Masuk@โอโซล
"แรงไปไหมวะ...มึงเห็นหน้าน้องเขาไหม..คงจะโกรธน่าดู : รามสูร
"โกรธแล้วไง..กูจำเป็นต้องแคร์เหรอ... : โอโซลพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสนใจ เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ทำไมเขาต้องให้ค่าให้ราคากับผู้หญิงที่เอาแต่กรี๊ดกร๊าดบ้าผู้ชายไปวันๆด้วย
"กูล่ะหมั่นไส้....หล่อเลือกได้จริงจริ๊ง...กูว่ามึงใช้ความหล่อเปลืองเกินไปแล้วนะ เดินไปไหนก็มีแต่สาวๆรอกรี๊ด : ไฟเพลิง
"กูคนเดียวที่ไหน...พวกมึงก็เหมือนกันนั่นแหละ ที่กรี๊ดๆอยู่นั่นก็เด็กมึงทั้งนั้นไม่ใช่เหรอไอ้เพลิง...
"ก็มีบ้าง..แต่ส่วนใหญ่ก็มาเพราะมึงทั้งนั้น...ถามจริงเหอะ..นี่มึงไม่คิดจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยรึไง ฮอตขนาดนี้ ทำไมมึงไม่ลองเลือกมาสักคน....เอาไว้กันสาวๆที่แม่มึงหามาให้ก็ได้นิวะ : ไฟเพลิง
"ไม่อ่ะ..วุ่นวาย...กูอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะดีแล้ว...อิสระ ไม่ต้องผูกมัดกับใคร
"นี่ไอ้เพลิงต่อให้มึงพูดกับมันจนหูมันฉีกมันก็ไม่สนใจหรอก...เยือกเย็นอย่างกับก้อนน้ำแข็ง...อย่าให้มันมีแฟนเลย สงสารเขา.. : รามสูร
"จะว่าไป..น้องคนเมื่อกี้ก็น่ารักดีนะ..ยิ่งเวลาโมโหยิ่งน่ารัก... : ไฟเพลิง
"ในสายตามึง..มีผู้หญิงคนไหนบ้างวะที่ไม่สวยไม่น่ารัก กูเห็นใครเดินผ่านมึงก็บอกเขาน่ารักไปหมด.. : รามสูร
"แต่น้องคนเมื่อกี้เขาน่ารักจริงๆนะโว้ย...ผิวขาวๆ ตากลมโต แก้มเนียน...แถมยัง......อืม.... : ไฟเพลิง
"ไอ้หื่นเอ๊ย! .... กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร.... ถ้าน่ารักมาก..มึงก็จีบเอาดิวะ...ไหนๆไอ้โซลมันก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้วนิ : รามสูร
"กูก็กำลังคิดอยู่....ตัวเล็กสเปรคกูเลย....นี่ถ้าน้องเขาบอกเขาชอบกูนะ กูจะรีบถวายตัวให้ตอนนั้นเลย : ไฟเพลิง
"55555 มึงแรดเกินไปแล้วไอ้เพลิง : รามสูรหัวเราะอย่างพึงพอใจกับความขี้เล่นของไฟเพลิง
"เลิกพูดถึงยัยนั่นได้แล้ว..น่ารำคาญ : โอโซลพูดด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ ก่อนจะหยิบหนังสือในมือขึ้นมาอ่าน
"เห่อะ ! พูดถึงก็ไม่ได้...นี่เพื่อนนะเว้ย...ดุอะไรขนาดนั้นวะ : ไฟเพลิง
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ตรงม้าหินอ่อนหน้าคณะวิศวะนั้น คะนิ้งกับเพื่อนๆก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ยืนอยู่นานคนหน้านิ่งยังทำทีเป็นไม่เห็น คะนิ้งทำหน้ามุ้ยก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไป..
"พี่ใช่ไหมที่ชื่อโอโซล : คะนิ้งถามคำถามออกไปพร้อมกับมองหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่ลดละสายตา
".................. : โอโซลไม่ตอบแถมยังทำท่าทีเป็นไม่สนใจ เหมือนเสียงนกเสียงกา มองไม่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ
"หูหนวกรึไง..หนูถามว่าพี่ชื่อโอโซลใช่ไหม ? : คะนิ้งเริ่มที่จะโมโห คนพูดด้วยยังทำเป็นไม่ได้ยิน จะหยิ่งอะไรกันนักหนา
"ใจเย็นๆคะนิ้ง : กัสจังสะกิดคะนิ้งก่อนจะเหลือบสายตาไปมองโอโซลอย่างกล้าๆกลัวๆ
คนหน้านิ่งวางหนังสือลงอย่างไม่ค่อยพอใจ พร้อมกับถอนหายใจออกมาราวกับว่าคนตรงหน้ากำลังทำให้เขารำคาญใจ สายตาที่มองไปยังคะนิ้ง ทำเอากัสจังกับแพตตี้ถึงกับดึงเพื่อนรักให้ถอยห่าง แต่คนดื้อไม่เคยกลัวใครอย่างคะนิ้งมีหรือจะสนใจ เขายิ่งมองเธอยิ่งจ้องเขากลับ ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยสักนิด
".....มีอะไร
"เมื่อกี้ที่พี่พูดตอนอยู่โรงอาหารหมายความว่าไง..
