Masuk
งานวิวาห์ของลูกชายเศรษฐีที่ดินที่มีมูลค่ารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท แทบจะล่มกลางคัน เมื่อเจ้าสาวกลับไม่ใช่คนที่เจ้าบ่าวหมายปองและมีใจให้ แต่เป็นน้องสาวของว่าที่เจ้าสาวที่เขาเอ็นดูเหมือนน้อง ทว่าตอนนี้กลับเกลียดเข้าไส้เข้าพุง
“ไม่ ผมไม่แต่ง ยังไงก็ไม่แต่ง” คุณานนท์ยืนกรานเสียงแข็ง เมื่อรู้ว่าตนต้องเปลี่ยนเจ้าสาว
“แต่งๆ ไปก่อน แม่ไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้ ทุกอย่างก็เตรียมการไว้หมดแล้ว” คุณหญิงคะนึงนิจคนเป็นแม่เอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะรู้ดีว่า ตอนนี้บุตรชายกำลังอยู่ในอารมณ์ใด หากเป็นตนเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน “ถือว่าเห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่นะกล้า แค่นี้พ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
งานแต่งงานบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวอธิปกับคุณหญิงคะนึงนิจ สิทธิเดโชใช่งานเล็กเสียที่ไหน จัดยิ่งใหญ่อลังการในโรงแรมหรู เชิญแขกมาร่วมงานทั้งงานเช้าและงานช่วงค่ำเกือบหกร้อยคน และคาดว่าจะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีเกินกว่าที่แจกการ์ดไป เนื่องจากแขกบอกปากเปล่าก็มี
เรื่องร้อนใจจะไม่เกิดขึ้นเลย หากพิมาลาหรือพิม ว่าที่เจ้าสาวของงานไม่หนีหายออกไปจากบ้านเมื่อคืนนี้ หายไปไหนไม่มีใครทราบ ทางว่าที่เจ้าบ่าวมารู้ว่า ว่าที่เจ้าสาวหายไปก่อนงานเช้าจะเริ่มแค่หนึ่งชั่วโมง แขกคนสำคัญได้เดินทางมารอร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยาน ระดับเจ้าสัวอธิปจัดงานแต่งบุตรชายทั้งที แขกที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียง หากยกเลิกการแต่งงาน มีหวังเป็นขี้ปากชาวบ้าน ได้เป็นข่าวใหญ่โต เสียทั้งเงินที่ทุ่มไปกับงานแล้วยังจะมาเสียชื่อเสียงอีก เจ้าสัวอธิปกับคะนึงนิจจึงหาทางออกร่วมกับครอบครัวว่าที่เจ้าสาวได้ความว่า เปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็น ลัลณ์ลนิน น้องสาวต่างมารดาของพิมาลา ทุกคนเห็นพ้องต้องกันกับทางออกนี้ ยกเว้นคนเดียวคือเจ้าบ่าว
“ยอมไปก่อนนะกล้า แขกก็มากันเยอะแล้ว มีผู้หลักผู้ใหญ่มาตั้งหลายคน ถือว่าช่วยพ่อกับแม่เถอะนะ แต่งๆ ไปก่อนผ่านไปสักเดือนสองเดือนค่อยเลิกกัน” เจ้าสัวอธิปพูดเสริม คุณานนท์ยังนิ่ง ไม่ปริปากพูด ได้แต่มองหน้าบิดามารดา
“คุณพี่ออกไปรับแขกก่อนเถอะคะ นิลจะพูดกับกล้าเอง”
“อืม ได้” เจ้าสัวอธิปมั่นใจว่า ภรรยาของตนจัดการเรื่องนี้ได้ เขาจึงออกไปรับหน้าแขกด้านนอก
“นะลูกนะ เห็นแก่หน้าพ่อกับแม่นะกล้า” คะนึงนิจอ้อนวอนลูกชาย ก่อนพูดโน้มน้าวต่อ “เราลงทุนไปก็เยอะแล้ว จะมาล่มกลางคันแบบนี้ ฝ่ายเรานะที่เสียหาย เสียชื่อเสียง แต่ฝ่ายนั้นมีแต่ได้กับได้ ได้ค่าสินสอดที่ขอไปล่วงหน้าตั้งเกือบสิบล้าน ป่านนี้หอบเงินไปใช้ที่ไหนสักแห่งสบายใจ แต่เราน่ะสิทุกข์ ปล่อยให้เราต้องมานั่งแก้ปัญหาอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน แต่งกับคนน้องเอาทุนคืนดีกว่านะลูก”
“เอาทุนคืน หมายความว่ายังไงครับคุณแม่” คุณานนท์ถามทันควัน
“แม่เองก็เจ็บใจนะที่พิมทำแบบนี้ แม่รักและไว้ใจพิมมาก ขออะไรก็ให้ ทำแบบนี้มันทำลายความไว้ใจกันชัดๆ แถมส่งคนน้องมาแต่งงานด้วยอีก แม่คิดว่า กล้าต้องแต่งงานกันลัลณ์ แล้วแม่จะเอาคืนเองด้วยวิธีของแม่”
คุณานนท์มองหน้ามารดา สะดุดใจกับประโยคตบท้ายของคนเป็นแม่ ก่อนจะเหยียดยิ้ม นัยน์ตาประกายเจ้าเล่ห์ เพราะเขาเองก็คิดแผนเอาคืนครอบครัวพิมาลาได้เช่นกัน
“ก็ได้ครับ ผมจะแต่งงานกับลัลณ์” คะนึงนิจยิ้มกว้าง ดีใจที่ลูกชายตกปากรับคำแต่โดยดี
พิธีในช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ว่าแขกเหรื่อบางคนจะแปลกใจที่เจ้าสาวไม่ใช่พิมาลา แต่เป็นลัลณ์ลนิน ผู้เป็นน้องสาว ทว่าก็ไม่มีใครกล้าถามอยู่ร่วมงานเช้าจนจบ ในขณะที่พิธีต่างๆ ดำเนินไปตามขั้นตอน ทุกคนแทบจะไม่เห็นรอยยิ้มของคุณานนท์ เขาจะยิ้มก็ต่อเมื่อบิดามารดาให้ยิ้ม แทบจะไม่มองหน้าเจ้าสาวที่ความสวยไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพิมาลา บางครั้งก็ทำอะไรกระแทกกระทั้น ซึ่งลัลณ์ลนินก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้าบ่าว เธอได้แต่เก็บซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ
ทางฝ่ายเจ้าบ่าวมีแขกเหรื่อนับร้อย ทว่าแขกทางด้านเจ้าสาวมีเพียงสามคนคือ มารุต ผู้เป็นบิดา รัตนา มารดาเอาแต่น้ำตาปริ่มด้วยความเสียใจจากการกระทำของบุตรสาวคนโต และดวงเดือน เพื่อนสนิทของเจ้าสาวที่มาให้กำลังใจ
แต่พอหมดงานเช้า ลัลณ์ลนินเหมือนถูกทิ้ง มารุตกับรัตนาเดินทางกลับบ้านทันที ดวงเดือนก็ต้องไปเข้าเวรในโรงพยาบาลที่ตัวเองทำงานอยู่ เจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ปรารถนาอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องพักที่ทางเจ้าภาพจัดเตรียมไว้ให้เจ้าสาวแต่งตัว เธอนั่งรออยู่ในห้องนั้นจนกระทั่งถึงเวลาแต่งตัว เตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงตอนค่ำ
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจบลงไปสามชั่วโมงแล้ว ช่างเป็นงานเลี้ยงฉลองที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย เจ้าบ่าวไม่แจกรอยยิ้มให้ใครเลย จะมีก็เพียงรอยยิ้มแบบฝืนใจตามมารยาท คุณานนท์ไม่แม้แต่จะมองเจ้าสาวของตัวเอง เขาทำเหมือนลัลณ์ลนินเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน แขกหลายคนพากันงงและสงสัยเมื่อเห็นหน้าเจ้าสาว ที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณานนท์แนะนำตัว แต่กลับเป็นน้องสาวของพิมาลา ว่าที่เจ้าสาวตัวจริง ทว่าก็ไม่มีใครกล้าถามเจ้าของงาน ได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ ไปสอบถามกันเองในงาน
