“วันนี้พวกคนงานจะเริ่มมาก่อสร้างเพิงพักคนงานแล้วน่ะ ตรงที่เขาปักธงแดง ๆ โน่นน่ะเห็นไหม เมื่อวานอาให้ซินแสมาช่วยดู เขาบอกว่าฤกษ์งามยามดีในการลงเสาเอกคือวันพฤหัสนี้นะ ไม่งั้นคงต้องรอกันอีกหลายเดือนเลย”
“งั้นหรือครับ” ธามยิ้มมุมปาก ไม่ได้มีท่าทีเห็นด้วยหรือตื่นเต้นกับข้อมูลที่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย
“วันพฤหัสงั้นหรือ ก็อีกแค่สองวันนี่เองสิ เร็วไปรึเปล่าครับ ท่านประธานใหญ่ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติก่อสร้างเลย”
บิดาของเขายังไม่ได้เซ็นอนุมัติ แต่คนทางนี้กลับกระเหี้ยนกระหือรืออยากเร่งก่อสร้างเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่กฤษณ์ บิดาของกนกลดาเสนอให้อย่างเป็นกอบเป็นกำ พิษณุก็คงไม่ตื่นตัวขนาดนี้
“เฮ้อ...อย่าหาว่าอาสอนเลยนะตาธาม เราก็รู้กันอยู่ว่าอย่างไรเสียโครงการรีสอร์ตสวนน้ำก็ต้องก่อสร้างอยู่วันยังค่ำ ในเมื่อตอนนี้บริษัทเคบี บิลท์เขาประมูลงานได้ราคาต่ำสุด ตามกฎธุรกิจแล้วเราก็ต้องว่าจ้างเขาอยู่ดี”
“เรื่องนั้นผมรู้ดีครับ แต่งานนี้สำคัญมาก ผมกับคุณพ่อก็ต้องพิจารณานานหน่อย เอกสารทางกฎหมายและสัญญาต่าง ๆ ก็ต้องรอบคอบให้มากที่สุด ผมไม่อยากให้มีปัญหาตามมาภายหลัง เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเราควรทำเมื่อพร้อมดีกว่า”
ธามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะตามสัญญาแล้ว หากมีการลงเสาเข็มเมื่อไร นั่นถือเป็นการเริ่มต้นการก่อสร้างทันที พิษณุทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการมัดมือชกให้เร่งก่อสร้าง
เขาก็แค่อยากดึงเวลาไปก่อน รอจนมั่นใจแล้วว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทรับเหมาอยู่ในมือมากพอสมควรแล้วจึงค่อยลงมือทำ จากนั้นก็ค่อยตลบหลังเล่นงานทีเดียว
“ธาม อาน่ะอาบน้ำร้อนมาก่อน อย่าลืมสิว่าอาก็เป็นผู้บริหารรุ่นบุกเบิกมากับคุณธเนศ พ่อของเราเหมือนกันนะ ไอ้เรื่องพวกงานก่อสร้าง งานเอกสารอะไรพวกนี้อาก็เคยมีประสบการณ์มา อาไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรยุ่งยากเลยในเมื่อฝ่ายกฎหมายของเราก็มี และอีกอย่างนะ เคบี บิลท์เขาก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาตั้งหลายสิบปี เขาคงไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาขายหรอกน่า เชื่ออาเถอะ อามองอะไรไม่เคยพลาด”
ธามเหยียดยิ้ม “งั้นหรือครับ” เขาถอนหายใจแผ่ว ก่อนพูดต่อ
“แต่สำหรับผมแล้ว ยิ่งมีประสบการณ์มากแค่ไหนก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายขึ้นเท่านั้นครับ เพราะคนที่คิดว่าตัวเองทำมาก่อน หรืออยู่มานานน่ะ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป และไอ้ความเชื่อมั่นนี่แหละที่ทำให้ความผิดพลาดมันเกิดขึ้น” พูดจบธามก็ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือแล้วบอกอีกฝ่ายว่า
“แดดเริ่มแรงแล้ว ผมขอตัวก่อนละกันนะครับคุณอา แล้วเจอกันในห้องประชุมครับ”
ชายหนุ่มเดินกลับไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดไว้ในร่มไม้ โดยไม่สนใจกับสายตาของพิษณุที่มองมาอย่างกรุ่นโกรธ เขาเบื่อเต็มทีกับพวกผู้บริหารรุ่นเก่าที่คิดแต่เรื่องการยัดเงินใต้โต๊ะเป็นใบเบิกทางในการทำเรื่องต่าง ๆ พอเขาทักท้วงก็ยกคำกล่าวอ้างที่ว่าใคร ๆ ก็ทำกันมาปิดปากเขาในที่ประชุม
รออีกหน่อยเถอะ เขาจะเขี่ยพวกหัวหงอกเหล่านี้ออกไปให้พ้นทางให้ได้
หลังการประชุมเสร็จสิ้น ธามเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยจนดูเหมือนเป็นรอยยิ้ม แต่หากมองให้ดีก็จะเป็นการแค่นยิ้มเสียมากกว่า
“จะกลับกรุงเทพฯ เลยรึเปล่าพ่อธาม”
โชคชัย ผู้บริหารอีกคนของลักซ์ แกรนด์ มิราจเอ่ยถามจากด้านหลัง ชายหนุ่มจึงหยุดเดินแล้วหันไปมองอีกฝ่าย
“ยังครับ ผมต้องรอวันลงเสาเอกวันพฤหัสไงละ” สีหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ แต้มอยู่ หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา
พวกนี้รุมหัวกันกดดันเขาเรื่องการอนุมัติการก่อสร้าง คนเก่าคนแก่ของบิดากลุ่มนี้ต่างมองเขาเป็นแค่เด็กน้อยไร้ประสบการณ์คนหนึ่งทั้งที่เขาก็นั่งตำแหน่งจีเอ็มมาถึงห้าปีแล้ว
“เห็นไหมเล่า ยอมเสียตั้งแต่ทีแรกก็หมดเรื่อง ไม่งั้นป่านนี้ก็ก่อสร้างไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มัวแต่มาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้”
พิษณุเข้ามาร่วมวงคุยด้วยอีกคน ธามมองสีหน้าสาแก่ใจของอีกฝ่ายแล้วได้แต่กดข่มอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ในใจ จากนั้นทำทีเป็นแค่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า
“เรื่องแบบนี้รีบได้หรือครับ สำหรับผมแล้วต่อให้สร้างใหม่อีกกี่โรงแรมผมก็จะต้องดูให้ชัวร์ก่อนว่าทุกอย่างโอเคไหม ไม่ใช่สักแต่ว่ารีบสร้างรีบจบ พอมีปัญหาก็โบ้ยกันไปมา ความจริงแล้วการทำงานระบบเก่าแบบนี้ผมว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปได้แล้วนะ”
“พ่อธาม พวกอาน่ะผ่านเรื่องเหล่านี้มาก่อนเราตั้งเท่าไร แต่ก็อย่างว่าแหละนะ คนหนุ่มก็อย่างนี้แหละ ทำอะไรก็มักจะกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าตัดสินใจ อาเข้าใจดีเพราะอาก็เคยอยู่จุดนี้มาก่อน” พิษณุยิ้มจนตาหยี ขณะที่ธามก็ได้แต่หัวเราะพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ผมยอมรับครับว่ากลัว เพราะการทำสวนน้ำควบคู่ไปกับโรงแรมด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เครือของเราจะมีขึ้น ถ้าทุกอย่างไม่เป๊ะจริง หรือก่อสร้างแบบลวก ๆ แล้วนักท่องเที่ยวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาคงได้โดนฟ้องแน่”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เห็นสีหน้าแสดงความไม่พอใจของพิษณุกับโชคชัยที่แสดงออกมาเพราะถูกเขาด่าทางอ้อมแล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะ
“แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ผมมันคนรุ่นใหม่อย่างที่คุณอาว่า คือทำอะไรมัวแต่คิดโน่นคิดนี่เยอะแยะไปหมด คุณอาก็ต้องเข้าใจผมหน่อยนะครับเพราะผมอยู่เมืองนอกมานาน ก็เลยติดนิสัยการทำงานแบบรัดกุมและคำนึงถึงความปลอดภัยต้องมาก่อนแบบพวกฝรั่งเขา พอผมมาเห็นอะไรที่เป็นเหมือน...เอ...เขาเรียกอะไรนะ สุกเอาเผากินใช่ไหม นั่นแหละ ๆ ผมก็เลยค่อนข้างแอนตี้น่ะ เป็นธรรมดาครับ” พูดจบเขาก็คลี่ยิ้มกว้าง
