“ไม่สบายหรือคะ”
น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยนั้น ทำให้เขาปรือเปลือกตาขึ้นมอง แล้วก็เห็นดวงหน้ากลมอิ่มเปล่งปลั่งแบบคนที่มีความสุขสมบูรณ์กับชีวิตเต็มเปี่ยม มืออูมหนาไปด้วยเนื้อแตะอังที่หน้าผากของเขา
“ตัวไม่ร้อนนี่คะ ทำไมท่าทางเหมือนหมดอาลัย...”
คุณนพมาศนั่งลง ทำให้เขาพลอยขยับตัวขึ้นมานั่งให้ดูดีขึ้น ยกมือลูบหน้าตัวเองไล่เรื่อยลงมาจากหน้าผากจนกระทั่งถึงปลายคาง ก่อนจะลดมือลง
“รู้สึกเพลียๆ”
“เรื่องงานอีกซิคะ”
“วันนี้ผมเจอยายวี...”
“อ้อ...”
เธอพึมพำเบาๆ รับรู้เงียบๆ
คุณนพมาศไม่เคยแสดงท่าทีปราศจากความเป็นมิตรกับลูกเลี้ยง แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ไม่อาจจะทำตัวเป็นเสมือนแม่ของอุรวีได้สนิทใจ เพราะตั้งแต่เยาว์วัยแล้วที่อุรวีมีท่าทางเฉยชาแบบคนแปลกหน้ามาตลอด
“ไปที่บริษัทนั่นเอง...”
คุณอาร์มมีกิจการค้าอยู่หลายแห่ง เขาสร้างตัวเป็นปึกแผ่นได้ในช่วงชีวิตเดียว และกิจการหนึ่งที่คุณนพมาศพยายามลืมๆ ว่าไม่มีก็คือบริษัทออกแบบนั่น เพราะอุรวีทำงานที่นั่น เธอสดับตรับฟังความสามารถของอุรวีทีไรก็ยอกแปลบอยู่ในอก เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอันธิกา แต่อุรวีได้เรื่องได้ราวมากกว่า
อันธิกาไม่ได้เป็นโล้เป็นพายอ้นใด นอกเสียจากสนุกไปกับชีวิตตามประสา จับทำงานใดก็ไม่เคยคงทนถาวรเป็นชิ้นเป็นอัน...แต่เพราะเป็นลูก เธอก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
“ไม่เจอแกนานแล้วเหมือนกันนะคะ แล้วนี่งานวันเกิดคุณ แกจะมาไหม ปีก่อนแกก็ไม่ยอมมา”
“ผมก็ไม่แน่ใจ”
เขาไม่กล้าคาดเดาความคิดของอุรวี ท่าทางหล่อนเหมือนอ่านง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ เขาไม่เคยตามความคิดของหล่อนได้ทันเลย อย่างการที่หล่อนเดินเข้ามาหาเขาเมื่อคราวที่เรียนจบเพื่อของานทำ หล่อนก็ทำให้เขาแทบช็อกเพราะคาดไม่ถึง แล้วนั่นทำให้เขาตะลีตะลานเปิดกิจการขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับให้กับอุรวีโดยตรง ซึ่งการกระทำแบบนั้นเขาก็ยังไม่รู้สักนิดจนกระทั่งบัดนี้ว่า นำความไม่พอใจมาให้กับคุณนพมาศมากมายเพียงไร
แต่อุรวีก็ไม่ได้ผลีผลามไปกับตำแหน่งที่เขามอบให้ หล่อนยอมรับแค่ตำแหน่งพนักงานเล็กๆ ทำงานของหล่อนไปตามประสา กระทั่งจะมานับญาติกับเขา หล่อนยังไม่ยอมทำ มีคนไม่กี่คนในบริษัทที่รู้ว่าหล่อนเป็นลูกสาว เพราะอุรวีใช้นามสกุลของแม่ และไม่เคยเปิดเผยฐานะแท้จริงของตัวเองเลย
