Masuk@1 สัปดาห์ต่อมา
"ไหนมึงบอกจะจีบพี่โซลไง นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ กูไม่เห็นมึงจะทำอะไรเลย หรือมึงยอมแพ้แล้ววะ : แพตตี้
"ยอมแพ้บ้าบออะไร กูยังไม่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ
"แล้วมึงรออะไร....ไม่เริ่มสักที เสียเวลา สามเดือนนะโว้ย ไม่ใช่สามปี : แพตตี้
"ดูมึงอยากให้เพื่อนมีผัวมากเลยนะแพตตี้ เชียร์ซะเหลือเกิ๊น : กัสจัง
"กูก็แค่อยากรู้ ว่าคนนิ่งๆอย่างพี่โซล คะนิ้งมันจะกำราบได้ไหม ก็แค่นั้น : แพตตี้
"คิดจะดึงเสือให้กลายมาเป็นเหยื่อ ต้องทำใจให้นิ่งหน่อยดิวะ ค่อยเป็นค่อยไป รีบร้อนเกินไปจะเสียงานใหญ่เอาได้ : คะนิ้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีท่าทีร้อนอกร้อนใจอะไรเลยสักนิด
"เห่อะ....นิ่งขนาดนี้...เขาคงคิดว่ามึงถอดใจไปแล้วมั้ง : แพตตี้
"ขนาดพวกมึงยังจับจ้องรอวันที่กูจะจีบพี่เขา พี่เขาเองก็คงจะคิดไม่ต่างกันกับมึงหรอก...
"อ่อ...นี่แปลว่ามึงตั้งใจให้เขารอมึงใช่ไหม ร้ายนะย่ะอีชะนีน้อย : กัสจัง
"จะจีบเสือมันก็ต้องมีชั้นเชิงกันหน่อย ขืนเดินบู่มบ่ามเข้าไป โดนเสือขย้ำขึ้นมาจะทำยังไง...
"เริดดดดมากจ้ะเพื่อน...นี่กูพึ่งรู้เทคนิคการอ่อยผู้ชายของมึงนะเนี้ย : กัสจังหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
"แล้วว่าแต่เมื่อไหร่มึงจะเริ่มภารกิจ : แพตตี้
"ตอนนี้...
"ตอนนี้ !!!! ??? : แพตตี้กับกัสจังพูดออกมาพร้อมกัน
"อืม..มึงดูโน่น...
คะนิ้งส่งสัญญาณให้เพื่อนรักทั้งสองหันไปมองยังกลุ่มนักศึกษาชายที่กำลังเดินตรงเข้ามายังร้านกาแฟที่พวกเธอนั่งอยู่
"เริดดดด !! : กัสจัง
@โอโซล
"เห้ย..ไอ้โซล มึงดูโน่น
ไฟเพลิงสะกิดโอโซลให้หันไปมองกลุ่มของคะนิ้งที่นั่งคุยกันอยู่ข้างร้านกาแฟ อันที่จริงพวกเขาไม่ได้คิดจะเดินตรงมาทางร้านกาแฟนี้เลยด้วยซ้ำ..ตั้งใจจะเดินไปทานข้าวที่โรงอาหาร แต่พอเห็นยัยปลาปักเป้าที่ประกาศโป้งๆว่าจะจีบเขา แต่กลับหายหน้าไปเลยตั้งแต่วันนั้น เขากลับเปลี่ยนใจ เดินตรงเข้ามาทำทีสั่งกาแฟเย็นทันที พร้อมกับนั่งลงตรงม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆกัน
"ทำไมน้องเขาดูนิ่งจังวะ...หรือเขาไม่เห็นมึง : รามสูรกระซิบไปที่ข้างหูขอโอโซล
"เห็นหรือไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับกู กูมาซื้อกาแฟไม่ได้ตั้งใจมาให้เขาเห็นสักหน่อย
"อ้าว...กูนึกว่ามึงตั้งใจมาให้เขาเห็นซะอีก..ปกติไม่เห็นเคยกินกาแฟร้านใน มอ. เลยนิ : ไฟเพลิง
"สงสัยอะไรกันนักหนา บอกว่าไม่เกี่ยวกับยัยนั่นก็คือไม่เกี่ยว
"เห่อะ !! 🙄 เบื่อคนปากแข็ง...เมื่อกี้กูยังเห็นมึงเหลือบตาไปมองน้องเขาอยู่เลย.. : รามสูร
"ไร้สาระ....
