“ขณะนี้ดิฉันอยู่ในสถานที่เกิดเหตุของญาติผู้สูญหายแจ้งว่าชายคนสนิทได้อุ้มตัวหายไปตั้งแต่คืนวาน ซึ่งเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวชายคนสนิทได้แล้วนะคะ และกำลังสอบเค้นอย่างหนักว่านำตัวหญิงสาวไปไว้
ที่ไหน ล่าสุดเจ้าตัวให้การปฏิเสธและทำการยื่นประกันตัวไปแล้ว”
มนลิตารายงานข่าวภาคสนามอย่างคล่องแคล่วก่อนภาพจะตัดไปยังห้องส่งสัญญาณและผู้ประกาศข่าวได้ทำการวิเคราะห์และอ่านส่วนที่เหลือ
หญิงสาวเก็บไมค์เข้าที่และยืนรอพร้อมกับช่างภาพบริเวณหน้าสถานีตำรวจขณะนั้นเองผู้ต้องสงสัยเดินลงมานักข่าวหลายสำนักก็วิ่งกรูเข้าไปรอบกรอบพร้อมกับยิงคำถามแต่เจ้าตัวก็ยังคงปิดปากเงียบและรีบก้าวเท้าขึ้นรถที่มีคนมารับออกไปอย่างไว
คนเจ้าเนื้อถึงกับห่อไหล่เข้าหากันเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมเลยแต่แล้วสายตาดุจเหยี่ยวของเธอก็ทำงานเมื่อหันไปเจอญาติของหญิงสาวที่หายตัวไปและเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเธอจึงเลือกเดินตามไปเงียบ ๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากช่องxx อยากจะขอ...”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ลูกสาวฉันหายไปทั้งคนคงไม่มีอารมณ์มานั่งตอบคำถามนักข่าวจากช่องไหนหรอก”
ใบหน้าเหี่ยวย่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดดวงตาหมองคล้ำบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้และไม่ได้หลับนอนมาหลายวัน มนลิตาเอื้อมไปจับมือย่นบีบเบา ๆ คล้ายเป็นกำลังใจเธอวางอาชีพนักข่าวลงและปลอบประโลมหญิงสูงวัย
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะ มนเชื่อว่าคุณตำรวจต้องหาน้องเจอ”
“ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น ต่อให้ลูกฉันกลับมาในสภาพไหนก็ทำใจเอาไว้แล้ว คนอย่างไอ้ภูมันโหดเหี้ยมขนาดนั้นมันคงไม่ปล่อยเอาไว้หรอก”
ทั้งแววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียด ก่อนหน้านี้เธอเคยเตือนลูกสาวแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับมันให้เลิกกันไม่อย่างนั้นก็โดนมันทำร้ายร่างกายซ้ำ ๆ อย่างนี้ไม่หยุดหย่อน
“ก่อนหน้านี้เขาทำร้ายลูกสาวป้ามาตลอดเลยเหรอคะ”
หญิงสูงวัยพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือของลูกสาวซึ่งได้มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ ข้อมูลในนั้นตำรวจได้ไปหมดแล้วจึงส่งคืนมาให้
“ป้าคะ หนูขอดูที่ตั้งตำแหน่งในมือถือของลูกสาวป้าได้ไหมคะ ถึงหนูไม่ใช่ตำรวจแต่อย่างน้อยก็อยากช่วยตามหาอีกแรง”
“จะหาเจอเหรอขนาดตำรวจทำงานกันทั้งวันทั้งคืนยังตามหาไม่เจอเลย”
“มันต้องลองดูหลาย ๆ ทางค่ะ บางทีสิ่งที่ตำรวจคาดไม่ถึงอาจจะเป็นจุดที่ทำให้เราตามหาตัวน้องเจอก็ได้นะคะ”
หญิงสาวพูดอย่างมาดมั่นเพราะมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าจะได้เจอกับเหยื่อที่หายตัวไป คราแรกคนเป็นแม่ของเหยื่อช่างใจอยู่ครู่หนึ่งเพราะกลัวว่ามนลิตาจะมาหลอกทำข่าวเท่านั้น แต่พอหญิงสาวเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ว่าหากเธอเผยแพร่ข้อมูลยินดีให้ฟ้องร้องและเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามความเป็นจริงจึงยอมเชื่อใจสักครั้ง
“พี่มนหายไปไหนมา ผมเดินตามหาเสียทั่ว”
ช่างภาพประจำตัวของมนลิตารีบเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกมาจากอีกฝั่งของสถานีตำรวจ
“อย่าเพิ่งถามมาก ขึ้นรถก่อนแล้วพี่จะเล่าทุกอย่างให้ฟังบนรถ”
ร่างอ้วนก้มมองสมาร์ตโฟนในมือซึ่งเปิดเป็นแผนที่จีพีเอสเอาไว้ก่อนจะเคลื่อนตัวเองไปนั่งยังฝั่งคนขับและสตาร์ทรถออกจากตรงนั้นทันที ความ
เร่งรีบทำให้ช่างภาพคู่ใจต้องยกมือขึ้นจับห่วงเหนือศีรษะ
“พี่มนเราจะรีบไปไหน ไม่อยู่รอทำข่าวก่อนเหรอ”
“ก็จะไปหาข่าวนี้ไง พี่ได้จีพีเอสตำแหน่งสุดท้ายของโทรศัพท์เหยื่อมาจากแม่เขาแล้วและโทรศัพท์เครื่องนี้มันอยู่กับผู้ต้องสงสัย”
เธอหันไปยกยิ้มมุมปากเหมือนมั่นใจเสียเต็มประดาก่อนจะสั่งให้ช่างภาพคู่ใจรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยและยื่นพิกัดจีพีเอสให้ดูเธอจะทำหน้าที่ขับรถอย่างตั้งใจเอง
“จะห้าโมงเย็นแล้ว ยัยมนยังไม่ส่งภาพหรือเนื้อหาข่าวมาให้อีกเหรอ มีใครติดต่อได้มั่งไหม”
หัวหน้าแผนกเดินวนไปมาพลางร้องถามลูกน้องในทีมอย่างร้อนใจเพราะกลัวไม่มีเนื้อหาข่าวออนแอร์ช่วงสองทุ่ม
“ติดต่อไม่ได้เลยพี่ท๊อป ไอ้ต้นก็ปิดเครื่องส่วนยัยมนก็เอาแต่ตัดสาย”
“แล้วลองติดต่อนักข่าวสำนักอื่นดูหรือยังเผื่อว่าเห็นสองคนนั้นหรือเปล่า”
พี่ท๊อปสั่งลูกน้องคนดังกล่าว แต่พอหันกลับมาก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่า
เวทัศยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองมายังตนเอง เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อมทั้งที่อายุตนเองน่าจะมากกว่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ เห็นดูวุ่นวายกันจังเลย”
“เออ...คือว่า”
“อ้ำอึ้งอยู่ได้มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเริ่มขมวดคิ้ว น้ำเสียงเข้มขึ้น
“นักข่าวภาคสนามที่เราส่งไปทำข่าวเหยื่อที่ถูกอุ้มหายเมื่อเช้าติดต่อไม่ได้ครับ ทำให้เกรงว่าจะไม่มีเนื้อข่าวออนแอร์ช่วงค่ำ”
“หมายถึงมนลิตานะเหรอ”
“คุณเวย์รู้จักยัยมนด้วยเหรอครับ”
แทนที่จะตอบคำถามแต่เจ้าตัวกลับย้อนถามกลับด้วยความสงสัย พอเห็นสายตาพิฆาตส่งมาจึงเลือกหุบปากอย่างไว แต่ยังไม่ทันจะตอบเรื่องเมื่อครู่ลูกน้องที่สั่งให้ไปโทรถามช่องอื่นก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“พี่ท๊อป ๆ”