“อยากให้มานะคะ ไม่เจอแกนานแล้วเหมือนกัน แต่อยู่ๆ จะให้แกมาเหยียบบ้านนี้โดยไม่มีกาลเทศะ แกก็ไม่ยอมมาแน่ๆ”
ซุ่มเสียงของคุณนพมาศเหมือนอ่อนใจแกมไปด้วยความเอื้อเอ็นดูผู้ถูกกล่าวถึงอยู่นิดๆ และคุณอาร์มก็ไม่ทันคิดลึกซึ้ง
เขาจับข้อมือของเธอเขย่าเบาๆ
“จะมีแม่เลี้ยงสักกี่คนที่ห่วงใยลูกเลี้ยงได้เท่านี้”
“คงจะมีเยอะค่ะ แต่คุณไม่เคยได้รู้จัก ดิฉันเองก็ไม่กล้าอวดอ้างว่าเป็นแม่เลี้ยงแสนดี กลัวยายวีแกจะมาพูดเอาได้...แกเองก็พูดอยู่เรื่อยๆ ว่าแกมีแม่คนเดียว คนอื่นไม่ใช่แม่แก ไม่แม้แต่จะเป็นแค่แม่เลี้ยง”
เมื่อตอนอุรวีอายุสิบสอง แล้วคุณอาร์มพาหล่อนมาให้คุณนพมาศได้เห็นหน้าหนแรก คำที่อุรวีเรียกขานเธอ คุณนพมาศไม่เคยลืม
อุรวีเรียกเธอว่า ‘เมียใหม่ของพ่อ’
คำนั้นทำให้เธอยอกแปลบไม่วาย
อุรวีปักใจแน่นหนาว่าเพราะเธอ ชีวิตคู่ของแม่กับพ่อหล่อนถึงอับปางลง
แล้วนั่นทำให้คุณนพมาศเอ็นดูอุรวีไม่ลง ทั้งที่ได้พยายามทำใจแต่แรกแล้วว่า มีหล่อนอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากอันธิกา...
อุรวีผู้เกิดวันเดียวกัน ปีเดียวกันกับอันธิกา...แต่ต่างชั่วโมง
อุรวีเกิดก่อนอันธิกาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้นเอง
“เจอยายวีแล้วกลับมาทำท่าหมดอาลัย ก็คงจะไม่แคล้วมีปากเสียงกันมาอีก”
“ยายวีมันไม่ทะเลาะกับผมอีกแล้วละ แต่มันก็พูดเหน็บแนมจนผมได้สะอึกนั่นแหละ”
“ใจเย็นๆ เถอะค่ะ แกยังร้อน วัยที่น้อยของแกด้วย...ที่อาจจะทำให้แกไม่เข้าใจ พอแกอายุมากกว่านี้สักนิด เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ แกอาจจะมองเรื่องนี้ได้เข้าใจ แล้วก็มองย้อนหลังกลับไปได้ถูกต้อง”
กลิ่นน้ำหอมโชยฉุยเข้ามาก่อน แล้วร่างโปร่งบางของอันธิกาก็เข้ามาในห้อง
“พ่อกลับแต่วันเชียว”
หล่อนเข้ามาใกล้ พอถึงตัวเขาก็ย่อลงแตะจมูกกับแก้มด้วยท่าทางสนิทสนม ท่าทางที่เขาปรารถนาจะได้รับจากลูกสาวอีกคน แต่มันยากเย็นจนเขาไม่กล้าตั้งความหวังเอาไว้เลย
อันธิกาพยายามระวังไม่ให้ปากของหล่อนถูกแก้มบิดา เพราะกลัวสีของลิปสติกจะแปดเปื้อน แล้วปากของหล่อนจะลอก
“ลูกจะไปไหน แต่งตัวเสียสวย”
อันธิกากรีดนิ้วจับปลายผ้าที่อัดพลีทออก พูดยิ้มๆ
“ผ้าของบริษัทนะคะ...ฝีมือของวี...”
