สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เมื่อรถของเอดิสันจอดสนิทอยู่ริมถนนที่มืดมิดและไร้ผู้คน แผนผังอุโมงค์ใต้ดินของลอนดอนที่ได้มาจากบ้านพักของลอร์ดเจมส์ ฮาร์ทเวลล์ ถูกกางออกบนแผงหน้าปัดรถ แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟภายในรถส่องกระทบกับเส้นสายที่ซับซ้อนของอุโมงค์
"ตามแผนผังนี้ ทางเข้าที่ใกล้ที่สุดน่าจะอยู่ใต้สถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างครับ" เอดิสันชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ "เป็นสถานีที่ปิดมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่ค่อยมีใครรู้จัก" เมรี่มองไปที่แผนผังด้วยความกังวล "คุณแน่ใจนะคะว่านี่ไม่ใช่กับดักอีก?" "ผมไม่แน่ใจหรอกครับมิสแบล็ควู้ด" เอดิสันตอบ "แต่ถ้า 'ขุมทรัพย์แห่งความรู้' ซ่อนอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินจริงๆ เราก็ต้องเสี่ยง" เฟรเดอริคกุมมือเมรี่ "เราจะไปด้วยกันเมรี่ ไม่ต้องกลัว" อเล็กซานเดอร์ที่บาดแผลยังไม่หายดีนักแต่แววตายังคงมุ่งมั่น พยักหน้าเห็นด้วย "เราต้องหาความจริงให้ได้" เลดี้อลิซาเบธ ฮาร์ทเวลล์ มองหน้าพวกเขาทีละคน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและเศร้าโศก "ฉันขอไปด้วยค่ะ ฉันต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของฉันจริงๆ" เอดิสันลังเลเล็กน้อย "ที่นั่นอันตรายมากนะครับเลดี้ฮาร์ทเวลล์" "ฉันไม่กลัวค่ะ" เลดี้อลิซาเบธยืนกราน "ฉันจะไม่ยอมให้ความตายของพี่ชายฉันต้องไร้ความหมาย" เอดิสันถอนหายใจ "ก็ได้ครับ แต่คุณต้องทำตามคำสั่งของผมทุกอย่าง" พวกเขาเดินฝ่าสายฝนและลมหนาวไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกทิ้งร้าง ประตูเหล็กบานใหญ่ที่เคยเป็นทางเข้าหลักถูกปิดตายด้วยโซ่ขนาดใหญ่และป้ายประกาศเตือนภัย "ทางเข้าที่เราจะใช้จะอยู่ตรงนี้ครับ" เอดิสันชี้ไปที่ช่องระบายอากาศเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ มันเป็นช่องที่แคบและมืดมิด "เราจะเข้าไปได้อย่างไรคะ?" เมรี่ถาม เอดิสันหยิบเครื่องมือบางอย่างออกมา เขาจัดการงัดตะแกรงเหล็กที่ปิดช่องระบายอากาศออกได้อย่างง่ายดาย "ตามผมมาครับ" เอดิสันกล่าว เขาเป็นคนแรกที่คลานลงไปในช่องระบายอากาศ อเล็กซานเดอร์ เฟรเดอริค เมรี่ และเลดี้อลิซาเบธตามลงไปอย่างระมัดระวัง ความมืดมิดที่รออยู่ ภายในช่องระบายอากาศนั้นมืดสนิทและอับชื้น กลิ่นดิน กลิ่นสนิม และกลิ่นแปลกๆ ที่เมรี่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนคละคลุ้งไปทั่ว เสียงหายใจของแต่ละคนดังชัดเจนในความเงียบ เอดิสันส่องไฟฉายนำทาง พวกเขาคลานไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงช่องเปิดที่นำไปสู่ชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกทิ้งร้าง บรรยากาศภายในสถานีนั้นวังเวงและน่าขนลุก ราวกับมีวิญญาณนับพันสิงสถิตอยู่ เสียงหยดน้ำดังเป็นจังหวะจากเพดานที่ผุพัง แสงไฟฉายของเอดิสันส่องกระทบกับกำแพงที่เต็มไปด้วยกราฟฟิตี้เก่าๆ และโปสเตอร์ที่ฉีกขาด "นี่มันน่ากลัวกว่าที่คิดอีกนะคะ" เลดี้อลิซาเบธกระซิบ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย "เราต้องระวังให้ดีครับ" อเล็กซานเดอร์กล่าว "ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล" พวกเขาเริ่มเดินไปตามรางรถไฟที่เต็มไปด้วยเศษซากและฝุ่นผง อุโมงค์มืดมิดทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังสะท้อนไปมา "ตามแผนผังนี้ อุโมงค์จะแยกออกเป็นหลายทางครับ" เอดิสันอธิบาย "เราต้องไปตามทางที่มุ่งสู่ใจกลางลอนดอน" พวกเขาเดินไปตามอุโมงค์อย่างเงียบเชียบ เมรี่รู้สึกว่าบาดแผลของเธอกำลังปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็พยายามอดทน กับดักที่ซุ่มซ่อน ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านอุโมงค์ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด จู่ๆ ก็มีเสียงดัง 'แกร๊ก!' ดังขึ้นจากพื้นใต้เท้าของเฟรเดอริค! "ระวัง!" เอดิสันตะโกน ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ขยับตัว แท่งเหล็กขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากเพดานอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงมายังเฟรเดอริค! "พี่เฟรเดอริค!" เมรี่กรีดร้อง อเล็กซานเดอร์พุ่งตัวเข้าผลักเฟรเดอริคให้พ้นทางได้อย่างหวุดหวิด แท่งเหล็กพุ่งกระทบพื้นดินเสียงดังสนั่น ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว "กับดัก!" เฟรเดอริคหอบหายใจ "พวกมันรู้ว่าเราจะมาที่นี่!" ทันใดนั้นเอง แสงไฟจากไฟฉายหลายดวงก็สาดส่องเข้ามาจากด้านหน้าและด้านหลังของอุโมงค์ ชายฉกรรจ์ในชุดดำจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น พวกเขาสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า และถือปืนพกอยู่ในมือ "พวกแกหนีไม่พ้นหรอก!" เสียงหนึ่งตะโกน "ส่งพินัยกรรมลับมาให้เราซะ!" "พวกมันดักรอเราอยู่แล้ว!" เอดิสันกล่าว "เตรียมตัวให้พร้อม!" การปะทะเกิดขึ้นอย่างดุเดือดในอุโมงค์มืดมิด อเล็กซานเดอร์และเอดิสันพุ่งเข้าใส่คนร้ายทันที เสียงปืนดังสนั่นก้องไปทั่วอุโมงค์ เมรี่และเฟรเดอริคพยายามปกป้องเลดี้อลิซาเบธ และหาทางหนี "ไปทางนี้ครับ!" เอดิสันตะโกน เขาชี้ไปที่ช่องทางแยกเล็กๆ ที่ถูกปิดบังด้วยเศษหินและฝุ่นผง พวกเขาพุ่งตัวไปยังช่องทางนั้น โดยมีอเล็กซานเดอร์และเอดิสันคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลัง การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เฟรเดอริคที่ยังคงบาดเจ็บ พยายามใช้แรงทั้งหมดผลักเศษหินออกจากช่องทาง แต่แล้ว เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกนัด! "โอ๊ย!" เอดิสันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาเซถลาไปชนกับกำแพง มือของเขากุมที่ต้นขา เลือดเริ่มซึมออกมาจากบาดแผล "คุณเอดิสัน!" เมรี่กรีดร้องด้วยความตกใจ "ผมไม่เป็นไรครับ!" เอดิสันกัดฟันตอบ "รีบไปครับ! ผมจะถ่วงเวลาไว้เอง!" "ไม่ค่ะคุณเอดิสัน!" เมรี่กล่าว "เราจะไม่ทิ้งคุณ!" "รีบไปเมรี่!" อเล็กซานเดอร์ตะโกน "เขาพูดถูก เราต้องไป!" เฟรเดอริคที่จัดการเปิดช่องทางได้แล้ว รีบดึงเมรี่และเลดี้อลิซาเบธเข้าไปในช่องทางนั้น อเล็กซานเดอร์ยิงปืนใส่คนร้ายเพื่อถ่วงเวลา ก่อนที่จะตามเข้าไปในช่องทางอย่างรวดเร็ว เอดิสันล้มลงกับพื้น แต่เขาก็ยังคงพยายามยิงปืนใส่คนร้ายเพื่อปกป้องเพื่อนๆ ของเขา ความหวังที่ริบหรี่ในความมืด พวกเขาคลานไปตามช่องทางแคบๆ ที่มืดมิด กลิ่นเหม็นอับและกลิ่นเลือดของเอดิสันคละคลุ้งในอากาศ เสียงปืนและเสียงต่อสู้ดังแว่วมาจากด้านหลัง "คุณเอดิสันจะเป็นอะไรไหมคะ?" เลดี้อลิซาเบธถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เขาจะต้องไม่เป็นอะไรครับ!" อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "เขาแข็งแกร่งกว่าที่เราคิด" เมรี่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ต้นแขน แต่ความเจ็บปวดทางใจจากการที่เอดิสันต้องมาบาดเจ็บเพราะพวกเขา กลับรุนแรงกว่ามาก ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงช่องเปิดอีกช่องหนึ่งที่นำไปสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของอุโมงค์ใต้ดิน ที่นั่นมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย "ไฟฉายของผมแบตหมดแล้วครับ!" อเล็กซานเดอร์กล่าว "มองไม่เห็นอะไรเลย" พวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่ในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุด เมรี่รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้ามา เสียงฝีเท้าของคนร้ายดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ "เราจะทำอย่างไรกันดีคะพี่?" เมรี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เราต้องหาทางออก!" เฟรเดอริคกล่าว "ไม่ว่ามันจะมืดแค่ไหนก็ตาม!" ทันใดนั้นเอง แสงสว่างจางๆ ก็ปรากฏขึ้นจากด้านหน้า มันเป็นแสงสีฟ้าอ่อนๆ ที่ดูเหมือนจะมาจากวัตถุบางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปในอุโมงค์ "นั่นอะไรน่ะ!" เลดี้อลิซาเบธพึมพำ "ผมไม่แน่ใจครับ" อเล็กซานเดอร์ตอบ "แต่มันอาจจะเป็นเบาะแสที่เราตามหาอยู่ก็ได้" พวกเขาทั้งสามคนตัดสินใจเดินตรงไปยังแสงสว่างนั้นอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้ว่าอาจจะเป็นกับดักอีกครั้งก็ตาม เสียงฝีเท้าของคนร้ายยังคงไล่ตามมาไม่ห่าง ความตื่นเต้นและความหวาดกลัวผสมปนเปกันไปหมด เมื่อเดินเข้าไปใกล้ขึ้น แสงสีฟ้าอ่อนๆ นั้นก็ดูสว่างขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็เห็นว่ามันมาจากแท่นหินโบราณขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางอุโมงค์ แท่นหินนั้นถูกแกะสลักด้วยลวดลายแปลกๆ และมี ผลึกคริสตัลขนาดใหญ่สีฟ้าเรืองแสง วางอยู่ด้านบน "นี่มันอะไรกันคะ!" เมรี่อุทานด้วยความทึ่ง "นี่แหละครับ" อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก "นี่อาจจะเป็นทางเข้าสู่ 'ขุมทรัพย์แห่งความรู้' ที่แท้จริง!" แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้สำรวจแท่นหินนั้น มิสเตอร์คลาร์กก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลัง เขามาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกหลายคน และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันน่ากลัว "พวกแกคิดว่าพวกแกหนีพ้นอย่างนั้นหรือ!" มิสเตอร์คลาร์กหัวเราะเยาะ "แกไม่มีทางรอดไปจากที่นี่หรอก! 