ในเดือนต่อมากฤติกาได้งานในบริษัทเล็กๆ แต่อบอุ่น เธอเป็นสถาปนิกที่ต้องไปดูหน้างานด้วย หญิงสาวยังอยู่ที่ห้องของสมิติตามปกติ และเขายังโอนค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เหมือนที่เคย
วันหนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน บอกเรื่องของน้องสาวและน้องชายที่ต่างจังหวัดที่เธอส่งเสียทั้งค่ากิน ค่าเรียนต่างๆ ในจำนวนเงินที่สูงลิ่วว่าสร้างปัญหาอะไรขึ้นบ้าง
กฤติกาลางานจองตั๋วเครื่องบินไปลำปางทันที เธอพบว่าน้องสาววัยสิบเก้าท้องไม่มีพ่อและน้องชายอายุสิบหกถูกจับในข้อหามั่วสุมกับกลุ่มเด็กแว๊น
“แล้วแม่ล่ะหน่อย แม่ไปไหน” เธอถามน้องสาวที่ยังร้องไห้
“แม่ไปทำงานก่อสร้างที่ใต้น่ะพี่ ไปกับไอ้มิก” ไอ้มิกที่ว่าคือสามีใหม่ของแม่ กฤติการับฟังอย่างปวดใจเธอมองน้องสาวและน้องชายที่เพิ่งไปประกันตัวมา สามพี่น้องนั่งอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเก่าของพ่อ
“หน่อยจะทำแท้ง” น้องสาวเธอพูดขึ้นมา
“ไม่ต้อง ถ้าหน่อยไม่อยากได้ลูก พี่ขอนะพี่จะเลี้ยงหลานเอง” กฤติกายอมไม่ได้ที่น้องสาวจะทำแท้ง
“แล้วหน่อยจะอยู่ยังไงพี่ หน่อยอายคน” เด็กสาวร้องไห้หนักขึ้น กฤติกามองน้องสองคนแล้วตัดสินใจพูด
“หน่อยกับนัทรู้ไหมว่าพี่เอาเงินจากไหนส่งมาทุกเดือน”
คำถามนั้นทำให้สองคนมองหน้ากัน
“เอ่อ ก็พี่ทำงานพิเศษไม่ใช่เหรอ” นัทอ้อมแอ้มตอบ
“คิดว่ามีงานพิเศษอะไรที่พี่จะส่งเงินมาให้ได้มากขนาดนั้น” เธอส่งมาให้น้องและแม่ใช้แต่ละเดือนไม่น้อยกว่าสามหมื่นบาท ทั้งค่าอยู่กินค่าเสื้อผ้า ส่วนค่าเทอมและอุปกรณ์การเรียนนั้นเธอจ่ายต่างหาก
หน่อยกับนัทกลืนน้ำลายลำบาก ความจริงไม่ใช่ว่าสองพี่น้องไม่เคยคิดว่าพี่สาวเอาเงินมาจากไหน แต่ความเป็นเด็กทำให้ไม่ได้สนใจจริงจัง
“พี่ขายตัวส่งเงินมาให้พวกเรา” กฤติกาพูดเสียงเบาด้วยความอดสูใจ เด็กเสี่ยก็คือคนที่ขายร่างกาย ไม่ได้ต่างจากโสเภณีคนอื่นๆ เกศราและก้องเกียรติตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนั้น พวกเขามองพี่สาวที่กำลังร้องไห้เงียบๆ
“พี่ยอมทุกอย่างเพื่อให้พวกเรามีชีวิตรอด มีอนาคต ไม่ได้อยากให้น้องมาทำอะไรตอบแทน แค่ขอให้รักตัวเองได้ไหม ขอให้ตั้งใจเรียนพี่ขอแค่นี้เอง”
“หนูขอโทษนะพี่” เกศราร้องไห้หนักขึ้น ส่วนก้องเกียรติตาแดงก่ำ
“นัทก็ขอโทษ นัทจะไม่ไปยุ่งกับพวกนั้นอีกแล้วพี่”
น้องสองคนตรงมากอดพี่สาว สามคนร้องไห้ด้วยกันพักใหญ่ ก่อนที่กฤติกาจะปาดน้ำตา
