“คุณกฤติกาน่าจะย้ายไปอยู่กับคุณสมิติแบบจริงจังครับท่าน” เลขารายงานท่านธำรง
“เมื่อวานเขาไปรับคุณกฤติกาที่บริษัทและพาไปที่เพนเฮ้าส์ส่วนตัว ตอนเช้าคุณกฤติกามาบริษัทกับวายุคนของคุณสมิติครับ” เลขาพูดต่อ
“ไอ้วายุเหรอ มันเป็นใคร” ธำรงถาม
“วายุเป็นอดีตนายตำรวจครับ มาทำงานเป็นผู้ช่วยและเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้คุณสมิติ เป็นคนที่วงในบอกว่าฝีมือดีที่สุดในรุ่น ถ้าการที่คุณสมิติให้การ์ดที่ดีที่สุดมาดูแลคุณกฤติกา ผมเกรงว่าแผนของท่านจะไม่สำเร็จ ถ้าล้มเลิกแผนตอนนี้เรายังไม่เสียความสัมพันธ์ที่ดีกับทางเอสเอ็มนะครับ” เลขาเสนอแนะด้วยความหวังดี แต่ถูกท่านธำรงใช้ที่ทับกระดาษหินอ่อนเขวี้ยงใส่หน้า เขาหลบทันทีแต่ก็ยังโดนเฉี่ยวศีรษะไป
“กูเป็นใคร กูจะไม่ยอมแพ้ไอ้เด็กรุ่นลูกนั่นหรอก” ตอนนี้เรื่องกฤติกากลายเป็นเรื่องรองไปแล้ว แต่ธำรงแค้นที่เสียหน้าที่ต้องแพ้สมิติมากกว่า
“อีกเรื่องครับ เรื่องนอมินีของท่านที่ประมูลโครงการได้ ความลับเรื่องนี้น่าจะรั่วไหลไปถึงหูของพรรคพวกคุณสมิติแล้ว” เลขาจำใจรายงานต่อ
“รู้แล้วยังไง รู้แล้วมันจะมีหลักฐานอะไรมาเล่นงานกู คนธรรมดาอย่างมันจะเอาบารมีอะไรมาสู้รัฐมนตรีแบบกู” ธำรงตะโกนอย่างโกรธแค้น
“เอ่อ.. คุณสมิติเป็นประชาชนคนธรรมดาแต่ญาติผู้ใหญ่เขาเป็นองคมนตรีนะครับท่าน” ประโยคนี้ยิ่งเหมือนน้ำมันรดบนกองไฟ
“มึงออกไปเลยไม่ต้องมารายงานอะไรกูแล้ว ไอ้ลูกน้องเฮงซวย” ธำรงหายใจแรง ในหัวเขาคิดหาวิธีโต้คืนสมิติและกฤติกา ถ้ามันถึงขั้นให้การ์ดประจำตัวไปดูแลกฤติกา นั่นย่อมหมายถึงว่าเธอเป็นจุดอ่อนของมัน และเขาจะใช้ผู้หญิงคนนี้ให้เป็นประโยชน์
################
หลังจากที่คุยกับจุฑามาศกฤติการู้ได้ในทันทีว่าเรื่องสปอนเซอร์รายใหม่เป็นฝีมือของใคร เธอหันมาทางเขา
“จุ๋มโทรมาบอกว่าได้สปอนเซอร์ใหม่แล้วค่ะ”
สมิติพยักหน้า “ก็ดีแล้วพี่ดีใจด้วย ถ้าไม่พอไก่บอกพี่ได้นะ”
“แต่สปอนเซอร์รายใหม่ทุกเจ้าเป็นบริษัทรับสร้างบ้านหมดเลยค่ะ มีงบมาเจ้าละหนึ่งล้านบาท หกเดือนหมดเหมือนกันเป๊ะ” เธอพูดต่อในขณะที่สมิติอยากไปเตะไอ้ฮาน
บริษัทพี่ๆ น้องๆ ที่สนิทสนมกันมีเยอะแยะ พวกขายสี ขายแอร์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว ขายปูน ขายดิน ขายต้นไม้ขายห่าเหวสารพัดทำไมมันไม่เลือกมาคละๆ กัน
“จ้ะ” สมิติพูดไม่เต็มเสียง
“ขอบคุณนะคะ ทำไมพี่ไม่บอกไก่ตรงๆ”
“เอ่อ...” เขาพูดแล้วเงียบ กำลังคิดคำดีๆ มาบอกแต่ในที่สุดก็เลือกพูดสิ่งที่ใจคิด
“พี่ไม่อยากให้ไก่คิดว่าพี่ช่วย กลัวว่าเราอาจจะไม่ภูมิใจแล้วจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือของพี่” ขนาดตอนนั้นเธอยังลาออกจากอัศราดูโฮม ยังขายบ้านทิ้งทั้งที่ควรจะเก็บบ้านไว้เพราะเธอก็ไม่ใช่คนที่มีเงินเหลือเฟือ
“อีกอย่างถ้าใช้ชื้อเอสเอ็มเป็นสปอนเซอร์พี่ไม่อยากให้บอร์ดบริหารบางคนมองไก่ไม่ดี หาว่าพี่ช่วยเพราะเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าจะให้เงินตรงๆ ไก่คงไม่เอา”
ใช่สิ่งที่เขาพูดมาถูกทั้งหมด กฤติกายอมรับ เธอพนมมือไหว้ขอบคุณสมิติ
“ขอบคุณค่ะพี่ เอาเป็นว่าช่วงที่อยู่ที่นี่ไก่จะดูแลบ้าน ทำกับข้าวให้นะคะ” เธอยิ้มให้เขาและเดินไปดูในครัว
“พี่น่าจะหิวแล้ว ไก่ไปดูทำกับข้าวดีกว่าค่ะ”
เฮ้ย...สมิติร้องในใจเขาหน้าเหวอ 'ขอบคุณพี่แบบอื่นไม่ได้เหรอไก่'
กฤติกามองของสดที่ซื้อมาเมื่อวานหลังจากซื้อแล้วเธอก็เก็บลวกๆ ไว้เพราะร้อนใจเรื่องงานมากกว่า หญิงสาวเริ่มรื้อหาหม้อหุงข้าวพบว่ามันยังอยู่ในกล่องใหม่เอี่ยม สมิติคงไม่เคยใช้มันเลยเธอเอากล่องอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกสองอย่างออกมาจากตู้คือหม้อไฟฟ้าและกาต้มน้ำไฟฟ้า
“พี่ลืมบอกว่าหม้อหุงข้าวอยู่ในตู้” สมิติตามเข้ามาเขาเห็นเธอหาของเจอพอดี ของพวกนี้มาพร้อมกับเพนเฮ้าส์เขายังไม่มีเวลามาดูละเอียดด้วยซ้ำว่ามีอะไรบ้าง
“พี่ไม่เคยทำกับข้าวเลยเหรอคะ” กฤติกาถามขณะที่นำหม้อหุงข้าวออกมาสำรวจดูพบว่าทุกอย่างเรียบร้อย อุปกรณ์ครบ
“ไม่ พี่อยู่คนเดียวจะทำไปทำไม” ชายหนุ่มตอบพลางมาช่วยยกถุงข้าวสารหอมมะลิเปิดถุงออกเทใส่กล่องสุญญากาศ
“แล้วพี่จะซื้อของพวกนี้มาทำไมคะ มันตกรุ่นเร็วซื้อมาเก็บเปลืองเงินเปล่า” กฤติกาพูดตามประสาคนใช้เงินคุ้มค่า
“พี่ซื้อมารอไก่ก็ไม่นานเท่าไหร่ ห้องนี้เพิ่งตกแต่งเสร็จไม่กี่เดือน” สมิติตอบ เขาดูของแห้งที่ซื้อมาหลายอย่างเมื่อวานอย่างสนใจ
กฤติกาหันมามองเขา “รอไก่มาอยู่ที่นี่เหรอคะ” เธอทวนคำพูด ไม่แน่ใจว่าเธอหูเพี้ยนหรือเขาพูดผิด
