“จำผมได้หรือเปล่าครับ”
อานิกกรากเข้าไปถึงตัวผู้ชราร่างใหญ่ พร้อมกับพนมมือแต้...ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาตื่นแต่เช้า อาบน้ำหวีผมเสียเรียบแปล้ แม้จะต้องสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิม แต่เมื่อคืนนี้ เขาถอดผึ่งเอาไว้อย่างดี ก็ทำให้พอดูได้ในเช้านี้
“พ่อนิกใช่ไหม” เธอขยับแว่นสายตา “หายไปเลยนะ หายไปนานเป็นปีๆ”
“งานรัดตัวครับ คุณยาย...ไม่ค่อยจะได้เข้ากรุงเทพฯ เข้ามาก็เรื่องงาน ผมมุมาก...” เขาอวดตัวนิดๆ “ไม่อยากเสียงาน นี่ผมได้ย้ายเข้ามากรุงเทพฯ...เป็นผลของการโหมงานหนักจนเจ้านายเห็นใจ”
“มาเมื่อคืนกับหนูวีรึ ยายคงจะหลับ เลยไม่ได้ยิน”
“เจอกันตั้งแต่ตอนเย็นแล้วละครับ ไปทานข้าว แล้วก็คุยกันต่ออีกนิดหน่อย เอารถวีกลับมา ก็เลยต้องขับมาส่ง วีว่าดึกแล้วเลยให้นอนเสียที่นี่...” เขาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ย่านชานเมืองเข้าไปในปอดจนอิ่ม “นี่วีตื่นหรือยังล่ะครับ”
“นินทาอะไร”
เสียงใสแจ๋วนั่นดังมาก่อนตัว พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมโชยตามมา เป็นกลิ่นเก่า เหมือนจะบอกกับอานิกว่าหล่อนมีความมั่นคงอยู่เพียงใด ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน หล่อนก็ยังยึดมั่นอยู่กับความชอบอย่างเดิมเสมอ
อุรวีแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หล่อนทำให้เขาสว่างไสวในเช้าวันนี้กับสีเขียวทั้งชุดนั่น
“จะไปทำงานตั้งแต่ป่านนี้เชียวหรือ”
“ต้องออกตอนนี้ รถจะได้ไม่ติด แล้วถ้าไปถึงเช้าสักนิด ก็ยังมีเวลาจะทบทวนงาน ก่อนจะเริ่มงานใหม่วันนี้ได้”
“ขยันจัง”
“บอกแล้วไงล่ะว่าเป็นลูกจ้าง ทำเอ้อระเหยนักก็ไม่ดี...เดี๋ยววีจะช่วยใส่บาตรนะคะ...นิกใส่บาตรไหม” หล่อนหันมาถาม “จะได้บุญ...”
แล้วหล่อนก็ชะงักเมื่ออานิกปากไวกว่า
“ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน ชาติหน้าพบกันอีกนะ วี”
เป็นการเกี้ยวพาราสีตรงๆ ผ่านหน้าผู้ชราผู้เป็นยายของหล่อนอีกด้วย อุรวีเหลียวกลับไปยิ้มแห้งๆ วางหน้าไม่สู้สนิทกับเธอ แล้วก็เสไปยกถาดอาหารคาวหวานที่เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว เดินนำไปจากห้อง มีอานิกเข้ามาอุ้มขันข้าวตามไปติดๆ และภาพที่สองหนุ่มสาวเดินตามกันไปต้อยๆ ก็ทำให้คุณละม่อมอยากรู้นักว่า ที่เคยๆ คิดมาหลายปีแล้ว มันทำท่าจะเข้ารูปเข้ารอยในปีนี้แล้วหรือไร
เธอเห็นชายหนุ่มผู้นี้มานาน แต่อุรวีก็ไม่เคยแสดงออกให้จับได้สักนิดว่าชอบพอกับเขา...อาจเพราะตอนนั้นต่างคนต่างยังเรียนไม่จบก็เป็นได้ แล้วตอนทำงานปีแรกๆ อานิกก็ยังแวะเวียนมาเป็นแขกที่บ้านนี้บ่อยครั้ง แล้วเขาก็หายไป สอบถามจากอุรวี ก็ได้ความว่าอานิกถูกย้ายไปทำงานในต่างจังหวัด ไม่มีเวลาที่จะเทียวไปเทียวมาบ่อยนัก ประกอบกับเป็นคนบ้างานด้วย เขาเลยมุงานอย่างหนัก ก็เหมือนแม่หลานสาวของเธอนั่นแหละ เห็นตัวเล็กๆ แบบนั้น ก็เป็นผู้หญิงห้าวหาญ ลุยงานเก่งนัก เหมือนอุรวีจะพิสูจน์ตัวเองให้ใครๆ ได้เห็นว่าหล่อนเป็นหญิงเก่ง และมีความสามารถ ไม่ใช่หวังแต่บารมีของพ่อมาช่วยเสริมส่งตัวเอง
ใครๆ ที่ว่านั่น ก็คือคุณอาร์มและคุณนพมาศ เป็นปมด้อยของอุรวี...ที่เธอเองก็พยายามจะขจัดมันออกไป แต่ดูเหมือนว่าจะยากเย็นเหลือกำลังของเธอ อุรวีเกลียดพ่อ เกลียดคุณนพมาศ แม้จะไม่แสดงออกเปิดเผย แต่ก็เป็นที่รับรู้ แต่ความเกลียดชังไม่ได้ทำให้อุรวีวิ่งหนีออกมาห่าง แต่กลับวิ่งเข้าใกล้ จนเธอเองก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า ทุกวันนี้เหมือนอุรวีกำลังเรียนรู้ และริจะก้าววัดรอยเท้าของคุณอาร์มอย่างกระชั้นชิด
พระห้ารูปที่เดินผ่านหน้าบ้านชักแถวกันเดินจากไปอย่างสงบสำรวม สีของจีวรเหลืองกระจ่าง แล้วทำให้จิตใจอิ่มเอิบผ่องใสขึ้นได้ คุณละม่อมแยกไปกรวดน้ำของเธอเงียบๆ ส่วนหนุ่มสาวสองคนก็เดินกลับเข้าไปในบ้านก่อน บ้านนี้เป็นบ้านเก่าย่านชานเมือง แม้ถนนจะขยายกว้างขึ้น มีบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น แต่ในซอยนี้ก็ยังเหมือนเดิม แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น บริเวณเนื้อที่ไร่ครึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านร่มครึ้ม จนดูบ้านหลังนั้นจะถูกกลืนหายไปในดงไม้เสียสิ้น
“เดี๋ยววีจะไปส่งนิกก่อน...แล้วค่อยเข้าออฟฟิศ...” หล่อนบอกกล่าว “ไปทานข้าวเช้ากันข้างหน้าเถอะนะ สายกว่านี้วีจะหงุดหงิดกับจราจร...”