'ขุมทรัพย์แห่งความรู้' เป็นของ 'เงาแห่งลอนดอน' เท่านั้น!" เมรี่ อเล็กซานเดอร์ และเฟรเดอริคหันไปมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าการปะทะครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และพวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อความจริง เพื่อความยุติธรรม และเพื่อชีวิตของเอดิสันที่กำลังรอความช่วยเหลืออยู่สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เมื่อรถของเอดิสันจอดสนิทอยู่ริมถนนที่มืดมิดและไร้ผู้คน แผนผังอุโมงค์ใต้ดินของลอนดอนที่ได้มาจากบ้านพักของลอร์ดเจมส์ ฮาร์ทเวลล์ ถูกกางออกบนแผงหน้าปัดรถ แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟภายในรถส่องกระทบกับเส้นสายที่ซับซ้อนของอุโมงค์"ตามแผนผังนี้ ทางเข้าที่ใกล้ที่สุดน่าจะอยู่ใต้สถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างครับ" เอดิสันชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ "เป็นสถานีที่ปิดมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่ค่อยมีใครรู้จัก"เมรี่มองไปที่แผนผังด้วยความกังวล "คุณแน่ใจนะคะว่านี่ไม่ใช่กับดักอีก?""ผมไม่แน่ใจหรอกครับมิสแบล็ควู้ด" เอดิสันตอบ "แต่ถ้า 'ขุมทรัพย์แห่งความรู้' ซ่อนอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินจริงๆ เราก็ต้องเสี่ยง"เฟรเดอริคกุมมือเมรี่ "เราจะไปด้วยกันเมรี่ ไม่ต้องกลัว"อเล็กซานเดอร์ที่บาดแผลยังไม่หายดีนักแต่แววตายังคงมุ่งมั่น พยักหน้าเห็นด้วย "เราต้องหาความจริงให้ได้"เลดี้อลิซาเบธ ฮาร์ทเวลล์ มองหน้าพวกเขาทีละคน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและเศร้าโศก "ฉันขอไปด้วยค่ะ ฉันต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของฉันจริงๆ"เอดิสันลังเลเล็กน้อย "ที่นั่นอันตรายมากนะครับเลดี้ฮาร์ทเ
รุ่งเช้ามาเยือนพร้อมกับสายฝนพรำโปรยปรายลงมายังลอนดอน ไอหมอกจางๆ ปกคลุมไปทั่วบ้านพักของเอดิสัน บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นดูเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย เมื่อแสงแดดยามเช้าส่องกระทบใบหน้าของเมรี่ เฟรเดอริค อเล็กซานเดอร์ และเลดี้อลิซาเบธ ฮาร์ทเวลล์"เราต้องไปที่บ้านพักของลอร์ดเจมส์ ฮาร์ทเวลล์ให้เร็วที่สุดค่ะ" เลดี้อลิซาเบธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ฉันแน่ใจว่าต้องมีเบาะแสบางอย่างที่ตำรวจมองข้ามไป""ผมเห็นด้วยครับ" อเล็กซานเดอร์พยักหน้า "เราจะเริ่มจากที่นั่น"เอดิสันกางแผนที่ลอนดอนบนโต๊ะ "บ้านพักของลอร์ดเจมส์อยู่ในย่านที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองมากนัก"เมรี่ที่ต้นแขนยังคงมีผ้าพันแผลอยู่ มองไปที่แผนที่ "คุณเอดิสันคะ เราจะเข้าไปในบ้านโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นได้อย่างไรคะ? ตำรวจน่าจะยังคงเฝ้าอยู่""ผมได้เตรียมการไว้แล้วครับ" เอดิสันยิ้มเล็กน้อย "ผมรู้จักใครบางคนที่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจได้ชั่วคราว"พวกเขาออกเดินทางไปยังบ้านพักของลอร์ดเจมส์ ฮาร์ทเวลล์ ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่สไตล์จอร์เจียที่ดูโอ่อ่าแต่กลับมีบรรยากาศที่เงียบเหงาเกินไป
รถยนต์ของเอดิสันแล่นฝ่าความมืดของค่ำคืนในลอนดอน เสียงเครื่องยนต์เป็นจังหวะเดียวกับเสียงเต้นของหัวใจที่ยังคงตื่นเต้นจากการไล่ล่าอันดุเดือด เมรี่ เฟรเดอริค และอเล็กซานเดอร์นั่งเงียบอยู่ในรถ แต่ละคนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง พินัยกรรมลับของโรเบิร์ต แบล็ควู้ด ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญสู่ 'ขุมทรัพย์แห่งความรู้' และความจริงเกี่ยวกับ 'ปรมาจารย์แห่งเงา' อยู่ในกระเป๋าของเอดิสัน บาดแผลที่ต้นแขนของเมรี่ยังคงปวดจี๊ด แต่ความมุ่งมั่นของเธอกลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ"เราจะไปที่ไหนกันต่อคะคุณเอดิสัน?" เมรี่ถามขึ้นทำลายความเงียบ"บ้านพักของผมอีกแห่งครับ" เอดิสันตอบ "เป็นบ้านที่ปลอดภัยกว่า และเราจะได้วางแผนกันอย่างละเอียด"ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงบ้านพักอีกแห่งของเอดิสัน เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์วิกตอเรียนที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเงียบๆ ของย่านเชลซี บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่นกว่าที่คิด มีเตาผิงที่กำลังลุกโชน แสงไฟสลัวๆ ส่องสว่างไปทั่วห้องนั่งเล่น"ก่อนอื่น เราต้องรักษาบาดแผลให้เมรี่ก่อนครับ" อเล็กซานเดอร์กล่าว "แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องพินัยกรรมกัน"เอดิสันพาเมรี่ไปยังห้องเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องพยาบาลย่อมๆ เขามีอุปกรณ์ปฐมพยาบ
พวกเขาวิ่งออกจากห้องเก็บเอกสารลับ โดยมีศาสตราจารย์มาร์ตินช่วยเปิดทางให้ เสียงฝีเท้าของคนร้ายดังไล่ตามมาติดๆ เมรี่รู้สึกเจ็บปวดที่ต้นแขน แต่เธอก็ต้องวิ่งต่อไปเพื่อชีวิตและเพื่อความลับที่พวกเขาเพิ่งค้นพบ"ไปทางนี้ครับ!" เอดิสันตะโกน เขาพาพวกเขาเลี้ยวเข้าสู่ทางเดินแคบๆ ที่ทอดยาวไปในความมืดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด กระสุนกระทบกับผนังใกล้ๆ พวกเขา เมรี่รู้สึกถึงลมร้อนจากกระสุนที่เฉียดผ่านศีรษะไป"พวกมันมากันเยอะมากเลยนะคะ!" เมรี่หอบหายใจ"เราต้องหาทางออก!" เฟรเดอริคกล่าวพวกเขาพยายามวิ่งไปตามทางเดินที่ซับซ้อนราวกับเขาวงกต เสียงฝีเท้าของคนร้ายดังไล่ตามมาไม่ห่าง อเล็กซานเดอร์พยายามคุ้มกันเมรี่และเฟรเดอริค"มีทางขึ้นตรงนั้นครับ!" เอดิสันชี้ไปที่บันไดเหล็กเก่าๆ ที่ทอดยาวขึ้นไปสู่แสงสลัวๆพวกเขารีบปีนบันไดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เมรี่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ต้นแขน แต่เธอก็พยายามกัดฟันปีนต่อไปเมื่อขึ้นมาถึงด้านบน พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาโผล่ในห้องเก็บของเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยลังไม้และอุปกรณ์ที่ถูกทิ้งร้าง มันเป็นส่วนหนึ่งของหอจดหมายเหตุที่ไม่มีใครรู้จัก"เราปลอดภัยแล