"อ่อ..ที่แท้ก็เธอนี่เอง...ยัยปลาปักเป้า...
"พี่ว่าใครเป็นปลาปักเป้า...
"ก็เธอไง...หน้าบวมเป็นปลาปักเป้า..นอกจากเธอก็ไม่มีใครแล้ว..
"เห่อะ..!! 🙄 คิดว่าหล่อแล้วจะบลูลี่ใครก็ได้งั้นเหรอ...
"ฉันไม่ได้บลูลี่แต่ฉันไม่ชอบผู้หญิงแบบเธอ...
"ที่บอกว่าไม่ชอบอ่ะ..รู้จักหนูดีหรือยัง...
"ไม่จำเป็น คนแบบฉัน ไม่มีวันชอบผู้หญิงอย่างเธอ
"แล้วถ้าหนูทำให้พี่ชอบหนูได้ล่ะ...
"..ไม่มีทาง
"งั้นเรามาเดิมพันกันไหม...ถ้าหนูทำให้พี่ชอบหนูได้ พี่ต้องจ่ายหนูมาแสนหนึ่ง...
"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น
"หรือว่าพี่กลัว....
"กลัว ???? คนอย่างฉันจะกลัวผู้หญิงตัวเล็กเท่าลูกแมวอย่างเธอเนี้ยนะ
"ใช่....พี่กลัวว่าจะเผลอใจชอบหนูขึ้นมาแล้วเสียเงินหนึ่งแสนบาทไง..
"หึ...คนแบบฉันไม่เคยกลัวใคร
"ไม่กลัว ? แล้วทำไมไม่รับคำท้าล่ะคะ
"ก็ได้...ฉันให้เวลาเธอสามเดือน ถ้าหลังจากนั้นเธอยังทำให้ฉันชอบเธอไม่ได้ เธอต้องเป็นฝ่ายเสียเงินให้ฉัน และต้องไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก
"โอเค๊..ถือว่าพี่รับคำท้าแล้วนะ สามเดือนก็สามเดือน ทุกคนในที่นี้เป็นพยาน ถึงเวลานั้นพี่อย่าลืมคำพูดของตัวเองแล้วกัน อ่อ...แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีนะคะ คนอย่างคะนิ้งไม่เคยละทิ้งความพยายาม...
"หึ.....อยากเสียเวลาเปล่าก็เชิญ..
คะนิ้งยิ้มกว้างให้เขาด้วยความมั่นอกมั่นใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
"เชี้ยโซล...มึงเอาจริงดิ : ไฟเพลิง
"นี่ถือเป็นคนแรกเลยไหมวะ ที่มึงอนุญาตให้เขาจีบ : รามสูร
"กูไม่ได้อนุญาต แค่รับปากยัยเด็กดื้อคนนั้นไป...ตัดรำคาญ..
"ขนาดรำคาน มึงยังต่อล้อต่อเถียงกับน้องเขาได้ตั้งนาน ปกติมึงพูดกับผู้หญิงซะที่ไหน.. : ไฟเพลิง
"แล้วไง..มึงคิดว่าคนอย่างกูจะชอบเด็กน้อยอย่างยัยนั่นเหรอ...?
"มันก็ไม่แน่หรอกโว้ย...มึงอาจจะแพ้ทางน้องเขาก็ได้
"ไม่มีทาง
"เห่อะ..งั้นกูขอเดิมพันด้วย กูวางสองแสน อยู่ข้างน้องเขา : ไฟเพลิง...
"กูสองแสนอยู่ข้างไอ้โซล กูมั่นใจว่าก้อนหินอย่างมัน ไม่มีทางชอบใครง่ายๆภายในสามเดือนหรอก : รามสูร
"เออ..แล้วมาดูกัน เงินสี่แสนนี้จะเป็นของใคร กูหรือมึง : ไฟเพลิงวางเดิมพันกับรามสูร ถึงแม้จะไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยืนยันที่จะอยู่ข้างสาวน้อยแก้มป่องอย่างคะนิ้ง แค่เงินสองแสน กินเที่ยวไม่กี่วันก็หมด ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงินอยู่แล้ว แต่ที่อยากลุ้นก็ไอ้หัวใจก้อนหินของเพื่อนรักจอมหยิ่ง ยอมนิ่งนี่แหละ ดูสิสาวน้อยตาโตจะสามารถทลายกำแพงหัวใจของก้อนน้ำแข็งพันปีได้หรือไม่...
@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั







