Share

บทที่ 14

last update Dernière mise à jour: 2025-02-14 20:32:51

พอคนตัวเล็กนอนลงได้ที่ เธอก็ขยับกายเข้าไปชิดเขาให้มากที่สุด จังหวะที่ขยับเข้าไปคนที่เธอคิดว่านอนหลับไปแล้ว ก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วหันมามองโดยที่ยังนอนหงายอยู่

"?" มโนราห์ขยับตัวออกมาแบบอัตโนมัติ ทีแรกคิดว่าจะอ่อย ถ้าตื่นมาเห็นว่าเธอสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เผื่อเขาอยากจะ... แต่แค่เห็นแววตานั้นมันก็ทำให้เธอลืมทุกอย่างไปได้ในพริบตา

คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแบบรำคาญ คนกำลังจะหลับมากวนอยู่ได้ แล้วกองทัพก็หันหลังให้โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร

ถ้าเขาตั้งใจฟัง คงได้ยินเสียงเธอถอนหายใจออกมาแบบโล่งใจที่ไม่ถูกตำหนิ

เช้าวันต่อมา..

หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ไม่พบคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้แล้ว เราตื่นสายเหรอ

มโนราห์รีบลุกขึ้นมาจัดการกับร่างกายของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะลงมาข้างล่าง

"ย่าว่าคืนพรุ่งนี้จะชวนคุณปู่ไปเล่นด้วย สงสัยจะรู้แน่เลยก็เลยชิงมาเยี่ยมย่าก่อนใช่ไหมครับ" เสียงนี้ดังแว่วเข้ามาเมื่อมโนราห์ลงมาถึงข้างล่าง

"อยู่แต่บ้านก็เลยอยากพาแกออกมาเปิดหูเปิดตาค่ะ"

"แล้วนี่ใครพามาล่ะ"

"คนขับรถที่บ้านค่ะ"

"แม่ไม่อยากให้นั่งรถบ่อยๆ ท้องเราก็ยิ่งโตมากแล้ว"

"คุณรามก็พูดแบบนี้แหละคะ แต่ถ้าคลอดแล้วกลัวไม่ได้ออกจากบ้าน" พอพูดจบสโรชาก็มองไปดูคนที่เพิ่งเดินออกมา

"สวัสดีค่ะ" มโนราห์ไหว้ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมองมา

"สวัสดีจ้า" สโรชาเป็นอีกคนที่คิดว่ามโนราห์จะเหมือนแม่ไหม เพราะแค่มองตากันก็ไม่รู้นิสัยอยู่แล้ว

"ลงมาก็ดีแล้ว มาดูหลานชายเราสิ"

"หลานชายหรือคะ" มโนราห์มองดูหน้าเด็กแค่แว๊บหนึ่ง ก่อนที่จะปลายตามองไปที่แม่ของเด็ก

"หลานเราชื่อรามิล สวัสดีคุณอาสิครับ" สโรชาแนะนำให้มโนราห์รู้จักก่อนที่จะพูดกับลูกชาย ที่จริงแกยังสวัสดีไม่เป็นหรอก

มโนราห์ได้แต่ส่งยิ้มให้เด็กชายตัวน้อยๆ ที่กำลังยื่นมือมา ที่มโนราห์ไม่กล้ายื่นมือไปรับ เพราะกลัวพวกท่านจะไม่ชอบใจ

"สงสัยหลานอยากไปหาคุณอาแน่เลย" พุดตาลพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เอ็นดูหลานชาย คิดว่าคงสัมผัสได้ด้วยตัวเองว่ามโนราห์ก็คือน้องสาวของพ่อ

แต่ถึงอย่างไรมโนราห์ก็ไม่กล้าอุ้ม เพราะกลัวพวกท่านรังเกียจ และไม่กล้าเข้าหน้าทุกคนด้วย เธอก็เลยขอตัวเข้าไปในครัว

จนถึงช่วงเย็นของวันเดียวกัน มโนราห์ขลุกอยู่แต่บนห้อง ไม่กล้าลงไปสู้หน้าใครสักคน ถึงเวลาจัดเตรียมอาหารเย็นถึงได้ลงมาช่วย

ดึกๆ คืนเดียวกัน..

หญิงสาวรออยู่จนดึกคนเป็นสามีก็ไม่กลับมา คงเพราะรู้ว่าเธออยู่ที่นี่มั้ง ถ้าเธอไม่อยู่ป่านนี้คงกลับบ้านแล้ว

เช้าวันต่อมา..

"ตากองทัพงานยุ่งเหรอคะ" พุดตาลเห็นว่าลูกชายของสามีไม่กลับบ้าน นางก็เลยถามสามีเพราะยังไงพ่อกับลูกก็ทำงานอยู่ที่เดียวกัน

"มันก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว" เกษมราษฎร์ตอบแบบไม่จริงจังนัก เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าทำไม ถ้าผู้หญิงที่แต่งงานด้วยคือคนที่ลูกชายชอบ มีใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน

จนถึงช่วงเย็น..

มโนราห์ช่วยจัดเตรียมอาหารเย็น แต่หญิงสาวไม่ขอทานด้วย เธอให้เหตุผลว่าตอนกลางวันทานไปเยอะยังอิ่มอยู่เลย

เพราะเราใช่ไหม เขาถึงไม่กลับบ้านตัวเอง เรานี่เป็นตัวปัญหาได้ทุกที่ อยู่ที่ไหนก็สร้างแต่ปัญหาให้คนอื่น ..หญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจก แล้วถามตัวเองว่าตั้งแต่เกิดมามีใครต้องการเธอหรือยัง คำตอบที่ได้คือไม่มีเลย ไม่มีเลยจริงๆ

เช้าวันต่อมา..

จะกลับบ้านก็ไม่ได้ กลับต่างประเทศช่วงนี้ก็ยังไม่ได้เพราะเอกสารอยู่ในกระเป๋าใบที่เขาทิ้งไปทั้งหมด "พ่อ" ถึงแม้พ่อจะเป็นคนไม่ดีในสายตาของหลายๆ คน แต่พอเธอได้อยู่กับพ่อได้คุยกับพ่อ มันทำให้มโนราห์รู้สึกว่ายังมีคนที่มองเห็นเธอมีตัวตนอยู่บ้าง

"หนูจะไปไหนเหรอ" พุดตาลเห็นมโนราห์หิ้วกระเป๋าลงมา จะไม่ให้ถามก็คงไม่ได้

"โมนา..จะกลับบ้านค่ะ" จะบอกท่านได้ยังไงว่าจะไปหาพ่อ เพราะพ่อของเธอทำไว้กับท่านเยอะ

"ตากองทัพคงติดราชการก็เลยไม่ได้กลับบ้าน หนูอย่าคิดมากนะ" ถ้าจะรั้งตัวไว้ก่อนก็กลัวว่าคืนนี้กองทัพจะไม่กลับมาอีก

"คงเป็นแบบนั้นแหละค่ะ หน้าที่การงานของเขาก็สำคัญเหมือนกัน" นี่หรือคือการปั้นหน้า ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับมา เพราะมีเธออยู่บ้านหลังนี้ไงเขาถึงไม่กลับ ฉะนั้นเธอควรไปสะ

"เดี๋ยวแม่ให้รถไปส่ง"

"ไม่ต้องหรอกค่ะ โมนาไปก่อนนะคะ" หญิงสาวหิ้วกระเป๋าเดินออกมา ที่เธอไม่ให้รถไปส่งเพราะจะไม่กลับบ้าน ถ้ากลับไปคงถูกแม่เล่นงานหนักยิ่งกว่าเดิมแน่

พุดตาลได้แต่มองตามหลังเด็กที่หิ้วกระเป๋าเดินออกไป คิดถึงตัวเองตอนที่เฝ้ารอสามีอยู่ที่บ้าน รอแล้วรอเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็น 10 ปี นางไม่อยากให้ใครมาพบเจอชะตากรรมแบบนี้เลย แต่จะยื่นมือเข้าไปมากกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะรู้กันอยู่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของใคร ถ้าทำอะไรไปดีไม่ดีอาจจะถูกถอนหงอกก็ได้

มโนราห์ได้ยินพ่อบอกว่า ย้ายไปอยู่จังหวัดหนึ่งของทางภาคเหนือ เธอก็เลยนั่งรถประจำทาง เสี่ยงไปดูเอาว่าจะไปถูกไหม คิดว่าไปถึงที่นั่นค่อยถามคนแถวนั้นว่าค่ายทหารอยู่ที่ไหน

บ้านเมืองที่นี่แตกต่างจากที่ที่เธอจากมา การขึ้นรถประจำทางไม่ได้สวยหรูแบบที่คิดไว้ แต่เธอก็ต้องปรับตัว แม้แต่ตอนขึ้นนั่งรถแล้ว คนที่นั่งข้างๆ ก็ยังมองเธอเหมือนผู้หญิงอย่างว่า

หญิงสาวทำได้แค่นั่งกอดกระเป๋าตัวเอง พยายามมองเฉพาะหน้าต่างของรถประจำทาง

"ใกล้ถึงหรือยังคะพี่"

"น้องไม่เคยมาหรือไงทำไมถามบ่อยจัง.. ถ้าถึงจะบอกเองหรอกน่า" พนักงานประจำรถนั้นเวลาเดินผ่านทีไรมโนราห์ก็ถาม เพราะเธอกลัวว่ารถจะพาขับเลยไป

จนรถประจำทางวิ่งมาจอดที่บขส.

"อ้าวแล้วนี่ไม่ลงหรือไง พอถึงที่ก็ไม่ลง"

"ถึงแล้วเหรอคะ" หญิงสาวนั่งมองหน้าพนักงานบนรถนั้น ไม่กล้าถามและก็ไม่กล้าลงกลัวว่ายังไม่ถึงจุดหมาย

คนตัวเล็กหิ้วกระเป๋าลงจากรถทัวร์ พอลงมาก็เจอกับกองทัพรถเล็กที่รอรับส่งผู้โดยสาร

"อุ๊ย เอากระเป๋าฉันคืนมานะ" หญิงสาวรีบแย่งกระเป๋าคืนเมื่อถูกคนที่มาถามว่าจะไปไหนแย่งไปถือให้

"เดี๋ยวไปส่งครับ ขึ้นรถคันนี้เลย"

"ไม่ไป" แล้วเธอจะกล้าขึ้นด้วยได้ยังไง แค่นี้ยังไม่มีมารยาทแล้ว

มโนราห์หอบกระเป๋าเดินออกมาให้ห่างจากกลุ่มรถพวกนั้นหน่อย

"แล้วเราจะไปหาพ่อยังไงเนี่ย" ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว คงต้องหาที่พักแถวนี้ก่อน เพราะถ้าไปค่ายทหารไม่รู้ว่าพ่อจะพักอยู่ที่นั่นไหม ทำไมถึงจำเบอร์โทรพ่อไม่ได้ เธอตำหนิตัวเองตลอดระยะทางที่นั่งรถมา ถ้ามีโทรศัพท์ก็คงจะดี เพราะเบอร์โทรพ่ออยู่ในนั้น

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • เมียสวมรอย   บทที่ 135 ตอนจบ

