“ดีสิลูก เราต้องมองคนที่ฐานะมั่นคงเพื่ออนาคตของเรานะรู้ไหม”
“แต่ว่า...หนูเพิ่งเรียนจบเอง”
“ก็รู้จักกันไว้ ศึกษาดูใจกันไปสักพัก ถ้าไปด้วยกันได้ ค่อยแต่งไง ว่าแล้วก็รอแม่แป๊บนะ เดี๋ยวจะบอกให้เพื่อนแม่ส่งรูปหนุ่มๆ โปรไฟล์ดีๆ มาให้ คนสวยของแม่จะได้พิจารณา ดีไหมจ๊ะ”
“แล้วแต่คุณแม่เถอะค่า หนูยังไงก็ได้” บอกอย่างเขินๆ ถูกมารดาตบกระหม่อมไปทีสองทีอย่างเอ็นดู เธอถนัดนักเรื่องออดอ้อน มารดาที่รักเทิดทูนเธอไว้บนหิ้งเชียวล่ะ จะเหลือก็แค่พี่เขยตัวดี พวกเขาแต่งงานกันเพราะอะไรกันนะ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าพี่อุ่นกับศรัณรักกัน บางทีพวกเขาอาจแต่งงานกันเพราะสัญญาบางอย่าง และไม่มีทางที่คนอย่างพี่อุ่นจะให้ใครแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ด้วย ขนาดคบกับพี่ธีมาหลายปี เจ้าตัวยังไม่มีอะไรกันเลย เธอรู้ดี เพราะแอบเห็นพวกเขาทะเลาะกันหลายครั้ง ในเรื่องที่พี่สาวเธอทำตัวเป็นเต่าล้านปี ไม่ยอมมีเซ็กซ์กับแฟนตัวเอง และสุดท้าย ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างพี่ธีก็ถูกพี่รุ้งแย่งไป
“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ทั้งสองคนเลย ถ้าเกิดว่าพวกพี่ไม่ได้มีอะไรกัน แล้วฉัน...ได้สนุกกับศรัณก่อนพี่ล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น แค่คิดก็กระชุ่มกระชวยแล้วพี่อุ่น หึๆๆ”
แม้กระทั่งความคิดยังร้ายกาจ อรุณฉายเป็นพวกที่เกิดมาแล้วต้องได้ทุกอย่าง เพราะถูกตามใจ เลยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้ นั่นทำให้หญิงสาวมีอิสระทางความคิด และสิ่งนั้นบางครั้งก็ช่างล่อแหลมเหลือเกินในแง่ศีลธรรมจรรยา แต่ว่า...ใครจะสั่งสอนหล่อนได้เล่า ในเมื่อผู้คนที่พบเจอ ต่างเข้าใจไปว่าอรุณฉายเป็นเพียงเด็กสาววัยสดใส ขี้ใจร้อน แต่ไม่มีพิษภัย และไม่เคยมีแฟน
หญิงสาวฉลาดเสมอในการทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอเป็นคนอย่างไร ทว่าบางครั้งความลับก็มิอาจปกปิดให้สนิทได้ คนที่รู้ว่าเธอเหลวไหล ชอบออกนอกลู่นอกทางจึงมีอยู่ตั้งหนึ่งคน นั่นคือ...อารดา