“เย็นมากแล้ว ผมขอตัวก่อนละกันนะครับ แล้วเจอกันวันพฤหัส”
เขาเดินไปทางหน้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปห้องพักของตนทันที โดยไม่สนใจกับสายตาสองคู่ที่สองมาด้วยความไม่พอใจจากด้านหลัง
พลอยพัดชานั่งเช็กรายการสินค้าที่ขายได้ทั้งหมดของเดือนที่ผ่านมาเพื่อวิเคราะห์ว่าพลอยชนิดไหนขายดีที่สุด เพราะวันมะรืนที่จะถึงนี้เธอต้องไปจันทบุรีเพื่อคัดพลอยเม็ดเด่น ๆ มาแยกขายต่างหากสำหรับขึ้นตัวเรือนตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
ขณะที่หญิงสาวกำลังตรวจรายงานการซื้อขายอยู่นั้น หน้าร้านก็มีผู้หญิงวัยประมาณสี่สิบปลายเปิดประตูเข้ามา ซึ่งพนักงานขายประจำร้านจำได้ว่าเป็นลูกค้าที่เคยซื้อแหวนบุษราคัมล้อมเพชรไปเมื่อสองวันก่อน
“สวัสดีค่ะคุณพี่ วันนี้สนใจดูชิ้นไหนดีคะ” เอ็ม พนักงานขายรีบเดินเข้าไปไหว้อย่างนอบน้อมทันที
พลอยพัดชาเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อสีหน้าของลูกค้าที่เข้ามาใหม่นั้นบึ้งตึง จากนั้นก็ล้วงหยิบกล่องใส่แหวนออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วปาใส่หน้าของเอ็มอย่างแรงจนเอ็มร้องด้วยความตกใจ
“ยังมีหน้ามาขายชิ้นอื่นให้ฉันอีกหรือ แหวนวงนี้ที่ฉันซื้อไปแกเอาของปลอมมาขายให้ฉันชัด ๆ”
พลอยพัดชายืนขึ้นแล้วรีบเดินไปหาลูกน้องทันที
“ขอโทษนะคะ อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่าเพราะร้านเราขายพลอยแท้เท่านั้นค่ะ ไม่เคยขายของปลอม”
“ไม่ปลอมหรือ แล้วนั่นอะไร แกแหกตาดูสิว่าแกเอาอะไรมาขายให้ฉัน หนอย...อย่างนี้เข้าข่ายต้มตุ๋นหลอกลวงกันชัด ๆ วงนี้แกขายให้ฉันตั้งสี่ห้าหมื่นแต่ดันเป็นของปลอมเนี่ยนะ ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับพวกแก!”
พลอยพัดชาก้มหยิบกล่องใส่แหวนบนพื้นแล้วหยิบแหวนจากด้านในออกมาดูทันที หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเพราะแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่านี่คือของปลอมที่ทำลอกเลียนแบบขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ นี่ไม่ใช่สินค้าของร้านเราแน่นอนค่ะ มองแค่นี้ก็รู้แล้วเพราะพลอยก็ของปลอม เพชรก็ไม่น่าใช่ของแท้ และสีของทองก็ไม่เหลืองอ่อนขนาดนี้ ฉันว่าคุณน่าจะจำผิดแล้วละ” พลอยพัดชาพูดด้วยความมั่นใจ
“แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง คิดจะปัดความรับผิดชอบหรือ ฉันซื้อมาจากร้านแกชัด ๆ ใบเสร็จก็ยังอยู่ นี่ไง ฉันเก็บไว้หมดทุกอย่างเลย ใบเซอร์ก็ด้วย นี่มันของปลอมแน่ ๆ พวกแกต้องทำขึ้นมาเองแน่นอน ทุเรศ!”
พลอยพัดชาเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง บางทีผู้หญิงคนนี้อาจเป็นนักต้มตุ๋น ดังนั้นเธอจึงกระซิบบอกพนักงานอีกคนให้เดินไปคล้องป้าย CLOSE ไว้หน้าร้านและล็อกประตูเพื่อไม่ให้ลูกค้าคนอื่นเข้ามาได้
“ถ้ามีใบเซอร์จากสถาบันคือพลอยแท้ค่ะ และที่เราขายคุณไปก็คือพลอยแท้แน่นอน แต่ที่คุณเอามาเนี่ยมันของปลอม คุณมากล่าวหากันอย่างนี้ฉันมีสิทธิ์ฟ้องคุณได้นะคะ” พลอยพัดชาจ้องอีกฝ่ายนิ่งเพื่อสังเกตท่าที
“นี่แกขู่ฉันหรือ เอาซี้ ฟ้องเลย ฉันก็จะแจ้งตำรวจเหมือนกันว่าร้านแกน่ะมันขี้โกง!”
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&