    "ถึงแม้คุณจะไม่อยากฟัง แต่ผมก็จะพูด เพราะผมรักคุณ" เขาไม่ได้รั้งตัวเธอไว้ แต่ยังคงเดินตามไป จนตอนนี้ทั้งสองออกมาจากงานแล้ว"ฉันไม่อยากเป็นตัวปัญหา คุณกลับไปทำงานของคุณให้เสร็จเถอะค่ะ" ถึงแม้เธอจะหยุดแต่ขณะที่พูดก็ไม่ได้หันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ผมจะร้องเพลงต่อไปทำไม ในเมื่อคนที่ผมอยากให้ฟังไม่อยู่ในงานนั้น""คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าคุณจะร้องเพลงนี้ให้ฉัน แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะคะ..แต่คนที่รู้กลับเป็นผู้หญิงคนนั้น" เธอพยายามจะไม่ดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบทสนทนาแล้ว แต่ก็ยังคาใจเรื่องนี้อยู่"คุณหมายความว่ายังไง""คุณจะขึ้นร้องเพลงฉันยังไม่รู้เลย แต่เธอกลับรู้ว่าคุณจะร้องตอนเปิดงาน""คุณหมายถึงผู้หญิงที่ผมรับมาจากหน้ากรมน่ะเหรอ แม้แต่ชื่อเธอผมยังไม่รู้เลย และเรื่องที่ผมร้องเพลงก่อนผมสาบานได้ว่าเธอคงไม่ได้ยินจากปากผมแน่ๆ""ไหนบอกมันเป็นความลับไงคะ ขนาดฉันยังไม่รู้เลย ทำไมเธอถึงรู้" ในเมื่อเขาไม่ได้พูดแล้วเธอคนนั้นจะรู้มาจากไหน"ใช่มันเป็นความลับ แต่เธออาจจะรู้มาจากนักดนตรี หรือคนจัดเตรียมงานก็ได้นี่ครับ" เพราะทุกคนต้องวางแผนงานแสดงก่อนที่จะเริ่มงาน"ขอบคุณนะคะ สำหรับคำอธิบาย""แล้วคุณยังโก

  • เมียสวมรอย   บทที่ 134

    เหมือนถูกลากมาตบกลางสี่แยกยังไงยังงั้นเลย ที่ได้ยินพวกผู้หญิงพูดถึงสามีตัวเอง"ได้ยินผู้พันบอกว่า วันนี้จะร้องเพลงช่วงเปิดงาน""อ้าว ไม่ร้องตอนปิดงานอีกแล้วเหรอ" เพราะกองทัพเลือกร้องเพลงตอนปิดงานมาหลายปีแล้ว ที่เขาร้องช่วงปิดงานจะได้มีคนอยู่ร่วมงานจนถึงช่วงสุดท้าย"เห็นบอกแบบนั้น""แหมนอกจากให้ติดรถมาแล้ว ยังบอกเรื่องจัดงานอีกนะ" ไม่มีใครไม่รู้ว่ากองทัพแต่งงานและภรรยาก็คลอดลูกเดือนที่แล้ว แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคนที่ทำอาชีพนี้ส่วนมากจะเจ้าชู้ มีหลายคนเลยแหละที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย ยิ่งระดับลูกชายของคนใหญ่คนโตแล้วด้วย ผู้หญิงพวกนั้นก็เลยอยากไต่เต้าสบายทางลัด ยิ่งถ้าคว้าใจผู้ชายมาได้ถึงกับยอมเลิกกับบ้านใหญ่ก็เคยมีความรู้สึกของมโนราห์ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว จนเกิดอาการคัดเต้า โชคดีที่ใส่ที่ซับน้ำนมมาด้วย แต่ถ้ามันไหลเยอะก็คงเอาไม่อยู่เพียงไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้น หลายคนที่ร่วมงานต่างก็หันไปที่เวที และหลายคนก็พูดกันว่า ทำไมผู้พันกองทัพถึงได้ร้องเพลงช่วงเปิดเวที เพราะทุกครั้งผู้พันจะร้องตอนปิด ..นั่นแสดงว่าคนในงานยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผู้หญิงคนนี้คงสำคัญกับเขามากจริงแหละ ถึงได้รู้ว่าเขาจ

  • เมียสวมรอย   บทที่ 133

    "ฉันขอชุดที่รัดกุมหน่อยนะคะ..แต่..เออ..""แต่อะไรคะ" ช่างที่กำลังเลือกแบบชุดให้ถามลูกค้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนไม่กล้าพูด"ขอแบบที่สามารถปั๊มนมให้ลูกได้ด้วย" ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน เธอก็เลยขอชุดแบบนั้นไว้ เพราะถ้าน้ำนมมาต้องรีบปั๊มออก ไม่งั้นคัดเต้าทำให้ปวดมากบางครั้งเกิดการอักเสบเลย"ชุดแบบนั้นทางร้านเราไม่ได้ทำไว้ค่ะ แต่เราคิดว่า ผ้าคลุมไหล่สามารถปกปิดได้"ขณะที่คุยกันไม่มีคนในบ้านอยู่ใกล้เธอก็เลยกล้าพูดพอรู้แล้วว่าลูกค้าต้องการแบบไหนทางร้านก็รีบจัดการให้ ส่วนมโนราห์ก็เริ่มทำการเสริมสวยต่อขณะที่ทำผมอยู่ได้ยินเสียงลูกชายงอแง เธอก็ให้ช่างหยุดก่อน เพื่อไปดูว่าลูกเป็นอะไร แต่พอเห็นว่าลูกอยากเข้าเต้ามโนราห์ก็เลยจัดให้ก่อนจนแกนอนหลับเธอถึงได้กลับมาทำสวยต่อ ชีวิตแม่ลูกอ่อนถ้าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกบ่ายคล้อยวันเดียวกัน.."พ่อโทรมาบอกว่าให้แม่เข้างานเร็วหน่อย""คุณแม่ก็ไปสิคะ""แม่ว่าจะรอรับเราไปด้วยกัน""ไม่ต้องรอหรอกค่ะ โมนายังไม่รู้เลยว่าจะไปไหม""ถ้างั้นแม่รอเราที่งานนะ" พอแต่งตัวเสร็จพุดตาลก็ให้คนรถพาไป เพราะไม่อยากให้ท่านนายพลต้องกลับมารับอีกเวลาเดียวก

  • เมียสวมรอย   บทที่ 132

    ลืมเลยอีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงวันงาน พอคิดถึงเรื่องเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเขากับเธอยังไม่ได้รักกัน"หึ.." พอคิดถึงตอนที่กระโปรงเธอขาดก็นึกขำขึ้นมา และตอนที่เธอคิดว่าเขาร้องเพลงให้ผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่เลย ตอนที่ร้องเพลงนั้น เขากลับคิดถึงหน้าเธอต่างหาก"ยิ้มอะไรครับผู้พัน""ยังจะเดินตามมาอีก ไม่ทำงานหรือไง""ทำสิครับ แต่ผู้พันลืมแล้วเหรอว่าที่ทำงานเราไปทางเดียวกัน" ตอนที่เป็นผู้กองอยู่เขาสังกัดหน่วยงานเดียวกับกองทัพ แต่พอเลื่อนขั้นเป็นผู้พัน ฉลามต้องเข้ารับงานใหม่ "แล้วตกลงที่ยิ้ม..ให้สาวที่นั่งรถมาด้วย..หรือคนที่อยู่บ้านครับ""ไอ้ฉลามมึงจะหางานให้กูไปถึงไหนวะ กูก็ต้องคิดถึงเมียกูสิ""ครับคิดถึงเมีย""ไอ้นี่พูดเหมือนไม่เชื่อ"สองวันต่อมา.. วันนี้เริ่มประชุมเรื่องที่จะจัดงานประจำปี ใครรับหน้าที่ส่วนไหนก็ต้องเริ่มจัดการส่วนที่ตัวเองได้รับในแต่ละหมู่เหล่าต้องร่วมแรงร่วมใจ เพราะงานประจำปีไม่ได้จัดขึ้นแค่เป็นงานเลี้ยง แต่เป็นงานที่ทำให้ในหน่วยงานรักและสามัคคีกันที่คฤหาสน์พลเอกเกษมราษฎร์"โมนาไม่รู้ว่าพ่อจะมา" เพราะพ่อเพิ่งมาตอนที่เธอคลอดลูกนี่เอง และวันนี้พ่อก็มาอีกครั้ง"สามีเราไม่บอกเหรอ ว่

