ใช่ว่าจะไม่เคยมีชายใดสนใจ เพราะแถวบ้านมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาแจกขนมจีบเป็นประจำ แต่เธอไม่สนใจเอง ผิดกับชายคนนี้ที่เพียงแค่กวาดสายตามองมา หัวใจดวงน้อยๆ ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ร่างกายอ่อนยวบอ่อนระทวยเหมือนเรี่ยวแรงที่มีจะถูกดูดหายไป แต่ก็เหมือนกับมีอะไรดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้ถอนสายตาจากบุรุษหนุ่มเจ้าเสน่ห์ชวนหลงใหล อยากถูกเติมไฟ...ปรารถนา
‘อา...ร้อนจังเลย’ ปลายลิ้นเล็กสีชมพูยื่นออกมาไล้เลียริมฝีปากด้วยความกระหายอยากที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทันรู้ตัว ดวงตามองชายตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวกึ่งอยากรู้อยากลอง มือเล็กเรียวเย็นเฉียบด้วยความงุนงงและสงสัย เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ร้อนวูบวาบเหมือนถูกไฟเผา เกิดอารมณ์อยากกระโดดเข้าหา กดกอดและจุมพิตปากหนาๆ นั่นเร็วๆ
‘หยุด...หยุดได้แล้วยายว่าว หยุดคิดเรื่องบ้าๆ เสียที แกมาทำงาน นะ ไม่ใช่มาให้ปล้ำผู้ชาย’ กันติชาพยายามเตือนและดึงสติตัวเองให้กลับมาสู่ปัจจุบันตรงหน้า แต่ทำอย่างไรเธอก็ยังอดที่จะวาดภาพตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดชายหนุ่มตรงหน้า คลอเคลียแนบชิดและ...จุมพิตอย่างหนักหน่วงถึงใจไม่ได้
“เธอเป็นใคร และมาที่นี่ทำไม”
น้ำเสียงห้วนดุที่ออกจากปากหนาใหญ่ทั้งห้วนดุและแข็งกร้าว ยิ่งทำให้กันติชากลัวจนอยากก้าวถอยหลังแล้ววิ่งหนีกลับบ้านไป แต่พอนึกถึงจำนวนเงินเรือนหมื่นที่จะได้รับ ก็ต้องหักใจข่มความกลัวตอบกลับเขาไปเสียงเบาหวิว จนคนที่ยืนอยู่ด้วยแทบจะไม่ได้ยิน
“มาหา...คุณราชันย์ค่ะ ป้า...จันทร์บอกว่าคุณราชันย์ให้มาพบค่ะ” กันติชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เพราะต้องการปกปิดความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจและเรือนกาย โดยไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของบ้านที่เธอต้องมารับคำสั่งเรื่องการจัดทำอาหารให้
ยามกลีบปากบางขยับ น้ำเสียงเล็กหวานใสและเซ็กซี่ ยิ่งยั่วไฟปรารถนาในกายราชันย์ให้ลุกโชน ลำคอแห้งผากขึ้นมาอย่างกะทันหัน อยากจะคว้าแขนเรียวลากเข้าบ้านแล้ว...
ชายหนุ่มต้องสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านที่ไหลตามกระแสเลือดเดือดระอุ ดวงตาเข้มดุราวกับตาเสือยามมีโทสะจับจ้องที่ร่างโปร่งบางอย่างราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อ...แสนโอชะ
“มาหาฉันเหรอ...?” ราชันย์ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะร้องอ๋อในลำคอเมื่อนึกขึ้นได้ วันนี้เขาเป็นคนสั่งการให้ป้าจันทร์นัดใครมาหา
ใบหน้าคร้ามแกร่งผุดรอยยิ้มตรงมุมปากด้านหนึ่ง ความโกรธและหงุดหงิดที่ถูกปลุกจากเตียงนอนกลับกลายเป็นสนุกสนานขึ้นมา
“เธอมาหาฉันเรื่องอะไรล่ะ?” เอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว พลางกวาดสายตามองสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ พวงแก้มอิ่มเต็มเหมือนจะเห็นเส้นเลือดแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเป็นประกายเศร้าปนหวาน เชิญชวนด้วยความพิศวาสแสนหวานระคนเร่าร้อน จนเขาแทบจะเป็นบ้าตาย เพราะกระหายใคร่อยากลิ้มลองความสาวสด
กันติชาอ้าปากค้าง เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มนัยน์ตาดุคนนี้คือ...คุณราชันย์ แข้งขาสั่นเทา มือไม้เย็นเฉียบที่เกะกะจนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ในลำคอก็แห้งผาก พูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมาในฉับพลัน
“มา...”
