หน้าหลัก / รักโบราณ / เฟิ่งหวง [鳳凰] / ตอนที่ 2 ไท่จื่อผู้วิปริต 1

แชร์

ตอนที่ 2 ไท่จื่อผู้วิปริต 1

ผู้เขียน: ไป๋ชิงหง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-22 00:36:41

ตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนล่วงเลยมาสิบแปดหนาว ไม่เคยมีครั้งใดที่นางรู้สึกถึงการถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน เสียงฝีเท้าด้านนอกเร่งขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ฝ่ามือของนางหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ได้แต่ถลึงตากร้าวด้วยแรงโทสะ ประหนึ่งสัตว์ตัวเล็กที่กำลังจนตรอก ราวกับว่าหากเกิดเรื่องอย่างที่เขาว่าขึ้นมาจริงๆ นางก็พร้อมจะตายตกไปตามกันกับเขา

ครั้นเสียงประตูเปิดขึ้น ชายฉกรรจ์สี่คนก้าวเข้ามาพร้อมน้ำร้อนถังใหญ่เท่าตัวคน ตัวของนางสั่นเยือกจนแป้งที่พอกหนาบนใบหน้าคล้ายจะแตกล่อนในทันใด

เสด็จพ่อสอนนางว่าเกิดเป็นสตรียืดได้หดได้ อุดมการณ์ต้องมาก่อน แต่หากสูญสิ้นตัวตนอันน่าภาคภูมิแล้วคนเราจะหลงเหลืออะไร

“ฝูหลิง”

เสียงของนางแหบพร่า พานให้จื่อเว่ยหรี่ตาลงอย่างคาดคั้น มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แข็งกร้าวของนาง รอกระทั่งชายทั้งสี่เทน้ำร้อนจนครบสี่ถังแล้ว ในที่สุดจื่อเว่ยก็ยืดกายขึ้น เรือนร่างสูงใหญ่คล้ายกลืนกินพื้นที่ในดวงตาของนางจนหมดสิ้น กลิ่นอายอันตรายพลันแผ่กำจายในอากาศ บุรุษตรงหน้าเปรียบเสมือนเทพแห่งความตายที่ซ่อนความชั่วร้ายไว้ภายใต้รูปลักษณ์อัันงดงาม

“พวกเจ้าออกไป ข้าจะเล่น…กับนาง” เสียงนุ่มทุ้มลากยาวตามอารมณ์อันรื่นเริงในอก ปลายนิ้วเรียวยาวเริ่มปลดชุดพิธีการตัวนอกแล้วโยนใส่นาง

ชายฉกรรจ์เดินออกไปอย่างรู้งาน ประตูถูกปิดสนิท

ภายในห้องเหลือแต่เพียงเสียงปลดอาภรณ์ของจื่อเว่ยและเสียงลมหายใจแผ่วเบาของนาง

ฝูซินก้มหน้ามองพื้น สมองคิดหาทางออกอย่างเร็วรี่ ตัวสารเลวตรงหน้าคิดจะข่มเหงนางอย่างนั้นหรือ...คงไม่ง่ายดายนัก

อาภรณ์สีดำลอยปลิวใส่ศีรษะ ราวกับเห็นนางเป็นเพียงนางกำนัลในตำหนัก ฝูซินขยุ้มเศษผ้าในมือ ข่มกลั้นโทสะ มิให้อาละวาดออกมาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

อดทน…นางเพียงต้องอดทนและหาวิธีออกไป หรือไม่ก็ต้องหาอาวุธเพื่อสังหารคนบัดซบผู้นี้ เลือดเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิชั่ว

ฝ่ายจื่อเว่ยที่ถอดอาภรณ์จนเหลือแต่กางเกงตัวเดียวหลุบสายตามองร่างอรชรที่เครียดขมึงของนางรำหน้าขาวนางนี้ พิศมองผิวเนื้อที่มีอาภรณ์น้อยชิ้นขาวเนียนประดุจหยกมันแพะเนื้อดี ทว่าตรงข้อมือของนางกลับมีสีเข้มกว่าจุดอื่นเล็กน้อย และหากเขาคาดไม่ผิด ใบหน้าของนางก็คงไม่แคล้ว…

