ปกรณ์เอนหลังพิงโซฟา เขาถอนหายใจเบาๆ
พลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ สายตาของเขาจ้องไปที่ความว่างเปล่าในห้อง ราวกับกำลังค้นหาคำตอบบางอย่างในใจตัวเอง
"ฉันเป็นอะไรไป..." เขาพึมพำกับตัวเอง
ที่ผ่านมา ผู้หญิงที่วนเวียนเข้ามาในชีวิตเขานั้นมากมายจนนับไม่ถ้วน
ทั้งสาวสวยสุดเซ็กซี่ ไฮโซระดับแถวหน้า หรือแม้กระทั่งดารานางแบบ
ทุกคนต่างพยายามเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์หรือเพียงเพราะต้องการอยู่ในวงโคจรของชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจและร่ำรวย
แต่พิมพ์ชนก... เด็กสาวในชุดเสื้อเซิ้ตธรรมดาและกางเกงยีนส์เก่าๆ กลับดึงดูดความสนใจของเขาในแบบที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เธอไม่ได้ดูหรูหรา ไม่ได้พยายามทำตัวโดดเด่น แต่กลับมีบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้
ความน่ารักความไร้เดียงสาใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางค์ ทำให้หญิงสาวน่ามองยิ่งนัก
"ฉันอยู่มาจนสามสิบห้า ผ่านอะไรมามากมาย ผู้หญิงมากี่คนก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้"
เขาพึมพำพร้อมกับยิ้มบางๆ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความสับสน
เขาพยายามคิดหาเหตุผล แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไง เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
ทำไมเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนนี้ถึงได้กวนใจเขาได้มากขนาดนี้?นะ
ปกรณ์วางแก้วเครื่องดื่มลงอย่างแรงจนเกิดเสียงเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน "หึ…คงแค่ชอบมั่ง"
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจแต่ในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความตั้งใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมพ์ชนกตื่นขึ้นมาในเวลาเดิมเหมือนทุกวัน แม้เมื่อคืนจะเหนื่อยล้าจากการทำงานในผับคืนแรกของการทำงาน
แต่เธอกลับรู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด เธอรีบอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกไปมหาวิทยาลัยทันที
เมื่อถึงห้องเรียน เธอก็พบกับ ขวัญข้าว เพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ขวัญมองเธอด้วยสายตาสงสัยทันทีที่เห็นรอยคล้ำเล็กๆ ใต้ตาของพิมพ์ชนก
"นี่ยัยพิม เมื่อคืนไปทำอะไรมาเนี่ย ดูเหนื่อยเชียว" ขวัญถามพร้อมกับเลื่อนแก้วกาแฟมาให้เพื่อน
พิมพ์ชนกยิ้มรับก่อนจะนั่งลงข้างๆ เธอจิบกาแฟเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ "ฉันไปทำงานมา"
"ทำงาน? งานอะไรเหรอ?" ขวัญถามอย่างสนใจ
พิมลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา "ก็...ทำงานในผับ"
ขวัญเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "อะไรนะ! ผับเหรอ? แล้วทำไมถึงเลือกไปทำงานที่นั่นล่ะ? มันอันตรายนะ!ยัยพิมพ์"
พิมหัวเราะเบาๆ กับปฏิกิริยาของเพื่อน
"ไม่มีอะไรหรอกขวัญ ฉันแค่ต้องการเขียนบทละครน่ะ อีกอย่างงานก็ไม่ได้หนักมาก แค่บริการลูกค้า เก็บโต๊ะอะไรแบบเนี่ย"
ขวัญยังคงทำหน้าไม่สบายใจ "แต่พิมพ์ นั้นมันผับน่ะมันมีคนหลากหลายประเภทนะ แกมั่นใจเหรอว่าจะไม่มีปัญหา?"