_________________
ณ เรือนไม้หลังงาม ที่มีฉากหลังเป็นดงกล้วยหอม มาลา สตรีวัยสี่สิบสี่ เริ่มมองหาสมาชิกในครอบครัวที่ควรมารวมตัวกันเพราะใกล้เวลามื้อเที่ยงแล้ว
ชุน ผู้เป็นสามีของมาลานั้น เดินเข้ามาใต้ถุนเรือนในไม่กี่นาทีให้หลัง หนุ่มใหญ่วัยไล่เลี่ยกับภรรยา อยู่ในชุดอย่างคนสวน หมวกปีกกว้างที่สวมอยู่ถูกปลดจากศีรษะมาโบกลมหวือๆ เข้าตัว
มาลารีบหาน้ำมาให้สามีดื่ม
“เป็นยังไงบ้างพี่ ยังเก็บงานไม่เสร็จอีกเหรอ”
“อือ…สวนทางเหนือโค่นไปหลายร้อยต้น สองสามวันนี้คงช่วยกันค้ำไม่เสร็จแน่ๆ แล้วลูกกลับมาหรือยัง” ถามหาลูกชายที่ช่วยงานอยู่ที่สวนอีกฝั่งทางทิศใต้
“น่าจะมาแล้วมั้ง พี่ดื่มน้ำเย็นๆ รอไปก่อน หรือถ้าหิวก็กินก่อนก็ได้”
คนเป็นสามีโบกมือปฏิเสธ ต้องรอกินพร้อมหน้าสิถึงจะอร่อย
ไม่กี่นาทีต่อมา รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ก็แล่นมาจอดที่หน้าเรือน มาลาโผล่หน้าออกจากครัว เห็นลูกชายลงรถมาและกำลังล้างมือล้างเท้าอยู่ข้างบันได
“ฟีฟ่า! ฟีฟ่าเอ๊ย! กินข้าวได้แล้วลูก”
มาลาร้องบอกใครบางคนบนเรือน ชุนยิ้มร่าเมื่อได้ยินเสียงวิ่งของเด็กน้อย ฟีฟ่า เด็กชายวัยห้าขวบเศษๆ วิ่งลงบันไดมาพร้อมสมาร์ตโฟนในมือ พอดีกับอีกคนที่เพิ่งลงจากรถ ชายหนุ่มล้างมือล้างเท้าเสร็จแล้วเดินเข้ามาใต้ถุนเรือน ใบหน้าของเขาละม้ายคล้ายคลึงชุนกับมาลา คิ้วหนา ตาคม ริมฝีปากหยักได้รูป ดูรวมๆ แล้วก็หน้าตาหล่อเหลาไม่น้อย
“ทางโน้นเป็นยังไงบ้างล่ะ” คนเป็นบิดาถามลูกชายทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาถึงโต๊ะอาหาร
“ดีกว่าทางนี้ครับ ต้นไม่ค่อยโค่น แต่ก้านหักไม่น้อยเลย” ชนนท์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ด บอกบิดาแล้วนั่งลงอย่างเซ็งๆ หยิบสมาร์ตโฟนของตัวเองขึ้นมาเช็กไลน์เช็กเฟซแล้วมุ่นคิ้ว เหงื่อที่ไหลลงตามแนวจอนมิได้ทำให้เจ้าตัวใส่ใจมันเลย “เออ! ก็ดี...เลิกก็เลิกสิ! ไม่เห็นจะง้อ!”
เสียงบ่นนั้นทำให้ฟีฟ่าต้องหรี่ตามองคนที่มากวัยกว่า
“เลิกกะแฟนคนที่ร้อยเหรอคับ”
“อย่ามายุ่ง! แก่แดด” ว่าเจ้าเด็กแสบจอมป่วน ก่อนที่สมาร์ตโฟนของเขาและของฟีฟ่าจะโดนแย่งไปจากมือ “โอย...แม่!”