จื่อเว่ยแค่นเสียงในลำคอ ไม่สนใจท่าทีพยศของนางแม้แต่น้อย เขาดึงแขนนางขึ้น ลากร่างโปร่งระหงไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านหลัง

ฝูซินมิได้กรีดร้องเสียงหลงเฉกเช่นสตรีทั่วไป นางกัดฟันแน่น มองข้ามกล้ามเนื้ออันงดงามและผิวกายบุรุษ ยื่นขาเรียวงามสกัดกั้นจังหวะเดินของเขาในทันที จื่อเว่ยรั้งเท้า ยกขาขึ้นสูง ท่าสกัดของนางจึงพลาดพลั้งจนเกือบหงายหลังไปอีกครา ชายหนุ่มแค่นเสียงในลำคอ ท้ายที่สุดจึงแบกนางขึ้นบ่า อุ้มไปยังห้องอาบน้ำโดยไม่สนใจแรงทุบตีจากนางแม้แต่น้อย

ฉากนางอาละวาดคล้ายละครใบ้ ทว่าผิวกายขาวจัดของเขากลับเริ่มมีรอยแดงช้ำ ฝูซินมิได้สนใจร่องรอยเหล่านี้ คิดแต่จะทุบตีให้เขาตายคามือ

ยิ่งนางดิ้น ชุดนางระบำก็ร่นขึ้นสูงจนเผยขาเรียวงามเด่นชัด จื่อเว่ยปราดมองเพียงแวบหนึ่งอย่างเฉื่อยชา แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจลึกๆ กลับเป็นสัมผัสจากเนินเนื้อที่บดเบียดกับแผ่นหลังของเขาไปมาโดยที่นางมิได้ระวังนั่นต่างหาก

ชายหนุ่มหยุดตรงบ่อน้ำร้อนขนาดหนึ่งผิง[1] น้ำร้อนที่องครักษ์เมื่อครู่แบกมาแม้จะถังใหญ่ แต่ระดับน้ำกลับมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มออกแบบให้ข้างใต้คือถ่านร้อนจำนวนหนึ่ง หากมีคนคอยดูแลก็จะสามารถควบคุมความร้อนของน้ำได้ ยามน้ำร้อนปะทะกับอากาศเย็นจึงเกิดไอหมอกขาวกรุ่นลอยวนในอากาศ

ฝูซินเลิกทุบตีชายหนุ่ม เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาอีกครั้ง กว่าจะรู้ตัวมือของนางก็คว้าได้เพียงอากาศ “เจ้าจะ…อ๊า!”

จื่อเว่ยโยนร่างนางระบำหน้าขาวลงน้ำ ส่วนตัวเขานั้นยืนกอดอกมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง

ฝูซินดิ้นพล่านเพราะคิดว่าตนเองจะจมน้ำตาย นางกัดฟันแน่น พยายามตะเกียกตะกายหาจุดยืน แป้งขาวละลายกับน้ำร้อนทำให้นางแสบตาจนมองไม่เห็น ครั้นตั้งตัวได้ หญิงสาวจึงทำได้แต่หลับตาแน่นแล้วขัดเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อระบายโทสะในอก

จื่อเว่ยมองเจ้าของร่างระหงที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ดวงตาคมกริบกวาดมองผ่านผ้าผืนบางน้อยชิ้นที่ติดแนบกับผิวกายเนียนละเอียดของนางราวกับไม่รู้สึกรู้สาอันใด หยาดน้ำพร่างพราวเกาะเนินเนื้ออวบอิ่ม ลาดไหล่ขาวเนียนเปล่าเปลือยน่าสัมผัส แป้งขาวละลายไปกับน้ำร้อนจนหมด ริมฝีปากบางมีรอยแดงเปรอะเปื้อนเล็กน้อย ถ่านดำที่วาดคิ้วจนเสียรูปละลายไปหมดจนเหลือแต่โครงคิ้วที่เฉียงขึ้นอย่างดื้อรั้น แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างเท่าบุรุษครั้นนางหลับตาแน่นเช่นนี้ จึงขับเน้นให้เห็นแพขนตาหนาราวกับปีกผีเสื้อซ้อนกันอย่างไรอย่างนั้น