“อือม์...สวย”
คุณนพมาศตวัดสายตามองผ่านหน้าสามีแวบหนึ่ง แต่ในแวบเดียวนั้นก็มองเห็นความชื่นชมเต็มในดวงตาทั้งสองของเขาจนต้องรีบพูดขึ้นมา
“ผ้าสวยแล้วเลือกแบบได้สวยด้วย ก็ยิ่งสวยไปกันใหญ่”
“สงสัยเย็นนี้คงจะไม่ต้องกินอะไรอีกเลย...เพราะอิ่มกับคำชม อ้นคงกลับมืดหน่อยนะคะ นัดทานข้าวกับอัมพุเขาไว้”
“มืดนี่ดึกไหม”
“อาจจะดึกนะคะ อยู่กับว่าอ้นจะเกลี้ยกล่อมพาอัมพุไปดิ้นต่อที่เธคอีกได้ไหม...รายนั้นน่ะแคะยากค่ะ อยู่ตรงไหนก็ติดแน่นอยู่ตรงนั้น ยังหนุ่มแน่นแท้ๆ แต่ทำตัวเหมือนตาแก่”
น้ำเสียงที่อันธิกาพูดถึงเขา มีความชื่นชมจนออกนอกหน้า แต่คุณอาร์มก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากมายนัก เขาคุ้นกับนิสัยหวือหวาของอันธิกาจนเคยชินแล้วนั่นเอง อันธิกามีรักครั้งแรกเมื่ออายุสิบห้า แล้วหลังจากนั้นหล่อนก็มีคู่รักมากหน้าหลายตาจนนับไม่ถ้วน เวลาจี๋จ๋ากับใคร อันธิกามักจะทำให้ใจหายใจคว่ำ แล้วพอหล่อนเบื่อ...หนุ่มที่เคยควงกับหล่อนหายไปทางใด คุณอาร์มก็สุดจะค้นหา
กับอัมพุ เขาก็รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องยาว...แต่เป็นเรื่องรักขนาดสั้น...
“อ้นไปก่อนนะคะ จะต้องไปรับอัมพุ เขายังไม่คุ้นถนนหนทางในกรุงเทพฯ สักเท่าไร ก็อย่างนี้แหละคนที่ไปเป็นประชาชนบ้านเมืองอื่นซะนาน”
“อย่าทำให้เป็นข่าวอีกนะ”
อันธิกาแกล้งทำตาโต หล่อนสะสวยมาก ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด และคุณอาร์มก็ต้องยอมรับว่าอันธิกาสวยกว่าอุรวี...ลูกสาวอีกคนของเขาเป็นเพียงผู้หญิงน่ารักเท่านั้นเมื่อเทียบกับอันธิกา
“ทำไมล่ะคะ” หล่อนแกล้งตีหน้าฉงน “อ้นว่าเป็นข่าวซิดี แสดงว่าอ้นยังอยู่ในความสนใจ”
“แม่ขี้เกียจจะรับรู้อ้นมีแฟนใหม่ แล้วนายอัมพุนี่นะ...ชื่อเสียงเก่าๆ ของเขามันไม่ค่อยจะงาม”
เธอพยายามเลี่ยงไปใช้ถ้อยคำที่ฟังสุภาพ รื่นหูที่สุดแล้ว
“อย่าให้เขาเอาความแปดเปื้อนบางด้านของตัวเขามาถูกตัวอ้นเลยนะจ๊ะ...”
“แม่แคร์เรื่องไหนของเขาล่ะคะ เรื่องที่เขาเคยถ่ายแบบเปลือย หรือเคยรับเขียนรูปเหมือนพวกสาวแก่แม่ม่ายที่มีเงิน แล้วมีเรื่องลือออกมาว่าเขามีอะไรๆ กับคนจ้างเขา”
“รู้ทั้งหมดแล้วยังจะมีหน้ามาถาม”
“อ้นไม่สนใจค่ะ สนแต่ว่าเขาดีกับอ้นไหม พอแล้ว...”
เมื่ออันธิกาเดินตัวปลิวออกไปเร็วๆ เงียบเชียบเหมือนเมื่อตอนเข้ามาแล้ว คุณนพมาศถึงครางออกมา
“มันยังไงกันแน่คะ...”
“ก็เรื่องรักเรื่องใหม่ของลูกสาวคุณน่ะซิ...”