“ก็ได้ ยังไงก็ได้” เขาถ้อยทีถ้อยอาศัย ประเภทว่าอะไรก็ว่าตามกัน “เช้าๆ ก็ไม่ค่อยจะหิว อยู่ที่โน่นก็ชิน เริ่มมื้อเช้าก็เข้าไปสิบโมง”
“สิบโมงเชียวเหรอ สายไปนะ กระเพาะจะแย่...” หล่อนทำตัวเหมือนหมอนอกระบบอีกตามเคย กับความห่วงใยที่มีมาก “เดี๋ยววีจะพาไปกินต้มเลือดหมูเจ้าอร่อยตรงหน้าออฟฟิศ”
“ยายอ้นหายไปอีกแล้วละค่ะ”คุณอาร์มกลับเข้ามาถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง มีกลิ่นหอมบางอย่างติดตามเสื้อผ้าของเขามาด้วย แต่คุณนพมาศก็ไม่ได้เอามาจับผิดมากมายนัก เขาอาจจะไปกับเพื่อนฝูงในแวดวงธุรกิจของเขา แล้วไปลงเอยในที่ที่มีเหล้าขาย มีหญิงบริการ เธอเองก็ป้อนให้เขาอีกไม่ได้แล้วในเรื่องทำนองนั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้เอาผู้หญิงคนไหนมาเลี้ยงเป็นตัวตน ตราบนั้นเธอก็มองข้ามเรื่องแบบนี้ไปได้เหมือนกัน“ไปดิ้นอยู่มั้ง”เขารูดเนกไทออก กลับมาจากบ้านของสุนิสาในสภาพที่เหมือนเพิ่งออกไปจากบ้าน แต่คุณนพมาศก็จะไม่รู้เด็ดขาดว่ามาจากบ้านของสุนิสา“เธคยังไม่เลิกนี่ ยายอ้นแกก็ไปอยู่บ่อยๆ” เขาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก เมื่อตอนค่ำที่เห็นอันธิกาอยู่บ้านนั่นตะหากถึงเป็นเรื่องแปลกมาก “เดี๋ยวพอเธคเลิก ร้านข้าวต้มปิด ก็พอดีได้เวลากลับมานอน”“แกมีอะไรแปลกๆ”ด้วยความเป็นแม่ เธอห่วงลูกมากกว่าเขา คุณนพมาศยังไม่ได้นอน แม้เวลาจะเข้าไปตีสามแล้ว สามีของเธอนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังตื่นอยู่ ลืมตาโพลงอยู่บนเตียง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถของอันธิกาแล่นเข้ามาในบ้าน เธอก็ลุกขึ้นสวมรองเท้าแตะที่ถอดวางเอาไว้บนพรมเล็กหน้าเตียง เปิดประตูห้องอย่างแผ
อันธิกาวางหูลง สีหน้าของหล่อนกระด้าง แล้วหล่อนก็ทนอยู่ไม่ได้ ลุกจากบนเตียงนอนไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมา แล้วลงมือแต่งตัวอย่างรวดเร็ว“อ้น จะไปไหน”“จะออกไปข้างนอกค่ะ”หล่อนวิ่งออกไป ทิ้งให้คุณนพมาศมองตามด้วยความห่วงใย ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่อันธิกาออกไปจากบ้านในยามค่ำคืน ไม่ใช่เป็นแต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น แต่คราวนี้ความห่วงใยมีมาก เพราะผู้ชายคนนั้น...ผู้ชายที่คุณนพมาศไม่พึงปรารถนาเอาเสียเลย เพราะข่าวลือของเขาออกมาในทางเสื่อมเสียมากกว่าในทางดีคุณอาร์มก็ไม่อยู่เสียด้วย ไม่รู้จะหันไปพูดกับใคร นอกจากผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดเวลา ว่าป่านนี้อันธิกาจะเตลิดไปหานายคนนั้นหรือไม่ เห็นทีเธอจะต้องจัดการทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว แทนที่จะมองดูอยู่เฉยๆคุณนพมาศไม่ได้เห็นว่าอันธิกาทำอะไรไปบ้าง เมื่อออกมาจากบ้านแล้ว และหากเห็นคงจะตระหนกตกใจเสียเป็นแน่...เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องรีบออกมาจากห้องน้ำ...ทั้งที่เนื้อตัวมีแต่เพียงผ้าขนหนูพันกายเอาไว้เพียงผืนเดียว แง้มประตูออกดูก่อนว่าใคร แต่ยังไม่ได้ปลดโซ่ออก แล้วชายหนุ่มก็ผงะกลับ เมื่อเห็นเป็นอันธิกา...หล่อนมาทำไมในเวลาป่านน
