จากที่ตั้งใจว่าจะไม่ออกไปไหน วันรุ่งขึ้นกฤติกาต้องเข้าสำนักงานโดยที่เธอไปกับวายุ ส่วนสมิติเขาบอกว่า
“พี่มีงานด่วน ไก่ไปกับวายุเขาจะรอรับกลับหรือไก่อยากไปไหนก็บอกเขาได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ” เธอร้อนใจจนต้องออกจากบ้านแต่เช้ามาถึงสำนักงานก่อนเวลาเข้างานของพนักงานเสียอีก
“คุณวายุรอตรงนี้นะคะ เชิญตามสบายเลยค่ะ” เธอเดินนำวายุไปรอในห้องรับรองสั่งให้สุพรรณ์จัดกาแฟและน้ำให้เขาด้วย
“เรื่องที่ให้สืบว่าไง” สมิติอยู่ที่บริษัทอัศราดูโฮม เจ้าของบริษัทถูกปลุกให้มาตั้งแต่เช้า หน้าตาค่อนข้างยับยู่ยี่
“เฮียปลุกผมวันไหนไม่เคยโมโหเท่าวันนี้เลยว่ะ” เขาบ่นเบาๆ ทำให้สมิติมองหน้า
“ทำไม กกเมียอยู่เหรอแต่คงไม่ใช่เพราะท่าทางน้องหน่อยน่าจะรองานแต่ง”
“ชิ.. แล้วเฮียไม่คิดจะทำอะไรให้ถูกต้องตามประเพณีมั่งเหรอ นี่ผมกำชับหน่อยไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกแม่ว่าพี่สาวไปอยู่กับใคร” อัศราถามถึงการที่สมิติพากฤติกาไปอยู่ด้วยกันตั้งแต่วานนี้
“ฉันคิดเองได้ ไม่ต้องมาเตือนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไก่ไปหาคุณย่าใหญ่” คุณย่าใหญ่ที่สมิติพูดถึงคือพี่สาวของปู่ ท่านผู้หญิงสุวดี วดีภิรมย์ สามีของท่านเป็นอดีตผบ.ทบ. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี ท่านผู้หญิงและสามีมีบุตรชายเพียงคนเดียวและเสียชีวิตไปก่อนที่จะแต่งงานทำให้ท่านไม่มีหลานสายตรง และเนื่องจากท่านเอ็นดูสมิติเป็นพิเศษ ทำให้เขาได้มีชื่อเป็นทายาทอันดับที่หนึ่งในพินัยกรรมของท่าน
ท่านผู้หญิงเป็นผู้ใหญ่ในตระกูลที่ถือว่ามีบารมีสูงสุด ท่านถือหุ้นของเอสเอ็มกรุ๊ปมากกว่าทุกคน และท่านเป็นคนที่ผลักดันสมิติก้าวสู่ตำแหน่ง CEO และนั่นทำให้สมิติรู้ว่าเขาควรให้ใครออกหน้าในเรื่องของกฤติกา
“ก็ดีนะ ถ้าคุณย่าใหญ่ออกหน้าแม่เฮียคงไม่กล้าขัด” อัศราออกความเห็น ทุกคนในบรรดาเครือญาติต่างรู้ดีว่าภูมิหลังของนางชื่นฤดีเองมิใช่สุภาพสตรีจากวงศ์สังคมชั้นสูงแต่อย่างใด นางเป็นเพียงผู้ช่วยพยาบาลในตอนที่พบกับบิดาของสมิติ
อุปสรรคในตอนแต่งงานคราวนั้นก็ได้ท่านผู้หญิงสุวดีที่ช่วยทำให้พ่อแม่ของสมิติแต่งงานกันได้ อัศราจึงไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่านางน่าจะเข้าใจกฤติกามากที่สุดแต่กลับกลายเป็นกีดกันเธอทุกทาง
“ส่วนเรื่องข้อมูลค่อนข้างมีเยอะ อย่างน้อยธำรงมันก็แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จแน่ๆ อีกเรื่องคือผมกำลังให้คนตามสืบเรื่องการทุจริตรับสินบนจากบริษัทคู่สัญญาของรัฐ”