  • เมียสวมรอย   บทที่ 131

    "คุณอยากได้อะไรครับ ทำไมไม่เรียกผมเดี๋ยวผมหยิบให้" ฉลามรีบเดินกลับมาที่บ้าน"ฉันเรียกแล้วค่ะ แต่คุณมัวมองสาวๆ พวกนั้นอยู่""อุ๊ย.. เปล่ามองสักหน่อย""ตาฉันไม่ได้บอด""แก้วใจครับ อย่างอนนะ มันไม่ดีต่อ..""คุณไม่อยากให้ฉันงอนก็อย่าทำสิคะ""ผมแค่..""แค่อะไรคะ""แค่มองนิดเดียวเอง""แต่ที่ฉันเห็นไม่นิดแล้วนะ"กูจะถึงกับตายไหมวะ ..ฉลามรีบเดินตามแก้วใจเขาไปในบ้าน ในใจก็แอบหวั่นๆ"อย่าเดินเร็วสิครับเดี๋ยวสะดุดล้ม""ไม่ต้องตามมานะ""ผมสัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว"แก้วใจหยุดแล้วก็หันกลับมา แต่ฉลามที่ตามมาด้านหลังเกือบหยุดไม่ทัน"จะหยุดทำไมไม่บอกผมล่ะ""ไม่ต้องมาใกล้ฉันเลยนะ" หญิงสาวผลักสามีให้ออกห่าง "ใช่สิท้องฉันโตขนาดนี้ ก็เลยไม่น่ามองเหมือนผู้หญิงพวกนั้นใช่ไหม""ใครบอกคุณไม่น่ามอง แก้วใจของผมน่ารักที่สุดในโลก""คนปากไม่ตรงกับใจ ฉันจะกลับไปหายาย""ไม่ให้กลับ""ฉันจะกลับไปคลอดลูกกับยาย""ที่นั่นอยู่ห่างไกล เวลาคลอดก็ลำบาก เอาแบบนี้แล้วกันใกล้คลอดผมจะไปรับคุณยายมาอยู่ด้วย""จริงเหรอคะ" จากที่งอนอยู่เมื่อสักครู่ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ฉลามถึงกับหายใจโล่ง ดีนะที่ยังมียาย ไม่งั้นคืนนี้ต้

  • เมียสวมรอย   บทที่ 130

    ญาณินกัดฟันไว้ไม่กล้าส่งเสียงคราง เพราะลูกชายเพิ่งจะนอนลงมือเรียวยื่นลงไปจับศีรษะของคนที่เมามันอยู่กับการใช้ลิ้น แทนที่จะยกศีรษะของเขาขึ้นแต่ดันกดมันลงแบบลืมตัวชายหนุ่มยิ่งได้ใจเพิ่มจังหวะความเร็วของลิ้นอีกระดับหนึ่ง จนสะโพกงามเกร็งกระตุกเขาถึงได้หยุด แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมา เพราะจะปล่อยให้เธอเสร็จก่อนไม่ได้สิ่งแรกที่ศิลาทำเมื่อโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มนั้นคือมองไปดูลูกชาย ว่าเขาหลับหรือยัง แต่พอเห็นลูกยังดิ้นอยู่ เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงอีกฝั่งหนึ่งของเธอแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อย เขายังคงลูบคลำเนินอวบนูนของเธอเพื่อไม่ให้อารมณ์อีกฝ่ายหยุดลง"อือ..คุณ.."ศิลาไม่สนใจที่เธอห้าม แถมยังส่ายหน้าบอกเล็กน้อย เพื่อให้เธอรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่หยุด รอให้ลูกหลับสนิทก่อนเถอะ จะจัดการเธอให้สมกับความคิดถึง"อื้อ" พอนิ้วนั้นจมหายเข้าไปในร่อง หญิงสาวกลั้นเสียงไว้ไม่ได้อีก แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาแรง "อ่ะ อ่ะ" อารมณ์ของเธอเริ่มควบคุมไม่ได้เมื่อนิ้วนั้นขยับเร็วขึ้น"หือ" ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อถูกมือเรียวลูบคลำที่เป้ากางเกง ยิ่งเธอเป็นคนรูดซิปเองด้วยแล้วเขายิ่งพอใจมากแต่เธอทำแค่นั้นแล้วก็หยุด เพราะเริ่มรู้ส

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status