หนุ่มใหญ่ร่างสูงผิวคล้ำ มีรอยยิ้มรื่นเริงประดับอยู่บนใบหน้า ใต้เรียวหนวดบางๆ ที่ขลิบเอาไว้เป็นระเบียบ เขาส่งมือมาก่อนด้วยความเคยชิน แล้วก็ชะงักเมื่ออุรวียกมือไหว้ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ“โทษที ผมลืมไป” เขารับไหว้ พูดด้วยเสียงดังฟังชัด อายุของเขาคงจะมากกว่าอัมพุ...แต่เรื่องนี้หล่อนก็ไม่อยากเดา เพราะอุรวีเดาอายุของใครไม่เคยถูกเลยสักหน“ที่นี่มีแต่แขกฝรั่ง นานๆ ทีจะได้ต้อนรับแขกคนไทย...คุณคนนี้หรือเปล่าที่ว่าไปตามตัวนายจากโน่น ให้กลับมาทำงานที่นี่”เขาคงคิดว่าหล่อนเป็นอันธิกา หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่อัมพุเป็นคนอธิบายเสียเอง ต่อความเข้าใจผิดที่ว่านั่น“พี่สาวคุณอันธิกา...”“ตามสบายนะครับ...อาหารจานนี้...” เขาแนะนำคล่องแคล่วสมกับเป็นเจ้าของ และยังเป็นพ่อครัวด้วยตัวเองอีกด้วย “แล้วตามด้วยจานนี้...รับรองครับว่าอร่อยมาก...ผมลงมือปรุงเอง...อัมพุ...จะลองฝีมืออีกไหม...” อีกฝ่ายเชิญชวน ก่อนจะบอกอุรวีว่า “อัมพุมีฝีมือเหมือนกันนะครับ เขาเคยไปฝึกวิทยายุทธ์ ใหม่ๆ ก็ทนกลืน พอนานเข้ามันก็ใช้ได้”“อย่าเลย จะพลอยเสียเครดิตร้านไปเปล่าๆ พาคุณวีมาชิม...แล้ววันหน้าจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”“เชิญนะคร
อันธิกาไปใช้โทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ต่อสายไปหาอัมพุก่อนโอเปอเรเตอร์บอกว่าไม่มีคนรับสาย แปลว่าอัมพุยังไม่กลับมา แล้วพอโทรฯ ไปบ้านอุรวี หญิงสาวก็ยังไม่กลับบ้านเหมือนกัน หล่อนหงุดหงิดจนอยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นทุ่มทิ้ง“โทรฯ หาใคร”คุณนพมาศเดินเข้ามา หล่อนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้าน มันเป็นปกติธรรมดา บางทีคุณอาร์มก็จะไปตรวจงานของเขา กว่าเขาจะตั้งมั่นขึ้นมาได้ เขามีความขยันเป็นแรงผลักดัน แล้วก็ไม่ปล่อยงานทุกชิ้นผ่านไปโดยไม่ได้ตรวจสอบจากเขาอีก โดยที่คุณนพมาศกับอันธิกาไม่รู้เหมือนๆ กันว่า นี่คือคืนวันศุกร์ คืนที่เขาจะต้องแวะไปหาสุนิสา หลังจากตระเวนไปเรื่องงานของเขาแล้ว...แต่เขาไม่เคยค้าง...ไม่เคยทำให้ทางบ้านจับได้ว่า เขามีบ้านเล็ก“อัมพุค่ะ”หล่อนบอกอย่างเปิดเผย หงุดหงิดหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง อันธิกาถึงเรียกสาวใช้ขึ้นไปหยิบบุหรี่มาให้ คุณนพมาศไม่ได้ท้วงติง แต่ก็มองอย่างไม่ชอบใจสักเท่าไหร่“วันนี้ไม่เจอเขาหรอกรึ”“เจอน่ะเจอค่ะ...แต่ตอนเย็นไม่ได้เจอ...นี่เขาไปไหนก็ไม่รู้” หล่อนเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ลอยตามกันออกมาเป็นสาย... ”อ้นกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะมีที่ไปที่ไหนอีก”“ทำเหมือนเขาไม่มีที่ไป นี่แ
อุรวีออกจากห้องก็เกือบจะหกโมง สำนักงานทั้งหมดต้องปิดไฟแล้ว มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้พื้นห้องของฝ่ายศิลป์คนใหม่...ตอนแรกหญิงสาวหลงเข้าใจว่าเป็นเพราะเขาลืมปิดไฟ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป หล่อนก็ให้ฉงนฉงายเต็มที่เมื่อเห็นเขากำลังง่วนอยู่กับงาน“ขอโทษ...”หล่อนบอกแล้วถอยออกมาโดยเร็ว ใครจะคิดว่าเขายังอยู่ อุรวีไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขามากนัก ชังน้ำหน้าเมื่อเช้ายังไม่หาย ที่เขากล้าหาญพอจะเตือนว่าหล่อนทำตัวไม่ถูก เขาไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น หล่อนงับประตูห้องปิดอย่างแผ่วเบา แทบจะไม่มีเสียงอัมพุวางงานในมือลง แล้วโดยไวเท่ากับความคิดที่ผ่านแวบเข้ามา เขาลุกมาแล้วก้าวยาวๆ มาเปิดประตู ชะโงกตัวมากกว่าครึ่ง เพื่อเรียกหล่อนไว้“คุณวี...”น้ำเสียงของเขาสนิทสนม เหมือนรู้จักมักคุ้นมาเนิ่นนาน หล่อนไม่ใช่คนถือตัวก็จริง แต่รู้สึกแปลกๆ หู“ผมจะเลี้ยง...” เขาตะโกนบอกตามมาอีก“เนื่องในโอกาสอะไร”เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ชายหนุ่มหาโอกาสไม่ได้ แต่อุรวีหาคำตอบได้ด้วยตัวของหล่อนเอง“คงจะกลัวติดค้างมื้อเช้านี้มั้ง...ก็ได้...จะได้ไม่มาติดค้างกัน...ฉันจะไปรอข้างล่าง”แล้วหล่อนก็ลงมา รอได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็ลงมา แล้วพอเขาขึ้นรถ อุรว
อันธิกาอึ้งไปเล็กน้อย“ถ้างั้น...อ้นก็ควรจะไปขอร้องวีเขาอีกใช่ไหมคะ ตกแต่งห้องให้อ้นหน่อย จะได้แจ๋วบ้าง”เขารู้ว่าหล่อนประชด แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย“ไปนะคะ...แป๊บเดียวเอง”หล่อนเข้ามาฉุดเขาให้ลุกขึ้น แล้วควงแขนออกมาด้วยกัน คุณอาร์มมองเห็นเข้าพอดี เขาเพิ่งออกจากห้องของสุนิสา...เห็นเข้าก็ได้แต่ยืนมอง ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปหาคนในห้อง บอกเสียงไม่ดังมากนัก“ผมอยากให้ช่วยดูๆ ให้หน่อย...ยายอ้นกับอัมพุ...รายงานผมด้วยทุกระยะนะว่าเกี่ยวข้องกันแค่ไหน ผมอยากให้งานเป็นงาน ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาพัวพัน”สุนิสารับคำ งานกับเรื่องอื่น คุณอาร์มพยายามจะแยกจากกัน เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขา จึงเป็นเรื่องแยกจากกันเด็ดขาด เมื่อหล่อนทำงานอยู่ในออฟฟิศนี้ เมื่ออยู่บ้าน...นั่นจึงจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนิสาก็เป็นภรรยาอีกคนของเขาเป็นมาหลายปีแล้ว ในสภาพเมียน้อย บ้านหนึ่งหลัง รถยนต์หนึ่งคัน คือสิ่งที่หล่อนได้รับแล้วก็พอใจ โดยไม่เรียกร้องอ้นใดอีก หล่อนจะต้อนรับคุณอาร์มที่บ้าน เพียงอาทิตย์ละสองวัน คือวันอังคารกับวันศุกร์...นอกนั้นหล่อนจะเป็นตัวของตัวเอง สุนิสารู้ว่ามันไม่สึกหรอแต่อย่างใด แ