พิมพ์ชนกพยักหน้า
"ฉันระวังตัวอยู่แล้ว แถมผู้จัดการก็ใจดีมาก ฉันบอกเขาแล้วว่าขอเลิกงานเที่ยงคืนเพราะเช้าต้องมาเรียน เขาก็โอเคนะ"
ขวัญข้าวยังไม่หายกังวล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้ว่าพิมพ์ชนกมีเหตุผลของตัวเอง
และเธอเองก็เข้าใจดีว่าพิมพ์ชนกต้องการเขียนบทละครส่งอาจารย์
"ถ้ามีอะไรไม่ดี แกต้องบอกฉันทันทีนะพิมพ์" ขวัญพูดพลางจับมือเพื่อนแน่นด้วยความเป็นห่วง
พิมพ์ชนกยิ้มให้เพื่อนสนิท "ขอบใจนะขวัญ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเอาตัวรอดได้น่ะ"
ทั้งคู่พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาในห้องเรียน พิมพ์ชนกพยายามตั้งใจเรียน
แต่ความคิดของเธอก็เผลอวนกลับไปถึงเรื่องเมื่อคืน...และชายหนุ่มลึกลับที่ชื่อปกรณ์โดยไม่รู้ตัว
หลังจากเลิกเรียนในช่วงบ่าย พิมพ์ชนกรีบกลับหอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวไปทำงานที่ผับเหมือนเช่นเคย
เธอเลือกสวมชุดเสื้อยืดสีเรียบและกางเกงยีนส์ธรรมดาอย่างเคย เพื่อให้ดูสุภาพ
เมื่อมาถึงผับ เธอทักทายพี่ๆ พนักงานด้วยรอยยิ้มสดใส แม้จะเป็นเพียงวันที่สองที่ทำงาน
แต่เธอก็เริ่มปรับตัวเข้ากับบรรยากาศได้ดี พี่แก้วผู้จัดการก็เอ็นดูเธอเป็นพิเศษ
"พิมพ์ วันนี้งานคงไม่หนักมากนะ ลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ช่วยดูแลโต๊ะโซนหน้าหน่อยแล้วกัน" ผู้จัดการบอกพลางยิ้มให้
พิมพ์ชนกพยักหน้าและรับคำ เธอเริ่มต้นงานด้วยความกระตือรือร้นเช่นเคย คอยเก็บแก้ว
เก็บจาน และเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วยความคล่องแคล่ว
แต่ในค่ำคืนนี้ เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา
ในมุมมืดชั้นบนสุดของผับ ปกรณ์ ยืนอยู่ที่เดิม เขาสังเกตเธอด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสนใจ
แม้จะพยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมเขาถึงต้องมองหาเธออยู่เรื่อย แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้
เขาเรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามา "วันนี้เธอมาแล้วสินะ ดูแลเธอให้ดีเหมือนเดิม ฉันไม่อยากให้มีปัญหา"
เตโชลูกน้องพยักหน้าและรีบทำตามคำสั่ง ปกรณ์เองก็ยังคงยืนมองหญิงสาวที่กำลังทำงานอย่างตั้งใจ
เมื่อถึงเวลาพัก พิมพ์ชนกนั่งดื่มน้ำอยู่ที่หลังร้าน เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ามีสายตาคู่นั้นยังคงมองตามเธอทุกฝีก้าว
"พิมพ์" เสียงของพี่แก้วผู้จัดการดังขึ้น ทำให้เธอหันไปมอง
"คุณปกรณ์อยากให้เธอช่วยดูแลโต๊ะของเขาที่โซนวีไอพี น่ะ"
พิมพ์ชนกชะงักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า แม้จะรู้สึกแปลกใจ
แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เธอคิดเพียงว่าเขาอาจจะชื่นชอบการบริการของเธอ
เมื่อเดินไปถึงโต๊ะของปกรณ์ เธอพบว่าเขากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ในท่าทางสบายๆ สายตาของเขาจับจ้องเธอทันทีที่เธอเดินเข้ามาใกล้
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ?" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ปกรณ์เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบ "นั่งลงก่อนสิ ฉันอยากคุยกับเธอสักหน่อย"
คำพูดของเขาทำให้พิมพ์ชนกรู้สึกแปลกใจ เธอไม่แน่ใจว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไร
แต่ก็ยอมทำตาม เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มองเขาด้วยสายตาสงสัย
"เธอจะทำงาน ที่นี่อีกนานแค่ไหน"
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจริงจัง
พิมพ์ชนกสบตาเขา ความรู้สึกในใจเธอเริ่มสับสน แต่เธอก็ตอบด้วยความจริงใจ
"คงต้องทำจนกว่าจะจบค่ะเพราะฉันต้องการรายได้เสริมค่ะ ฉันต้องแบ่งเบาภาระครอบครัว "
ปกรณ์นิ่งฟังเธอพูด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ราวกับเข้าใจในสิ่งที่เธอเผชิญ
"เธอเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ พิมพ์ชนก" เขาพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มบางๆ ที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
พิมพ์ชนกตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง "ฉันต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมค่ะ ปีนี้ฉันเรียนปีสุดท้ายแล้ว"
คำพูดของเธอทำให้ปกรณ์นิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
เขาไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ทันที แต่กลับพินิจใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
"ปีสุดท้ายแล้วเหรอ..." เขาพูดแผ่วเบา ราวกับกำลังทบทวนบางสิ่งในใจ
พิมพ์ชนกพยักหน้าเล็กน้อย
"ใช่ค่ะ ถ้าฉันทำงานหนักอีกสักหน่อย ก็อาจจะพอมีเงินจ่ายค่าเทอม และช่วยแม่ได้บ้าง"
เธอพูดพลางยิ้มจางๆ แม้รอยยิ้มนั้นจะดูเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตั้งใจ
ปกรณ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จ้องเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
"เธอไม่กลัวเหรอ? การทำงานในที่แบบนี้...มันไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ"
พิมพ์ชนกหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า
"ฉันรู้ค่ะว่าที่นี่มีความเสี่ยง แต่ฉันระวังตัวดี อีกอย่าง...พี่ผู้จัดการก็คอยช่วยดูแล และฉันไม่ทำอะไรที่เกินหน้าที่ของตัวเองค่ะ"
คำตอบของเธอทำให้ปกรณ์ยิ้มมุมปาก แต่แววตาของเขากลับดูเข้มขึ้น
"ดื้อเอาเรื่องเลยสินะ" เขาพึมพำเบาๆพิมพ์ชนกมองเขาอย่างงุนงง "เอ่อ...คุณพูดว่าอะไรนะคะ?"
ปกรณ์ยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
"ถ้าเธอตั้งใจเรียนขนาดนั้น ทำไมไม่ลองหาทางอื่น? อย่างทุนการศึกษา หรือทำงานที่อื่นแทน"
พิมพ์นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบ
"ทุนการศึกษามันมีข้อจำกัดค่ะ ฉันพยายามสมัครแล้ว แต่ไม่ผ่าน ส่วนงานที่อื่น...มันใช้เวลานานกว่าจะ ได้เงิน และไม่ตรงกับเวลาว่างของฉัน"
ปกรณ์พยักหน้าเหมือนเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แต่ในใจของเขากลับรู้สึกหนักอึ้งโดยไม่ทราบสาเหตุ
"งั้นฉันจะคอยดู ว่าเธอจะทำงานที่นี่ได้อีกสักกี่น้ำ"
เขาพูดพลางยิ้มจางๆ แต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
พิมพ์ชนกยิ้มตอบ แม้จะไม่เข้าใจความตั้งใจของเขาเต็มที่ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำงาน เธอลุกขึ้นยืนและโค้งศีรษะเล็กน้อย"ขอตัวก่อนนะคะ"
ปกรณ์มองเธอเดินจากไป ความรู้สึกบางอย่างในใจที่เขาไม่เคยมีต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อนค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พิมพ์ชนกกลับมาบ้าน เธอหลีกเลี่ยงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้กับแม่ เพราะกลัวว่ามันจะทำให้แม่เป็นห่วงและเธอเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งหมด"พิม...คุณปกรณ์เขาไม่ใช่คนที่จะมาดีกับลูกของแม่แบบง่ายๆ นะ เขามีประวัติ...แม่ทำงานกับเขามานานนะลูก"แม่ของเธอหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง"แม่ไม่อยากเห็นลูกต้องเจอกับปัญหาจากคนแบบเขา"พิมพ์ชนกถอนหายใจเงียบๆ แม้เธอจะรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อปกรณ์กลับไม่ได้ง่ายเหมือนที่แม่คิดพิมพ์ชนกไม่อยากให้แม่เห็นภาพที่เขาเป็นแบบนั้น แม้แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ"แม่คะ... พิมจะระวังตัวค่ะ อย่าห่วงนะคะ" พิมพ์ชนกตอบเสียงเบา แต่ในใจเธอเริ่มท่วมท้นไปด้วยความลังเลและความไม่แน่ใจแม่ของเธอยิ้มอ่อนโยนแต่ยังคงท่าทางกังวล "แม่แค่ห่วงหนูนะลูก"การสนทนาเงียบลงในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แม้พิมพ์ชนกจะอยากให้แม่เข้าใจแต่ก็ยังรู้สึกถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของเธอกับปกรณ์ที่ยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้พิมพ์ชนกคิดคำพูดที่จะตอบแม่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให
ปกรณ์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามพิมพ์ชนกในห้อง VIP เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ แต่สายตาที่มองมานั้นเจือแววจริงจัง"พิมพ์ชนก" เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย"คะ?" เธอเงยหน้ามองเขาอย่างระวัง"ฉันมีคำถามที่อยากรู้" เขาเริ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาของเขานั้นไม่ธรรมดา"เรื่องที่เธอบอกว่าเธอต้องมาหาเงินจ่ายค่าเทอมเอง...มันคงไม่จริงใช่ไหม?"พิมพ์ชนกชะงัก คำถามนี้เหมือนล้วงลึกเข้าไปในส่วนที่เธอไม่อยากพูดถึง"ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร" เธอเลี่ยงตอบตรงๆปกรณ์หัวเราะเบาๆ พลางยกคิ้วขึ้น"แม่ของเธอเป็นเลขาฉัน เงินเดือนแม่เธอไม่น้อยเลยนะ แถมยังได้โบนัสปีละหลายเดือนฉันเองก็รู้ดีว่าแม่เธอไม่มีภาระอะไรหนักหนา แล้วทำไมเธอถึงต้องมาทำงานหาเงินเอง?"เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย พยายามควบคุมสีหน้า"ฉันแค่อยากช่วยแม่แบ่งเบาภาระค่ะ"เขาส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มมุมปากแบบที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่เชื่อ"เธอไม่ใช่คนโกหกเก่งนะ พิมพ์ชนก" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงขรึม "พูดความจริงกับฉันมาเถอะ"พิมพ์ชนกหลบสายตา เธอรู้ดีว่าการปกปิดอะไรจากเขาไม่ใช่เรื่องง่าย"ฉันแค่ไม่อยากเป็นภาระแม่ค่ะ" เธอตอบด้วยเสียงเบา
เตโชขับรถมารับพิมพ์ชนกตามปกติในเช้าวันใหม่และไปรับหลังจากเธอเสร็จสิ้นการเรียนที่มหาวิทยาลัยแต่วันนี้จุดหมายปลายทางไม่ใช่หอพักของเธอเหมือนเดิม"วันนี้คุณปกรณ์ให้ผมพาคุณไปที่บริษัทครับ" เตโชพูดขึ้นขณะเลี้ยวรถออกจากมหาวิทยาลัย"บริษัท? มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?" พิมพ์ชนกถามด้วยความสงสัย"อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่คุณปกรณ์กำชับให้ผมมารับคุณไปทันทีที่คุณเรียนเสร็จ" เตโชตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามแบบฉบับของเขาเมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ลานจอดรถของบริษัท พิมพ์ชนกก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอาคารสูงและทันสมัยแห่งนี้เต็มไปด้วยพนักงานที่เดินสวนกันไปมา"เชิญครับ" เตโชเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะพาเธอเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวระหว่างทางสายตาของพนักงานหลายคนจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเมื่อถึงชั้นบนสุด ประตูห้องทำงานใหญ่ของปกรณ์เปิดกว้างออก เขายืนรออยู่ด้านใน สวมชุดสูทสีดำที่เสริมให้เขาดูทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม"มานี่สิ พิมพ์ชนก" น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับดึงดูดใจจนเธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา"คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?" เธอถามพลางนั่งลงตรงข้ามเขาปกรณ์เอนตัวพิงเก้าอี้ สายตาม
ค่ำคืนเดียวกัน ปกรณ์นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของผับรอบโต๊ะใหญ่มีชายหนุ่มอีกสามคนที่แต่ละคนล้วนเป็นนักธุรกิจชื่อดังในแวดวงสังคมแต่ภายใต้ภาพลักษณ์เหล่านั้น ทุกคนต่างเป็นคนสำคัญในโลกธุรกิจมืด"นายดูไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะกรณ์" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เป็นชายหนุ่มผมยาวเรียบแปล้ในชุดสูทไร้ที่ติชื่อว่า ธีรธร เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกเงินและเป็นคนที่มีเครือข่ายใหญ่ในหลายประเทศปกรณ์ละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้า ก่อนจะยิ้มมุมปาก "ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย เรื่องของที่เราส่งไปใต้เรียบร้อยดีไหม?""เรียบร้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ" ชายอีกคนตอบขึ้น เป็นชายหนุ่มผิวเข้มชื่อ คณิน เจ้าของท่าเรือที่ใช้เป็นทางผ่านของสินค้าผิดกฎหมาย"แต่ข่าวจากตำรวจเริ่มเข้มขึ้นนะ เราอาจต้องลดปริมาณในล็อตหน้าลง" ธีรธรพูดพร้อมโยนแฟ้มเอกสารไปให้ปกรณ์ปกรณ์รับมาเปิดดูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ใช่คนพูดมากในที่ประชุมแบบนี้ แต่ทุกคำพูดของเขามักชี้นำการตัดสินใจของทั้งกลุ่ม"ทำเหมือนเดิม แต่ระวังมากขึ้น ถ้าตำรวจเริ่มได้กลิ่น เราต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปที่อื่น"ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่นั่งเงียบมานาน ชื่อว่า อัคคี ซึ่งเป็นผู้จัดการด้านอาวุธผิด
ขวัญข้าวนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ พลางก้มมองโทรศัพท์ในมือแต่หางตาเหลือบเห็นรถคันหรูจอดเทียบอยู่ไม่ไกล เธอเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเห็นพิมพ์ชนกเปิดประตูรถลงมา"เฮ้ย! ยัยพิม!" ขวัญข้าวลุกพรวดขึ้นมา มองเพื่อนรักด้วยสายตาแปลกใจปนสงสัยพิมพ์ชนกยืนปรับกระโปรงพลางส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อน แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงขวัญข้าวก็ลอยมาอีก"รถใครอะ? หรือว่า..."เธอหยุดพูดเมื่อเห็นชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแลคสุดเนี้ยบก้าวลงมาจากฝั่งคนขับปกรณ์ยืนตรงหน้ารถ มองพิมพ์ชนกด้วยสายตานิ่งๆ แต่กลับมีแววเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ขวัญข้าวแทบหลุดกรี๊ด"โอ๊ยยย! นี่ใครกันยะ หล่อขนาดนี้?" ขวัญข้าวถามเสียงสูง ยืนจ้องปกรณ์ราวกับตื่นเต้นเกินเหตุพิมพ์ชนกรีบหันไปมองเขาแล้วขมวดคิ้ว "คุณกลับไปได้แล้วค่ะ!"ปกรณ์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "โอเคครับ แต่ถ้าคุณต้องการอะไร โทรหาผมนะ พิมพ์"คำพูดนั้นทำเอาขวัญข้าวหันมามองพิมพ์ชนกตาโต "เดี๋ยวนะ! เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ?"พิมพ์ชนกหน้าแดง เธอรีบดันขวัญข้าวให้ถอยออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับปกรณ์เสียงดุ"กลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาแถวนี้อีก!"ปกรณ์หัวเราะเบาๆ "ได้สิ แต่ผมไม่สัญญานะว่าจะไม
เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างในห้องที่เงียบสงบพิมพ์ชนกค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่โอบล้อมตัวเธออยู่เธอหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าคมเข้มของปกรณ์อยู่ใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเขาที่พัดผ่านแก้ม เธอหน้าแดงทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา"นี่ฉัน...ทำอะไรลงไปเนี่ย" พิมพ์ชนกพึมพำเบาๆ กับตัวเอง มือบางพยายามดึงตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแต่ชายหนุ่มกลับกระชับกอดแน่นขึ้นโดยไม่ลืมตา"จะรีบไปไหนล่ะ พิมพ์" เสียงทุ้มต่ำของปกรณ์ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม"ปล่อยฉันได้แล้ว" เธอพยายามดันตัวเขาออก แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ"เมื่อคืนยังไม่เห็นพูดแบบนี้เลย" ปกรณ์แกล้งเย้าด้วยน้ำเสียงขี้เล่นคำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกสะอึก เธอจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง แต่ความทรงจำบางส่วนเมื่อคืนกลับผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอพูดไม่ออกปกรณ์มองสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป ก่อนจะลดรอยยิ้มลง ดวงตาของเขาสบกับเธออย่างจริงจัง"เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มนะ" เขายิ้มๆบอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อพิมพ์ชนกนิ่งไป หัวใจของ