เอสเอ็มเป็นผู้สนับสนุกหลักทางด้านการเงินให้พรรคของธำรงจริง แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้เอสเอ็มได้รับอภิสิทธิ์ใดๆ ในการยื่นซองประมูลบิ๊กโปรเจ็คแต่ละครั้ง ตรงกันข้ามบริษัทที่ชนะการประมูลเป็นบริษัทเล็กๆ ที่สมิติเคยคลางแคลงใจเรื่องเงินวางประกันด้วยซ้ำว่ามีพอไหม
“ฉันว่าไม่ใช่แค่รับสินบน แต่บริษัทที่ชนะการประมูลมากกว่าครึ่งของทุกโครงการอาจจะเป็นนอมินีของมัน”
“ผมก็สงสัยอยู่เฮีย” อัศราเห็นด้วย “แต่ตอนนี้คงต้องใจเย็นมันเป็นช่วงสมัยเปิดประชุมสภา ธำรงมันเป็นสส.ด้วย มันยังมีเอกสิทธิ์คุ้มครองไม่ให้ถูกดำเนินคดี จะแฉมันต้องดูจังหวะก่อน”
“เรื่องสปอนเซอร์ของลูกไก่ที่ถอนทั้งหมดเฮียจะทำไง” อัศราถามในส่วนที่เขาข้องใจ สมิติดูนิ่งมากจนผิดสังเกต
“ก็ไม่ยังไง นายเอางบไปกระจายให้บริษัทรุ่นน้องเราทั้งหมดลงสปอนเซอร์ให้ลูกไก่ ฉันให้เดือนละห้าล้านเป็นเวลาหกเดือนเอาไปแบ่งกันอยากโฆษณาอะไรเอาให้เต็มที่”
กฤติกา ญาณินคุยกันในห้องทำงานต่างคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ญาณินที่เพิ่งรู้เรื่องท่านธำรงถึงกับสบถออกมา
“ดอกมาก คนอะไรตาแก่ตัณหากลับ” เธอมองหน้ากฤติกาที่มีสีหน้าไม่ดี พลางจับมือเพื่อนขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวลนะลูกไก่ นินจะลองหาสปอนเซอร์มาแทนช่วงนี้ลูกไก่ไปอยู่กับเฮียหมิงดีสุดจริงๆ เราเห็นด้วย” ถ้าหาไม่ได้ก็ขอสปอนเซอร์จากบริษัทของที่บ้านก็ได้ ไม่เห็นจะแคร์ญาณินคิดในใจ ตอนนี้เธอห่วงกฤติกามากกว่า
เมื่อต้องคุยกันเรื่องปัญหาที่มีจากธำรง ทำให้กฤติกาต้องเล่าเรื่องของเธอกับสมิติให้เพื่อนฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เธอเลือกเล่าผ่านๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก
หญิงสาวออกจากสำนักงานในช่วงบ่ายหลังจากนัดกับญาณินเรื่องไปต่างจังหวัดรอบต่อไป เธอบอกวายุที่รอรับว่า
“ไก่อยากไปบ้านค่ะ”
แต่วายุแย้งว่า “คุณสมิติโทรมาบอกว่าให้ผมไปส่งคุณที่ห้องครับ ท่านบอกว่าถ้าคุณลูกไก่อยากไปไหนให้รอท่านจะพาไปเอง”
“ค่ะ”
จากนั้นเธอจึงกลับมาที่ห้องของสมิติ หญิงสาวมาถึงไม่ครึ่งชม.เขาก็กลับมา
“ไก่จะไปไหน”
“อยากไปบ้านค่ะ” เธออยากไปบอกแม่กับน้องว่าไม่มีอะไรไม่ต้องกังวล
“ก็ดีเดี๋ยวพี่ไปด้วย” เขาพูดเสียงเรียบ
ชั่วโมงต่อมาเธอและสมิติมาถึงบ้าน วันนี้นางแก้วคำปิดร้านก๋วยเตี๋ยวตามที่อัศราขอให้หยุดโดยที่นางยังไม่รู้อะไร
“ไก่ทำไมมากับญาติพ่อฮานละลูก” นางถามเมื่อเห็นกฤติกาลงจากรถของสมิติ หญิงสาวอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ตอนนี้ไก่อยู่กับผมครับคุณแม่” สมิติตอบแทนทำให้กฤติกาหันไปมองหน้าเขา ส่วนนางแก้วคำทำหน้างงสมิติจึงอธิบายเพิ่ม
“ไก่กับผมคบกันมานานแล้วตั้งแต่ตอนเรียนครับ ตอนแรกเรายังไม่ได้วางแผนเรื่องแต่งงานในเร็วๆ นี้แต่ช่วงนี้ไก่มีปัญหากับท่านธำรงจำเป็นต้องไปอยู่กับผม ผมเลยจะมาเรียนคุณแม่ให้รับทราบก่อนส่วนเรื่องจัดงานตามประเพณีรอให้ลูกไก่พร้อมครับ”
ปัญหาเกี่ยวกับท่านธำรงนางแก้วคำพอรู้คร่าวๆ แต่นางไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรจนมาถึงวันนี้ที่นางรู้ว่ากฤติกาถูกขู่และโดนบีบหลายทาง
“เรื่องจัดงานหรือไม่จัดแม่คงไม่ว่าอะไรหรอก ไก่เขาดูแลตัวเองมานานแม่แทบไม่ได้ส่งเสียดูแลอะไรเลย โตแล้วแม่รู้ว่าลูกตัดสินใจดีก่อนจะทำอะไรลงไป” นางแก้วคำพูดอย่างปลงตก
ทั้งสองอยู่คุยกับนางแก้วคำอีกครู่ใหญ่ โดยที่นางรับปากว่าจะย้ายไปอยู่ที่ระยองตามที่อัศราบอกไว้ โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอมเด็กๆ จึงไม่ต้องไปโรงเรียน ทุกคนในบ้านไปกันหมดยกเว้นก้องเกียรติที่กำลังจะเรียนจบ เด็กหนุ่มรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดี จากนั้นกฤติกาจึงกลับมาที่ห้องของสมิติ
“พี่ไม่ควรบอกแม่เลยค่ะ ไก่ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องท่านธำรง” เธอต่อว่าเขา
“แล้วไก่จะแบกทุกอย่างไว้กับตัวเองไว้ได้นานแค่ไหน ไม่เหนื่อยเหรอ” ช่วงที่อยู่ด้วยกันสมิติรู้มาตลอดว่าเธอส่งเงินกลับไปบ้านในจำนวนที่มาก ตอนนั้นเขาเข้าใจว่าน้องสองคนยังเด็ก ยังต้องการการดูแลเรื่องเงินแต่มันควรจะพอได้แล้ว กฤติกาควรจะได้ใช้ชีวิตตัวเอง อย่างน้อยแม่ของเธอควรจะรู้ว่าลูกสาวต้องเจออะไรมาบ้าง
เธอฟังคำถามของเขาแล้วพูดไม่ออก เหนื่อยไหม เหนื่อยมากแต่ไม่รู้จะพูดไปทำไมหรือจะพูดให้ใครฟัง การเป็นฝ่ายให้จนกลายเป็นหน้าที่ มันทำให้เธอรู้สึกผิดหากวันใดเธอมีให้ไม่มากเท่าเดิม
เธอหันหลังให้สมิติไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอ ชายหนุ่มจับไหล่เธอให้หันกลับไปหาเขากอดเธอหลวมๆ ไม่มีเจตนาจะล่วงเกิน
“ไก่ทำดีที่สุดแล้ว ทำดีมาตลอดไม่มีอะไรที่จะต้องรู้สึกผิด ที่เหลือพี่จะจัดการให้เอง” นาทีนั้นเธอรู้สึกว่าสิ่งที่แบกมานานนับสิบปีเบาลงไปเกินครึ่ง เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัวเขาลูบหลังเธอเบาๆ ไม่คำพูดไหนที่ดีกว่าการปล่อยให้กฤติการ้องไห้จนพอ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ เธอสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง หญิงสาวผละไปรับสาย
“พี่ลูกไก่คะ เรามีสปอนเซอร์เจ้าใหม่แล้วค่ะ ห้าบริษัทให้งบเราเดือนละล้านลงโฆษณาติดต่อกันหกเดือนค่ะพี่” จุฑามาศพูดอย่างตื่นเต้น
“จริงเหรอ ชัวร์ใช่ไหม” หญิงสาวดีใจจนลืมว่าตัวเองกำลังร้องไห้เมื่อครู่
“ค่ะพี่ เขาบอกว่าพร้อมเซ็นสัญญาทุกเจ้าเลยค่ะแต่แปลกตรงที่ทุกเจ้าเป็นบริษัทรับสร้างบ้านหมดเลยค่ะพี่”
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