“จะนานขนาดไหนกัน”
“ก็คงจะเป็นประเภทเรื่องสั้นขนาดยาว” คุณอาร์มตอบหัวเราะๆ “ยาวกว่าเรื่องสั้นหน่อย แต่ไม่เท่าเรื่องยาว...นายอัมพุนั่นน่ะผมว่าเขาก็หน่วยก้านใช้ได้”
แต่คุณนพมาศสั่นหน้าเกือบจะทันที
“ยายอ้นหายไปอีกแล้วละค่ะ”คุณอาร์มกลับเข้ามาถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง มีกลิ่นหอมบางอย่างติดตามเสื้อผ้าของเขามาด้วย แต่คุณนพมาศก็ไม่ได้เอามาจับผิดมากมายนัก เขาอาจจะไปกับเพื่อนฝูงในแวดวงธุรกิจของเขา แล้วไปลงเอยในที่ที่มีเหล้าขาย มีหญิงบริการ เธอเองก็ป้อนให้เขาอีกไม่ได้แล้วในเรื่องทำนองนั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้เอาผู้หญิงคนไหนมาเลี้ยงเป็นตัวตน ตราบนั้นเธอก็มองข้ามเรื่องแบบนี้ไปได้เหมือนกัน“ไปดิ้นอยู่มั้ง”เขารูดเนกไทออก กลับมาจากบ้านของสุนิสาในสภาพที่เหมือนเพิ่งออกไปจากบ้าน แต่คุณนพมาศก็จะไม่รู้เด็ดขาดว่ามาจากบ้านของสุนิสา“เธคยังไม่เลิกนี่ ยายอ้นแกก็ไปอยู่บ่อยๆ” เขาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก เมื่อตอนค่ำที่เห็นอันธิกาอยู่บ้านนั่นตะหากถึงเป็นเรื่องแปลกมาก “เดี๋ยวพอเธคเลิก ร้านข้าวต้มปิด ก็พอดีได้เวลากลับมานอน”“แกมีอะไรแปลกๆ”ด้วยความเป็นแม่ เธอห่วงลูกมากกว่าเขา คุณนพมาศยังไม่ได้นอน แม้เวลาจะเข้าไปตีสามแล้ว สามีของเธอนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังตื่นอยู่ ลืมตาโพลงอยู่บนเตียง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถของอันธิกาแล่นเข้ามาในบ้าน เธอก็ลุกขึ้นสวมรองเท้าแตะที่ถอดวางเอาไว้บนพรมเล็กหน้าเตียง เปิดประตูห้องอย่างแผ
อันธิกาวางหูลง สีหน้าของหล่อนกระด้าง แล้วหล่อนก็ทนอยู่ไม่ได้ ลุกจากบนเตียงนอนไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมา แล้วลงมือแต่งตัวอย่างรวดเร็ว“อ้น จะไปไหน”“จะออกไปข้างนอกค่ะ”หล่อนวิ่งออกไป ทิ้งให้คุณนพมาศมองตามด้วยความห่วงใย ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่อันธิกาออกไปจากบ้านในยามค่ำคืน ไม่ใช่เป็นแต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น แต่คราวนี้ความห่วงใยมีมาก เพราะผู้ชายคนนั้น...ผู้ชายที่คุณนพมาศไม่พึงปรารถนาเอาเสียเลย เพราะข่าวลือของเขาออกมาในทางเสื่อมเสียมากกว่าในทางดีคุณอาร์มก็ไม่อยู่เสียด้วย ไม่รู้จะหันไปพูดกับใคร นอกจากผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดเวลา ว่าป่านนี้อันธิกาจะเตลิดไปหานายคนนั้นหรือไม่ เห็นทีเธอจะต้องจัดการทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว แทนที่จะมองดูอยู่เฉยๆคุณนพมาศไม่ได้เห็นว่าอันธิกาทำอะไรไปบ้าง เมื่อออกมาจากบ้านแล้ว และหากเห็นคงจะตระหนกตกใจเสียเป็นแน่...เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องรีบออกมาจากห้องน้ำ...ทั้งที่เนื้อตัวมีแต่เพียงผ้าขนหนูพันกายเอาไว้เพียงผืนเดียว แง้มประตูออกดูก่อนว่าใคร แต่ยังไม่ได้ปลดโซ่ออก แล้วชายหนุ่มก็ผงะกลับ เมื่อเห็นเป็นอันธิกา...หล่อนมาทำไมในเวลาป่านน
