Share

บทที่ 6 ~ ลูกบ่าวอก

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-26 21:58:40

บทที่ 6 ~ ลูกบ่าวอก

โยมมาเถอะ”

ศศินาเดินตามหลวงพ่อไปยังเมรุเผาศพ มองสัปปะเหรอกำลังลากแผ่นสังกะสีออกมาจากใต้ถุนเมรุ

ยามเช้ามืดของภาคเหนืออากาศเย็นจัดจนเธอต้องสวมเสื้อกันหนาวทับอีกตัว เธอมองกองขี้เถ้าของคนร่างสูงใหญ่อย่างพ่อเลี้ยงตาที่เหลือไว้เพียงก้อนกระดูกไม่กี่ชิ้น

“โยมเลือกเลย เอาที่เป็นก้อนใหญ่สักหน่อยนะ แล้วนี่จะลอยอังคารหรือเก็บไว้ล่ะ”

“ลอยอังคารค่ะหลวงพ่อ”

ศศินานั่งยอง ๆ ลงข้างสังกะสีที่เย็นตัวลงแล้ว เธอใช้ไม้เขี่ย ๆ เลือกหยิบชิ้นกระดูกของพ่อเลี้ยงตาวางไว้บนผ้าขาวบางที่หลวงพ่อช่วยปูไว้ให้

“เท่านี้พอแล้วค่ะหลวงพ่อ”

“เอาล่ะ งั้นก็ห่อแล้วสวดสักหน่อยนะโยม”

ศศินามองมือเหี่ยวย่นของหลวงพ่อโรยกลีบดอกดาวเรืองบนเถ้ากระดูกพรมน้ำมนต์แล้วผูกผ้าขาวบางห่อเถ้ากระดูกไว้ข้างใน เธอพนมมือขึ้นเมื่อหลวงพ่อเริ่มสวดแผ่เมตตา

“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว คุณก็นำท่านไปทำบุญเช้าเสียก่อนแล้วค่อยจัดการต่อ”

ศศินากราบบนพื้นสามครั้งรอจนกระทั่งหลวงพ่อเดินห่างไปจึงลุกขึ้นยืนพร้อมห่อผ้าในมือ

ในศาลาวันนี้มีคนมาถวายมื้อเช้ากันแล้ว เธอเดินขึ้นไปบนศาลาเห็นคณะที่มาทำบุญจำนวนสามสี่คนกำลังเรียงจานอาหารเป็นวง ๆ คนทั้งหมดหันมองเธอเป็นตาเดียวเมื่อเธอขึ้นไปข้างบน

“คุณหนูไปเถอะค่ะ แม่อุ๊จัดไว้ตรงนั้นแล้ว เดี๋ยวรอให้พระท่านสวดให้สักหน่อยเราก็กลับ”

ศศินานั่งลงที่แม่อุ๊เตรียมของไว้ให้มีสังฆทานและบงกชแก้วสำหรับกรวดน้ำพร้อมสรรพ

“ไม่น่าเชื่อว่าจะมาวันเดียวกัน เฮ้ออ”

เสียงแม่นมข้างกายเอ่ยรำพึงรำพันขึ้น ทำให้ศศินาเมื่อวางห่อผ้าลงด้านหน้าแล้ว จึงมองไปยังกลุ่มคณะนั้นอีกครั้ง เห็นหญิงสาวนางหนึ่งหน้าตาสะสวยดั่งคนเหนือ ผมดำขลับเกล้าเป็นมวยไว้ตรงกลางศีรษะ สวมผ้าซิ่นเสื้อเชิ้ตแลดูงามตา

“ใครคะแม่อุ๊”

“อย่าไปใส่ใจเลยคุณหนู แม่อุ๊ก็พูดไปอย่างนั้นเอง”

แม่อุ๊เพิ่งรู้สึกตัวรีบบอกปัดทันที ใบหน้าร้อนรนแปลกไป

“พวกเปิ้นเป๋นคณะคุณนายนายอำเภอ เจ้าไปตางใดมา[1]จึงบ่ฮู้จัก”