“กินข้าวซะ ห้ามเล่นมือถือ” มาลาสั่งลูกแล้วผายมือให้ทุกคนรอบโต๊ะอาหาร มื้อเที่ยงอย่างง่ายๆ จึงเริ่มต้นขึ้นในตอนนั้น เสียงช้อนกระทบจานดังมาให้ได้ยินไม่หยุด ทุกคนเจริญอาหารดี โดยเฉพาะเจ้าเด็กแสบวัยห้าขวบ
“เพลาๆ ลงซะบ้างเถอะ อายุเพิ่งแค่นี้ เดี๋ยวโรคภัยถามหาพอดี”
คนเป็นบิดาเตือนลูกชาย รู้มาตลอดว่าเจ้าคนนี้มันเจ้าชู้ คบผู้หญิงทีละหลายคน แต่ไม่เคยพามาที่บ้านให้คนเป็นแม่ต้องปวดหัวหรอก
“โธ่...พ่อ จะพูดทำไม เดี๋ยวแม่ด่า”
“ด่าแน่นอนถ้าเงินเดือนแกไม่ถึงมือฉัน ทำงานหาเงินก็ต้องให้แม่สิ ไม่ใช่เอาไปเลี้ยงสาวซะหมด ถ้าคราวหน้าได้ข่าวว่าซื้อทองให้สาวอีกละก็ แม่จะบอกให้พี่เขางดจ่ายเงินเดือน”
“โห...แม่!? แม่นี่โหดจริงๆ แล้วนี่รู้ได้ยังไงว่าผมซื้ออะไรให้ใคร”
“คนเขาลือกันทั้งตลาดว่าแกไปติดลูกแม่ค้าเขียงหมู”
“โธ่...แค่คุยๆ น่า เด็กมันน่าเอ็นดู”
สีแดงระเรื่อเรืองรองขึ้นที่พวงแก้มของอารดา เธอรู้สึกได้ถึงแก้มอันร้อนผ่าวของตัวเอง“กิน...ฉะ...ฉัน ฉันเหรอ ฉันคง...ไม่อร่อยหรอก” บอกเขาแล้วกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ มันช่างยากเย็นนักศรัณทิ้งถ้วยชาที่ทำจากกระเบื้องเคลือบบางๆ ลงข้างแคร่ โดยไม่กลัวว่ามันจะแตกหัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วแตะที่แก้มของอารดา ใช้มือข้างหนึ่งประคองแก้มหล่อนไว้ ถ่ายทอดไออุ่นที่สตรีนางใดก็มิอาจผลักไส“ขอชิมก่อนสิ แล้วจะบอก...ว่าอร่อยหรือเปล่า”เธอส่ายหน้าน้อยๆ แต่ลมหายใจเริ่มหอบแรงเมื่อศรัณลูบไล้ลงมาที่ต้นคอของเธอ เขาจงใจแตะต้องตรงนั้นให้ขนอ่อนบนร่างสาวได้ลุกซู่ชูชัน เขาช่างร้ายกาจนัก“ฉัน...คงรสชาติเหมือนน้ำแข็งเกล็ดหิมะที่ยังไม่ได้ราดน้ำหวาน”“งั้นผม...จะราดน้ำหวานให้ดีไหม ผมมี น้ำหวาน เยอะเลย...”ยั่วเย้าหล่อนด้วยวาจาที่แผ่วเบาคล้ายเสียงกระซิบ วางมือลงที่ปมผ้าถุงตรงหน้าอกของหล่อน อารดาหายใจแรงขึ้นจนเนินทรวงกระเพื่อมไหว“จะกินฉันจริงเหรอ ถ้าฉัน...ไม่อร่อยจริงๆ ล่ะ”เขายิ้มกับคำถามไร
[7]รักร้อนๆ ในกระท่อมน้อยๆ------------------หนุ่มสาวฝ่าสายฝนกลับกระท่อม อารดาหนาวจนสั่นไปทั้งตัว แต่กระนั้นก็ไม่อาจทัดทานเมื่อศรัณพาเข้าไปในห้องน้ำ พวกเธออาบน้ำด้วยกัน เสื้อผ้าเปียกๆ ของเธอถูกดึงทิ้ง เธอหนาวจนมือชา จับขันตักน้ำยังไม่ได้ศรัณตักน้ำมาราดหัวเธอครั้งแล้วครั้งแล้ว สระผมให้เธออย่างเร็วแต่ไม่ยอมฟอกสบู่ให้ เขายื่นสบู่ก้อนเล็กมาให้เธอ ก่อนจะหันไปจัดการตัวเองบ้าง เธอหันหลังให้เขาตลอดเวลา ถูสบู่ลวกๆ เพราะหนาวเหลือเกินแล้ว“ถ้าไม่ถูดีๆ จะจับถูให้ทั้งตัวเลย”เขาขู่คนที่ยืนหันหลังอยู่ พยายามไม่มองร่างเปลือยของอารดา หากไม่ใช่ในสถานการณ์นี้ละก็ รับรองว่าหล่อนไม่รอดแน่ๆ เขาคงจัดการหล่อนในห้องน้ำแคบๆ นี่แหละหญิงสาวรีบอาบน้ำตามที่เขาสั่ง อายก็อาย หนาวก็หนาว มือก็เร่งถูสบู่ อาบน้ำล้างตัว จะได้ออกไปข้างนอกไวๆ และก็เหมือนสวรรค์ทำร้าย เสื้อผ้าที่เธอคิดว่าจะได้ใส่ให้คลายหนาว ทุกผืนชื้นไปด้วยไอจากหยาดพิรุณ“ผมกลับมาไม่ทัน หน้าต่างเปิดไว้ ฝนเลยสาดเข้ามาโดนเสื้อผ้าชื้น
“เออ...ท้องโย้มาเมื่อไหร่ละน่าดู ฉันไม่เอานะแม่เด็กพวกนั้นน่ะ หนังสือหนังหาไม่เรียน ขี่มอ’ไซค์แรดไปหาผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที ฉันไม่ชอบ!”ชนนท์ยกมือยอมแพ้ อย่าได้คิดปิดบังเรื่องอะไรจากมารดาเลย นางคงมีหูทิพย์ตาทิพย์น่ะ“แรด! ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ด้วยเหรอ ฟีฟ่าไม่เห็นรู้เลย”คำถามแสนซื่อทำเอาสองหนุ่มต่างวัยกลั้นขำ ส่วนมาลาถึงกับอ้าปากค้าง เอามือตะครุบปากเจ้าตัวแสบอย่างไว “โอ...ไม่เอาๆ ไม่พูดตามนะฟีฟ่า โอ๊ย...ฉันพูดอะไรไปเนี่ย ลืมไปเลยว่าฟีฟ่านั่งอยู่ เพราะเจ้านนท์แท้ๆ เลย”“อ้าว? เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”“ก็แกนั่นแหละ ชอบหาเรื่องให้ฉันพูดมาก รีบกินแล้วรีบไปทำงานเลยนะ เห็นหน้าแล้วโมโห!”ชนนท์รีบหุบปากฉับ เขาแค่หาอะไรทำให้หายเหนื่อยจากการทำงาน มารดาที่รักไม่เข้าใจ เขาเป็นผู้ชาย เรื่องเจ้าชู้นี่มันห้ามไม่ได้ ใครทอดสะพานมาให้ก็เอาหมดนั่นแหละ เขาเป็นนักรักนี่นา แม้หลายๆ ครั้งจะสับรางไม่ทันบ้างจนถูกสาวๆ บอกเลิกรายวันก็เถอะ_________________เข้าสู่วั
“ดีสิลูก เราต้องมองคนที่ฐานะมั่นคงเพื่ออนาคตของเรานะรู้ไหม”“แต่ว่า...หนูเพิ่งเรียนจบเอง”“ก็รู้จักกันไว้ ศึกษาดูใจกันไปสักพัก ถ้าไปด้วยกันได้ ค่อยแต่งไง ว่าแล้วก็รอแม่แป๊บนะ เดี๋ยวจะบอกให้เพื่อนแม่ส่งรูปหนุ่มๆ โปรไฟล์ดีๆ มาให้ คนสวยของแม่จะได้พิจารณา ดีไหมจ๊ะ”“แล้วแต่คุณแม่เถอะค่า หนูยังไงก็ได้” บอกอย่างเขินๆ ถูกมารดาตบกระหม่อมไปทีสองทีอย่างเอ็นดู เธอถนัดนักเรื่องออดอ้อน มารดาที่รักเทิดทูนเธอไว้บนหิ้งเชียวล่ะ จะเหลือก็แค่พี่เขยตัวดี พวกเขาแต่งงานกันเพราะอะไรกันนะ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าพี่อุ่นกับศรัณรักกัน บางทีพวกเขาอาจแต่งงานกันเพราะสัญญาบางอย่าง และไม่มีทางที่คนอย่างพี่อุ่นจะให้ใครแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ด้วย ขนาดคบกับพี่ธีมาหลายปี เจ้าตัวยังไม่มีอะไรกันเลย เธอรู้ดี เพราะแอบเห็นพวกเขาทะเลาะกันหลายครั้ง ในเรื่องที่พี่สาวเธอทำตัวเป็นเต่าล้านปี ไม่ยอมมีเซ็กซ์กับแฟนตัวเอง และสุดท้าย ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างพี่ธีก็ถูกพี่รุ้งแย่งไป“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ทั้งสองคนเลย ถ้าเกิด