"กูว่ากูเข้าไปทักน้องเขาหน่อยดีกว่า : ไฟเพลิงหันหน้าออกไปทางฝั่งที่คะนิ้งกับเพื่อนนั่งอยู่ก่อนจะเอ่ยปากทักทายรุ่นน้องออกไป
"สวัสดีครับน้องๆ จำพี่ได้หรือเปล่า 😊 : ไฟเพลิง
"อ้าว..สวัสดีค่ะพี่เพลิง พี่ราม พี่โซล 😊 : คะนิ้งทำทีเป็นพึ่งเห็นก่อนจะยิ้มหวานทักทายเขา
"ดีใจจังน้องคะนิ้งคนสวยรู้จักชื่อพวกพี่ด้วย 😊 : ไฟเพลิง
"พี่เพลิงรู้จักชื่อคะนิ้งด้วยเหรอคะ 😊
"..ก็น้องคะนิ้งประกาศโป้งๆว่าจะจีบเพื่อนพี่...ในฐานะเพื่อนพี่ก็ต้องหาข้อมูลกันหน่อยสิครับ 😊 : ไฟเพลิง
"😊😊 แล้วเพื่อนพี่อ่ะ ไม่อยากรู้จักนิ้งบ้างเหรอคะ : คะนิ้งตั้งใจพูดให้อีกคนได้ยิน แถมยังโปรยรอยยิ้มหวานไปให้เขาอีก มือสองข้างเท้าคางของตัวเองเอาไว้
" 😊 (ไฟเพลิงยิ้มก่อนจะเล่ห์ตาไปมองเพื่อนรักยอมหยิ่ง) อันนี้ก็ต้องถามมันเองนะครับ ว่าแต่น้องคะนิ้งรู้จักพวกพี่ได้ไงครับ พี่ยังไม่ทันจะได่แนะนำตัวเลย 😊 : ไฟเพลิง
"....แหม ...พวกพี่ออกจะฮอต ใครจะไม่รู้จักล่ะคะ โดยเฉพาะพี่โซล แฟนในอนาคตของหนู 😊 : คะนิ้งหยอดโอโซลไปหนึ่งที ตั้งใจพูดให้เขาได้ยิน คนเป็นพี่ถึงกับสำลัก กำลังดูดกาแฟเข้าปาก พอได้ยินคำหยอดเล็กๆกับสำลักน้ำลงคอง่ายๆซะงั้น
"แค๊กๆๆๆ
"55555 ถึงกับสำลักเลยเหรอคะ
"............ คนเป็นพี่ไม่พูดอะไร แต่กลับจ้องมองมายังคะนิ้ง ด้วยสายตาดุดัน...
"อย่ามองหนูแบบนั้นสิคะ...ยิ่งมองใจยิ่งสั่นนะรู้ไหม 😊
"......เพ้อเจ้อ..
"ถึงจะเพ้อหนูก็เพ้อถึงแต่พี่แหละคะ...😊...
"ฮิ้ววว ๆๆๆ : ทั้งรามสูรและไฟเพลิงต่างพากันส่งเสียงแซวเพื่อนรัก เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เคยนิ่งเรียบของโอโซล ตอนนี้กับมีเลือดฟาดสีแดงระเรื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า
"ฮิ้วอะไรของพวกมึง....
"เวลาพี่เขินนี่..น่ารักจังเลยนะคะ...คงจะดีถ้าพี่ยิ้มให้หนูบ้าง...
"ไร้สาระ
โอโซนรีบเดินออกจากพื้นที่ก่อนที่ไฟเพลิงและรามสูรจะยิ้มให้กับคะนิ้ง กล่าวลาพวกเธอแล้วรีบเดินตามเพื่อนรักออกไป
"อร้ายย !! พี่โซลเขินมึงใช่ป่ะคะนิ้ง.. : กัสจัง
"ก็ไม่รู้สินะ.....แล้วมึงคิดว่าไง
"ก็เห็นๆอยู่ว่าพี่เขาเขินมึง : กัสจัง
"หึ....ต่อจากนี้กูจะเริ่มภารกิจจีบพี่โซลอย่างจริงจัง ลองดูสิ..จะปากแข็ง ใจแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่...
"กูเอาใจช่วยมึงเต็มที่เลยคะนิ้ง...กูไม่ได้ เพื่อนรักกูได้กูก็โอเค 😆 พี่โซลต้องเป็นของเรา : กัสจังหัวเราะออกมา สีหน้า แววตาที่แฝงไปด้วยความคิดอันชั่วร้าย ทำเอาแพตตี้ถึงกับส่ายหน้าให้กับความคิดของเพื่อนรัก ส่วนคะนิ้งได้แต่มองตามหลังคนที่ตนเองหมายปองเอาไว้ แววตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของเขาด้วยความมุ่งมั่น.....
@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั







