LOGINแม้เพื่อนๆ จะยุว่าเป็นดาราได้เงินเยอะ ถึงขั้นร่ำรวยถ้ามีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ มันก็ไม่สนใจ ทั้งที่ทุกวันนี้มันก็ร้องเพลงเล่นดนตรีในผับเพื่อหาเลี้ยงชีพ การได้เข้าวงการน่าจะดีกับอาชีพของมัน มันก็ไม่สนใจอีก
ดูมันเป็นคนไม่กระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้ ทั้งที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าหอด้วยซ้ำ แต่...ดันมีเงินซื้อของกินมาเต็มโต๊ะ ไหนจะเบียร์กระป๋องตั้งหลายแพ็ก
มันชักจะยังไงอยู่นะ
เราออกไปถ่ายรูปกับคลื่นและชายหาด จากนั้นก็อัปภาพลงโซเซียลฯ ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม แต่ไม่วายมีคนบ่น คนที่ทำหน้าที่แท็กเพื่อนๆ นั่นแหละ
“แท็กทุกคนแล้วนะ ยกเว้นไอ้คนไม่เล่นโซเชียลฯ ทั้งหลายแหล่” แล้วมันไปมองไอ้ตรีอย่างหมั่นไส้
“ถ้ากูหล่อเท่ามันนะ จะโพสรูปวันละร้อยรูป จะเป็นยูทูบเบอร์ จะได้มีช่องทางหาเงิน” ไอ้ปีไม่วายบ่น คงเพราะเสียดายความหล่อ เท่ของเพื่อนที่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากความหน้าตาดีของตัวเอง นอกจากโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆ ไปวันๆ
“บ่นแต่เรื่องเดิมๆ มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะ” ไอ้ตรีพูดเสียงเนือยๆ เหมือนเบื่อหน่าย เพราะได้ยินไอ้ปีบ่นทำนองนี้มานานแล้ว ตอนแรกทุกคนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา แต่คบกันไปนานๆ ก็รู้นิสัยมันที่ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คนมากมาย นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิท แต่บางครั้งฉันก็สงสัย เพราะตอนเรียนมอต้น ไอ้ตรีมันก็เคยเล่น
เฟซบุ๊ก ปิดบัญชีไปตอนที่มันกลับไปกรุงเทพฯ นั่นอีกเหตุผลที่ฉันกับมันติดต่อกันลำบากในช่วงเวลานั้น เพราะฉันไม่ได้มีเงินมากพอจะโทร. หามันบ่อยๆเมื่อเวลาสองทุ่มกว่า คนบนชายหาดแทบไม่มี พวกเราก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มีแต่เสียงหัวเราะ หยอกเย้า กลั่นแกล้ง ด่ากันขำๆ ทุกอย่างคือความสุข ที่ฉันคิดว่าจะเป็นความทรงจำที่งดงามของชาวแก๊งตลอดไป
หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็กลับที่พัก หอบหิ้วของกินที่เหลืออีกเยอะ รวมทั้งเครื่องดื่มกลับไปด้วย พร้อมตั้งวงไปจนหลับนั่นแหละ
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย เราก็มารวมตัวกันในห้องโถงของบ้านพักทันที อาหารบางอย่างเย็นแล้วก็จัดการอุ่น
เพราะกลับมาถึงบ้านพักแล้ว ฉันเลยกินเบียร์แบบไม่ต้องห่วงเมาเหมือนตอนอยู่ที่ชายหาด รวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย ดูเหมือนไอ้ปีจะเมาก่อนเป็นคนแรก เพราะจู่ๆ มันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเพื่อนๆ ตกใจ มันไม่เคยเมาแล้วร้องไห้มาก่อน มีแต่เมาแล้วร้องเพลงไม่หยุดหรือไม่ก็หลับน็อกคาแก้วเบียร์