“มา...อะไร” สองมือใหญ่ยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก แสงแดดจากพระอาทิตย์ที่สาดส่องมา ทำให้เขาร้อนจนเหงื่อแตกซิกไปตามขมับและร่องรูขุมขน แล้วยังจะร้อนด้วยไฟปรารถนาที่มาจากแม่สาวอวบสวย ที่ชวนให้หงุดหงิดงุ่นง่านและรำคาญใจ คงต้องให้ไอเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายไปเสียบ้าง มือใหญ่ยื่นไปคว้าแขนเล็กเรียวและลากเข้าไปคุยต่อในบ้าน
“โอ๊ย!! คุณทำอะไรนี่ ปล่อยหนูนะคุณ หนูเจ็บ” กันติชาเผลอเรียกตัวเองว่าหนูไปตามถนัดปาก ใบหน้าขาวเหยเก มือเล็กพยายามดึงเอาคีมเหล็กที่คีบแขนไว้ออกไป ไหนจะแรงอันมหาศาลที่ลากจนหัวตุงคว้างไปข้างหน้า อย่างกับเธอเป็นเพียงแค่ปุยนุ่นไร้น้ำหนัก
“เงียบ!” ราชันย์หันไปตะคอกเสียงดังเหมือนสิงโตคำราม ในดวงตาเป็นประกายเกรี้ยวกราดและดุร้ายเหมือนพญาเสือหนุ่มกำลังพิโรธ ลมหายใจหอบแรง เพียงแค่แตะต้องผิวกายเนียนนุ่มไฟปรารถนาที่เขาคิดว่ามันจะมอดดับกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนกายปวดร้าวแสนสุดจะทน อย่างที่ไม่คิดสิ่งใดเขาแกร่งกระชากร่างเล็กเข้ามาหาตัว สอดแขนรัดระหว่างเอวเล็กคอดบดเบียดกายใหญ่กับกายโปร่งบางจนแทบชิดไปทั่วสรรพางค์
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เรียวปากบางแต่อวบอิ่มอ้าค้าง กลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น มือที่ยกขึ้นจะผลักดันอกกว้างกลับหมดแรงเสียดื้อๆ เมื่อเจอกับความร้อนราวกับถูกไฟช็อต ใบหน้าขาวสวยเนียนเป็นสีแดงสลับซีด ศีรษะทุยได้รูปส่ายหนี แต่กลับถูกมือใหญ่จับรั้งปลายคางเอาไว้
“อย่า...” เสียงห้ามเบาหวิวขาดหาย เมื่อปากอุ่นร้อนฉกวูบลงบนเรียวปากนุ่มอย่างแม่นยำ กดคลึงสลับดูดกลืนกลีบปากนุ่มหวาน ปลายลิ้นสากระคายลากไล้ไปทั่วเรียวปากนุ่ม สอดแทรกเข้าไปแตะไล้ฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม
มือใหญ่กระชับท้ายทอยให้หญิงสาวรับจุมพิตแผดร้อนอย่างถนัดถนี่ ก่อนขยับเคลื่อนไปตามลำคอระหง เรื่อยลงไปถึงไหล่กว้าง ลูบไล้แผ่นหลังนุ่มบางอยู่เป็นชั่วครู่ ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปลูบไล้ผิวกายแท้ๆ ที่เนียนและนุ่มดุจใยไหม
“อืม...หวาน” เอ่ยเสียงแหบพร่า พลางกดย้ำจุมพิตลงไปดื่มด่ำกับปากอิ่มนุ่มแสนหวานละมุนอย่างหนักหน่วงหลงใหล
กันติชาทำอะไรไม่ถูกได้ แต่ยืนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนใหญ่ เรียวปากนุ่มถูกบุกรุกอย่างอาจหาญ ลิ้นสากร้อนแต่งแต้มไปทั่ววงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กๆ อย่างเอาแต่ใจ บัวตูมเต่งตึงถูกฟอนเฟ้นอย่างหนักหน่วงและรุนแรงจนเจ็บ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเสียวซ่านและรัญจวนใจ ปั่นป่วนในช่องท้อง สองขาเรียวยาวสั่นเทาจนยืนไม่อยู่ ต้องรีบเอนกายอิงแอบร่างหนาใหญ่
“อืม...อย่า” กายสาวสั่นระริกด้วยเปลวไฟร้อนผ่าวที่แล่นพล่านไปทั่ว จุมพิตที่ได้รับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับวิญญาณถูกดูดกลืนออกจากร่างไปอย่างเชื่องช้า ความช่ำชองที่อีกฝ่ายมีทำให้ใจสาวไม่ประสายอมสยบ ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ปล่อยตัวรับสัมผัสอบอุ่นแฝงไว้ด้วยความกระหาย
ปลายลิ้นเล็กๆ ตวัดไล้ตอบรับลิ้นสากระคาย มือที่ไม่รู้ว่าถูกปล่อยตั้งแต่เมื่อไหร่จับแขนใหญ่และจิกลงไปแรงๆ สลับเคลื่อนไปตามความแข็งแกร่ง ใบหน้าแดงปลั่งแหงนหงายไปด้านหลัง ให้จุมพิตร้อนผ่าวที่ดูดกลืนวิญญาณเธอให้ออกจากร่างเคลื่อนไปขบเม้มลำคอระหงอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและหลงใหล
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว