LOGINเช้าวันถัดมา....
แสงแดดอ่อนๆ สาดลอดเข้ามาทางหลังคา และร่องไม้ที่เก่าคร่ำคร่าในห้องนอนของนับดาว หญิงสาวขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งเปิดออกช้าๆ เพราะได้ยินเสียงป้าบัวผันลอยมากระทบโสตประสาทการได้ยิน พร้อมเสียงเคาะประตูดังปัง "อีนับดาว นี่แกยังไม่ตื่นอีกเหรอวะ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ลุกขึ้นมาช่วยกันขายของหน่อยสิโว้ย อีนี่หัดขี้เกียจสันหลังยาว เดี๋ยวเหอะ! กูจะให้มึงอดข้าวอดน้ำซะให้เข็ด!" หญิงชราตะเบ็งเสียงจนคอขึ้นเอ็นพร้อมเคาะประตูไปพลาง นับดาวรีบลุกจากที่นอนไปเปิดประตูให้ป้าบัวผันที่ยืนเท้าสะเอวหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่หน้าห้องของเธอ อาการแบบนี้มีอยู่อย่างเดียว คงจะเสียพนันมาจนหมดตัวอีกสินะถึงได้อารมณ์ไม่ดี "หนูตื่นแล้วค่ะป้า ขอตัวลงไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ" "จ้า!! อีคุณนาย..รีบๆ ไปเลยจะได้ไปช่วยกันขายของ" หญิงชราเดินลงบันไดมาก่อน นับดาวเดินตามมาทีหลัง หญิงสาวต้องการจะบอกกับคนเป็นป้าในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อวาน เรียวแขนบอบบางจึงรั้งคนเป็นป้าเอาไว้ ก่อนที่เท้าของท่านจะก้าวลงบนบันไดขั้นสุดท้าย "ป้าบัวผันคะ หนูมีเรื่องอยากจะบอกป้าค่ะ" "เรื่องอะไรวะ" เท้าของหญิงชราหยุดชะงัก หันกลับมามองหน้าหลานสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง "เมื่อวานลุงชา.." นับดาวทำท่าอึกอักจนบัวผันนึกรำคาญ "พี่ชาทำไม? อมพะนำอยู่ได้ กลัวกูจะเหม็นน้ำลายบูดหรือไง" นับดาวสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าแล้วโพล่งคำพูดออกมา "เมื่อวานลุงชาจะข่มขืนหนูค่ะ" "แกว่ายังไงนะ! อย่ามาพูดมั่วๆ นะอีนับดาว พี่ชาเขารักแกเหมือนลูกเหมือนหลาน เขาไม่ทำเหมือนที่แกว่าหรอก" "หนูไม่ได้มั่วนะคะ ลุงชาจะข่มขืนหนูจริงๆ ค่ะ" "ถ้าแกยังไม่หยุดพล่ามฉันจะตัดหางแกปล่อยวัด!" บัวผันเท้าสะเอวชี้หน้าด่ากราด โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เลือดในกายเดือดพล่านสูบฉีดรุนแรงจนความดันขึ้นโดยอัตโนมัติ นับดาวยืนหน้าซีดตัวสั่นไม่กล้าโต้ตอบอะไรทั้งนั้น "เอะอะอะไรกัน เสียงดังไปถึงห้องพระ ฉันสวดมนต์ไม่รู้เรื่องเลยเนี่ยแม่บัวผัน..หนูนับดาว" เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังมาพร้อมกับร่างอวบอ้วน พุงพลุ้ย ศีรษะเกือบล้าน ในชุดนุ่งขาวห่มขาวดังมาจากทางด้านหลัง บัวผันและนับดาวหันมองร่างท้วมเป็นตาเดียวกัน "พี่ชามาก็ดีแล้วจ้ะ อีนับดาวมันมาฟ้องฉัน ว่าเมื่อวานพี่จะข่มขืนมัน" "ไม่จริงนะจ๊ะบัวผัน พี่ไม่ได้ทำนะ พี่รักนับดาวเหมือนลูกเหมือนหลาน แล้วอีกอย่างมันก็ผิดศีลข้อสามมันบาป พี่ไม่ทำหรอกจ้ะ" ชายชราประจบประแจงเมียรัก แล้วโป้ปดคำโต แสร้งทำเป็นหลับตาแล้วท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ ออกมาดังๆ ทำท่าคล้ายคนที่ละทางโลกมุ่งสู่ทางธรรมอย่างเคร่งครัด "เห็นไหม พี่ชาเขาธรรมะธรรมโมจะตาย แกยังจะใส่ร้ายเขาได้ มันน่าตบสักฉาดสองฉาดดีไหม" ชายชรารั้งแขนเมียรักเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายนับดาว "บัวผันอย่าทำร้ายเด็กมันเลย สงสารเด็กมัน การทำร้ายร่างกายมันเป็นบาปนะจ๊ะ" นับดาวอยากจะเถียงใจจะขาด ว่าสิ่งที่ป้าบัวผันเห็นมันก็แค่ละครหนึ่งฉาก ที่ชายชราคนนี้แสดงตบตา คนอะไรตอแหลได้เก่งมากๆ ถ้าเป็นดาราคงได้ตุ๊กตาทองสามปีซ้อน "ลงไป! ก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหวลงไม้ลงมือกับแก" หญิงชราผู้แพ้มารยาสามีรีบไล่นับดาวให้ไปจากตรงนั้น ก่อนที่นางจะระงับโทสะตัวเองไม่ไหว แล้วทำร้ายหลานสาวที่นางเลี้ยงเอาไว้อย่างจำใจไม่ใช่เต็มใจเลี้ยง เพราะเด็กนั่นมันเป็นแค่กาฝาก นับดาวรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนั้น แต่เพียงแค่หล่อนหันหลัง เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังก็เรียกรั้งเธอไว้ไม่ให้ก้าวต่อไป นับดาวชะงักเล็กน้อย "เดี๋ยวก่อนนับดาว" ชายชรานุ่งขาวห่มขาวเรียกรั้งเด็กสาวเอาไว้ "ลุงมีอะไรเหรอคะ" เธอหันหน้ามาเผชิญหน้ากับชายชราและผู้เป็นป้าที่ยืนอยู่ใกล้กัน "ลุงอยากกินปาท่องโก๋ที่ขายอยู่หน้าปากซอย หนูไปซื้อให้หน่อยนะ นี่เงินไม่ต้องทอนที่เหลือหนูอยากกินอะไรก็ซื้อมา" "ค่ะ" ชายชรายื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้เด็กสาวหนึ่งใบ นับดาวรับไว้รีบเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วปั่นจักรยานไปหน้าปากซอย เพื่อซื้อของที่คนเป็นลุงต้องการ คล้อยหลังนับดาวไปเพียงไม่นาน ชายชราก็รีบพูดจาหวานๆ เอาอกเอาใจบัวผันสารพัดราวกับเธอเป็นนางพญาก็ไม่ปานเพื่อกลบเกลื่อนความผิดตน "บัวผันอย่าอารมณ์เสียเลยนะจ๊ะ มานั่งตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่จะบีบนวดให้ บัวผันปวดเมื่อยตรงไหนบอกได้เลยนะ มานั่งสิจ๊ะ" ผู้เป็นภรรยานั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ที่สามีจัดมาให้ ชายชราพุงพลุ้ยลงมือบีบนวดไล่ตั้งแต่ต้นคอของภรรยา เรื่อยลงมายังแขนขาทั้งสองข้าง "บัวผันสบายไหมจ๊ะ" "ดีมากจ้ะพี่ชา ขอแรงอีกหน่อยนะจ๊ะ" "ได้จ้ะ" ชายชรารีบลงน้ำหนักมือในทันที "แรงขนาดนี้ดีไหมจ๊ะ" "ดีจ้ะ" สองผัวเมียบีบนวดกระหนุงกระหนิงกันตามประสาสามีภรรยา ไม่นานนับดาวก็กลับเข้ามาพร้อมปาท่องโก๋ที่ลุงชาอยากทาน ""กินด้วยกันสิหลาน" "ไม่ล่ะค่ะหนูไม่อยากทาน ลุงกับป้าตามสบายนะคะ เดี๋ยวหนูจะไปหุงข้าวล้างจาน แล้วจะออกไปขายของที่หน้าร้าน" "งั้นก็ตามใจนะหลาน" ชายชรายิ้มหวานแต่แอบซ่อนยาพิษเอาไว้ในรอยยิ้มบาดใจนั้น บัวผันหันมองร่างเล็กอย่างไม่สบอารมณ์นัก รีบไล่ให้ไปไกลๆ ราวกับว่านับดาวเป็นตัวเสนียดจัญไร "เอ้า! จะไปล้างจานก็รีบๆ ไปสิยะ มัวยืนเซ่ออยู่ทำไม รำคาญลูกกะตา" "ค่ะป้า..หนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ" นับดาวเดินออกไปจากตรงนั้น หล่อนทำกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำเป็นประจำเหมือนทุกๆ วัน คือหุงหาอาหาร ซักผ้า ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน และก็ขายของ เธอถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นเบ๊สารพัดประโยชน์ หรือที่เรียกว่าคนใช้ดีๆ นี่เองเช้าวันต่อมา....อัคราเดินลงมาพร้อมหน้าตาที่สดใสเพราะเมื่อคืนเขาได้ปลดปล่อยไปหลายน้ำ เจ้าตัวเล็กใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อยวิ่งมากระซิบถาม"คุณพ่อทำน้องให้เปาแล้วใช่ไหมครับ""ทำแล้วครับ น้องเปาเก่งมากเลยนะที่ไม่งอแงอะ""เปาเก่งอยู่แล้วครับ ลูกพ่อซะอย่าง"อัคราโยกศีรษะทุยได้รูปอย่างแสนรัก"อ้าวนั่น คุณแม่ลงมาแล้วครับ"นับดาวเปิดรอยยิ้มกว้างเมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วเจอสองพ่อลูกกำลังคุยกัน"คุยอะไรกันอยู่เหรอคะพ่อลูก"อั่งเปายิ้มประจบ "คุณแม่มานั่งตรงนี้สิครับ เปามีเรื่องจะบอกครับ""เรื่องอะไรเหรอครับ"นับดาวถาม อัคราก็ตั้งใจฟัง"วันจันทร์จะมีกิจกรรมแข่งกีฬาสีที่โรงเรียน คุณครูบอกว่าให้ผู้ปกครองไปร่วมกิจกรรมด้วยครับ""แล้วเปาอยู่สีอะไรครับ" นับดาวถามสีหน้าเบิกบาน"เปาอยู่สีเขียวครับ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมไปนะ เปาแข่งวิ่งผลัดกับเตะฟุตบอลด้วย"นับดาวลูบศีรษะทุยอย่างแสนรัก รู้สึกภูมิใจในความน่ารักน่าชัง กล้าแสดงออก และมีความเป็นผู้นำของเจ้าหนูน้อย"พ่อกั
สามปีต่อมา...."โอ๊ย!! เหม็นตดจังเลยครับ คุณพ่อทำไมชอบตดในผ้าห่มจัง เปาเหม็นจะเป็นลมแล้วครับ"อัคราทำหน้าเลิ่กลักก่อนจะยอมรับออกมา "พ่อขอโทษครับ มันอั้นเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ""รีบลุกไปเข้าห้องน้ำเลย..เหม็นอะ"อั่งเปาใช้นิ้วบีบจมูกตัวเองไปพลาง ฝ่ามือเล็กอีกข้างดันอกพ่อให้รีบๆ ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เจ้าตัวเล็กหันมาถามมารดาที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ "แม่ไม่เหม็นบ้างเหรอครับ ตดพ่อกลิ่นแรงจะตาย"นับดาวหันมองหน้าสามีเล็กน้อย "แม่ชินแล้วล่ะจ้ะ" หล่อนโยกศีรษะทุยได้รูปของเด็กช่างพูดไปพลางหัวเราะขบขันไปพลาง"คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำสิครับ เดี๋ยวก็ตดออกมาอีกหรอก คุณแม่เรารีบเผ่นหนีออกจากห้องก่อนดีกว่า เปาไม่อยากได้กลิ่นตดพ่ออะ"อัคราหัวเราะก๊าก ขบขันในความช่างพูดของเจ้าตัวเล็กนั่น เขารีบลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตร นับดาวถูกเด็กสามขวบฉุดกระชากให้ลงจากเตียง"เราเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันกันก่อนนะครับอั่งเปาแล้วค่อยลงไปทานข้าวเช้า""ได้ครับ เอาอุลตร้าแมนไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยได้หรือเปล่าครับ""ได้สิจ๊ะ"
หนึ่งอาทิตย์ถัดมา....นับดาวถูกพาตัวมาโรงพยาบาลราวตีสองกว่า เพราะมีอาการปวดท้องเป็นระยะ นับดาววิ่งเข้าห้องน้ำหลายรอบติดกัน เพราะรู้สึกปวดอุจจาระ แต่พอเข้าไปในห้องน้ำกลับถ่ายไม่ออกเสียอย่างนั้น อีกยี่สิบนาทีหลังจากนั้น มันก็ยิ่งรู้สึกคล้ายปวดอุจจาระถี่ขึ้น ความเจ็บไต่ระดับมากขึ้น พร้อมกับมีมูกเลือดไหลออกมาด้วย อัคราเลยพาภรรยาคนสวยมาโรงพยาบาล "ตอนนี้มดลูกเปิดสี่เซ็นแล้วนะคะ คุณแม่พยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกทางปาก มันจะเพิ่มอากาศให้ลูกในท้องได้ค่ะ ลองทำดูนะคะ"พยาบาลวิชาชีพแนะนำวิธีหายใจที่ถูกต้องให้นับดาวรู้ไว้ เพราะสามารถลดความเจ็บปวดเวลามดลูกบีบรัดตัวได้ แถมยังเพิ่มออกซิเจนให้กับลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์มารดาสิบห้านาทีต่อมา คุณหมอกลับมาที่เตียงของเธออีกครั้ง"หมอขอตรวจดูหน่อยนะครับ ว่ามดลูกเปิดเยอะหรือยัง""ค่ะ"นับดาวพยักหน้ารับ หล่อนหายใจทางจมูกแล้วปล่อยออกทางปาก รู้สึกเจ็บปวดจนทรมาน"มดลูกเปิดแปดเซ็นแล้วครับ เตรียมตัวเข้าห้องคลอดเลยนะ ทำใจให้สบาย เบ่งให้สุดแรงเกิดเลย""ค่ะคุณหมอ"
ณ โรงพยาบาลชื่อดังประจำจังหวัดนับดาวถูกพาตัวมาโรงพยาบาลในเวลาตีสอง เธอมีอาการปวดท้อง มวลท้องเป็นระยะ นายแพทย์อชิระเป็นผู้ตรวจรักษา"คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ อาการนี้เรียกว่าอาการเจ็บเตือนไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้าหากกลับบ้านไปแล้วมีอาการเดิมคือปวดท้อง แล้วมีมูกเลือดหรือว่าน้ำเดินด้วยให้รีบมาโรงพยาบาลเลยนะครับ""ค่ะ" นับดาวตอบรับ สีหน้าคลายกังวลลงมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น"ตอนนี้มีอาการตึงแน่นบริเวณท้องน้อยด้วยหรือเปล่าครับ""นิดๆ ค่ะ" นับดาวตอบกลับเสียงแผ่ว"หมออัลตร้าซาวด์ดูแล้วอีกสองอาทิตย์ถึงจะคลอดนะครับ คลาดเคลื่อนไม่เกินเจ็ดวัน คุณแม่ดูที่หน้าจอมอนิเตอร์สิครับเจ้าตัวเล็กซนใหญ่เชียว กระดุกกระดิกตัวเก่งแบบนี้คุณแม่ก็เลยปวดท้องน้อย ดูสิครับนั่นทั้งเตะทั้งต่อย คงอยากจะออกมาข้างนอกเต็มแก่ เด็กแข็งแรงมากเลยครับ"นับดาวยิ้มรับ หันมองหน้าจอด้วยหัวใจเบิกบานเมื่อเห็นลูกน้อยที่อยู่ในท้องเคลื่อนไหวอย่างอิสระ อั่งเปาดิ้นเก่งมาก แข็งแรงมาก เดี๋ยวก็ยกแขน เดี๋ยวก็ยกขา หน้าท้องของเธอตึงนูนขึ้นเป็นระยะ เคลื่อนไหวราวเกลียวคลื่นในทะเลสาป
หลายเดือนต่อมา....ร่างอุ้ยอ้ายหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวหนาสีดำ ในมือถือตะกร้าที่มีไหมพรมหลายม้วนนอนกองอยู่ในนั้น หล่อนกำลังถักถุงเท้าเอาไว้ให้ลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่วันถุงเท้าสีขาวเสร็จไปแล้วหนึ่งข้าง เหลืออีกหนึ่งข้างที่เธอต้องถัก นับดาวตั้งใจถักไปทีละชั้น ไม่นานนักถุงเท้าสองข้างก็เสร็จเรียบร้อย หล่อนยิ้มด้วยความภูมิใจ เพราะมันออกมาสวยน่ารัก ปราณีตไม่ผิดจากแบบในนิตยสาร"แม่เลี้ยงกำลังทำอะไรอยู่คะ" ประนอมเดินถือถาดของว่าง เป็นผลไม้หลากหลายสีสันมาให้แม่เลี้ยงคนงาม ที่ยิ่งท้องแก่ก็ยิ่งเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นมาก"หนูถักถุงเท้าให้อั่งเปาอยู่ค่ะ""เหรอคะน่ารักเชียว" ประนอมยิ้มหยิบถุงเท้าคู่เล็กขึ้นมาพิจารณา "ช่างปราณีตเหลือเกินค่ะ มองปราดเดียวก็รู้ว่าตั้งใจทำ สวยมากเลยค่ะ" ประนอมเอ่ยชมไม่หยุดปาก"ขอบคุณค่ะ" นับดาวยิ้มรับ หยิบไหมพรมสีฟ้าครามขึ้นมาถักเป็นลูกโซ่"แล้วนั่นแม่เลี้ยงจะถักเป็นอะไร ใช่ถุงเท้าไหมคะ" ประนอมถาม พร้อมระบายยิ้มบางๆ"หนูจะถักหมวกค่ะ""เหรอคะ แบบไหนป้าอยากเห็นจังเ
เช้าของวันใหม่....แสงแดดอ่อนทอประกายลงมาจากฟากฟ้า ชุบเลี้ยงชีวิตหมู่มวลบุปผาและต้นไม้ใบหญ้าให้เจริญงอกงาม ผลิดอกออกผลขยายกิ่งก้านเติบโตตามครรลองของธรรมชาติ ภายนอกห้องนอนนั้น มีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์โดยเฉพาะกุหลาบตลบอบอวลรอบๆ คฤหาสน์ สกุณาเจื้อยแจ้วร้องเพลงขับขานเป็นท่วงทำนองน่าฟัง บ้างก็คล้ายกับคนกำลังสนทนากันดังจิ๊บๆ ท่ามกลางความเงียบสงัดแพขนตาหนาค่อยๆ ขยับขึ้นลงช้าๆ เมื่อผู้เป็นเจ้าของกำลังจะลืมตา อัคราตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ที่แสนสดใส เขาเหลือบมองเจ้าร่างน้อยที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาเมื่อวาน เธอคงเสียขวัญมากสินะ ถึงได้ร้องไห้จนหลับ"อรุณสวัสดิ์ครับ"ปลายจมูกโด่งกดลงบนพวงแก้มนิ่มของเธอหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการบอกรักและปลุกเจ้าร่างน้อยในเวลาเดียวกัน นับดาวขยับตัวยุกยิกไปมาในอ้อมแขนกำยำจนความนุ่มนิ่มบดเบียดกับความแข็งแกร่งตรงกลางร่างของคนที่นอนอมยิ้มอยู่ข้างๆ ทำให้อะไรบางอย่างตื่นตัวโดยอัตโนมัติ"อื้ม..เช้าแล้วเหรอคะ" ดวงตากลมโตขยับเปิดออกจนกว้างรับอรุณของเช้าวันใหม่ที่สดใสกว่าเมื่อวาน"ครับ" อัคราพยักหน้ารับ ไล้ข้อ