“ฮื่อ.. ก็ตั้งใจอยู่ว่าพอไอ้ฮานแต่งงานเมื่อไหร่ คนที่บ้านไก่น้อยลงพี่จะไปตามง้อไก่กลับมาแต่พอดีมีเรื่องธำรงก่อน ความจริงต้องขอบคุณไอ้ธำรงนะเนี่ย” สมิติหัวเราะส่วนกฤติกาไม่รู้จะวางหน้ายังไง
“ไก่จะเอาหม้อไฟฟ้ามาทำอะไร” เขาถามไปถึงของในกล่องที่เธอรื้อออกมาพร้อมกัน
“จับฉ่ายค่ะ” กฤติกาตอบพรุ่งนี้เธอต้องอยู่บ้านทำงาน เตรียมข้อมูลจึงคิดจะทำกับข้าวไว้เผื่อวันรุ่งขึ้น
“ก็ดีสิพี่ไม่ได้กินนานแล้ว” เขามองเธอทำโน่นนี่อย่างรวดเร็ว ในหน้าจอดูเหมือนว่ากฤติกาเป็นเซเลปที่เข้าถึงตัวยาก เธอแทบไม่ออกรายการใดๆ นอกจากรายการของตัวเอง แต่เธอในตอนนี้ไม่ต่างจากผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
“ให้พี่ช่วยทำอะไรไหม” เขาเสนอตัวจะให้เธอทำคนเดียวก็กระไรอยู่
“ไม่ต้องค่ะ ไก่ทำคนเดียวดีกว่า”
กฤติกาตกลงใจทำยำปลากระป๋อง ไข่เจียวโหระพา ผัดดอกกุยช่ายใส่กุ้ง เธอหั่นดอกกุยช่ายยาวประมาณ 1 นิ้วล้างพักให้สะเด็ดน้ำ กุ้งแกะมาแล้วเธอนำมาล้างอีกครั้ง จากนั้นเด็ดใบโหระพาตอกไข่สามฟองใส่ถ้วย ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมันหอยตีให้เข้ากัน นำกระทะตั้งไฟเทน้ำมันใส่เปิดไฟกลาง
สมิติมองเธอทำโน่นนี่นั่นเพลิน เขาช่วยจัดโต๊ะนำจานตักข้าวสวยที่ระอุแล้ววางรอบนโต๊ะ จากนั้นเดินมายกกับข้าวที่ทำแล้วไปวาง
ชายหนุ่มเห็นหอมแดงยังไม่ได้ปอกสามสี่หัวเขาจึงช่วยปอกให้ เพียงไม่นานกฤติกาเห็นเขาเปิดน้ำในซิงค์ล้างหน้าเธอหันมามองเขา
“พี่หมิงเป็นอะไรคะ” เขาเงยหน้าตาแดงจนเธอตกใจ
“พี่ปอกหอมละเอามือไปขยี้ตา” แค่นั้นล่ะรู้เรื่อง ไม่คิดว่าการปอกหอมแดงจะทำให้ชีวิตเศร้าขนาดนี้ เขามองเหวี่ยงเมื่อได้ยินกฤติกาหัวเราะ
เธอหยุดหัวเราะบอกเขาว่า “พี่ล้างตาแล้วออกไปข้างนอกได้เลยค่ะ ผัดผักสุกแล้วเดี๋ยวไก่ทำยำต่อเอง”
เธอตัดผัดผักใส่จานนำกระทะไปแช่น้ำ แล้วเริ่มซอยหอมแดง พริกขี้หนูแดงจินดา ต้นหอมผักชี ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาวและชูรสปลายช้อน
จากนั้นทั้งสองเริ่มทานอาหาร วันนี้สมิติทานได้มากกว่าปกติ เขาชวนคุยเมื่อทานได้สักระยะ
“พรุ่งนี้ไก่ไปไหนไหม พี่อยากชวนไปหาคุณย่าใหญ่”
“คะ” เธอทำเสียงเป็นประโยคคำถาม
“คุณย่าใหญ่ของพี่เป็นท่านผู้หญิงสามีท่านเป็นองคมนตรี พี่อยากพาไก่ไปกราบท่านไว้ก่อน”
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