“อย่าบอกว่าป้องกันเหมือนวันนั้นเลยค่ะ เพราะการป้องกันแต่ละอย่างมันไม่มีอะไรการันตีได้ว่าได้100%”
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มหน้าลงกินของเปรี้ยวตรงหน้าต่อแม้ว่าภายในใจมันจะเกิดความกังวลขึ้นมามากมาย
ความกังวลทำให้เธอนอนไม่หลับ เช้าวันนี้จึงรีบออกจากบ้านด้วยรถสาธารณะและพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
“เดี๋ยวเชิญคุณมนลิตาซักประวัติด้านนี้ค่ะ” พยาบาลสาวสวยผายมือเชิญไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง เธอเดินตามไปเงียบ ๆ
คำถามแต่ล่ะอย่างทำเอาคนเจ้าเนื้ออายม้วนแต่ก็ยอมตอบเพราะไม่อย่างนั้นผลการวินิจฉัยอาจคาดเคลื่อนได้ ไม่นานพยาบาลสาวก็ยื่นกระปุกขนาดเล็กมาให้
“เดี๋ยวคนไข้ไปเก็บตัวอย่างฉี่มาวางไว้ตรงหน้าห้องตรวจนะคะ แล้วก็นำเอกสารไปยื่นตรงห้องตรวจหนึ่งได้เลยค่ะ”
รอยยิ้มหวานของพยาบาลสาวไม่ได้ช่วยให้ความกังวลใจของมนลิตาดีขึ้นเลย เธอได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้ตัวเองท้องเลย เพราะทุกอย่างมันจะยุ่งยากไปมากกว่านี้ พี่เวย์ไม่ได้อยากมีลูกกับเธอ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงพยาบาลคนเดิมก็เดินออกมาเรียกเธอให้เข้าไปพบคุณหมอด้านใน ความประหม่าทำให้เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมและฝ่ามือจนเปียกชื้น
“เชิญนั่งครับ”
หมอสูงวัยผ่ายมือเชิญนั่งโดยเปรยตามองผ่านกรอบแว่นกลม ก่อนจะหันไปพลิกชาร์ตคนไข้ดูเหมือนเดิม ก่อนมุมปากจะแย้มขึ้นแล้วเงยหน้ามองคนไข้ตรงหน้าอีกครั้ง
“จากอาการที่แจ้งแล้วก็ผลของการตรวจฉี่ออกมาแล้วนะครับ ยินดีด้วยนะครับ คนไข้ตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้ว”
เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ คำขอและอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์ไม่มีอยู่จริง ใบหน้ากลมซีดขึ้นมาทันทีเม็ด ปากแห้งผากได้ยินเพียงแค่นั้นก็เหมือนทุกอย่างรอบตัวดับวูบไปไม่ได้ยินว่าคุณหมอพูดอะไรต่อจากนั้น
“คนไข้ครับ คนไข้” เอื้อมมือไปสะกิด
“คะ คุณหมอ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะคะ” หญิงสาวดึงสติตัวเองกลับมา
“หมอถามว่าจะฝากครรภ์เลยไหมครับ จะได้ดำเนินเรื่องต่อให้”
“ฝากเลยก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอยกมือไหว้แล้วเดินเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงออกจากห้องตรวจเพื่อไปรอรับยา
ท้องอย่างนั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วแบบนี้จะบอกกับพี่เวย์อย่างไรดี เขาคงคิดว่าเธอปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อจับเขาไว้
ไม่รู้ว่ามนลิตาเหม่อลอยไปนานเท่าไรจึงไม่ได้ยินเสียงพยาบาลเรียกชื่อให้ไปรับยา จนพยาบาลต้องเดินมาสะกิดถาม คนไม่ได้สติถึงกับสะดึง
“คุณมนลิตาหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ตัวนี้เป็นยาบำรุงเลือด ส่วนนี้เป็นแคลเซียมบำรุงกระดูก อย่าลืมทานให้ครบตามหมอสั่งนะคะ ช่วงนี้คนไข้จะมีอาการแพ้ท้องหนัก รู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้และมีอาการอ่อนเพลียรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลานะคะ คุณหมอได้สั่งจ่ายยาแก้แพ้มาให้ด้วย คุณแม่เองก็อย่าลืมพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ อย่าทำอะไรหนักเพราะยังท้องอ่อน ๆ อยู่”
เภสัชจ่ายยาร่ายสรรพคุณตัวยาและข้อควรระวังในการตั้งครรภ์ให้มนลิตาฟัง เธอได้แต่พยักหน้ารับทราบ ก่อนจับถุงยายัดลงในกระเป๋า
แม้จะพอเดาอาการตัวเองออกอยู่บ้างแต่ก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าน่าจะโรคกระเพาะกำเริบเพราะเธอได้โรคนี้เป็นโรคประจำตัวเมื่อตอนมาทำงานเป็นนักข่าว กินข้าวไม่ตรงเวลาเลยเกิดอาการนี้อยู่บ่อย ๆ
เท้าอวบเดินออกมาถึงหน้าโรงพยาบาลสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ สายตามองไปยังสนามหญ้าหน้าโรงพยาบาลซึ่งออกแบบมาให้คล้ายกับสวนสาธารณะ มีศาลาขนาดเล็ก รายล้อมตรงสระน้ำหลายหลัง
คนตัวอ้วนทรุดตัวลงม้านั่ง ทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้าและได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกของเด็กและผู้ใหญ่อยู่ไม่ไกล เธอหันไปเห็นครอบครัวพ่อแม่ลูกกำลังหยอกล้อกัน
คนเป็นแม่อยู่ในชุดคนไข้นั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์ ขาถูกใส่เฝือกเอาไว้ บนพื้นหญ้ามีสามีกำลังนั่งคุกเข่าส่งสายตาหวานเชื่อมโดยมีลูกชายวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อหยอกเย้า
ภาพนั้นมันช่างสะท้อนอยู่ในอกเธอยามนี้เหลือเกิน ครอบครัวนั้นต้องรักกันมากแค่ไหนนะ ถึงดูมีความสุขและอยู่ด้วยกันจนลูกชายโตมาน่ารักขนาดนั้น
หญิงสาวเริ่มวาดฝันตัวเองว่ามีลูกและอยู่ด้วยกันกับเวทัศอย่างมีความสุข และหวังว่าเขาจะหันกลับมารักเธอบ้าง มืออวบยกขึ้นกุมท้องน้อยตัวเอง “แม่จะบอกพ่อว่ามีลูกเกิดมานะคะ”
“กลับมาแล้วเหรอมน พี่ขอข่าววัยรุ่นทะเลาะกันตรงถนนอักษะหน่อย”
“มนส่งให้พี่ท้อปไปแล้วนะคะ” เธอย่นคิ้วเพราะจำได้ว่ากดส่งทางอีเมล์เองกับมือ
“อ้าวเหรอ พี่หาแล้วนะทั้งในกล่องข้อความและถึงขยะ”
พี่ท้อปยกแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดอีเมล์แล้วยื่นให้ดูก็เห็นว่าไม่มีอย่างที่พูดจึงหยิบไอแพตตัวเองขึ้นมาเปิดดูแล้วก็อยากจะยกมือเขกหัวตัวเองสักสิบทีดาวน์โหลดไว้แต่ลืมส่ง
“มนส่งไปแล้วนะพี่ท้อป” บอกพร้อมกับก้าวขาเดินออกไปนอกห้องทำงาน
“แล้วนั้นเพิ่งมา เองจะไปไหนอีก ช่วงนี้หายหัวบ่อยนะ”
“มนขอไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะรีบกลับมาเขียนข่าวต่อ”
ยิ้มด้วยใบหน้าอิดโรย ความจริงแล้วเธอไม่ได้จะไปเข้าห้องน้ำหรอกตั้งใจว่าจะขึ้นไปหาพ่อของลูก แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อเลขาฯแจ้งว่าเขาออกไปด้านนอก ไม่ได้แจ้งไว้ว่าจะไปไหนกับใคร
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเขากลับมารบกวนบอกเขาด้วยนะคะว่ามนขึ้นมาพบ”
พี่แป๋วพยักหน้ารับได้แต่มองตามหลังคนเจ้าเนื้อไป ความสงสัยนับวันมันยิ่งจะเพิ่มมากขึ้นว่าเจ้านายกับคุณมนลิตาเป็นอะไรกัน ถึงเทียวไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆ
“พ่อเขาไม่อยู่ เราค่อยบอกตอนเย็นก็ได้เนาะ”
มนลิตายกมือขึ้นลูบท้องอีกครั้ง พูดเสร็จก็รีบเดินกลับไปทำงานโดยไม่รู้เลยว่าความเสียใจกำลังจะคืบคลานเข้ามาหาอีกครั้ง...
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