“มีอะไรร้องเรียกมาแต่ไกลเลย”
เขาเอ็ดเสียงดัง พอเด็กหนุ่มเห็นว่าใครยืนอยู่ด้วยจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมทันทีก่อนจะกระซิบบอกบางอย่างที่เล่นเอาเจ้าตัวทำตาโต
“ฮะ หายไปจากสถานีตำรวจแล้วก็ไม่รู้ว่าไปไหนด้วย”
เขาอุทานออกมาเสียงดังทำเอาคนตัวโตขมวดคิ้วเข้าหากัน คำว่า
‘หายไป’ ทำให้เจ้าตัวหัวใจกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ไม่บอกก็รู้ว่าหมายถึงใครเขาขบกรามแน่นเพราะเคยเตือนแล้วว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับอันตรายมากนักแต่คนตัวอ้วนก็ไม่เคยเชื่อฟังเขาเลยสักครั้ง
‘หมายเลขที่คุณเรียกติดต่อไม่ได้ในขณะนี้ รบกวนติดต่อใหม่
อีกครั้ง’
ไม่ใช่แค่คนอื่นหรอกที่ติดต่อไม่ได้ตัวเขาเองก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน เขาได้แต่คาดโทษเอาไว้หากกลับมาเมื่อไรต้องเจอลงโทษ
ถนนลูกรังขรุขระตลอดเส้นทางสองฝั่งห้อมล้อมด้วยต้นยางพาราหลายร้อยต้นมองไปทางไหนก็ไม่เจอจนกระทั่งรถมาหยุดยังจุดสุดท้ายที่
จีพีเอสได้แจ้งเตือนในโทรศัพท์ของเหยื่อ
“พี่มนมันสุดทางแล้วนะพี่ เรายังไม่เจอเบาะแสอะไรสักอย่างเลย”
ต้นชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ ซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะเห็นผู้คนอยู่บริเวณนั้นเลย ทว่าบริเวณนี้กลับสร้างความสงสัยให้กับมนลิตามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมคนกรุงเทพฯ จะขับรถมาไกลถึงที่นี่ทำไมหากไม่เอาอะไรมาซ่อนไว้
“พี่มน ผมว่าเรากลับกันเถอะ ดูแล้วมันน่ากลัวแล้วก็อันตรายมาก
เลยนะ พรุ่งนี้เราค่อยมาใหม่พร้อมกับตำรวจใหม่ นี่มันก็เย็นมากแล้ว”
ต้นหันมองซ้ายมองขวาพลางเดินไปเกาะแขนอวบเอาไว้ หมดสภาพชายชาตรีซึ่งแตกต่างจากมนลิตาเป็นอย่างมากเพราะเธอรู้สึกสงสัยชายป่าต้นยางพาราอีกฝั่งซึ่งมีทางเล็ก ๆ เชื่อมผ่าน
“ต้น พี่ว่าเราไปดูตรงนั้นกันสักหน่อยไหมแล้วค่อยกลับ”
“แต่มันรกมากเลยนะพี่มน จะเดินเข้าไปจริงๆ เหรอ”
ดึงแขนเอาไว้พร้อมทำหน้าแหยง ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งหญิงสาวเอาไว้ได้นอกจากรีบวิ่งตามไปติด ๆ พลางกวาดสายตาไปทั่วด้วยความหวาดกลัว เจอคนไม่เท่าไรแต่ถ้าเจอผีเขาก็ไม่สู้เหมือนกัน
“ต้น ดูนั้นสิ”
เท้าอวบหยุดเดินเมื่อสายตาหันไปเจอเศษซากบางอย่างซึ่งถูกเผาไหม้ไปจนเกือบหมดแต่ก็ยังเหลือร่องรอยกองพูนถัดไปทางด้านหลังหญิงสาวเดินเข้าไปดูแล้วก็ต้องผงะเมื่อเห็นชิ้นส่วนของมนุษย์ ส่วนคนสติหลุดก็คงหนีไม่พ้นช่างภาพคู่กาย
“พี่มน สะ..ศพ”
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