ดวงหน้ารีได้รูป เครื่องหน้าเด่นชัดตรึงตรา กลีบปากอิ่มเม้มแน่นอย่างคนที่ไม่คิดยอมตกอยู่ใต้อาณัติผู้ใด

คุ้นตายิ่งนัก...

มุมปากของจื่อเว่ยยกขึ้นน้อยๆ ดวงตาล้ำลึกมองภาพเบื้องหน้าราวกับกำลังคิดคำนวณสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน ครั้นสายตาเหลือบเห็นรอยสักรูปผีเสื้อตรงหลังกกหูด้านขวาของนาง แววตาขบขันก็พลันเปลี่ยนไป

จื่อเว่ยเดินลงน้ำ จับข้อมือที่สีผิวไม่สม่ำเสมอของฝูซินแล้วกล่าวเสียงเรียบ “องค์หญิงห้าแห่งแคว้นเว่ย…ข้าเดาไม่ผิดกระมัง”

เปลือกตาสีอ่อนลืมขึ้น หยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นพลันไหลย้อนไปยังหางตา ดวงตาสีน้ำตาลลึกลับพลันฉายแววตื่นตระหนกชั่วครู่ ทันใดนั้นนางก็เสมองไปทางอื่น ไม่ยอมรับคำกล่าวหานั้น “ผู้น้อยคือฝูหลิง มิใช่องค์หญิงห้า”

“อย่างนั้นหรอกหรือ”

จื่อเว่ยมิได้บังคับข่มขู่นาง ทว่ากลับเคลื่อนกายเข้าแนบชิดสนิทสนม เขาหลุบตามองเนินอกของนางอย่างหยาบคาย พลันเห็นว่าพวงแก้มและผิวกายของนางแดงก่ำราวกับผลตำลึงสุก ท่าทางทระนงนั้นขัดใจเขาไม่น้อย ชายหนุ่มยื่นใบหน้าเข้าใกล้นาง ตรึงสายตาของนางให้อยู่กับที่

การใกล้ชิดบุรุษเช่นนี้มิได้ทำให้คนอย่างฝูซินตื่นตระหนกเท่าใดนัก นั่นเพราะตั้งแต่เล็กจนโตนางล้วนต้องฝึกฝนวิชาการต่อสู้กับพี่น้องที่มีทั้งชายและหญิง บุรุษหน้าตาหล่อเหลางดงามปานไหนนางก็เห็นจนชินชา เรือนกายที่ทีแต่มัดกล้ามของบุรุษ หรือแม้แต่ร่างเปลือยเปล่าของเหล่าทหารยามถูกเสด็จพี่ลงโทษ นางก็เห็นผ่านตามาบ้าง

กระนั้นแล้วการใกล้ชิดสนิทสนมถึงขั้นที่ว่า แนบเนื้อ…ใช้ลมหายใจร่วมกันเช่นนี้ กลับไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน

ดวงตาของจื่อเว่ยคล้ายกับท้องฟ้าในฤดูสารท กระจ่างใสเต็มไปด้วยความลึกลับของดวงดาวมากมายที่แข่งขันกันเปล่งแสงระยับ ขณะเดียวกันก็คล้ายกับความว่างเปล่าของผืนนภาอันไกลโพ้น ชวนให้ผู้คนหลุดลอยไปโดยมิได้ตั้งใจ เครื่องหน้างดงามของบุรุษ นางเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก หากว่าเสด็จพี่ไม่ให้นางดูภาพเหมือนเขาก่อน เกรงว่าเป้าหมายที่นางสังหารคงจะผิดตัวเป็นแน่

การจะบรรยายถึงรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ เกรงว่าภาพวาดจากยอดฝีมือในการวาดภาพก็ไม่อาจถ่ายทอดความงามได้ถึงหนึ่งในสิบจากความเป็นจริงที่ได้พบเห็น ใครจะคาดคิดว่าบุรุษคนหนึ่งจะเหมาะสมกับคำว่า งามล่มเมือง เช่นนี้

จื่อเว่ย…องค์ชายสามที่ผู้คนต่างก็ร่ำลือว่าเป็นพวกวิปริตผิดเพศ รอบกายมีแต่องครักษ์หนุ่มรูปงามล้อมรอบ ขณะเดียวกันนางกำนัลที่รับใช้กลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เล่าลือกันว่าเป็นเพราะองค์ชายผู้นี้มักจะเริงรักกับองครักษ์ของตนในตำหนักจนเหล่านางกำนัลต่างก็หวาดผวาและค่อยๆ หายไปทีละคน

เพราะใบหน้างดงามเกินกว่าจะเป็นบุรุษ รสนิยมที่วิปริตผิดเพศ ฐานอำนาจจึงมิได้มั่นคงอย่างองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายองค์อื่นๆ เพราะอุปนิสัยที่เป็นปัญหา คนรอบตัวจึงคิดถอยห่าง นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ฝูซินอาสารับงานสังหารนี้

มิคาดว่าบุรุษที่ดูเหมือนมิใช่บุรุษผู้นี้ กลับรู้วรยุทธ์ อีกทั้งยัง…กล้ามเป็นมัด

เพราะมัวแต่คิดย้อนเรื่องราวก่อนหน้านี้ ริมฝีปากของเขาพลันเฉียดผ่านพวงแก้มแดงซ่านของนางแผ่วเบาราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ สัมผัสนั้นปัดผ่านใบหูเล็กของนางจนขนกายลุกชูชัน รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายบุรุษเข้มข้น เสียงกระซิบของจื่อเว่ยกลับดังขึ้นทำลายห้วงความคิดของนางเสียสิ้น

ไอร้อนลอยวนรอบกายคล้ายม่านหมอก ทว่าโสตประสาทกลับชัดเจนยิ่ง

“องค์หญิง…ฝูซิน”

[1]        1 ผิง ประมาณ 3 เศษ 1 ส่วน 3 ตารางเมตร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เฟิ่งหวง [鳳凰]    ตอนที่ 37 คลื่นใต้น้ำ 2

    ดวงอาทิตย์แผดแสงสว่างเจิดจ้า ไอร้อนลามเลียผิวหน้าราวกับสามารถแผดเผาจนมอดไหม้ได้ทุกเมื่อ อาภรณ์บนกายที่หนักอึ้งทำให้ฝูซินเคลื่อนไหวไม่สะดวก จื่อเว่ยกำมือนางแน่น ทั้งผลักทั้งดันจากทางด้านหลัง มิให้ผู้ใดสามารถแตะต้องล่วงเกินนางได้ ขณะเดียวกันนางเองก็มองหาเสด็จพี่ของตนว่ายังอยู่รอดปลอดภัยดีหรือไม่ ซึ่งฝูเจี้ยนเองก็ถูกองครักษ์คุ้มครองแยกตัวออกไปจนลับสายตาความปั่นป่วนวุ่นวายอึกทึกครึกโครมเริ่มเบาลงเมื่อคนทั้งสองเดินจากมาไกลแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเส้นทางที่กำลังมุ่งไปนั้นไม่คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย รอบด้านร้างไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง แม้แต่นางกำนัลหรือขันทีที่รับหน้าที่ทำงานกวาดพื้นก็ไม่มีจะว่าพวกเขาต่างไปร่วมงานมงคลก็ใช่ที่ ปกติแล้วถึงอย่างไรก็ต้องมีราชองครักษ์และทหารคอยเฝ้ายามอยู่ทุกจุดในวังหลวง โดยเฉพาะในวันสำคัญเช่นนี้ยิ่งไม่ควรผิดพลาดฝูซินค่อยๆ รั้งฝีเท้า นางบีบมือจื่อเว่ย พลันได้ยินเสียงกระซิบข้างหู“ตามน้ำไปก่อน”เพียงเท่านี้ก็ตระหนักได้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นซีจื่อหลางและซีเจี้ยนหลางหายไปไหน?องครักษ์ประจำตัวองค์รัชทายาทหายไปในสถานการณ์เช่นนี้ มิใช่ว่าบกพร่องต่อหน้าที่หรอกหรือทั