หนุ่มใหญ่ร่างสูงผิวคล้ำ มีรอยยิ้มรื่นเริงประดับอยู่บนใบหน้า ใต้เรียวหนวดบางๆ ที่ขลิบเอาไว้เป็นระเบียบ เขาส่งมือมาก่อนด้วยความเคยชิน แล้วก็ชะงักเมื่ออุรวียกมือไหว้ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ“โทษที ผมลืมไป” เขารับไหว้ พูดด้วยเสียงดังฟังชัด อายุของเขาคงจะมากกว่าอัมพุ...แต่เรื่องนี้หล่อนก็ไม่อยากเดา เพราะอุรวีเดาอายุของใครไม่เคยถูกเลยสักหน“ที่นี่มีแต่แขกฝรั่ง นานๆ ทีจะได้ต้อนรับแขกคนไทย...คุณคนนี้หรือเปล่าที่ว่าไปตามตัวนายจากโน่น ให้กลับมาทำงานที่นี่”เขาคงคิดว่าหล่อนเป็นอันธิกา หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่อัมพุเป็นคนอธิบายเสียเอง ต่อความเข้าใจผิดที่ว่านั่น“พี่สาวคุณอันธิกา...”“ตามสบายนะครับ...อาหารจานนี้...” เขาแนะนำคล่องแคล่วสมกับเป็นเจ้าของ และยังเป็นพ่อครัวด้วยตัวเองอีกด้วย “แล้วตามด้วยจานนี้...รับรองครับว่าอร่อยมาก...ผมลงมือปรุงเอง...อัมพุ...จะลองฝีมืออีกไหม...” อีกฝ่ายเชิญชวน ก่อนจะบอกอุรวีว่า “อัมพุมีฝีมือเหมือนกันนะครับ เขาเคยไปฝึกวิทยายุทธ์ ใหม่ๆ ก็ทนกลืน พอนานเข้ามันก็ใช้ได้”“อย่าเลย จะพลอยเสียเครดิตร้านไปเปล่าๆ พาคุณวีมาชิม...แล้ววันหน้าจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”“เชิญนะคร
อันธิกาไปใช้โทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ต่อสายไปหาอัมพุก่อนโอเปอเรเตอร์บอกว่าไม่มีคนรับสาย แปลว่าอัมพุยังไม่กลับมา แล้วพอโทรฯ ไปบ้านอุรวี หญิงสาวก็ยังไม่กลับบ้านเหมือนกัน หล่อนหงุดหงิดจนอยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นทุ่มทิ้ง“โทรฯ หาใคร”คุณนพมาศเดินเข้ามา หล่อนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้าน มันเป็นปกติธรรมดา บางทีคุณอาร์มก็จะไปตรวจงานของเขา กว่าเขาจะตั้งมั่นขึ้นมาได้ เขามีความขยันเป็นแรงผลักดัน แล้วก็ไม่ปล่อยงานทุกชิ้นผ่านไปโดยไม่ได้ตรวจสอบจากเขาอีก โดยที่คุณนพมาศกับอันธิกาไม่รู้เหมือนๆ กันว่า นี่คือคืนวันศุกร์ คืนที่เขาจะต้องแวะไปหาสุนิสา หลังจากตระเวนไปเรื่องงานของเขาแล้ว...แต่เขาไม่เคยค้าง...ไม่เคยทำให้ทางบ้านจับได้ว่า เขามีบ้านเล็ก“อัมพุค่ะ”หล่อนบอกอย่างเปิดเผย หงุดหงิดหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง อันธิกาถึงเรียกสาวใช้ขึ้นไปหยิบบุหรี่มาให้ คุณนพมาศไม่ได้ท้วงติง แต่ก็มองอย่างไม่ชอบใจสักเท่าไหร่“วันนี้ไม่เจอเขาหรอกรึ”“เจอน่ะเจอค่ะ...แต่ตอนเย็นไม่ได้เจอ...นี่เขาไปไหนก็ไม่รู้” หล่อนเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ลอยตามกันออกมาเป็นสาย... ”อ้นกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะมีที่ไปที่ไหนอีก”“ทำเหมือนเขาไม่มีที่ไป นี่แ
อุรวีออกจากห้องก็เกือบจะหกโมง สำนักงานทั้งหมดต้องปิดไฟแล้ว มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้พื้นห้องของฝ่ายศิลป์คนใหม่...ตอนแรกหญิงสาวหลงเข้าใจว่าเป็นเพราะเขาลืมปิดไฟ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป หล่อนก็ให้ฉงนฉงายเต็มที่เมื่อเห็นเขากำลังง่วนอยู่กับงาน“ขอโทษ...”หล่อนบอกแล้วถอยออกมาโดยเร็ว ใครจะคิดว่าเขายังอยู่ อุรวีไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขามากนัก ชังน้ำหน้าเมื่อเช้ายังไม่หาย ที่เขากล้าหาญพอจะเตือนว่าหล่อนทำตัวไม่ถูก เขาไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น หล่อนงับประตูห้องปิดอย่างแผ่วเบา แทบจะไม่มีเสียงอัมพุวางงานในมือลง แล้วโดยไวเท่ากับความคิดที่ผ่านแวบเข้ามา เขาลุกมาแล้วก้าวยาวๆ มาเปิดประตู ชะโงกตัวมากกว่าครึ่ง เพื่อเรียกหล่อนไว้“คุณวี...”น้ำเสียงของเขาสนิทสนม เหมือนรู้จักมักคุ้นมาเนิ่นนาน หล่อนไม่ใช่คนถือตัวก็จริง แต่รู้สึกแปลกๆ หู“ผมจะเลี้ยง...” เขาตะโกนบอกตามมาอีก“เนื่องในโอกาสอะไร”เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ชายหนุ่มหาโอกาสไม่ได้ แต่อุรวีหาคำตอบได้ด้วยตัวของหล่อนเอง“คงจะกลัวติดค้างมื้อเช้านี้มั้ง...ก็ได้...จะได้ไม่มาติดค้างกัน...ฉันจะไปรอข้างล่าง”แล้วหล่อนก็ลงมา รอได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็ลงมา แล้วพอเขาขึ้นรถ อุรว
อันธิกาอึ้งไปเล็กน้อย“ถ้างั้น...อ้นก็ควรจะไปขอร้องวีเขาอีกใช่ไหมคะ ตกแต่งห้องให้อ้นหน่อย จะได้แจ๋วบ้าง”เขารู้ว่าหล่อนประชด แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย“ไปนะคะ...แป๊บเดียวเอง”หล่อนเข้ามาฉุดเขาให้ลุกขึ้น แล้วควงแขนออกมาด้วยกัน คุณอาร์มมองเห็นเข้าพอดี เขาเพิ่งออกจากห้องของสุนิสา...เห็นเข้าก็ได้แต่ยืนมอง ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปหาคนในห้อง บอกเสียงไม่ดังมากนัก“ผมอยากให้ช่วยดูๆ ให้หน่อย...ยายอ้นกับอัมพุ...รายงานผมด้วยทุกระยะนะว่าเกี่ยวข้องกันแค่ไหน ผมอยากให้งานเป็นงาน ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาพัวพัน”สุนิสารับคำ งานกับเรื่องอื่น คุณอาร์มพยายามจะแยกจากกัน เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขา จึงเป็นเรื่องแยกจากกันเด็ดขาด เมื่อหล่อนทำงานอยู่ในออฟฟิศนี้ เมื่ออยู่บ้าน...นั่นจึงจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนิสาก็เป็นภรรยาอีกคนของเขาเป็นมาหลายปีแล้ว ในสภาพเมียน้อย บ้านหนึ่งหลัง รถยนต์หนึ่งคัน คือสิ่งที่หล่อนได้รับแล้วก็พอใจ โดยไม่เรียกร้องอ้นใดอีก หล่อนจะต้อนรับคุณอาร์มที่บ้าน เพียงอาทิตย์ละสองวัน คือวันอังคารกับวันศุกร์...นอกนั้นหล่อนจะเป็นตัวของตัวเอง สุนิสารู้ว่ามันไม่สึกหรอแต่อย่างใด แ