจ เธอไม่เคยคิดว่าคีรินทร์จะมีน้ำใจและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ลังเลใจแบบนี้ เธอจะเริ่มมองเห็นว่าภายใต้ความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ เขามีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ และมีจิตใจที่ดีงามซ่อนอยู่
การได้เห็นคีรินทร์ในมุมเหล่านี้ทำให้อลิสารู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ชายที่ฉลาด เจ้าเล่ห์ และมีเสน่ห์เท่านั้น แต่เขายังมีด้านที่อ่อนโยน มีน้ำใจ และมีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอประทับใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น
ตลอดการทำงานในโปรเจกต์นี้ อลิสาได้เรียนรู้และเข้าใจคีรินทร์มากขึ้นเรื่อยๆ เธอเห็นว่าเขาเป็นคนจริงจังกับการทำงานมากแค่ไหน และใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน เธอเห็นความมุ่งมั่นของเขาในการทำให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ และเห็นความตั้งใจของเขาในการช่วยเหลือสังคม
ในคืนหนึ่ง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมและกำลังจะแยกย้ายกันกลับ อลิสาและคีรินทร์ยืนรอลิฟต์อยู่ด้วยกัน
"พี่คีคะ" อลิสาเอ่ยขึ้น "ลิซไม่คิดเลยว่าพี่คีจะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและมีน้ำใจมากขนาดนี้"
คีรินทร์ยิ้มเล็กน้อย "ทำไมลิซถึงคิดแบบนั้นล่ะ"
"ก็ลิซเคยคิดว่าพี่คีเป็นคนเจ้าเล่ห์ เป็นเพลย์บอย และสนใจแต่เรื่องของตัวเองน่ะค่ะ" อลิสาตอบอย่างตรงไปตรงมา
คีรินทร์หัวเราะเบาๆ "ลิซก็คงเห็นแล้วสินะว่าบางทีสิ่งที่เห็นภายนอกก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดเสมอไป"
อลิสาพยักหน้า "ค่ะ ลิซเห็นแล้วค่ะ" เธอเงยหน้าขึ้นมองคีรินทร์ "ลิซดีใจนะคะที่ได้ทำงานกับพี่คีในโปรเจกต์นี้ ลิซได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากพี่คีเลยค่ะ"
"พี่เองก็ดีใจที่ได้ทำงานกับลิซนะ" คีรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ "ลิซเป็นคนเก่ง มีความสามารถ และมีความรับผิดชอบมาก"
บทสนทนาสั้นๆ นี้ทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่อลิสามีต่อคีรินทร์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่ได้มองเขาเป็นแค่คู่แข่งในเกมเดิมพันอีกต่อไปแล้ว แต่เธอเริ่มมองเห็นเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่น่าสนใจ มีความสามารถ และมีจิตใจที่ดีงาม ซึ่งทำให้อลิสามีความคิดต่อเขาเริ่มเปลี่ยนไป อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยที่ทั้งคู่ยังคงรักษาฟอร์มของนักล่าไว้ พยายามไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามจับได้ว่าใครกันแน่ที่กำลังจะแพ้ในเกมแห่งหัวใจครั้งนี้ แต่ภายใต้ท่าทีเหล่านั้น ความรู้สึกที่แท้จริงกำลังเติบโตขึ้นอย่างเงียบๆ และมันกำลังจะเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่