Masukไม่ได้เป็นคนงกนะ แค่รู้คุณค่าของเงินทุกบาทที่ได้มาก็เท่านั้น และจำนวนที่ป้าจันทร์บอกมาก็ทำให้เธอตาโต เพราะมันมากมายกว่าที่เธอทำทุกวันหลายเท่านั้นและแถมได้เป็นเงินก้อนเสียอีกด้วย มันเลยทำให้เธอตาโตใสแจ๋วแวววาวและยิ้มออก
เงินที่เจ้านายป้าจันทร์อาจจะคิดว่าไม่มาก แต่เงินก้อนนี้สามารถต่อชีวิตของเธอและน้าชายไปอีกหลายเดือนทีเดียว อีกทั้งยังสามารถชดใช้หนี้สินให้กับเสี่ยอ้วนพุงพลุ้ยเจ้าของตลาดที่มีชื่อว่า “วสันต์” ได้เยอะเสียด้วย ถ้ามีงานแบบนี้ขอแค่เดือนละสองครั้งเท่านั้นเอง เชื่อว่าปีเดียวเธอก็สามารถใช้หนี้ที่น้าชายก่อไว้ได้จนหมดแน่นอน
หลังจากกดกริ่งและยืนรอเพียงไม่นาน กันติชาก็ได้เห็นชายร่างสูงใหญ่ โดดเด่นตั้งแต่ผมสีดำสนิทสะท้อนแสงเงางามน่าจับต้องด้วยกระหายใคร่รู้ว่ามันจะนุ่มเพียงใดยามได้สัมผัสแตะต้อง
‘บ้าแล้ว นี่เราเป็นอะไรไปนี่’ กันติชาพึมพำอย่างงุนงง เมื่อห้ามสายตาให้ไล่มองเค้าโครงหน้าที่แข็งแกร่งและดุกร้าวไปถึงลำคอใหญ่และลาดไหล่ไม่ได้ ดวงตากลมโตเป็นประกายพร่างพราวด้วยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่...เธอกำลังเล่นกับไฟที่พร้อมจะลวกและเผาทั้งร่างกายและหัวใจให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงได้ในพริบตาเดียว
ตึก ตึก ตึก… ‘หยุดนะ...อย่าเต้นอย่างนี้สิ’
ยิ่งชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ หัวใจดวงน้อยก็ยิ่งเต้นรัวเร็วเหมือนกับกลองสะบัดชัย ด้วยหุ่นใหญ่ล่ำชวนมอง ยามเมื่อเขาก้าวเดิน สาบเสือคลุมที่แยกออกเลยทำให้เห็นแผ่นอกกำยำกับไรขนเส้นเล็กๆ สีดำสนิทที่ขึ้นประปราย ทำเอากันติชาถึงกับหน้าแดงก่ำ รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
สองแก้มร้อนผ่าว ลำขาเรียวยาวสั่นระริก เมื่อไล่มองลงไปแล้วเห็นทุกครั้งที่ชายหนุ่มย่ำเท้าก้าวมาข้างหน้า ทำให้เธอได้เห็นขาแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งและทรงพลัง
‘เฮ้ย...!!! ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นี่’
กันติชาร้องครางเสียงแผ่ว รีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดแปลกๆ ที่ผุดขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด แม้จะก่นด่าและดุตัวเองในใจ ก็ยังทำให้เธอห้ามความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกเช่นนี้กับชายคนที่เพิ่งจะได้เจอหน้ากันครั้งแรก
รัศมีแห่งอำนาจและบางอย่างชวนให้ถวิลหาที่นำพาซึ่งความเร่าร้อนราวจะแผดเผา ก่อเกิดความกลัวแล่นลิ่วเข้ามาเกาะกุมหัวใจดวงน้อย เมื่อร่างหนาเดินมุ่งหน้าตรงมาเรื่อยๆ เอื่อยๆ ราวกับราชสีห์ที่กำลังขี้เกียจและเพิ่งจะตื่นจากนอนจำศีล แต่ก็มีอะไรบางอย่างบอกว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงม่านมายาหลอกตาเท่านั้น เพราะเพียงแค่เผลอนิดเดียวเจ้าสัตว์ร้ายก็พร้อมกระโดดกัดกินเนื้อสมันนุ่มนิ่มอย่างเร็วไว