อารดาส่ายหน้าระอากับความหน้ามึนของสามีวัยละอ่อน เธอกระถดกายถอยห่างเขา แต่เขาก็ขยับตามมา มือข้างหนึ่งยังคว้าเอวเธอไว้ ดันร่างเธอเข้าหาแผงอกเปียกชุ่มของตัวเองดวงตาสองดวงสานสบกันเนิ่นนาน ส่งแววหวานที่อารดามิอาจจะทานทน เธอหลบเลี่ยงสายตา บอกเขาในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่“เลิกมองแบบนั้นนะ ฉันอาย” บอกเขาแล้วก้มหน้าลง เธอตกใจไม่น้อยเมื่อเสื้อที่สวมอยู่เปียกลู่จนทำให้เห็นเสื้อชั้นในที่กำลังโอบอุ้มพุ่มทรวง เธอเอามือปิดไว้ กลัวว่าเขาจะเห็น เขาปล่อยเอวเธอ แต่กลับดึงมือเธอออก ราวกับว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ผิดมหันต์“ให้ผมมองบ้างสิ ผมเป็นเจ้าของมันนะ”อารดาอยากจะเถียงว่าไม่จริง แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากเขาก็ประกบลงมาเพื่อบดบี้ขยี้จูบ จนปากเย็นชื้นของเธอเริ่มร้อนผ่าว เธออยากผลักไส แต่หัวใจในอกกลับคัดค้าน ก็รสจูบหวานๆ ใครจะทัดทานได้เล่า“เก่งจริง จูบเก่งขึ้นเยอะเลย”เขาชมเปาะ แต่เธอยิ่งอับอายในคำชมนั้น “พอเถอะ ฉันอาย”“อายทำไม ต่อไปเราต้องทำมากกว่านี้นะ”“ฉันขอเวลา ขอไปหลา
[6]ทัดดอกรักให้ปักที่กลางใจศรัณกับอารดาอยู่ในสวนกล้วยจนเกือบเที่ยง อารดาปวดน่องไม่น้อยเมื่อการเดินพร้อมหัวปลีหัวใหญ่ๆ กับน้ำดื่มอีกสองขวดเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำ อันที่จริง การถูกกักตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก เธอรู้สึกเหมือนได้พักสมองอย่างจริงจัง ไม่ต้องคิดเรื่องราวชวนปวดหัว ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร แค่อยู่ที่นี่ มีอะไรให้ทำบ้างนิดๆ หน่อยๆ เธอพยายามปรับตัวละนะ และพอปรับตัว เธอก็เป็นสุขกับมันขึ้นมาบ้าง“ตรงหน้ามีสะพานระวังด้วยน้า”เสียงศรัณร้องบอกอยู่ข้างหลัง อารดามองสะพานที่เป็นไม้แผ่นหนาเพียงแผ่นเดียววางพาดท้องร่อง เธอยังไม่ชินกับมันสักเท่าไหร่ ทุกคราวที่ต้องข้ามสะพาน ศรัณจะคอยช่วยเสมอ แต่ถ้ามัวแต่รอให้เขาช่วย เธอก็คงข้ามเองไม่ได้สักที“ผมช่วย!” เขาร้องดังๆ เมื่อเห็นหล่อนก้าวขาลงแผ่นไม้“ไม่! ฉันจะข้ามเอง มันก็แค่สะพาน ไม่ได้สูงเสียหน่อย ตกไปคงไม่เจ็บหรอกน่า” พูดอย่างนั้นแต่ขาเริ่มสั่นเมื่อถึงกลางแผ่นไม้ ในอ้อมแขนยังมีหัวปลีกับน้ำสอ