พิธีการในงานก็ไม่มีเลย ปกติจะให้คู่บ่าวสาวตัดเค้กและพูดบนเวที รวมถึงดื่มฉลองกับแขกที่มาร่วมงาน ขั้นตอนเหล่านี้ถูกยกเลิกไป มีเพียงการเลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ตามความตั้งใจแต่แรกแค่นั้น งานเลี้ยงจึงจบลงไวก่อนสองทุ่มเล็กน้อย
หลังจากจบงานเลี้ยงคะนึงนิจให้พนักงานนำคีย์การ์ดห้องพักที่เดิมทีจะเป็นห้องหอให้คู่บ่าวสาวหนึ่งคืน เพราะห้องพักห้องนี้เป็นอภินันทนาการจากโรงแรม นางสั่งมาว่าให้ลัลณ์ลนินนอนพักที่นี่ในคืนนี้ พรุ่งนี้ค่อยขนเสื้อผ้าไปอยู่บ้านนาง ซึ่งลัลณ์ลนินไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอจึงขึ้นมาบนห้องพักหมายเลข 2702
เตียงแสนนุ่มและใหญ่กว่าฟูกที่ลัลณ์ลนินนอนอยู่ทุกวัน คือที่หลับนอนอันเปลี่ยวเหงาสำหรับคืนนี้ และคืนต่อๆ ไปเธอต้องย้ายที่นอนไปนอนร่วมบ้านเดียวกับคุณานนท์ สามีที่ไม่ปรารถนาในตัวเมียคนนี้
เขารักพี่พิม...เป็นความจริงที่ตอกย้ำในใจ
ยังมีความเสียใจ น้อยใจอีกเรื่องหนึ่งที่ติดอยู่ในใจลัลณ์ลนินมานานหลายปี นอกจากตอนนี้เธอจะเป็นเมียที่ไม่ปรารถนา เธอยังเป็นลูกที่พ่อกับแม่ไม่ต้องการ แต่ก็ต้องทนเลี้ยงดูอย่างเสียมิได้ แน่นอนว่าเมื่อพ่อแม่ไม่ต้องการให้เกิดมา ลัลณ์ลนินจึงถูกเพิกเฉยจากบิดามารดาที่ไม่ได้มอบความรัก ความเอาใจใส่เท่าพิมาลา ลูกสาวสุดที่รัก
Chapter64 “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ขอบคุณพี่กล้าค่ะ” “ผมจะเคลียร์เรื่องเงินให้ ให้คนของเจ้าของบ่อนไปหาผมที่ทำงานพรุ่งนี้ตอนบ่ายสามนะครับ” “ได้จ้ะกล้า” รัตนารับคำ “ถ้ามีหนี้เจ้าอื่นก็บอกผม ผมจะเคลียร์ให้ แล้วขอพูดตรงๆ แรงๆ ว่า อย่าได้เป็นหนี้การพนันอีก เลิกได้ก็เลิกนะครับ ผมใจดีแค่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปถ้าผมเห็นคนคุมบ่อนเอาปืนมาจ่อหัวพ่อกับแม่ ผมก็จะไม่ช่วย” คำขาดของคุณานนท์บอกให้สองสามีภรรยารู้ว่า ลูกเขยของตนพูดจริงทำจริง “เราสองคนเลิกแล้ว เลิกจริงๆ” มารุตตอบกลับ คิดตามที่เอ่ยออกไปจริงๆ “ตกลงตามนี้นะครับ” “ขอบใจกล้ามากจ้ะ ขอบใจมาก”สองสามีภรรยาติดหนี้บ่อนโล่งใจ กลับบ้านไปด้วยจิตใจเบิกบาน ต่างกับขามาที่เหมือนคนอมทุกข์ หน้าดำคร่ำเครียด“ขอบคุณพี่กล้าอีกครั้งค่ะที่ช่วยพ่อกับแม่ลัลณ์”“ไม่เป็นไร พี่ไม่คิดมาก ลัลณ์ก็อย่าคิดมาก พี่อยากให้ลัลณ์มีความสุข ไม่อยากให้เครียด แล้วถ้าพี่ไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยล่ะ”คุณานนท์พูดเสียงอ่อนโยน“นั่นสิ อย่าคิดมาก เราเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกัน” อธิปพูดเสริม “ถือเป็นขอ
Chapter63“เบ่งค่ะ คุณแม่เบ่งอีกนิดค่ะ” เสียงแพทย์สูตินารีนามว่า ฤดี บอกว่าที่คุณแม่ให้ออกแรงเบ่ง “เบ่งค่ะ เบ่ง หัวน้องจะออกแล้วค่ะ” “อึ๊บ” ผู้ช่วยแพทย์ที่อยู่ในห้องช่วยลัลณ์ลนินเบ่ง ว่าที่คุณแม่ทำตามคำบอกของฤดี เธอออกแรงเบ่งจนหน้าดำหน้าแดง แม้ว่าจะเจ็บปวดกับการเจ็บท้อง ลัลณ์ลนินก็ออกแรงเบ่งเต็มที่ “ทนหน่อยนะลัลณ์ ทนหน่อย ลูกจะออกแล้ว” คุณานนท์ที่เข้าไปในห้องคลอดเพื่อให้กำลังใจภรรยา บอกอีกคน และทำเสียง ท่าเบ่งร่วมด้วย “เบ่งลัลณ์ เบ่ง” “ลัลณ์...