บทที่ 9 ~ ข่าวลือ
“แม่อุ๊คะ รบกวนให้พ่ออุ๊ยคำพาเดือนเข้าตัวอำเภอหน่อยค่ะ”
แม่อุ๊ละมือจากงานบ้านที่กำลังทำอยู่ เหลียวหลังกลับไปมองเห็นคุณหนูกำลังเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแม่อุ๊ไปเรียกให้ จะไปไหนหรือคะคุณหนู”
ศศินาเดินมานั่งตรงแปลญวนใต้ถุนบ้านที่ตอนนี้พื้นดินได้เทปูนทับไปหมดแล้ว
“ค่ะ ไปธุระนิดหน่อยค่ะ อ้อเดือนอยากจะถามแม่อุ๊ค่ะ พ่อได้ให้เงินเดือนแม่อุ๊บ้างไหมคะ”
ร่างอวบท้วมนั่งตรงเก้าอี้ไม้ไม่ห่างจากแปลญวนมากนัก รอยยิ้มแห้งปรากฎบนใบหน้าหญิงสูงวัย
“ยังให้บ้างค่ะคุณหนูไม่มากเท่าไร แต่คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงแม่อุ๊หรอกค่ะ แม่อุ๊อยู่บ้านมีลูกหลานดูแล ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง”
“ไม่ได้หรอกค่ะแม่อุ๊ แม่อุ๊กับพ่ออุ๊ยคำทำงานให้เดือน เดือนต้องจ่ายค่าตอบแทน เดี๋ยวยังไงเดือนจะจ่ายทุกต้นเดือนนะคะ”
“คุณหนู อันที่จริงงานที่บ้านไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่ปัดกวาด ซักผ้า ทำกับข้าวก็เท่านั้น ส่วนงานในไร่ก็ไม่มีแล้ว”
“เอาตามที่เดือนบอกนั่นละค่ะ เดือนถึงจะสบายใจ รบกวนแม่อุ๊ไปตามพ่ออุ๊ยคำให้เดือนหน่อยนะคะ เดือนจะต้องไปแล้วประเดี๋ยวจะกลับมืดสะเปล่า ๆ”
“ค่ะคุณหนู”
ศศินามองแม่อุ๊หญิงสูงวัยอวบท้วมเดินลัดออกจากใต้ถุนบ้านเพื่อไปยังด้านหลังของบ้านที่มีโรงจอดรถ
หลังจากที่เธอกลับมาจากกรุงเทพ เธอยังไม่มีเวลาสำรวจบริเวณรอบบ้านและไร่ว่าตอนนี้สภาพเป็นยังไงบ้าง แต่ดูจากสภาพภายนอกบอกได้ว่าที่ไร่คงไม่ได้มีคนงานเข้ามาทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว
หลังจากเรียนจบด้านคหกรรมศาสตร์ เธอได้ทำงานแค่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น เงินเก็บที่มีก็ไม่มากมายอะไร ไร่แห่งนี้คงต้องใช้เงินบำรุงดูแลค่อนข้างสูง แต่ก่อนอื่นเลยเธอต้องหาทางทำบางสิ่งให้ได้เงินมาจุนเจือตัวเองและคนในบ้าน ก็คือแม่อุ๊และพ่ออุ๊ยคำ
ศศินาได้ยินเสียงรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่แล่นออกมาจากด้านหลังบ้านจึงลุกขึ้นเตรียมตัว วันนี้มีธุระต้องทำอีกหลายอย่างในเมืองคาดว่าคงกลับค่ำ
“แม่อุ๊คะ ถ้ามืดแล้วเดือนยังไม่กลับ แม่อุ๊ไม่ต้องรอนะคะ เปิดไฟไว้แล้วกลับบ้านได้เลยค่ะ ส่วนพ่ออุ๊ยคำเดี๋ยวเดือนให้เอารถกระบะไปไว้ที่บ้านแกสักวัน”
“ค่ะ คุณหนู”
ศศินาขึ้นรถด้านคนนั่งข้างคนขับ ตลอดทางที่ออกจากไร่ยังผ่านเนินเขาไร่ชัยสงครามที่กว้างใหญ่กว่าเดิมก่อนเธอจะไปเรียนต่อ คนงานในไร่มาทำงานกันแต่เช้าเพื่อเก็บใบชา
เธอรู้ว่าเขายังมีไร่ยาสูบและโรงเรื่อยไม้แปรรูปสำหรับส่งออก ทุกอย่างช่างง่ายดายเมื่อผ่านมือพ่อเลี้ยงพันแสง เขาสร้างอาณาจักรชัยสงครามขึ้นใหม่โดยใช้เวลาไม่นาน
“สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นอะไรมาค่ะ”
ศศินานั่งลงที่โต๊ะทำบัตรโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ในคราแรกเธอตั้งใจไปโรงพยาบาลประจำอำเภอแต่ปรากฏว่าการฝังยาคุมไม่ได้ทำได้ทุกวัน ทางโรงพยาบาลเปิดให้ฝังแค่อาทิตย์ละครั้ง
“มาฝังยาคุมค่ะ”
“ได้ค่ะ รบกวนขอบัตรด้วยนะคะ”
ศศินายื่นบัตรเรียบร้อยแล้วจึงกลับมานั่งรอพยาบาลเรียกเข้าพบแพทย์ เสียงพยาบาลซุบซิบกันไม่ดังมากนักหากแต่เธอยังได้ยิน
“นี่ ๆ ได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงพันแสงดูท่าจะติดใจลูกนายอำเภอน่าดู”