ปกรณ์รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งเข้ามาจากความรู้สึกที่พยายามยับยั้งอยู่ภายใน เขามองเธอด้วยความลังเลเพียงชั่วครู่ดวงตาสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอเมาและพูดไปตามอารมณ์แต่บางสิ่งในตัวเขากลับรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นอย่างไม่สามารถห้ามได้"พิมพ์ชนก..." เขาพึมพำชื่อของเธออีกครั้งด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอเบาๆด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนต่างจากปกติพิมพ์ชนกเงยหน้าขึ้น มองเขาในระยะใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ใกล้ชิดริมฝีปากของเขายังคงห่างจากเธอเพียงเสี้ยววินาที ขณะที่เธอก็ยืนนิ่ง มันเหมือนทุกอย่างหยุดลงและหัวใจของเธอก็เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะออกจากอกปกรณ์สูดหายใจลึกๆ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาช้าๆ จนริมฝีปากของเขาแตะกับริมฝีปากของพิมพ์ชนกอย่างเบาๆเขาไม่รีบร้อน แต่รู้สึกถึงความร้อนแรงจากการสัมผัสครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบาพิมพ์ชนกตอบรับการจูบของปกรณ์ด้วยความไม่ประสีประสา ริมฝีปากของเธอขยับอย่างเก้ๆ กังๆแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ปกรณ์สัมผัสได้ถึงความเขินอายและความไร้เดียงสาในท่าทางของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก"คุณ...ไม่เค
ปกรณ์มองตามเธอจนลับสายตา ความรู้สึกที่ซับซ้อนกำลังตีกันอยู่ในอก เขารู้ดีว่าการปล่อยเธอไปเช่นนี้คือสิ่งที่ควรทำ แต่ความคิดอีกด้านกลับย้ำเตือนว่าเธอคือคนที่เขาไม่อาจปล่อยมือได้ง่ายๆในขณะเดียวกัน หญิงสาวตัวเล็กแต่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงพิมพ์ชนกที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากผับของปกรณ์ จู่ๆเสียงแจ้งเตือนของแอปธนาคาร แจ้งมียอดเงินโอนเข้าในบัญชีของเธอ" คงเป็นค่าจ้าง ทำงานสองวันมั่ง"หญิงสาวคิดในใจพรางเปิดดูยอดเงินในบัญชีของเธอ พิมพ์ชนกถึงกับตาค้างกับยอดเงินที่โอนเข้ามา"ห๊ะ! สองแสน!"พิมพ์ชนกยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูผับ ดวงตาเบิกกว้างมองจอโทรศัพท์มือถือราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น"ใครโอนมาเนี่ย?" เธอพึมพำด้วยเสียงสั่น มือเลื่อนลงมองชื่อผู้โอนที่ปรากฏในแอป"คุณปกรณ์!"ชื่อของเจ้าของผับที่เธอเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ปรากฏชัดเจนหัวใจของพิมพ์ชนกเต้นแรงด้วยความสับสน ทำไมเขาถึงโอนเงินมาให้เธอเป็นจำนวนมากขนาดนี้?เธอเม้มปากแน่น ก่อนตัดสินใจหันหลังกลับเข้าไปในผับอีกครั้งเพื่อหาคำตอบ...พิมพ์ชนกเดินกระแทกส้นรองเท้าเข้ามาในโถงทางเดินของผับ ตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่แต่ก่อนที่มือเธอจะ
พิมพ์ชนกเดินไปยังโต๊ะอื่นเพื่อให้บริการตามหน้าที่ ขณะที่เธอวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะหนึ่งในลูกค้า ซึ่งดูเหมือนจะดื่มหนักไปแล้ว ยื่นมือมาคว้าข้อมือของเธอ"น้องคนสวย ทำไมไม่มานั่งกับพี่บ้างล่ะ?จ๊ะ" เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งเชียร์และแซวกันอย่างสนุกพิมพ์ชนกสะดุ้งและพยายามดึงมือกลับ แต่เขากลับจับไว้แน่นกว่าเดิม "ปล่อยฉันนะ!" เธอพูดเสียงแข็ง พยายามถอยห่างชายคนนั้นยิ้มเยาะและพูดอย่างไม่ใส่ใจ "อย่าดื้อสิ แค่นั่งคุยด้วยนิดหน่อยเอง ทำเป็นเล่นตัวไปได้!"เสียงของพิมพ์ชนกดังเริ่มดึงดูดความสนใจของลูกค้าโต๊ะอื่น และพี่พนักงานบางคนเริ่มมองมาแต่ยังลังเลที่จะเข้ามายุ่ง เพราะชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกค้าขาประจำที่มีอิทธิพลพอสมควร ปกรณ์ที่ยืนมองอยู่บนชั้นสองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและแข็งกร้าว เขาหันไปสั่งลูกน้องทันที"เตโชไปจัดการ อย่าให้มันแตะต้องเธออีกแม้แต่นิดเดียว" น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดจนเตโชรีบปฏิบัติตามชายร่างใหญ่ในชุดสูทดำสองคนเดินตรงไปที่โต๊ะนั้นทันที หนึ่งในพวกเขาคว้าข้อมือของชายที่ลวนลามพิมพ์ชนก บีบแรงจนเขาต้องปล่อยมือ"