ลัลณ์เบ่งไม่ออก อึ๊บ” ลัลณ์ลนินทำตามที่ฤดีบอก ทว่าเธอเหมือนคนไม่มีแรง เบ่งเท่าไหร่ก็เบ่งทารกออกมาไม่ได้ “ลองอีกครั้งนะคะ เบ่งค่ะ เบ่ง” ฤดีบอกว่าที่คุณแม่ให้พยายามเบ่งอีกครั้ง “ดีค่ะคุณแม่ ออกแล้วค่ะ” ลัลณ์ลนินยิ้มเหนื่อยเมื่อรู้สึกว่า ทารกน้อยลืมตาดูโลกผ่านช่องคลอด เธอรู้สึกโล่ง ความเจ็บปวดหายไปจนสิ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกน้อยวินาทีนี้คุณานนท์ไม่มีพลาด เขาบันทึกวิดีโอเก็บไว้ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเห็นลูกชายออกมาจากร่างภรรยา เป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก เขาดีใจ ปลื้มใจ เอิบอิ่มใจจนน้ำตาซึม
Chapter62หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ จอมพลนอนพักผ่อนในโถงใหญ่ วิธีพักผ่อนของเขาคือ การเล่นเกมในมือถือยอดฮิต ROV เล่นไปต่อว่าคนร่วมเล่นเกมไปด้วยที่ไม่ได้ดังใจ เนตรนภากับดวงเดือนจึงไม่รู้ว่า การเล่นเกมนี้เป็นการพักผ่อนหรือเป็นการเพิ่มความเครียดกันแน่ บ่ายโมงครึ่งเศษคือเวลาที่จอมพลออกไปทำงานในช่วงบ่าย เช่นเคยที่ดวงเดือนจะเดินมาส่งสามีที่รถ“พล” เสียงบุญเติมเรียกจอมพล“มีไร ไหนบอกจะเข้าเมืองไม่ใช่เหรอ” จอมพลถามกลับ“กำลังไปนี่แหละ แต่แวะมาบอกแกก่อนว่า มีสาวมาหา สวยด้วยนะ หุ่นดีสุดๆ เธอรออยู่รีสอร์ทน่ะ แกรีบไปเลย”บุญเติมเย้าจอมพลที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านาย จอมพลเสียวสันหลังวาบ ตกใจไม่คิดว่าบุญเติมจะพูดแบบนี้ ไม่รู้บ้างหรือไงว่า ต่อมหึงดวงเดือนยิ่งตื้นๆ อยู่ หากบุญเติมพูดแบบนี้กับเขาตามลำพังหรือไม่มีดวงเดือนอยู่ด้วยก็คงไม่มีอะไร แต่นี่ดวงเดือนยืนอยู่ใกล้เขาและได้ยินทุกคำพูด คนขี้หึงมีหรือจะโพร่งออกมา“สาวที่ไหนพี่บุญเติม พี่พลแอบมีกิ๊กเหรอ พี่พลคิดนอกใจเดือนหรือไง” น้ำเสียงของดวงเดือนเขียวปัด เหมือนหน้าตาที่บึ้งตึง มองหน้าสามีไม่วางตา “พาเดือนไปทีพี่บุญเติม เดือนจะไปดูหน้าหน่อยสิว่าจะสวยแค
Chapter61คำพูดที่ว่า ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ชีวิตคู่สองคู่ที่ดูเหมือนจะไม่ลงเอยกัน ตอนนี้สี่ชีวิตกำลังมีความสุขกับชีวิตหลังแต่งงาน เริ่มจากจอมพลกับดวงเดือน คู่กัดที่ใครหลายคนต่างคิดว่า คงชังน้ำหน้ากันไปตลอดชีวิต เนตรนภาที่อยากให้จอมพลแต่งงานกับดวงเดือน แต่ก็ไม่กล้าฝืนใจทั้งคู่ นางเป็นผู้ใหญ่ย่อมรู้ดีว่า การคลุมถุงชนไม่ทำให้บ่าวสาวมีความสุข ตรงกันข้ามมันคือความทุกข์ทรมานใจเป็นที่สุด เนตรนภาจำวันที่จอมพลเข้ามาเปิดใจได้ดี นางมีความสุขมาก ความทุกข์สะสมเป็นเวลาหลายปีมลายหายไปจนสิ้น ความฝันที่วาดหวังไว้เป็นจริง นางไม่ขัดข้องเลยสักนิด รีบหาฤกษ์หายามให้ทั้งคู่ มีอีกคนหนึ่งที่ดีใจกับความรักของจอมพลกับดวงเดือน นั่นคือจอมตรัย เขารู้มาตลอดว่า จอมพลแอบรักดวงเดือน แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะดวงเดือนไม่ชอบหน้าจอมพลตั้งแต่เด็ก เจอหน้ากันทีไรจิกกัดกันตลอด ซ้ำร้ายดวงเดือนยังแอบรักตนอีก เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกให้ดวงเดือนรู้ว่า ตนไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่าพี่ชาย ก็กลัวเธอเสียใจ อีกเรื่องหนึ่งคือ เขามีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน ซึ่งข้อนี้เนตรนภารู้ดี เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ จอมตรั