“ทำไมๆ มีอะไร อยากจะรู้เล่าเร็ว”
“ก็เมื่อหลายวันก่อน คนงานในบ้านนายอำเภอเล่าให้ฟังว่าพ่อเลี้ยงไปทานข้าวที่บ้านท่านนายอำเภออีกแล้ว เดือนนี้ไปสามรอบแล้วเธอ”
“จริงเหรอ หู้ย น่าเสียดายพ่อเลี้ยง ยังหนุ่มทั้งหล่อ สาว ๆ ในเมืองคงอกหักกันเป็นแถว”
ศศินาหันหน้าไปมองสองพยาบาลที่กำลังพูดถึงข่าวลือระหว่างพ่อเลี้ยงพันแสงกับลูกสาวนายอำเภอ ข่าวลือเดียวกับที่เธอได้ยินบนศาลาวัดเมื่อวาน
“เชิญคุณศศินาค่ะ”
“ค่ะ”
ศศินาลุกขึ้นเดินตามพยาบาลสาวคนที่เพิ่งพูดถึงพ่อเลี้ยงพันแสง เข้าไปยังห้องพบแพทย์
“เชิญค่ะ ต้องการฝังยาคุมใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
แพทย์สาวก้มดูแผ่นรายงานผลการตรวจร่างกายเบื้องต้น
“ทุกอย่างปกติ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
แพทย์หญิงส่งแผ่นรายงานกลับคืนไปยังพยาบาลที่ยังยืนรอพร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงหยอกล้อ
“จะนินทาอะไรก็เบา ๆ กันหน่อยนะ รบกวนคนไข้”
“แหม คุณหมอ ก็เรื่องจริงนี่คะ คุณพราวเพื่อนคุณหมอสวยขนาดนั้น รับรองพ่อเลี้ยงพันแสงไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ”
พยาบาลสาวรับแผ่นรายงานจากมือคุณหมอ ยิ้มแห้งเล็กน้อย
“จ้า ขอบใจที่ชมเพื่อนฉันว่าสวย แต่ก็เบา ๆ กันหน่อย ที่นี่โรงพยาบาล”
“ค่ะ คุณหมอ”
“เชิญคนไข้ตามพยาบาลออกไปได้เลยค่ะ”
ศศินาเดินตามพยาบาลที่หน้าหงอยลงเมื่อโดนคุณหมอกล่าวตักเตือน พลันคิดได้ว่าเธอควรจะหาข้อมูลของพ่อเลี้ยงพันแสงเพิ่มเสียหน่อย รู้เขารู้เรายังดีเสียกว่าก้าวไปข้างหน้าแบบมืดมน
“เออ คุณพยาบาลคะ ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงพันแสงนี่เป็นใครคะ”
พยาบาลหันมาเปลี่ยนใบหน้าหงอยเป็นยิ้มกว้างสดใส
“ก็พ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อของจังหวัดเราค่ะ รวยมาก ๆ มีทั้งไร่ชา ไร่ยาสูบ โรงงานบ่ม โอ๊ย อีกเยอะเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นคนที่ช่วยสร้างเม็ดเงินให้กับจังหวัดเราเลยก็ว่าได้ค่ะ”
“อ้อ ค่ะ แล้วแฟนล่ะคะ”
“ก็คงเป็นคุณพราว เออ ที่คุณได้ยินนั่นล่ะค่ะ ตามปกติไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงสนใจใครเป็นจริงเป็นจัง ก็มีลูกสาวของท่านนายอำเภอนี่ล่ะค่ะเทียวไปเทียวมาหากันสักพักแล้วค่ะ”
“เทียวไปเทียวมา?”
“ค่ะ เห็นคนเขาลือค่ะว่าเห็นไปทานข้าวที่บ้านท่านนายอำเภอบ้าง ไปดูหนังด้วยกันบ้างค่ะ คงจะใกล้มีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ ถึงแล้วค่ะคนไข้”
ข่าวดีเร็ว ๆ นี้ พยาบาลคงหมายถึงงานแต่งงานสินะ
ศศินารำพึงรำพันในใจ แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจไปแล้วว่าจะยอมเป็นเมียบำเรอของเขา เธอจะไม่เปลี่ยนใจหรือเสียใจเด็ดขาด
ถ้าพ่อของเธอทำให้เขาเจ็บปวดเธอก็จะช่วยล้างความเจ็บปวดเหล่านั้นออกจากใจเขาด้วยสิ่งที่เขาต้องการ นั่นคือร่างกายของเธอ
บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด
บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่
บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า
บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม
บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ
บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย