LOGIN“ถ้าหนูเรียนจบแล้ว หนูจะดูแลพี่ขิมเองค่ะ”
เพียงขวัญบอกกับขิมอย่างนั้น ขิมรู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้พูดจริงทำจริง แม้จะเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ แต่เพียงขวัญก็ยังเอาดี ไม่ยอมทำอาชีพเดียวกับแม่ของเธอ จากที่คิดว่าเลี้ยงเด็กคนนี้แค่เอาบุญ แต่ตอนนี้เพียงขวัญกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่คอยช่วยเหลืองานในร้าน
“ของขวัญหนูสวยนะ รู้ตัวหรือเปล่า?” ขิมพูดขึ้น ทำให้เพียงขวัญหันมามองแล้วหัวเราะออกมา
“อยู่ดี ๆ มาชมกันเองได้ยังไงคะพี่ขิม?” เพียงขวัญเช็ดจานและวางซ้อนกันเป็นระเบียบ“พี่ไม่ได้ชมแต่พี่พูดความจริง พี่เสียดายที่ของขวัญเอาแต่ทำงานในครัว ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ”
“ของขวัญก็ไม่ได้อยากไปไหนนี่คะ อยู่นี่ก็มีความสุข สบายดีแล้ว” เพียงขวัญทำหน้างง
“เชื่อสายตาพี่ขิมสิ ถ้าของขวัญไปประกวดร้องเพลงหรือซูเปอร์โมเดลนะ ต้องติดเข้ารอบสิบคนสุดท้ายแน่ ๆ”
“พี่ขิมก็รู้ว่าของขวัญไม่ชอบ” เธอพูดเสียงเศร้า
“ไม่ชอบหรือไม่อยากให้ใครรู้จัก?” ขิมถอนหายใจ
“มันก็...”
“เราน่ะ...ชอบร้องเพลงเต้นรำ แต่ไม่อยากให้คนอื่นรู้จักตัวเองล่ะสิ อายใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ใช่ค่ะ ของขวัญกลัวคนอื่นถามว่าพ่อของขวัญเป็นใคร แม่ทำงานอะไร ของขวัญไม่กล้าพูด ของขวัญเป็นอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว”
“แต่โลกมันกว้างใหญ่กว่าที่จะซ่อนตัวอยู่ในห้องครัวอย่างนี้นะของขวัญ หนูต้องออกไปเปิดหูเปิดตาเจอผู้คนบ้าง ต้องกล้ายืดอกกับความเป็นจริง หนูไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ หนูไปกำหนดอะไรไม่ได้ แต่หนูกำหนดทางเดินของตัวเองได้นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ขิม พี่ขิมดีกับของขวัญมาก มากกว่าแม่แท้ ๆ ของของขวัญเสียอีก”
“มานี่สิ” ขิมดึงมือเรียวของเพียงขวัญให้เข้ามาที่ห้องนอนของเธอ เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดสวย ๆ ที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยเป็นนางโชว์ออกมาทาบบนหุ่นเพรียวของเพียงขวัญ
“สวยจังเลยค่ะพี่ขิม”
“หุ่นเราใกล้เคียงกันนะ พี่ยกเสื้อผ้าให้หมดตู้เลย ลองใส่แล้วเดินดู พี่น่ะเทรนเด็กใหม่ ๆ สมัยเป็นนางโชว์บ่อย เชื่อพี่สิ พี่ดูของขวัญไม่ผิดหรอก”
“แต่ของขวัญไม่ได้อยากเป็นนางโชว์เหมือนพี่ขิมนะคะ” แน่นอนเธอไม่อยากเดินตามรอยเท้าแม่ของตัวเอง
“พี่ไม่ได้จะฝึกให้เธอเป็นนางโชว์ พี่จะฝึกให้เธอเดินแบบ”
“ฝึกทำไมคะ ของขวัญไม่ได้จะไปประกวดอะไรที่ไหนสักหน่อย”
“เรื่องแบบนี้ฝึกเพื่อบุคลิกของเราเอง เราน่ะทั้งสวยทั้งสูง สูงยาวเข่าดีแต่เดินหลังค่อมเป็นคนแก่ไปได้ น่าเสียดายเปล่า ๆ”
“ก็...” เพียงขวัญเถียงไม่ออก เธอเดินหลังค่อมเพราะทำตัวให้ดูเตี้ยลงกว่าคนอื่น ๆ เธอสูงตั้ง 170 เซนติเมตร มันสูงกว่าเพื่อนผู้หญิงในห้องเรียน แถมยังสูงกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก
“นี่เสื้อผ้าเรียบร้อยที่สุดของพี่ เอาไปใส่ซะ” ขิมยื่นชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงยาวเหนือเข่าส่งให้ เพียงขวัญทำหน้างอแต่ก็รับมาเปลี่ยนที่ห้องตัวเอง ก่อนจะเดินกลับมาให้พี่ขิมของเธอดู
“ว้าว...สวยสุด ๆ เลยนะเนี่ย” ขิมอยากร้องกรี๊ดให้ดังลั่นบ้าน เธอไม่เคยเห็นเพียงขวัญแต่งตัวสักที ปกตินอกจากชุดนักเรียนแล้วก็ชุดเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนหลวม ๆ ที่ใส่ทำงานในครัว นี่เป็นครั้งแรกที่เพียงขวัญตามใจให้เธอจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนตุ๊กตา
“จริงเหรอคะ?” เพียงขวัญไม่มั่นใจในตัวเองเลยสักนิด แต่พอมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นตัวเองได้ทั้งตัวก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ในนั้นใช่เธอจริง ๆ หรือนี่
“เอ่อ...เสื้อมันเห็นนมมากไปไหมคะพี่ขิม?”
ขิมถึงกับหัวเราะออกมา แหม...มีนมเป็นของตัวเองยังจะพูดเหมือนว่ามันใหญ่ไปเสียอย่างนั้น ขิมเดินไปดึงยางรัดผมของเพียงขวัญออก ปล่อยผมยาวลงมาคลอเคลียบ่า ใบหน้าสวยได้รูปแม้จะไม่ได้แต่งแต้ม แต่แค่นี้เธอก็สวยชวนมองมากแล้ว
“สวยแบบนี้ไปทำงานเป็นพริตตี้ก็ได้นะ พี่รู้จักคนเยอะจะแนะนำให้”
“พี่ขิม...” เพียงขวัญทำเสียงร้องโอดครวญ
“เอาหน่า...ตอนนี้อย่าไปคิดเรื่องอื่น มาฝึกบุคลิกภาพกัน” ขิมตบหลังเพียงขวัญเบา ๆ
“ก่อนอื่นต้องยืดหลังให้ตรง ห้ามเดินตัวงอ อ้อ...ไปเอารองเท้าส้นสูงของพี่มาใส่ด้วย เราจะได้เดินสวย ๆ”
“จะดีเหรอคะพี่ขิม?”
“อย่าดื้อ พี่ปล่อยเรามาเยอะแล้ว วันนี้ต้องฝึกเราให้ได้ ขัดใจพี่มานานมากแล้ว”
เพียงขวัญอยากจะเถียงแต่ก็ไม่กล้า เพราะขิมเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของเธอ ถ้าทำอะไรแล้วพี่ขิมของเธอชอบ เธอก็ยินดีที่จะทำ เพียงขวัญหยิบรองเท้าส้นสูงของพี่ขิมมาใส่ แต่แค่เดินก้าวแรกก็พลิกซะแล้ว นี่คนอื่นเขาใส่รองเท้าส้นสูงเดินกันทั้งวันได้ยังไงนะ
ปีสามต่อมา...“อื้อ...พี่ภาคิน...พอได้แล้ว”เพียงขวัญยกมือขึ้นตีอกบอกกล่าวสามีที่รัก หญิงสาวร่างบางนอนอ้าขาอยู่ใต้อาณัติของชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอที่กำลังกระแทกแทรกกายใส่เธอตั้งแต่สี่ทุ่มของเมื่อคืน ซึ่งเป็นค่ำคืนของการเข้าหอของเธอและเขา จนถึงตอนนี้จะเช้าของวันใหม่แล้ว สามีสุดที่รักก็ยังไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจเลยย้อนกลับไปหลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย บดินทร์ก็ขอเพียงขวัญคบอย่างจริงจัง เขาให้ความซื่อสัตย์และจริงใจกับเด็กสาวที่เขารักมาโดยตลอด ซึ่งเพียงขวัญเองก็เช่นกัน หลังจากที่แม่เคลียร์เรื่องราวทุกอย่างเสร็จก็มารับเธอไปอยู่ด้วยตามที่สัญญาไว้ ซึ่งเธอเองที่โหยหาความรักจากแม่มาตลอดจึงตกลงไปกับท่าน แต่ก็ไม่ลืมมาค้างกับพี่ขิมบ้างเป็นครั้งคราวเธอยังคงเป็นเพียงขวัญคนเดิม เธอยังมาช่วยงานในร้านอาหารของพี่ขิมเสมอ แม้ว่าตอนนี้ขวัญข้าวแม่ของเธอจะเป็นหุ้นส่วนกับพี่ขิมแล้ว และได้เปิดร้านอาหารที่ใหญ่โตตามที่พี่ขิมใฝ่ฝันเอาไว้ตลอดเวลาที่บดินทร์และเพียงขวัญคบหากัน ฝ่ายชายไม่เคยล่วงเกินเธอเลย เขาทะนุถนอมเพียงขวัญที่เขารักมากไว้อย่างดี มากสุดก็แค่นอนจับมือ จูบบ้างตามโอกาสที่เหมาะสมจนกระทั่งผ
“อย่านะ! อย่าทำอะไรของขวัญ!” บดินทร์พุ่งตัวเข้าใส่ทันทีที่มีโอกาส แต่เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่บดินทร์จะเข้าถึงตัวคนตัวใหญ่คนนั้นได้ปัง!“ของขวัญ!”ร่างของเด็กสาวทรุดฮวบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดของพิชญ์นาฏ บดินทร์รีบเข้าไปประคองช้อนร่างที่เต็มไปด้วยคราบเลือดขึ้นมาไว้แนบอก“ของขวัญ” เขาระส่ำระส่าย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น“ทำไมต้องทำขนาดนี้?”“อยากให้พี่ภาคินรู้ว่าของขวัญไม่ใช่ขโมย”“พอแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง งานมันไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่มีของขวัญอยู่ด้วยกัน” บดินทร์มองแขนของเพียงขวัญที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเลือด มือไม้ของเขาสั่นแต่ก็หยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ แล้วรีบห้ามเลือดด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาทันที“คนพวกนั้นหนีไปแล้วนะ” เพียงขวัญเจ็บแต่ก็ยังอยากให้คนโกงถูกลงโทษ“มันก็แค่เกมคอมพิวเตอร์ เราสร้างใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ของขวัญมีคนเดียว พี่เสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว”เสียงไซเรนรถตำรวจมายังทางที่ทั้งคู่อยู่ บดินทร์ประคองร่างของเพียงขวัญไว้ไม่ยอมปล่อย“คุณครับ เราจะพาเธอไปโรงพยาบาลนะครับช่วยหลบให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยครับ” เสียงบุรุษพยาบาลเข้ามาดึงตัวของบดินทร์ให้ออกห่างจากเพียงขวัญ แล้วร่างที่ชุ่มเล
“ต้นไม้...” เพียงขวัญตะโกนเรียกทันทีที่มาถึงร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของต้นไม้ คนถูกเรียกตกใจ มือที่กำลังวุ่นอยู่กับการบันทึกภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่ถึงกับชะงัก“มาพอดีเลย มาดูอะไรนี่สิ เรื่องนี้ไม่ใช่ย่อยเลยนะ เล่นโกงกันหน้าด้าน ๆ เลย”เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนเรียกให้เพียงขวัญเข้ามานั่งใกล้ ๆ ดูภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า เสียงวุ่นวายในร้านทำให้ฟังไม่ถนัดนัก แต่ถ้อยคำของเพื่อนซี้ทำให้เธอสงบลงทันที“คนเรานี่มันรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ เลย สวย ๆ แบบนั้นไม่น่าทำอะไรแบบนี้ได้ ขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นชื่อของตัวเอง” ต้นไม้สรุปจากการดูภาพกล้องวงจรปิด เขาสนิทกับเจ้าของร้านมาก และมากพอที่จะขอสำเนาภาพคืนนั้นที่พิชญ์นาฏมาที่ร้าน เขาได้ยินเรื่องที่พิชญ์นาฏต่อรองราคาซื้อขายเกมคอมพิวเตอร์ที่บดินทร์เป็นคนออกแบบกับผู้ชายที่คลอเคลียอยู่ด้วยกันเขาได้ยินชัด แต่ต้องการหาหลักฐานมายืนยันสิ่งที่ได้ยิน จึงไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน ซึ่งมันบอกทุกอย่างได้ชัดเจนมากกว่าคำพูดของเขา“เพื่อเงินไงต้นไม้ ของขวัญเองก็ไม่เข้าใจว่าสังคมสมัยนี้เป็นยังไง” เด็กสาวบ่นพึมพำ“แล้วของขวัญจะทำยังไง?”“พี่ภาคินเขาคงไม่เชื่อว่าแฟนตัวเอง
วันจันทร์ที่แสนสดใส แม้ตามถนนจะยังมีน้ำนองอยู่บางที่ แต่ท้องฟ้าก็สดใส เช้านี้เพียงขวัญรู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่ก็รีบวิ่งมาที่ห้องของบดินทร์เหมือนเช่นทุกวัน ทว่าก็ยังช้ากว่าที่เจ้าของห้องออกไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้มีปัญหากับการเข้าห้องของเขามากนักเพราะเขาให้กุญแจสำรองไว้ เธอนั่งอ่านหนังสือ เล่นเกมคอม และทำความสะอาดให้เจ้าของห้องด้วยเช่นเคย“ของขวัญ”เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นจนคนที่เผลอหลับอยู่ที่โซฟาสะดุ้งตื่น เธออยากจะยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูโมโหโกรธเคืองใครมาจ้องเขม็งที่ตัวเธอ เพียงขวัญก็ทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้“ของขวัญขโมยตัวเก็บข้อมูลงานของพี่ไปใช่ไหม?”“พี่ภาคินพูดอะไร ของขวัญไม่รู้เรื่องนะคะ พี่ภาคินพูดอะไรน่ะ?” เด็กสาวส่ายหน้าสั่นระริก ผมยาวที่คลอเคลียไหล่สะบัดไปมา“วันก่อนที่พี่กลับมาพี่เห็นของขวัญเพิ่งลงมาจากชั้นบนของห้องพี่ แล้วรีบออกไปไหนกับผู้ชายคนนั้น” น้ำเสียงเกือบจะตะคอกพร้อมกับใบหน้าที่ชะโงกเข้ามาถาม ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ผู้ชายคนไหน?”“ก็นายต้นไม้อะไรนั่นไงล่ะ”“ไม่ใช่นะ ที่ของขวัญไปกับต้นไม้เพราะวันนั้นของขวัญต้องรีบไปสน. ไปดูพ่อ”
ขวัญข้าวมองลูกสาวที่ตัวเองแทบไม่ได้เลี้ยงแล้วก็ยิ้มภูมิใจ เธอจำใจต้องทำตัวโหดร้ายไม่รักลูกสาวทั้งที่เธอรักเพียงขวัญมาก แค่เพราะเธอกลัวว่าเพียงขวัญจะต้องมาใช้ชีวิตเหมือนเธอ เธอก้าวพลาดตั้งแต่วัยรุ่น ตั้งท้องกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอลูกคลอดมาแล้วรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขวัญข้าวยิ่งกลัวว่าลูกจะต้องเจอเหมือนเธอจึงให้ญาติช่วยเลี้ยง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเงินที่ส่งไปให้เป็นค่ากินค่าใช้จ่ายนั้นแทบไม่ได้ถึงตัวของลูกสาวเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาก็เอาเงินหรือนมที่เธอส่งมาไปให้ลูกหลานของตัวเองกินเพียงขวัญจึงเติบโตมาแบบอด ๆ อยาก ๆ จนเธอตัดสินใจพาเพียงขวัญมาอยู่ด้วย แต่ก็ดันเจอพ่อเลี้ยงลวนลาม เธอไม่กล้าเอาเรื่องกับแฟนใหม่เพราะยังต้องพึ่งพาเขา แต่จะให้อยู่แบบนั้นก็ไม่ได้ ขิมจึงเป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนั้น ถ้าไม่มีขิมเธอก็ไม่รู้ว่าเพียงขวัญจะโตมาเป็นอย่างไร จะหนีพ้นวงจรแบบเดียวกันกับเธอได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวมั่นใจว่าลูกสาวของเธอจะมีรอยเท้าของตัวเอง ไม่โสมมอย่างที่เธอเคยก้าวพลาดมาขิมรับหน้าที่ดูแลจัดการทุกอย่างให้กับเพียงขวัญและนัดทุกคนกลับไปเลี้ยงฉลองที่ร้าน แต่ขวัญข้าวขอตัวไปจัด
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนธรรมดามาถึง ปกติร้านของขิมจะหยุดแค่วันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือนไม่ว่าจะตรงกับวันอะไรก็ตาม แต่วันนี้ขิมปิดร้านเตรียมตัวพาเพียงขวัญที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องไปประกวดร้องเพลงเพียงขวัญในชุดกระโปรงน่ารัก รองเท้าบูตส์สีน้ำตาล เธอดูสวยและโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด จะดีกว่านี้ถ้าใบหน้าแบบลูกครึ่งของเพียงขวัญมีรอยยิ้มแบบมั่นใจ ไม่ใช่รอยยิ้มแหย ๆ อย่างที่เป็นอยู่นี่“พี่ล่ะอ่อนใจกับแกจริง ๆ เลยยัยของขวัญ”“โถ่...พี่ขิม ก็ของขวัญอายนี่คะ”“จะอายอะไรเล่า เราไม่ได้ไปทำอะไรเลวร้ายเสียหน่อย” ขิมอยากจะโดดขึ้นเวทีเสียเอง แต่ที่ขึ้นไม่ได้เพราะเธอเสียงไม่ดีน่ะสิ ถ้าแค่ลิปซิงค์แล้วเต้นโชว์ก็ยังพอไหว“ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นหรอก คิดแค่ว่าเราทำแล้วมีความสุขก็พอ พี่ไม่ได้อยากให้ของขวัญไปเอารางวัลอะไร แต่อยากให้ของขวัญเป็นตัวของตัวเอง”“ถ้าของขวัญไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เด็กสาวถามย้ำอีกครั้ง“แน่นอน พี่ขอให้ของขวัญทำเต็มที่ก็พอ เลิกเดินหลังค่อมได้แล้ว เชิดหน้ามองโอกาสตรงหน้าดีกว่ามาโทษชะตาที่เราลิขิตเองไม่ได้”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“เอาให้สนุกเลยนะ พี่จะรอเชียร์อยู่ข้างล่าง”“เต็มที่