Chapter60 “พี่ขอบใจลัลณ์มากที่ให้อภัยพี่ ที่รักของพี่”คุณานนท์สวมกอดลัลณ์ลนิน จุมพิตกลางศีรษะ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับว่า กลัวเธอจะหนีเขาไป“ลัลณ์มีคำถามค่ะ”“ถามว่าอะไรครับ”“พี่กล้ามาที่นี่ได้ยังไง รู้จากใครว่าลัลณ์อยู่ที่นี่”เธอสงสัยตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว ทว่าตอนนั้นกำลังตกใจและดีใจที่เห็นหน้าเขา คำถามที่อยากถามถูกกลืนลงคอ“เดือนบอกพี่” คุณานนท์ตอบ “พี่ติดต่อเดือนตั้งแต่วันแรกที่ลัลณ์หนีพี่ พี่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เดือนรู้ เดือนบอกพี่ว่า ลัลณ์ไม่ได้ติดต่อมา พี่เลยฝากเดือนไว้ว่า ถ้าได้ข่าวลัลณ์ให้โทรบอกพี่ด้วย พี่โทรถามเดือนทุกวันนะ แต่ก็ได้คำตอบเดิมๆ ว่า ติดต่อลัลณ์ไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อวานตอนบ่าย เดือนโทรมาหาพี่ บอกความจริงเรื่องที่ลัลณ์อยู่ไร่พันดารา และขอโทษที่ปกปิดความจริง แล้วที่ยอมบอกพี่เพราะเห็นว่าลัลณ์กับพี่ทุกข์ใจเรื่องนี้ เดือนไม่อยากเห็นลัลณ์มีความทุกข์ อีกอย่างพิมก็มีคนใหม่แล้ว ถึงเวลาที่พี่จะมาที่นี่ พลเลยวางแผนให้พี่มารอลัลณ์บนนี้ เราถึงได้เจอกันไงครับ”ที่แท้เป็นเพราะความรักและปรารถนาดีของดวงเดือนกับจอมพลนี่เอง ที่ทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี“พี่ว่า
Chapter59“สวยสิ เวลาพี่เครียดๆ ก็ขึ้นมานั่งจิบชา ดูวิวไปด้วย ผ่อนคลายดีนะ” จอมพลตอบ “พี่พลไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมล่ะคะ ลัลณ์ว่าคนต้องเยอะแน่ๆ” “ไม่ล่ะ คนเข้ามาเยอะความสวยงาม ความสงบมักไม่มี พี่อยากให้ที่นี่อยู่กับธรรมชาติ ไม่มีอะไรรบกวน แค่ไร่พันดาราก็พอแล้ว” “มันก็จริงค่ะ” “คนงานบนนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา วิถีชีวิตเขาเรียบง่ายนะ มีความสุขในแบบของเขา ถ้าพี่นำคนแปลกหน้าเข้ามามาก วิถีชีวิตพวกเขาอาจเปลี่ยน อะไรที่เราเคยเห็นก็จะไม่เห็น มันจะถูกกลืนหายไปไม่รู้ตัว” จอมพลพูดอีกก็ถูกอีก “พี่อยากให้ลัลณ์เห็นอะไรที่มันสวยงาม สงบ ร่มรื่น ลัลณ์จะได้สบายใจ” “ขอบคุณค่ะพี่พล” “ลัลณ์เห็นศาลาตรงนั้นไหม” จอมพลชี้ไปยังศาลาไม้ระแนงสีขาวที่อยู่ริมเขา “ค่ะ เห็นค่ะ” “พี่ชอบนั่งตรงนั้น นั่งจิบชามองดูวิว ลมเย็นๆ จะทำให้พี่รู้สึกสดชื่น ภาพเขียวขจีราวกับผืนหญ้าทำให้พี่รู้สึกว่า เป็นขุมพลังทำให้พี่เข้มแข็ง พี่อยากให้ลัลณ์รู้สึกอย่างนั้น ปล่อยใจไปกับธรรมชาติดีกว่าปล่อยใจกับความเจ็บปวดนะลัลณ์” “ค่ะ ข