“ไปเก็บของ ย้ายไปอยู่กับพี่ที่โน่นเราจะไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”
วันรุ่งขึ้นสามพี่น้องเดินทางด้วยรถทัวร์มาถึงกรุงเทพฯ กฤติกาพาน้องไปอยู่บ้านเช่าที่เธอติดต่อหาไว้ได้เมื่อคืนทางอินเทอร์เนตและตกลงทำสัญญาทันทีที่ไปถึง
“พี่ไก่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ค่าเช่าน่าจะแพง นัทว่าเราย้ายไปอยู่บ้านเล็กๆ ก็ได้” ก้องเกียรติพูดเมื่อสำรวจบ้าน เขาไม่อยากให้พี่สาวเสียเงินเยอะโดยใช่เหตุ
บ้านที่กฤติกาเช่าเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นบนพื้นที่ขนาดห้าสิบตร.ว. อยู่ในหมู่บ้านใหญ่มีชื่อเสียงมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ยอมกลับไปอยู่ในจุดเดิมอีก จุดที่เป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอกใครๆ ก็ดูถูก เธอมาไกลมากขนาดนี้เธอต้องเอาดีให้ได้
“หน้าที่ของพวกเราคือเรียนให้จบก็พอ อย่างอื่นพี่รับผิดชอบเอง” เธอบอกน้องทั้งสองคน
วันนั้นเธอพาน้องๆ ไปซื้อของจำเป็นที่ต้องมี กฤติกานอนค้างที่บ้านเช่าและพาเกศราไปฝากครรภ์ในวันรุ่งขึ้น ส่วนก้องเกียรติเธอตั้งใจว่าจะพาน้องชายไปสมัครเรียนปวช.ในเทอมหน้า
หญิงสาวกลับมาที่ห้องในวันที่สามหลังจากที่พาน้องมาอยู่กรุงเทพฯ คืนนั้นเป็นวันเสาร์แต่เธอไม่หวังว่าสมิติจะมาเพราะเขาหายไปร่วมเดือน แต่ห้าทุ่มคืนนั้นเขาก็มาโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า
ท่าทีดีใจของเธอทำให้สมิติยิ้มให้
“ยังไม่นอนเหรอเรา”
“ยังค่ะ กำลังคิดอะไรเพลินๆ” เธอลุกมาหาเขา “พี่หมิงมาดึกจังค่ะ”
“พี่เพิ่งกลับจากไปคุยงาน ช่วงนี้งานยุ่งมากแล้วไก่เป็นยังไงบ้าง” สมิติตอบเขาถอดเสื้อนอกออก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงมาสามเม็ด หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงรีบบอก
“ไก่จะไปเตรียมน้ำให้ แช่น้ำอุ่นสักหน่อยไหมคะ”
“จ้ะ” สมิติรับคำขณะที่ถอดนาฬิกาออกวางบนโต๊ะ นาฬิกาแสนแพงเรือนหลักล้านแต่เขาสามารถวางตรงไหนก็ได้ในห้องนี้โดยที่ไม่ต้องกลัวหาย
ชายหนุ่มก้าวเข้าห้องน้ำด้วยชุดเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียว เธอกำลังจะออกไปตามเขาพอดี
“แช่น้ำกับพี่ได้ไหมไก่” ร่างสูงเข้าประชิดตัว มือดึงสายเสื้อนอนเธอจนหลุดจากไหล่ ริมฝีปากจูบพรมไปทุกที่ที่สามารถแตะต้องถึง กฤติกาตัวอ่อนยวบเธอยอมให้เขาจับจูงลงอ่างน้ำไปด้วยกัน กว่าจะได้ออกมากินเวลาไปเกือบสองชม.
เช้าวันต่อมาเธอขยับตัวตื่นแต่สมิติยังหลับสนิท เธอจูบผะแผ่วที่ปลายคางก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัว
'เธอรักเขา' กฤติกาบอกตัวเองพลันใจนึงเหี่ยวแฟบลงเมื่อนึกถึงความเป็นจริงว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะรักเขาเลย
หญิงสาวปัดความคิดนั้นออกจากหัว เธอเปิดตู้เย็นเตรียมอาหารเช้าไว้รอสมิติตื่นเพราะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนตื่นสายถึงแม้จะนอนดึก ปกติแล้วหากมาค้างที่นี่เขาจะไม่รีบร้อนกลับ ชายหนุ่มมักจะอยู่กับเธอในวันอาทิตย์เกือบเต็มวันบางครั้งค้างวันอาทิตย์ต่อแล้วไปทำงานเช้าวันจันทร์ด้วยซ้ำ
เธอทำโน่นทำนี่หนึ่งชม.ต่อมาทุกอย่างเรียบร้อย สมิติโผล่หน้ามามองในครัวก่อนจะเดินมาหา
“ทำอะไรน่ะไก่ น่ากินจัง” เขาทัก กอดเธอจุ๊บลงเรือนผมแล้วปล่อย ผละออกไปนั่งที่โต๊ะอาหารรอเธอมาทานด้วยกัน
กฤติกาชงกาแฟมาวางให้เขาโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องบอก เขาพึมพำขอบคุณจากนั้นจึงเริ่มทานกันเงียบๆ
เมื่อทานเสร็จเขาจึงเริ่มพูดสิ่งที่ตั้งใจไว้มานาน
“ไก่เรียนจบแล้วพี่ดีใจด้วย พี่มีอะไรจะบอก”
“คะ” เธอมองหน้าเขา สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดี
“ที่บ้านจะให้พี่หมั้น ตอนนี้ไก่เองก็เรียนจบแล้วมีงานดีๆ ทำ ไก่คงไม่จำเป็นต้องมาอยู่แบบนี้ พี่อยากให้ไก่มีอนาคตดีๆ ไก่เข้าใจพี่ใช่ไหม”
เหมือนโลกถล่มตรงหน้า กฤติกาน้ำตาไหลเมื่อสมองประมวลผลคำพูดของเขาได้แล้ว สมิติมองเธออย่างเห็นใจแต่เขาอยู่กับเธอในฐานะนี้ตลอดไปไม่ได้ ตัวกฤติกาเองก็น่าจะรู้ดี
“พี่ให้ไก่เป็นอิสระ แต่ถึงยังไงต่อไปถ้าไก่มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้ทุกเรื่อง คิดว่าเราเป็นพี่น้องกันก็ได้” เขาพูดต่อ
กฤติกาปาดน้ำตาออก ยังไงซะวันนี้ก็ต้องมาถึงเธอรู้ดี
“ไก่เข้าใจค่ะ ไก่จะรีบย้ายออก”
“ไม่ต้องก็ได้ พี่ยกห้องนี้ให้” สมิติเดินออกจากห้อง หลังจากที่พูดประโยคนั้นจบ
กฤติการ้องไห้ทั้งวัน เธอบอกตัวเองว่าให้ร้องไห้ให้พอสมิติไม่ผิดอะไร เป็นเธอที่ผิดเองล้ำเส้นที่เขาขีดไว้ไปรักเขาเอง
คืนนั้นเธอเก็บของส่วนตัวเลือกไปเฉพาะของที่เธอซื้อเอง ประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ ถึงสมิติจะบอกว่ายกให้แต่ก็เป็นแค่คำพูดปากเปล่าห้องยังเป็นชื่อเขา เธอคงไม่อยู่รอถึงวันที่ผู้หญิงคนใหม่ของเขามาไล่เธอออกจากห้อง
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