‘หยุดได้แล้วยายว่าว’ กันติชาพยายามบังคับให้ตัวเองถอนสายตาจากร่างหนาแกร่งนั่น แต่ทำอย่างไรเธอก็ทำไม่ได้ การเยื้องย่างแต่ละครั้งที่ก้าวแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของเรือนกายกำยำและทรงพลังที่ทำให้เธอร้อนวูบวาบราวกับโดนไฟเผา
กันติชายิ้มแหยๆ พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ขนลุกซู่ เรือนกายสั่นสะท้านไหววูบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเขาคนนั้นเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้า เท้าเรียวยาวพาร่างโปร่งบางถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เพราะรัศมีแห่งอำนาจและความดุร้ายระคนวาบหวามที่แผ่กระจายมา
ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับหลุบลงมองพื้นอย่างไม่สามารถประสานสายตาอันคมกริบที่เหมือนจะมองทะลุเข้าไปถึงในทรวงได้ สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ชัดเจนยิ่งขึ้น
‘ทำไมเขาถึงได้ดูดี...ไม่ใช่ ต้องเรียกว่าเฟอร์เฟ็ก สุดยอดที่สุดต่างหากล่ะ’
ใบหน้าออกเค้าสี่เหลี่ยมแข็งแกร่งและคมคร้าม หน้าตารกครึ้มด้วยหนวดและเคราที่ขึ้นเขียวครึ้ม นอกจากจะสร้างความหวาดกลัวให้แล้ว ยังซุกซ่อนอารมณ์บางอย่างเอาไว้อย่างที่คนมองไม่เคยจะรู้มาก่อนว่ามีอยู่
ราชันย์สบถเบาๆ อย่างหงุดหงิดและรำคาญ เมื่อต้องตื่นเพราะเสียงกริ่งที่ดังหนวกหูรบกวนการหลับนอน แล้วก็ต้องมาหงุดหงิดกับท่าทางตื่นกลัวและตระหนกตกใจในดวงตากลมโตของแม่สาวน้อยร่างโปร่งบางอวบอัดด้วยวัยสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า
เรือนกายสูงโปร่งในชุดเก่าๆ จะขาดอยู่รอมร่อ กลับยิ่งเน้นความอวบอิ่มของสัดส่วนเรือนกายสาว ที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งน่าจับต้อง เพียงแค่ได้เห็นครั้งแรกก็ทำเอาไฟอารมณ์ในกายเขาถึงกับลุกโชนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เกิดอาการกำหนัดอยากจับยายเด็กน้อยมาอัดฟัดอย่างเร็วไว
‘ยายเด็กน่าฟัดนี่ลูกเต้าเหล่าใคร ถึงได้มายืนยั่วให้เขาอยากจับโยนขึ้นเตียงอยู่ได้’ สายตาคมกริบสีนิลวาววับจับจ้องไปบนใบหน้ารูปหัวใจ พวงแก้มใสเป็นสีชมพูระเรื่อชวนให้กดปลายจมูกลงไปดมดอม
วงหน้าส่วนที่เด่นที่สุดนอกจากดวงตากลมโตเหมือนกับดวงตาของสมันตัวน้อย เปิดเผยความกลัวและอยากรู้อยากเห็นและที่สำคัญคืออยากลอง ก็คงจะเป็นเรียวปากรูปกระจับอวบอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อที่ดูท่าจะหวานหอมน่าลิ้มลอง ที่เขาอยากยื่นมือไปคว้ากายโปร่งบางมาจูบให้หนำใจ
‘บ้าชะมัด’ ราชันย์สบถก่นด่าตัวเองที่ดันเกิดความปรารถนาในตัวยายเด็กสาวท่าทางยังโตไม่เต็มที่และเพิ่งเจอหน้าเพียงครั้งแรกคนนี้มาอยู่เหนืออารมณ์และเหตุผล แต่ช่างแม่งปะไร ยังไงเขาก็ไม่คิดจะสนใจใครอยู่แล้วนี่นา ถ้าอยากได้ก็ต้องได้
‘โทษตัวเองแล้วกันหนูน้อย เธอมายั่วให้ฉันอยากเอง’ เพียงคิดว่าจะได้ลิ้มลองรสชาติสาวน้อยแรกผลิเหมือนกุหลาบแรกแย้มบาน เพราะรู้โดยสัญชาตญาณของนักล่า สาวน้อยตรงหน้าไม่เคยเจอภมรชอนไช ความแข็งแกร่งในเรือนกายที่หลับใหลอยู่ก็ตื่นตัว พร้อมคำสั่งห้ามปล่อยแม่จอมยั่วหลุดรอดมือไปโดยเด็ดขาด
‘ได้ยายเด็กนี่มาครอบครอง เตียงเขาคงได้ร้อนเป็นไฟไม่ต้องหลับต้องนอนกันล่ะ’ รอยยิ้มมาดหมายผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของปากหนา ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่สาวน้อยซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ทันจะได้เห็น ดวงตาคมกริบมองลงไปตามส่วนอื่นของเรือนกายสาว
‘อื้อฮือ...อวบอิ่มน่าสัมผัสชะมัด’ ทรวงอกอวบอิ่มดุนดันเสื้อยืดกระชับตัวกำลังสะท้อนขึ้นและลงตามการหายใจ ท้ายสุดดวงตาคมดุก็หยุดที่ช่วงขาเรียวยาวที่โผล่พ้นขอบกางเกงยีนนวลเนียนและดูท่าจะนุ่มน่าสัมผัสจริงๆ
เพียงแค่ได้สบสายตาคมดุราวกับพญาเหยี่ยวที่กวาดมองไปทั่วร่าง เหมือนกับกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกโยนทิ้งไป กันติชาถึงกับตัวสั่นใจสั่น ขาเรียวพยายามจะก้าวถอยไปด้านหลังอ่อนยวบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนต้องยืนอยู่กับที่
‘เธอเป็นบ้าอะไรนี่’
ราชันย์วาดแขนควานหาร่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นที่เขากอด รับและส่งมอบความสุขให้ตลอดทั้งคืนอย่างแทบไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ไม่พบ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมดวงตาคมกริบที่กะพริบถี่ๆ และหรี่ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ปรับให้เขากับแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา เพราะผ้าม่านที่กั้นไว้ปลิวไหวตามกระแสลมแรง บ้านพักที่นี่อยู่ใกล้ภูเขา ยามค่ำคืนอากาศเย็นสดชื่น เลยไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ สามารถนอนเปิดหน้าต่างนอนฟังเสียงแมลงกลางคืนส่งเสียงร้องแข่งกันอย่างไม่น่าเบื่อเลยสักนิด เมื่อมันเป็นเหมือนเสียงดนตรีขับขานกล่อมสองร่างให้นอนหลับฝันดี ดวงตาคมกริบลืมมองอย่างเต็มที่ ศอกใหญ่เท้ากับเตียงนอนหกฟุต กวาดมองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นคนที่ต้องการ เกือบจะยื่นมือไปคว้าเอาผ้าห่มที่คลุมเรือนกายบางส่วนอย่างหมิ่นเหม่ออกแล้ว เผอิญประตูห้องนอนก็เปิดออก ร่างโปร่งเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น“ตื่นแล้วหรือคะ” กันติชาเอ่ยทักเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้มหวานอบอุ่น เหมือนกับเปิดแย้มโลกที่มัวซัวให้สว่างและสดใสขึ้นทันตา ร่างโปร่งบางเดินไปวางกาแฟบนพนักเตียง ก่อนจะยื่นมือเล็กไปวางบนมือใหญ่ที่ยื่นมาหา กระตุกเพียงเล็
“อ๋อ...เหรอ ข้อหาอะไรครับคุณผู้หญิง ข่มขืนกระทำชำเราหรือ กล้าจะบอกตำรวจไหมละ ฉันทำอะไรกับเธอบ้าง กล้าไหมถ้าจะบอกตำรวจไปว่าฉันจับตรงนี้” มือใหญ่ลูบไล้ไปตามก้อนเนื้ออวบอิ่มเต่งตึงที่ไหวกระเพื่อมตามแรงโกรธของคนตรงหน้า กายใหญ่ทาบทับขึ้นเหนือร่าง กับมือที่ลากไล้ไปตามสัดส่วนอันอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก “ทำอย่างนี้กับร่างกายของเธอนะชายิกา” ริมฝีปากหนาและร้อนผ่าวประทับกึ่งกลางทรวงสล้างอวบอิ่ม ขบเคลื่อนขึ้นไปทีละน้อย พร้อมกับคำถามเหมือนคมมีดที่กรีดเข้าไปในเนื้อกายสาวให้ต้องช้ำชอกและกลัดหนอง ปลายนิ้วยาวลากไล้ไปถึงมุกมณีเม็ดงามที่หลบซ่อนอยู่ล่างพงไหมนุ่มและมีกลีบดอกไม้บางนุ่มปกปิดอยู่อีกชั้นกดคลึงเบาๆ “กล้าไหมที่จะบอกเขาไหม ฉันทำให้เธอร้องเสียงแหบเสียงแห้งตอนที่...” “อือ...” กายสาวสั่นสะท้าน วาบหวิวกับมือใหญ่ที่เริ่มร่ายมนตร์มายาใส่ ริมฝีปากอวบอิ่มเห่อแดงขบกัดจนกลายเป็นเส้นตรง ยิ่งเมื่อห้ามปราม กลับถูกสิทธิ์ศักดิ์บังคับด้วยแรงที่มากกว่าจนระบบภายในร่างกายเริ่มปั่นป่วน จุมพิตร้อนผ่าวที่นาบอยู่บนผิวเนื้อ ทำให้เสียววูบไปถึงรูขุมปากหนาอ้างับและดูดกลืนปลายนิ้วยาวเรียวจนเปียกชื้น “เอาน่าชายิกา จะคิ
กายแข็งแกร่งถาโถมเข้าหาบุปผาอบอุ่นอีกครั้งและอีกครั้ง พร้อมระเบิดลูกขนาดย่อมที่ระเบิดตูมๆ ติดกันหลายตลบ ก่อนจะตามด้วยระเบิดลูกยักษ์ที่แตกตัวกลายเป็นสะเก็ดดาวพร่างพราวจนเต็มท้องฟ้า กับสายธารอุ่นร้อนที่ไหลรินรดกุหลาบดอกน้อยจนอาบล้น ส่วนหนึ่งไหลปรี่ออกมาเบื้องนอกกับใบหน้าคมคร้ามที่ซบซุกบนสองเต้าสวย สองกายอาบชุ่มเหงื่อจากเพลิงพิศวาสแผดร้อนกอดประคองแนบชิด ลมหายใจหอบสะท้านด้วยเพลิงพายุพิศวาสที่อาบล้น แล้วก็เป็นชายิกาได้สติก่อน รีบผลักดันร่างหนาให้ถอยห่างด้วยความเจ็บปวดและอับอายขายขี้หน้า แต่ในความรู้สึกเหล่านั้นส่วนหนึ่งกลับแฝงไว้ด้วยความสุขที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากันจนราบเรียบ ในหน่วยตามีน้ำใสๆ อาบล้นเมื่อแขนแกร่งเป็นดังเหล็กกล้าไม่คลายออกแม้แต่น้อย “ปล่อยฉันได้แล้ว” แม้จะพยายามข่มกลั้นน้ำเสียงให้ราบเรียบ แต่ความใกล้ชิดและสิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติของชายหญิงวัยเจริญพันธุ์ก็ยังทำให้ชายิกาทำใจไม่ได้ “ปล่อย แล้วทำไมต้องปล่อย” สิทธิศักดิ์เอ่ยถามน้ำเสียงยิ้มกริ่มเริงรื่นอย่างคนที่อารมณ์ดี ศอกใหญ่เท้ากับพื้นเตียงชะโงกศีรษะ ปลายนิ้วลากไล้ผ่านส่วนเว้าส่วนโค้
“ออกไปนะคนใจร้าย ออกไป” ชายิการ้องเสียงแหบแห้ง จิกปลายเล็บบนแผ่นหลังกว้างและลากอย่างแรงเท่าที่จะทำได้ ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนแทบจะได้เลือด แต่ความเจ็บปวดที่ไหลล้นอยู่บนเรือนกายก็ไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อยและยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับเคลื่อนไหวตัว “โทษทีนะชายิกา แต่เราคงจะหยุดไม่ได้ ฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่หรือไง อย่าเล่นกับไฟ ระวังมันลวกมือตัวเอง” ชายหนุ่มทุ่มทั้งกายปลุกเร้าบีบนวดบั้นท้ายกลมกลึง ไพล่ไปถึงลำขากลมกลึง บีบนวดไล่ไปถึงข้อพับและลากไล้กลับขึ้นมาสอดแทรกจากต้นขาด้านใน ซอกซอนไปลากไล้ฉวัดเฉวียนกดขยี้มุกมณีอันอ่อนไหว สูดลมหายใจร้อนผ่าวเข้าจนเต็มปอด พร้อมขบเม้มจุมพิตไต่ไล่ขึ้นไปซุกไซ้ใบหน้าคมคร้ามกับซอกคอระหง ดูดกลืนผิวกายสีขาวอมชมพูเหมือนกับกลีบซากุระจนแดงช้ำ ก่อนไถลไปลูบไล้ลำขาเสลา บีบนวดสะโพกหนั่นแน่นเรื่อยไปตามสีข้างเนียนนุ่ม ไล้ไปด้านหน้านวดคลึงหน้าท้องแบนราบเรียบ ก่อนจะตรงเข้าครอบครองเต้าอวบอิ่มนุ่มหยุ่น ปลายนิ้วลากไล้วนเวียนรอบป้านบัวนุ่มที่แข็งตัวเป็นไต กดคลึงขยี้แผ่วเบา ครอบครองด้วยฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไหวคลึงไปมา จุมพิตร้อนผ่าวขบเคลื่อนทั่ววงหน้านุ่ม กดซับหยดน้ำตาจาก
“สายไปเสียแล้วคุณน้อง...ฉันจะชำแรกแทรกลึก จะทำให้คุณทัวร์สวรรค์แต่ลงนรกในคราวเดียวกัน” ‘ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการสักหน่อย’ ชายิกาบอกกับใจตัวเอง เมื่อถูกคลื่นความสยิวซ่านโอบรอบ ในสมองคล้ายๆ มีกระไอหมอกและควันสีขาวไหววูบวาบ ในทรวงหวิวไหวคล้ายคนจะเป็นลม แต่ที่หนักคงจะเป็นระบบต่างๆ ในร่างกายซึ่งทำงานผิดปกติ ไม่เชื่อฟังคำสั่งที่มาจากสมองและหัวใจเธอเลยสักนิด สองมือที่วางทาบบนบ่ากว้างหวังจะผลักกายใหญ่ให้ออก แต่ไม่รู้ว่าเรือนกายสิทธิศักดิ์ปราศจากเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ กระตุ้นให้มือเล็กเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่งอย่างสะเปะสะปะ ยิ่งเป็นการเพิ่มไฟปรารถนาให้ลุกโชนมือใหญ่รีบเกี่ยวเอาเสื้อผ้าที่มีอยู่บนกายโยนทิ้งไป อย่างไม่สนใจว่ามันจะไปตกอยู่ตรงตำแหน่งใดของห้อง ใบหน้าคร้ามเต็มไปด้วยไรหนวดและเครา ประพรมจุมพิตเคลื่อนขึ้นพร้อมปลายลิ้นไล้เลียผิวเนื้อนุ่มและหอมหวานเหมือนไอศกรีมที่เคลือบด้วยคาราเมล แต่ใช่ว่าชายหนุ่มจะยอมละมือจากความอุ่นนุ่มและร้อนผ่าว “อืม...” เสียงร้องแหบพร่าและกระเส่าดังจากสองกายเป็นระยะ กายใหญ่บดเบียดความแข็งแกร่งและร้อนผ่าวกับกลีบกายอันอ่อนนุ่มเหมือนกับไหมชั้นดี
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ ปะ...ปล่อยฉันไปดีกว่า” “ปล่อยทำไมและทำไมต้องปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยถามเหมือนกับจะหยอกเย้า แต่ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยคำถากถางและเย้ยหยัน ฟันขาวสะอาดอ้างับปลายยอดถันกดขยี้แรงๆ “อยากให้ฉันบำรุงบำเรอความสุขให้จนตัวสั่นไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้ถึงมาทำสะบิดสะบิ้งเหมือนสาวขี้อาย ไม่เคยนอนกับใครมาก่อนเสียได้ล่ะ อย่างเธอน่ะคงจะยั่วเขาไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้วละแม่คุณหนูจอมยั่ว” สิทธิศักดิ์พูดอย่างลืมไป แม้ราชันย์จะไม่สนใจแม่และน้อง แต่ชายหนุ่มยังควบคุมความประพฤติไม่ให้คนใดคนหนึ่งออกนอกลู่นอกทางเสมอและบ่อยครั้งที่ส่งเขาไปดูแล“ไม่...อือ...” คำพูดที่จะปฏิเสธกลายเป็นเสียงร้องด้วยเสียวซ่านแทน เมื่อสิทธิศักดิ์ไม่ยอมฟัง สองมือเล็กที่วางทาบบนบ่ากว้างและผลักออกไปก็เหมือนเอามือไปผลักหิน ที่ไม่มีอาการขยับเขยื้อนแม้แต่อย่างใด เรือนกายเล็กบางสั่นสะท้านไหวหวิวจากริมฝีปากหนาร้อนและใบหน้าคมซุกไซ้เคลื่อนไหวลงตามหน้าท้องแบนราบเรียบ จุมพิตวนเวียนรอบหน้าท้องไร้ไขมัน สลับปลายลิ้นสอดแทรกกระเซ้าเย้าแหย่ช่องสะดือบุ๋ม สองแขนสอดกระชับบีบนวดบั้นท้ายหนั่นแน่น ดันขึ้นพร้อมเกี่ยวรูดเอาชุดนอนที่ยั