เสียงแม่อุ๊ยที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ได้ ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่ดวงตายังสดใสจ้องเธอจริงจัง

“เจ้าเป๋นลูกเฮือนใด๋ บ่เคยหันหน้า”

“ไร่เดือนฉาย”

สิ้นเสียงคำว่าไร่เดือนฉาย ศศินาพลันรู้สึกถึงความเงียบสงัดบนศาลา ทุกคนหันหน้าหนีก่อนจะก้มลงกระซิบกระซาบบางอย่างให้กัน

“เหอะ ลูกบ่าวอก[2]ตาก๋า ป๋อเจ้ามันขี้วอก จ๊าดหมา[3]ขนาด ลงเฮือนศาลาไปสะ!!”

“อี่อุ๊ย จะไปปาก[4] เจ้าสิขี้วอก[5] ปากจ้าดนั่กคุณหนูอย่าไปฟังค่ะ”

ยามนี้ศศินาใบหน้าซีดเผือด ถึงแม้เธอจะรู้ว่าคนในอำเภอจงเกลียดจงชังพ่อเลี้ยงตา คนขี้โกงที่ดินชาวบ้านมาเป็นของตัวเอง แต่เธอไม่เคยพบเจอชาวบ้านจัง ๆ สักครั้ง

“พู้นหันก๊ะ ว่าที่แม่เลี้ยงชัยสงคราม ป้อเจ้าเญี่ยะ[6]ป้อเลี้ยงพันแสงไว้จ้าดนั่ก[7] ”

“ฮาหนี้บะเฮ้ย[8] แม่อุ๊ย คุณหนูไปกันเถอะลงจากศาลาไปก่อน ค่อยไปขอให้หลวงพ่อสวดที่กุฏิก็ได้ค่ะ”

แม่อุ๊ดึงมือของศศินาขึ้น เธอยังได้ยินเสียงคำเมืองด่าตามหลัง ร่างเล็กก้าวเท้าลงบันไดศาลาวัดประจำอำเภอ ใบหน้าแดงซ่านด้วยความอับอาย เธอหอบห่อเถ้ากระดูกลงจากศาลาพร้อมแม่อุ๊

“คุณหนูอย่าไปฟังพวกปากดี กลับบ้านกันเถอะค่ะ วันพรุ่งค่อยมาใหม่”

“แม่อุ๊ แล้วที่แม่อุ๊ยพูดถึงว่าที่แม่เลี้ยง?”

ศศินายังดึงดันถามก่อนที่จะขึ้นรถ แม่อุ๊เพียงชะงักไปนิดก่อนจะตอบคุณหนู

“เขาก็แค่ลือกัน เพราะเห็นพ่อเลี้ยงแสงไป ๆ มา ๆ ที่บ้านนายอำเภอมาสักระยะหนึ่งแล้ว”

ศศินาก้าวขึ้นรถยังมึนงง เมื่อคืนจากปากที่พ่อเลี้ยงพันแสงพูดคือต้องการให้เธอไปเป็นเมียบำเรอ แต่เช้าวันนี้เธอกลับพบว่าพ่อเลี้ยงพันแสงมีคนรักอยู่แล้ว

“คุณหนู มันก็แค่ข่าวลือ คุณหนูไม่ต้องไปใส่ใจหรอกค่ะ ไป ป้ออุ๊ยคำปิกเฮือน”

[1] ไปที่ไหนมา

[2] คำด่า ไอ้โกหก

[3] คำด่า ชาติหมา

[4] หุบปาก

[5] ขี้โกหก

[6] ทำ

[7] มาก

[8] โธ่โว้ย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 2

    บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 1

    บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 30  ~ จบบริบูรณ์

    บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 29 ~ ได้โปรด

    บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 28 ~ พราวพิลาส

    บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ

    บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status