ศาสตราจารย์มาร์ตินนำเมรี่และคณะเดินไปยังส่วนที่ลับที่สุดของหอจดหมายเหตุ พวกเขาเดินลงบันไดวนที่ทอดยาวลงไปใต้ดิน กลิ่นเก่าของกระดาษและฝุ่นคละคลุ้งในอากาศ"ที่นี่คือที่เก็บเอกสารลับส่วนบุคคลของบุคคลสำคัญในอดีตจ้ะ" ศาสตราจารย์มาร์ตินกล่าว "รวมถึงเอกสารของพวก องค์กรลับ ด้วย"พวกเขาเดินผ่านชั้นวางเอกสารที่สูงเสียดเพดาน เอกสารนับล้านชิ้นถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่ก็ดูเหมือนเขาวงกตที่ไม่มีที่สิ้นสุด"เราจะหารหัสลับเจอได้อย่างไรคะ?" เมรี่ถาม"รหัสลับบอกว่า 'ที่ที่ความลับถูกเปิดเผย' " ศาสตราจารย์มาร์ตินกล่าว "นั่นน่าจะหมายถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ 'เงาแห่งลอนดอน' โดยตรง"เอดิสันหยิบรหัสลับชิ้นที่สองออกมาพิจารณาอีกครั้ง "รหัสลับนี้ไม่ได้ระบุชื่อเอกสารโดยตรงครับ แต่มันมีสัญลักษณ์บางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น ตราประทับของตระกูลแบล็ควู้ด"เมรี่ อเล็กซานเดอร์ และเฟรเดอริคมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ"เป็นไปได้อย่างไรคะ?" เมรี่ถาม "คุณพ่อของพวกเราเกี่ยวข้องกับ 'เงาแห่งลอนดอน' ด้วยหรือคะ!""ไม่หรอกจ้ะหนู" ศาสตราจารย์มาร์ตินกล่าว "คุณพ่อของพวกหนูเป็นนักสืบที่ต่อส
แสงอาทิตย์ยามสายสาดส่องเข้ามาในรถที่กำลังแล่นไปตามถนนในลอนดอน เมรี่นั่งพิงเบาะด้วยใบหน้าซีดเผือด ต้นแขนของเธอยังคงปวดแปลบจากบาดแผลมีดของมิสเตอร์คลาร์ก เอดิสันได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว แต่เมรี่รู้ว่าเธอต้องการการรักษาที่เหมาะสมกว่านี้"ไหวไหมเมรี่?" อเล็กซานเดอร์ถามด้วยความเป็นห่วง"ไหวค่ะพี่" เมรี่ตอบพยายามยิ้ม "แค่เจ็บนิดหน่อย"เฟรเดอริคกุมมือเมรี่ไว้แน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "เราจะไปที่หอจดหมายเหตุเลยใช่ไหมคะคุณเอดิสัน?""ใช่ครับ" เอดิสันตอบ "เราต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวก 'เงาแห่งลอนดอน' จะตามรอยเราเจออีกครั้ง"พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อาคารเก่าแก่ที่ดูเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เมรี่รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ ที่ซึ่งความลับนับไม่ถ้วนถูกเก็บรักษาไว้"คุณเอดิสันคะ เราจะเข้าไปได้อย่างไรคะ?" เมรี่ถาม"หอจดหมายเหตุเป็นสถานที่สาธารณะครับ" เอดิสันตอบ "แต่ส่วนที่เราต้องการเข้าไปน่าจะเป็นส่วนที่ต้องได้รับอนุญาตพิเศษ"พวกเขาเดินเข้าไปในหอจดหมายเหตุ บรรยากาศภายในเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระดาษพลิกไปมาและเสียงผู้คนกระซิบกระซา