“มึงเป็นบ้าอะไรอยู่ๆ ก็ร้องไห้” ไอ้พัทถามพร้อมกับกอดคอ บีบบ่ามันอย่างปลอบๆ
“น้องวิว...บอกเลิกกูก่อนเดินทางมาที่นี่”
“อ้าว ทำไมมึงเพิ่งมาบอก” ยัยนุ่นเอ่ยขึ้น
“ก็กูไม่อยากให้พวกมึงมาเครียดกับกูไง ฮือๆ แต่ตอนนี้กูไม่ไหวแล้ว กูผิดด้วยเหรอที่จน”
“อะไรของมึง”
“ก็น้องเขาอยากไปเที่ยวเกาหลี กูไม่มีเงินพาไปไง แล้วเขาก็บอกเลิกกูเฉยเลย แล้วก็ไปเที่ยวเกาหลีกับผู้ชายคนใหม่ที่หล่อสู้กูไม่ได้ ฟรวยก็น่าจะเล็กกว่า แต่เขามีเงินมากกว่าไง ฮือๆ”
ไอ้คนหล่อ ฟรวยใหญ่ แต่ดันจน ปล่อยโฮออกมาลั่นเลยงานนี้
“ช่างแม่งสิวะ มึงทั้งหล่อ ฟรวยก็ใหญ่ ไม่นานมึงก็หาแฟนใหม่ได้”
“หามาได้ก็ทิ้งกูอีกแหละ ทำไมพวกผู้หญิงถึงเห็นแก่เงินจัง”
“อ้าว ไอ้นี่” ฉันกับยัยนุ่นอุทานออกมาพร้อมๆ กัน
“ก็มึงโง่ไง แทนที่จะหาผู้หญิงที่เขาไม่ได้เห็นแก่เงิน มองแต่ความรักเป็นหลักน่ะ มึงก็มองหาสิ!” ยัยนุ่นแว้ดใส่ไอ้ปี พร้อมทั้งเบิ๊กกะโหลกมันไปหนึ่งที
“กูจะหาเจอมั้ยล่ะ ฮือๆ”
“พอแล้วนุ่นอย่าด่ามันมาก” ฉันปราม แล้วเปิดเบียร์กระป๋องใหม่ให้มัน จะได้เมาหลับไปเลย ไม่อยากให้มันร้องไห้ ฟังแล้วปวดใจ เพราะปกติไอ้ปีมันเป็นคนที่ทะเล้น ช่างพูดและร่าเริงที่สุดในกลุ่ม
“คอยดูนะ ต่อไปนี้กูจะไม่รักใครทั้งนั้น นอกจากพวกมึง”
“อือๆ กินไป” ไอ้พัทยกมือของมันที่ถือกระป๋องเบียร์เปิดใหม่จ่อปากมันทันที
ไอ้ปีกินเบียร์ไปสลับร้องไห้อยู่พักใหญ่ ก่อนจะหลับน็อกบนโซฟา
“พามันไปนอกในห้องก่อนมั้ย” ฉันบอกเพื่อน
ไอ้ตรีกับไอ้พัทจึงพยุงมันไปยังห้องนอน แล้วทั้งสองก็กลับมาร่วมวงกันตามเดิม
“สงสารมันเหมือนกันนะ อุตส่าห์มาเที่ยว ดันมีเรื่องให้เศร้าใจอีก” ยัยนุ่นพึมพำ
“ช่างเถอะ อกหักเป็นเรื่องธรรมดาว่ะ และที่ผ่านมาก็ใช่ว่ามันจะเพิ่งอกหักครั้งแรก
“เออ จริง นี่ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งยันเรียนจบ มันอกหักทุกปีเลยนะโว้ย”
“แถมอกหักแล้วก็ไม่เคยว่างได้เกินสองเดือน มีแฟนใหม่ตลอด”
“ก็อย่างที่รู้ มันหล่อ และฟรวยใหญ่ไง ฮ่าๆ” ไอ้พัทพูดจบก็หัวเราะร่วน ทำให้ยัยนุ่นฟาดฝ่ามือไปที่ไหล่มันเต็มแรง
“มึงหยุดพูดเลย ไอ้ปีแม่ง เมาแล้วก็พูดเพ้อเจ้อจริงๆ”
“ใช่ คนที่หล่อและฟรวยใหญ่ของจริง มันยังไม่ขิงใครเลย” ไอ้พัทว่าแล้วปรายตาไปยังไอ้ตรี ที่นั่งดื่มเงียบๆ มานาน
“อย่ามาพาดพิงกูโว้ย” ไอ้ตรีตอบสั้นๆ แล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม จังหวะนั้นฉันคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ มันปรายตามาทางฉันนิดๆ และมันส่งผลให้แก้มฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
::::::::::::::::::::::
เวลารัดสะโพกกูจะเป็นยังไง แต่คืนนั้นมึงทำให้ความฝันกูเป็นจริง”“แต่วันนั้นมึงร้องไห้นะ”“กูสารภาพ ร้องไห้เพราะดีใจว่ะ”“ไอ้ตอแหล” ฉันตีไหล่มันเต็มแรง“ที่ผ่านมามึงหวังฟันกูตลอดเลยใช่มั้ย”“เออ”“ไอ้เพื่อนเหี้ย” ถึงจะด่ามันแบบนั้น แต่ฉันก็รู้สึกไม่ได้โกรธมันจริงจัง อาจเพราะมันพูดความจริง ซึ่งมันดีกว่าการโกหกอยู่แล้ว“แต่กูไม่ได้มีนมใหญ่อย่างกิ๊กมึงนะ หุ่นกูก็ผอมแห้งขนาดนี้”“แต่หอยมึงอวบ กูชอบ”“ไอ้เวร” ฉันตีมันอีกครั้ง และมันก็หัวเราะเสียงดัง“ต่อให้มึงนมเล็กยิ่งกว่านี้ และหอยมึงไม่อวบ กูก็ชอบ กูชอบทุกอย่างที่เป็นมึงนั่นแหละ” น้ำเสียงมันจริงจัง และแววตาก็อ่อนโยนลึกซึ้งจนฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าจะรักมันแบบเพื่อนต่อไปได้หรือเปล่า“มึงรักกูเหรอ” จู่ๆ ฉันก็ถามมันออกไปตรงๆ“ก็แน่นอนกูรักอยู่แล้ว แต่อย่าถามว่าแบบไหน เพราะกูรักมึงทุกแบบ”ฉันคงหวั่นไหวแล้วจริงๆ เพราะจู่ๆ ฉันก็อยากจูบมันอีกครั้ง และฉันก็ทำตามที่คิดอย่างว่องไว มันจูบตอบ เป็นจูบที่ต่างจากเมื่อครู่ เพราะเป็นจูบที่อ่อนโยน ดูดดื่ม ลึกซึ่ง ก่อนจบลงที่มันจูบไปทั่วดวงหน้าของฉันอย่างทะนุถนอม จบลงที่จูบเม้มปลายจมูกฉันเบาๆ แล้วกอดฉันไว้ พร้อม
ยืดที่เวลาลอยคอในน้ำแบบนี้ มันก็รั้งขึ้นสูง กระทั่งมือใหญ่นั้นไล้วนอยู่บนทรวงอก แม้จะมีชุดว่ายน้ำแบบทูพีชที่ซ่อนอยู่ข้างในอย่างมิดชิด แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงแรงสัมผัสจนใจสะท้าน วาบหวิวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ไม่คิดจริงๆ ว่าตัวเองจะไวต่อสัมผัสของมันเร็วขนาดนี้“มึงชอบให้กูทำแบบนี้ ทำไมต้องปฏิเสธ” มันพูด ตอนนี้ก็บีบเค้น และปัดป่ายไปทั่วทรวงอก ฉันสั่นสะท้านกว่าเดิม“ตรี ขอร้องอย่าทำ ไม่ยังงั้นกูจะเป็นคนเหี้ยๆ คนหนึ่งที่นอกกายแฟนจริงๆ เพราะตอนนี้กูไม่ได้ถูกยาปลุกเซ็กซ์ที่ไหน ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ”“กูหยุดก็ได้ แต่คิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเหรอระหว่างเรา มึงควรบอกเลิกน้องริน ก่อนที่มันจะสายเกินไป”ฉันนิ่งกับคำพูดของมัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่คิด แต่ยอมรับว่าลังเล และยังอยากจะลองนอนกับน้องรินอีกครั้ง เพราะฉันไม่อยากให้เรื่องราวของตัวเองกับไอ้ตรีไปไกลกว่านี้“ถึงกูจะบอกเลิกน้องริน มึงกับกูก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”“เพื่อนที่สามารถนอนกันได้” มันต่อคำของฉันหน้าตาเฉย“มึงเห็นกูเป็นที่ระบายเซ็กซ์ของมึง ไม่ต่างจากกิ๊กของมึงใช่มั้ย”“การที่ได้นอนกับคนที่ผูกพัน มันต่างมาก กูไม่รู้จะอธ
“ตอนนั้นพ่อแม่กูเลิกกัน แม่ก็ไม่อยากให้กูพูดเรื่องพ่อ และตอนนั้นกูกับแม่ก็ไม่ได้รวยไง”“ตอนมึงไปเรียนลอนดอนก็ไม่ได้บอกนะ”“ก็...นั่นแหละ ตอนนั้นมึงกับกูก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ตอนนั้นมึงมีแฟนด้วยนี่ ใช่มั้ย มึงเองก็ไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่”“เออ ก็ตอนนั้นเพิ่งเคยมีแฟนก็เลยเห่อหน่อย มึงคงไม่น้อยใจหรอกใช่มั้ย”“นิดหน่อย แต่ตอนนั้นชีวิตกูก็ยุ่งๆ กับการปรับตัวทั้งที่โรงเรียนและปรับตัวเพื่อจะอยู่กับไอ้โทแบบสงบสุข แถมต้องรับมือกับการหาเรื่องของไอ้แทนไท ซึ่งมันก็ดันเรียนที่นั่นเหมือนกัน ดีที่มีไอ้โทคอยจัดการมัน”“ฟังมึงพูดแล้ว ไอ้พี่มึงคนนี้เอาเรื่องเหมือนกันเนาะ เสียดายกูไม่ทันได้รู้จัก ก็ไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่ลงนรกเหมือนไอ้ปากหมามันพูดนะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่กูรู้แน่ๆ ไอ้แทนไทน่ะ ตายไปมันได้ลงนรกแน่!”ประโยคสุดท้ายของไอ้ตรีทำฉันขนลุก เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมันพอฉันมองมันอึ้งๆ มันก็หัวเราะ“ก็นิสัยแม่งเหี้ยแบบนั้น มึงคิดว่ามันจะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ”“เออ ก็จริงของมึง ขนาดกูเจอมันครั้งแรก มันยังเหี้ยใส่ขนาดนี้ บอกตรง ถ้ากูเป็นมึง กูคงฆ่ามันไปแล้วแหละ ไหนจะมาแย่งพ่อ แล้วไหนจะมาเยาะเย้ยถ
ในนาทีนั้นเองฉันแกะมือไอ้ตรีออกข้อมือ แล้วหมุนตัวแล้วจระเข้ฟาดหางไปบนลำตัวไอ้ปากหมาให้ไปนอนบนพื้นทรายอีกรอบก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายจับข้อมือไอ้ตรี และยัยนุ่นเดินลิ่วไปจากตรงนั้นทันทีฉันยังไม่ปล่อยมือจากไอ้ตรี ตั้งใจจะพามันไปซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันสงสัย แต่ไอ้ปีกับไอ้พัทวิ่งตามหลังมา“เฮ้ย พวกมึงจะไปไหนเนี่ย ไม่เล่นน้ำกันหรือไง”“พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ตรีมัน พวกมึงไปเล่นก่อนเหอะ นุ่นด้วย ไปเล่นกับไอ้สองคนนี้ก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลากแขนไอ้ตรีกลับไปยังบ้านพัก“ตกลงมึงกับไอ้ปากหมานั่นคือ...” พอมานั่งในห้องโถงบ้านพักฉันก็ตั้งคำถามที่พอจะเดาออกอยู่บ้าง แต่อยากฟังชัดๆ จากปากไอ้ตรี“มันคือลูกบุญธรรมของพ่อกูเอง”“ตกลงมันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อมึง”“ไม่ใช่ มันเป็นหลานของแม่เลี้ยงกู ที่เขารับมันเป็นลูกบุญธรรมน่ะ กับเมียใหม่ เขาไม่ได้มีลูกด้วยกันหรอก”“อือ...แบบนี้เอง แล้วเรื่องที่ไอ้นั่นพูด มันคืออะไร เร่ร่อนที่ลอนดอน แล้วแฝดคนละแม่คืออะไร ชื่อไรนะ โทเหรอ ลงนรกคือหมายความว่าไงอะ” ฉันจำคำพูดของไอ้ปากหมานั้นได้อย่างแม่นยำ“ตายไง ไอ้โท พี่ชายกูเอง”“เฮ้ย มึงไม่เคยบอกเลยนะว่ามีพี่ชาย และเป็นแฝดคนละแม่คื
ไม่กี่นาทีต่อมาฉันกับยัยนุ่นก็เดินลงมาหาด หาดกว้างก็จริง แต่ผู้คนก็เยอะมาก ไม่รู้พวกมันเดินไปถึงไหน หรือลงเล่นน้ำกันไปแล้ว ฉันกับยัยนุ่นจึงถ่ายรูปกันสองคนไปก่อน“มึงถอยหลังไปอีก ไม่ต้องถ่ายโฟกัสหน้ากู ถ่ายให้เห็นทั้งตัว และให้เห็นทะเลกว้างๆ”ยัยนุ่นบอก“อือ...” ฉันครางรับ แล้วถอยหลังตามที่ยัยนุ่นบอก กระทั่งฉันชนกับร่างใครบางคน“เชี่ย!” ได้ยินเสียงสบถอย่างอารมณ์เสีย ฉันจึงรีบหมุนตัวเพื่อจะขอโทษ เห็นหน้าผู้ชายตัวสูงกว่าฉันแค่นิดหน่อย หน้าตาดีแบบกลางๆ ที่สำคัญดูหัวเสียมาก“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันลนลานขอโทษ คิดว่าจะโดนด่าหรืออะไรมากกว่านั้น แต่อีกฝ่ายมองกวาดร่างฉันอย่างสำรวจ จ้องขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นของฉันแล้วยิ้มออกมา“โอ๊ะ ไม่เป็นไรน้อง คนเราไม่ได้มีตาหลังนี่เนาะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธ ฉันชื่อเก้าค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง ไม่ได้ชอบสายตาของหมอนี่นักหรอก แต่เห็นว่าฉันผิดที่ไปชนเขาก่อน เลยไม่อยากแสดงท่าทีอะไรออกไปให้มาก“พักอยู่ที่ไหน”“เอ่อ แถวนี้แหละค่ะ”“บ้านพักของพี่ก็อยู่แถวนี้ บ้านหลังนั้นน่ะ ตึกสีขาวตรงนั้น เห็นมั้ย” เขาชี้มือไปยังบ้านพักเป็นตึกสีขาวทรงโมเด
Chapter 3: กลางทะเลรุ่งเช้าเราเช็กเอ๊าท์แบบเฉียดฉิว ก่อนเดินทางไปหัวหิน เพราะยังไม่ได้เวลาเช็กอิน เราจึงไปกินมื้อเที่ยงกันก่อน กินเสร็จก็ใกล้เวลาเช็กอินจึงเดินทางไปบ้านพักติดชายทะเล บรรยากาศดีมาก จนฉันกับนุ่นร้องกรี๊ดอย่างถูกใจ เพราะเราค้างคืนที่นี่สามคืน“ไอ้ตรีแม่งจองบ้านพักถูกใจมาก”“บ้านดี ติดทะเลขนาดนี้ คืนละสามพันโคตรถูกเลย” ฉันพึมพำขณะเดินชมบ้าน ที่ห้องนอนถึงสามห้อง“นั่นสิ อย่างต่ำมันน่าจะห้าพันเปล่าวะ” ยัยนุ่นพึมพำ ก่อนจะเอ่ยต่อ“ช่างเถอะ เราจ่ายเงินไอ้ตรีไปแล้วนี่ มันก็คงราคาแค่นั้นแหละ”“อือ...” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนเราสองคนจะได้เป็นคนเลือกห้องก่อน แน่นอนเลือกห้องที่วิวดี มองเห็นทะเลจากหน้าต่างข้างห้องพอเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวเรียบร้อย ยัยนุ่นก็หันมาทางฉัน มองตามันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”“วันที่กินเลี้ยงวันนั้น” ฉันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยัยนุ่นฟังเรื่องที่อีหมวยมันวางยาปลุกเซ็กซ์ในแก้วเหล้าฉัน“เวรจริงๆ” ฟังจบยัยนุ่มก็พูดเหมือนไม่รู้อะไรมากกว่านั้น“แต่เมื่อคืนจูบกัน หมายความว่าไงวะ”“เอ่อ กูไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ตรีมันบ้าว่ะ จู่ๆ ก

![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