  • เฟิ่งหวง [鳳凰]   ตอนที่ 36 คลื่นใต้น้ำ 1

    กลิ่นกำยานหอมที่ลอยมาปะทะนาสิกทำให้แพขนตาหนาขยับไหว เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแสงซึ่งเจือความง่วงงุนเล็กน้อย เปลือกตาทั้งสองกะพริบไหวสองสามครา กระทั่งมองเห็นภาพทุกอย่างชัดเจนจึงจ้องมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย อากาศในตอนกลางวันร้อนอบอ้าวจนเรือนกายที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มมีเหงื่อชื้น นางเอื้อมมือควานหาคนข้างตัว สัมผัสได้เพียงที่นอนเย็นเยียบเท่านั้นแม้ว่าฝูซินจะเพิ่งตื่นนอน แต่กระนั้นแล้วความคิดความอ่านก็ยังเฉียบคมอยู่บ้าง จื่อเว่ยไม่อยู่ในยามนี้ เห็นทีว่าคงร่วมปรึกษาหารือกับเสด็จพี่ของนางอยู่กระมัง เรื่องราวเกี่ยวกับกลการเมือง แต่ไหนแต่ไรมาฝูเจี้ยนก็กล่าวมาโดยตลอดว่าเป็นเรื่องของบุรุษนางอยากจะหัวร่อนัก การเมืองใดที่เกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวมิใช่ว่าเกี่ยวข้องกับนางโดยตรงหรือกลายเป็นคนของจื่อเว่ยแล้วก็แล้วไป แต่เลือดในกายนางเล่า ต่อให้สมรสกับจื่อเว่ยจนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ของต้าฉิน นางก็ยังถือว่าตนเองเป็นชาวเว่ยมิเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ทัศนคติ ความคิด อุดมการณ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มีเพียงเลือดเนื้อที่ไหลเวียนในกายนางเท่านั้นที่ไม่เคยเจือจางลงแม้แต่น้อย คนอย่างนางเ

  • เฟิ่งหวง [鳳凰]   ตอนที่ 35 เรื่องภายนอกควรใช้สมอง เรื่องภายในควรใช้หัวใจ 4.3

    ฝูซินลุกขึ้น หันกายมาประจันหน้ากับเขา นางขยับไปหนึ่งก้าว เข้าก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมหลบสายตากันแม้แต่น้อย กระทั่งเขาชนกับเสาเตียงจึงหยุดลง“เรื่องที่ท่านกับเสด็จพี่กำลังทำ ไม่ส่งผลร้ายต่อทั้งต้าฉินและแคว้นเว่ยใช่หรือไม่”ฝูซินยกมือแตะบ่าเปล่าเปลือยของจื่อเว่ย มือเรียวที่สากเล็กน้อยลากไล้ลงมายังอกแกร่ง ขนกายของจื่อเว่ยลุกชันไปทั่วทั้งกาย ครั้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ใจสั่นหวิวอย่างไม่อาจบังคับตนเองได้“อืม”“เช่นนั้นช้าก็วางใจ”นางอมยิ้มบางเบา มือทั้งสองโอบรอบเอวสอบของเขา เกิดเสียงดังกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งบนกำไลหยก ใบหน้างดงามแนบชิดกับแผงอกเปลือยเปล่า ริมฝีปากบางจุมพิตเบาๆฟ้าดินพลิกกลับ จื่อเว่ยผลักนางลงบนเตียง เรือนร่างโปร่งบางกระแทกกับเตียงนุ่ม ผมเผ้าปรกใบหน้างามจนยุ่งเหยิง อาภรณ์ของนางถูกร่นขึ้นสูง เขาเคลื่อนกายคร่อมทับนาง มืออันร้อนรุ่มลูบไล้เรียวขาเนียนใต้กระโปรงที่ร่นขึ้นสูงลมหายใจของคนทั้งคู่หนักหน่วง ดวงตาสีน้ำตาลของนางเข้มขึ้นด้วยความปรารถนา มือทั้งสองข้างค่อยๆ ปลดอาภรณ์ตัวนอกของตนออกอย่างเต็มใจ เรียวขาของนางชันขึ้นสูง ปล่อยให้เขาบีบขยำอย่างถือสิทธิ์“ข้าจะทำ

  • เฟิ่งหวง [鳳凰]   ตอนที่ 35 เรื่องภายนอกควรใช้สมอง เรื่องภายในควรใช้หัวใจ 4.2

    เดินวนรอบสำนักคุ้มภัยจนฟ้าสาง ในที่สุดจวิ้นเหลียงก็สามารถสอบถามพ่อบ้านเฟิ่งที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกได้ เรือนพักของจื่อเว่ยอยู่ห่างจากเรือนรับรองของฝูเจี้ยนไม่ถึงร้อยก้าว จวิ้นเหลียงพานางเดินวนไปมาทั่วสำนักคุ้มภัยจนโทสะในอกสงบลง จนทำให้แผนการคิดบัญชีของนางนับได้ว่าผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วจวิ้นเหลียงลอบถอนหายใจ แท้จริงแล้วมิใช่เพราะเขาไม่ทราบว่าฉงเยว่ไท่จื่อพักอยู่ที่ใด ทว่าคนอย่างฝูซินใจร้อนเป็นทุนเดิม หากปล่อยให้นางหุนพันพลันแล่น คงไม่แคล้วเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นอย่างแน่นอน“พ่อบ้านเฟิ่ง ไม่ทราบว่าเรือนรับรองของข้าอยู่ที่ใด” นางถามชายชราที่เดินนำไปยังที่พำนักของจื่อเว่ยชายชรารั้งฝีเท้า หันกลับมาตอบอย่างนอบน้อม “เรียนคุณหนู นายน้อยบอกว่าคุณหนูเป็นว่าที่ภรรยาเขา ควรพักอยู่ที่เดียวกันขอรับ”พ่อบ้านเฟิ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของเฟิงเสียนจี ต่อหน้าผู้อื่นเขาจะเรียกจื่อเว่ยว่านายน้อยเสมอ ครั้นทราบว่าฝูซินมีฐานะเช่นไรในสายตาจื่อเว่ย จึงให้ความนอบน้อมต่อนางมากเป็นพิเศษจวิ้นเหลียงเกือบสำลักน้ำลาย ทว่าเพราะถูกฝูซินเพ่งเล็งจึงต้องพยายามตีสีหน้าให้เรียบนิ่ง ในใจขององครักษ์หนุ่มไพล่นึกไปถึงเว่ยหว

  • เฟิ่งหวง [鳳凰]   ตอนที่ 35 เรื่องภายนอกควรใช้สมอง เรื่องภายในควรใช้หัวใจ 4.1

    กระนั้นแล้วการประกาศสถานะระหว่างจื่อเว่ยกับฝูซิน ยังทำให้ฝ่ายอื่นคิดไปแล้วว่าคนอย่างฉงเยว่ไท่จื่อก็ต้องการฐานอำนาจเช่นกัน และฐานอำนาจที่มาจากแคว้นหนึ่งโดยเฉพาะแคว้นเว่ย สามารถใช้เป็นใบผ่านทางในการกระทำการต่างๆ ได้ โดยที่แม้แต่องค์จักรพรรดิยังต้องทรงเกรงพระทัยผู้คนต่างก็ทราบดีว่าองค์หญิงฝูซินสำคัญอย่างไรกับแคว้นเว่ย นั่นยิ่งเพิ่มน้ำหนักในการขึ้นครองบัลลังก์ของจื่อเว่ยในอนาคตมากกว่าผู้อื่น ราวกับติดปีกให้พยัคฆ์อย่างไรอย่างนั้น“เช่นนี้เขาจึงพยายามหาทางให้ข้ายอมรับการอภิเษกสมรสอย่างนั้นรึ”ฝูเจี้ยนเลิกคิ้ว “อภิเษกสมรส”“เขาประกาศต่อหน้าผู้คนว่าจะแต่งงานกับข้า ยกข้าเป็นชายาเพียงหนึ่งเดียว”ฝูเจี้ยนมีสีหน้าเข้าใจในทันที เขาหรี่ตาลง อมยิ้มเจ้าเล่ห์ “น้องสาว มิใช่ว่าเรื่องนี้เจ้าก็ทราบอยู่แล้วมิใช่รึ”“เรื่องนี้…แน่นอนว่าข้าต้องทราบ เขาประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนั้นผู้อื่นปั้นหน้าแทบไม่ถูกแล้ว”“มิได้ๆ ต้องปั้นหน้างดงามเข้าไว้ กิริยามารยาทอย่าได้ขาดตกบกพร่อง เมื่อกลับไปถึง จะได้งามพร้อมทั้งกายใจรับงานมงคล”หว่างคิ้วของฝูซินขมวดเป็นปม “งานมงคล เสด็จพี่จะนอกใจลั่วเอินแล้วหนีไปแต่งงานกับผู้อ

  • เฟิ่งหวง [鳳凰]   ตอนที่ 35 เรื่องภายนอกควรใช้สมอง เรื่องภายในควรใช้หัวใจ 4

    สิ่งที่ฝูเจี้ยนกล่าวออกมา สีหน้าของเขาสงบราบเรียบ ดวงตาคมกริบมิได้ฉายแววเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก เฝ้ามองปฏิกิริยาของฝูซินอย่างใจจดใจจ่อฝูซินหลุบตาลงต่ำ มือทั้งสองข้างประสานกันวางบนตัก ร้อยพันเหตุผลที่นางพยายามคิดหาความเป็นไปได้ในใจกลับฟุ้งกระจายเลือนหาย เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ทิ่มแทงใจนางมาโดยตลอด“เป็นไปไม่ได้” สุ้มเสียงเบาหวิวเล็ดลอดออกจากปากนาง“เป็นไปไม่ได้รึ…ก็เป็นไปแล้วอย่างไรเล่า คนที่มีอุดมการณ์เฉกเช่นเสด็จพ่อ มีเหตุผลอะไรถึงต้องการทำเช่นนั้นเจ้ายังไม่เข้าใจอีก”ฝูซินเลื่อนสายตามองฝูเจี้ยน ในใจสงบเยือกเย็นอย่างยิ่ง “ที่บอกว่าไม่ได้ คือไม่มีทางรวมแผ่นดินได้ในตอนนี้”ฝูเจี้ยนชะงัก เขาเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาคาดคั้นของนาง “ไม่ว่าอย่างไรสงครามก็กำลังจะเกิดแล้ว ละครฉากใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า”“ท่านและจื่อเว่ยจะเป็นตัวเอกในละครที่ว่าอย่างนั้นล่ะสิ”ฝูเจี้ยนนิ่งเงียบ ฝูซินจึงกล่าวต่อไปตามใจนึก “แคว้นเว่ยไม่สมควรรับหน้าที่เป็นผู้เสียสละ ท่านทราบดี และอย่าหวังว่าข้าจะให้กองทัพที่อยู่ในมือออกไปวาดลวดลายอย่างไรเหตุผลเป็นอันขาด”“หึ…เรื่องราวนอกเหนืออำนาจการรับรู้ของมนุษย์ล้วนสามารถเกิดข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status