(บทนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ)
“ไหนนายบอกจะพาผมไปค้างด้วย แล้วนายมาจอดรถบนห้างทำไม นี่คนเยอะแยะนะ ชั้นนี้คนมาดูหนังกันเยอะ” “นายแม่งป้อด” “นายจะไม่ให้ผมพักบ้างรึไงทาม” ชายหนุ่มหัวเราะกับเสียงออดอ้อนของอีกคน “เราไปดูหนังกัน ผมจองไว้แล้ว” ทามไทเอ่ยบอก “นายจองห้องวีไอพีหรอ?” “ถ้าวีไอพี มันจะไปสนุกได้ยังไง” “ไม่เอานะทาม อย่าเล่นแบบนี้ ผมกลัว!!” เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของใครบางคนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เลยเลือกที่จะนั่งกอดซบกันและดูหนังเฉย แต่รับรองว่าหนังจบ เขาจะจัดคนขี้กลัวตรงลานจอดรถในห้างนี่อย่างสาสม พอถึงโรงหนังเพทายก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะที่ทามไทเลือกมันเป็นที่นั่งแบบ sweet seat มันเป็นกึ่ง private ที่เน้นความส่วนตัวพื้นที่กว้างขวางมีพนักพิงกั้นโซนให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่เฉพาะ และขณะเดียวกันก็อยู่ด้านบนสุด เพทายหยุดยืนมองเบาะนั่งสวีทซีทที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองทามไทอย่างไม่ไว้ใจ “ทาม..นายจะทำอะไรของนายเนี่ย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปนั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟากว้างข้างๆ กัน “ฉันแค่อยากดูหนังแบบสบายๆ มีปัญหาอะไรมั้ย?” น้ำเสียงนั้นราบเรียบ แต่แววตาที่ส่งกลับมามันไม่ได้ดูบริสุทธิ์ใจเลยสักนิด “นายแน่ใจนะว่าแค่มาดูหนัง? นายมัน… มันน่าสงสัย” เพทายเอ่ยพลางย่นคิ้ว ขยับตัวนั่งชิดขอบเบาะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทามไทหัวเราะหึหึในลำคอเบาๆ “ฉันแค่อยากทำอะไรโรแมนติกกับนายบ้างไม่ได้หรือไงทาย นายแม่งขี้ระแวงเกินไปว่ะ” “นายไม่ต้องมาพูดจาน่าขนลุกแบบนั้นเลยนะทาม” เพทายสวนกลับ พร้อมหยิบป๊อปคอนขึ้นมากินกลบเกลื่อนความขวยเขิน ‘แบบนี้เนี่ยนะโรแมนติก’ หนังเริ่มฉาย ในโรงเริ่มมืดสนิท เหลือไว้เพียงแสงจากจอภาพยนตร์ แต่ทามไทที่นั่งข้างๆ ดูเหมือนจะไม่สนใจเนื้อหาบนหน้าจอสักเท่าไหร่ เขาค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เพทายทีละนิด “ทาม! นายจะทำอะไร” เพทายกระซิบเสียงเขียว เมื่อรู้สึกได้ว่าทามไทโน้มตัวเข้ามาใกล้เกินความจำเป็นมากเกินไปแล้วนะ “ดูหนังไง นายก็นั่งดูไปสิ” ทามไทกระซิบตอบ แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมแกล้งวางแขนพาดพนักพิงด้านหลังเบาะของเพทาย บรรยากาศในโรงเริ่มร้อนขึ้น ทั้งๆ ที่เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอยู่เต็มที่ เพทายขยับตัวเล็กน้อย พยายามรักษาระยะห่าง แต่ทามไทกลับไม่ยอมปล่อยวงแขนออกง่ายๆ ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ เสียงหัวใจชักจะดังเกินเสียงภาพยนตร์แล้วนะ!! “ทาม นาย… เอาแขนออกไปเลยนะ!” เพทายหันมาขู่เสียงกระซิบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย “ฉันเมื่อยแขนน่ะ ขอพิงนายหน่อยไม่ได้หรือไง” เขายังคงเอ่ยหน้าตาย ก่อนจะทำเนียนเอนศีรษะลงมาซบไหล่ อีกฝ่าย “นี่มันโรงหนังนะทาม!” พูดแทบกระซิบ “ก็คนดูเขาดูหนัง ไม่ได้ดูพวกเรา นายจะอายทำไม” เพทายถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาอยากจะผลักทามไทออกไปให้พ้นๆ แต่กลับทำได้แค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้หัวใจเต้นแรงอยู่ฝ่ายเดียว อีกอย่างข้างในกายตอนนี้มันชักจะร้อนระอุอย่างบอกไม่ถูก ทามไทแอบยิ้มพอใจที่เห็นคนข้างๆ หน้าแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “นายสนุกมั้ยล่ะ ดูหนังกับฉันแบบนี้” “สนุกบ้าอะไรเล่า! นายมันตัวก่อเรื่องชัดๆ” เพทายกัดฟันพูดพลางหลบสายตา มือหนาเริ่มซุกไซร้เข้าที่ชายเสื้อของคนขี้กลัวจากทางด้านหลัง เพทายเริ่มดึงผ้าห่มออกมาคลุมร่างเอาไว้ ก่อนที่ทามไทเองจะดึงมาห่มตัวเองบ้าง ถ้ามองเผินๆ มันก็เหมือนกับคนห่มผ้าด้วยกันทั่วๆ ไป “ถ้ารู้ว่าจะทำแบบนี้ ทำไมนายถึงไม่จองห้องส่วนตัวล่ะ? ” “นั่นไง นายยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าตัวเองก็แอบคิด” คนร่างสูงกว่าเอ่ยถาม ตอนนี้ข้างในร่มผ้าของพวกเขาเริ่มขยายตุงเป้า ทามไทหันเอ่ยกระซิบข้างๆ ใบหูของอีกฝ่าย “นายช่วยงัดมันออกมาชักให้ฉันหน่อยสิ” คนได้ฟังถึงกับหันขวับแทบจะทันที ในขณะเดียวกันเสียงหนังก็ดังกลบทุกสิ่งอย่าง ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างคนด้านบนสุด มือเรียวยาวค่อยๆ รูดซิปกางเกงออก ก่อนจะค่อยๆ ดึงกางเกงลงมายังต้นขา ทันใดนั้นเจ้าแท่งไซซ์ยักษ์ขนาด 60 มันก็ผงาดเด้งขึ้นสุดความยาวทั้งๆ ที่ยังไม่ถูกสัมผัสดีซะด้วยซ้ำ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะทนไม่ไหว และหันไปกระซิบข้างๆ ใบหูของคนตัวใหญ่ในทันที “นายแม่งมันขี้เงี่ยนได้ทุกที่” มีหรือที่คนได้ฟังจะยอม เขากลับมุดตัวเองใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนจะรูดซิบของอีกคนลงอย่างไว จากนั้นก็งัดเจ้าไซซ์ 58 ที่มันแข็งขึงอยู่ก่อนหน้านี้แล้วจับจ้วงมันมาเข้าปาก ทำเอาใครอีกคนยังไม่ทันตั้งหลัก รู้ตัวอีกที มันทั้งเสียวทั้งกลัวจะมีคนเห็น แต่กลับหยุดการกระทำนี้ไม่ได้ แม่งบ้าชัดๆ โมโหตัวเองชะมัดที่ดันชอบ คนตัวโตหยุดปาก ก่อนจะเงยหน้าหน้าขึ้นมาถาม “ให้ฉันหยุดมั้ย? ” คนร่างบอบบางกว่าส่ายหน้ารัวๆ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้หยุด ทามไทเริ่มก้มลงงับเจ้าแท่งไอติมอีกครั้งในผ้าห่ม เขาใช้ลิ้นตวัดเลียรอบๆ หัวที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำใสๆ ก็จะลากลิ้นสากลงมาจนสุดโคน ทำเอาคนร่างเล็กถึงกับแอ่นตูดสู้ มืออีกข้างก็บีบขย้ำบั้นท้ายของอีกคนด้วยความเสียวซ่าน ในขณะที่ริมฝีปากของอีกคนที่ดูดดื่มควงกระบองไซซ์ 58 ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาจนดังจ๊วบจ๊าบ เขาเอามืออีกข้างช่วยรูดชักขึ้นชักลงเบาๆ ไปตามจังหวะ สลับกับดูดอย่างรุนแรงดุเดือด ลิ้นยังคงตวัดรัวๆ ตรง ปลายหัวหยักแล้วเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง “อื้มมม ทาม …. ผมเสียว…” คนถูกกระทำกัดฟันจนดังกรอดใบหน้าขึ้นเป็นสันกราม ยิ่งได้ฟังเขาก็ไม่ยอมหยุด เขาผงกหัวขึ้นสุดลงสุดจนคนถูกกระทำแทบกลั้นหายใจ มันเสียวสุดๆ จนใจจะขาด เจ้าแท่งเอ็นเริ่มแผ่ขยายเหมือนมีน้ำค่อยๆ สูบฉีดมาตามเส้นเอ็น บ่งบอกได้ว่าใครอีกคนกำลังจะถึงฝั่ง เขาเร่งจังหวะมือและจังหวะดูดอย่างเต็มที่ “ทามครับ … ที่รัก … ผมจะเสร็จ” อื้มมมม … ซี้ดดดด … ชายหนุ่มปล่อยน้ำเชื้อลาวาอุ่นๆ เข้ามายังโพรงปาก คนร่างโตดูดกระดกกลืนกิน ก่อนจะจะแทะเล็มเลียทำความสะอาด ยิ่งเขาตวัดเรียวลิ้นที่ปลายหัวดอก คนร่างเล็กยิ่งเกร็งจิกกระตุก เขาก็ยิ่งได้ใจที่ได้แกล้ง ก่อนจะค่อยๆ มุดหน้าออกจากผ้าห่ม แล้วรีบคว้าริมฝีปากของคนที่พึ่งปล่อยน้ำให้เขากลืนกินอย่างไวๆ “เป็นไงครับ คนขี้กลัว .. ม๊วฟ …” คนที่พึ่งเสร็จก็รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะหันซ้ายแลขวา ดูว่ามีใครหันมามองพวกเขาไหม ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือไม่ ‘นี่ผมควรจัดให้นายด้วยรึเปล่านะ!!’ “ทาม ….? ” “หืมม? ” “นายอยากให้ผมช่วยมั้ย? ” คนร่างสูงใบหน้ามองตรงที่จอหนังแต่คลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ถ้านายกังวลก็ไม่เป็นไร” จากนั้นเขาก็หันมาบอกกับคนข้างๆ ว่า “ถึงยังไงออกไป ฉันก็จะจัดนายในรถต่ออยู่ดี” พูดเสร็จก็หันมายิ้มและหน้าตรงมองหนังต่อ ปล่อยให้คนขี้อายใบหน้าแดงก่ำอยู่ข้างๆ หนังจบลงพร้อมกับแสงไฟที่เริ่มสว่างจ้าขึ้น ทามไทลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วยื่นมือให้ใครอีกคนเอื้อมมาจับ “ไม่เอาหน่าทาม เดี๋ยวคนอื่นสงสัย” “งั้นก็ได้ นายก็เดินดีๆ ล่ะ คนเยอะแยะเดี๋ยวสะดุดล้ม” “ผมเดินเองได้หน่า นายนี่ก็!” ร่างบางปัดมือคนร่างสูงออกเบาๆ ก่อนจะรีบเดินนำหน้าออกจากโรงหนังไป ทิ้งให้ทามไทหัวเราะหึหึอย่างเอ็นดู ร่างสูงไม่ได้หยุดแค่นั้น เขารีบเดินตามหลัง พร้อมเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะแซวไม่หยุด “นายเขินฉันใช่มั้ยล่ะทาย” เพทายหันกลับมาทำหน้านิ่ว “เขินบ้าอะไรเล่า!!” ทามไทหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะรีบเดินไปให้ทันคนด้านหน้า กระซิบที่ข้างหูใครอีกคนเบาๆ “งั้นเดี๋ยวฉันไปจัดนายต่อที่รถแบบที่เคยบอกไว้ไง” คำพูดนั้นทำเอาเพทายหยุดชะงักไปทันที ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง “นายมัน… ไอ้บ้า!” ทามไทหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินไปโอบไหล่คนขี้โวยวายแล้วพาเดินไปยังลานจอดรถอย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง…บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส
จู๊ดๆ …เสียงปลดล็อกประตูรถยนต์คันหรูแบบ4 ที่นั่ง วันนี้เขาเลือกเอาคันที่มีขนาดกว้างพิเศษมา ซึ่งปกติแล้วชายหนุ่มมักจะขับสปอร์ตแบบสองที่นั่งซะมากกว่าคนร่างเล็กกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ ทว่าเขากลับกระชากร่างบางกว่าเข้าไปยังเบาะด้านหลัง ก่อนจะสั่งการให้เครื่องสตาร์ทด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง และปรับระบบแอร์โดยการควบคุมผ่านท่าทาง หรือระบบที่เรียกว่า ‘Gesture Control’ คนร่างสูงควบคุมปรับเบาะ ปรับองศาต่างๆ ผ่านระบบนี้ทั้งหมด“นี่ใช่มั้ยคือสาเหตุที่นายเลือกขับคันนี้มา” เพทายหันมามองก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นายเลือกจอดมุมนี้”ไม่ว่าจะจอดตรงไหนมุมใดของห้าง มันก็ไม่มีใครเห็นหรอก เพราะนอกจากกระจกที่มืดแล้ว ยังมีม่านทึบที่เขาพึ่งสั่งการให้มันปิดทึบขึ้นอีกชั้น คนตัวสูงกว่า 190 เอาแต่ยกยิ้มในใจ“ฉันยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยนะทาย นายจะให้ฉันค้างเติ่งไม่ได้นะ ฉันหิวนายอีกแล้วที่รัก” เสียงแหบพร่าวาบหวามทำเอาใครอีกคนแทบจะกระโดดจ้วงเขาในทันทีคนตัวสูงไม่รอข้ารีบเปลื้องกางเกงด้านล่างของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะจับหัวอีกคนกดลงตรงกลางกาย คนถูกกระทำก็อ้าปากงับก่อนจ
(บทนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ)“ไหนนายบอกจะพาผมไปค้างด้วย แล้วนายมาจอดรถบนห้างทำไม นี่คนเยอะแยะนะ ชั้นนี้คนมาดูหนังกันเยอะ”“นายแม่งป้อด”“นายจะไม่ให้ผมพักบ้างรึไงทาม”ชายหนุ่มหัวเราะกับเสียงออดอ้อนของอีกคน“เราไปดูหนังกัน ผมจองไว้แล้ว” ทามไทเอ่ยบอก“นายจองห้องวีไอพีหรอ?”“ถ้าวีไอพี มันจะไปสนุกได้ยังไง”“ไม่เอานะทาม อย่าเล่นแบบนี้ ผมกลัว!!”เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของใครบางคนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เลยเลือกที่จะนั่งกอดซบกันและดูหนังเฉย แต่รับรองว่าหนังจบ เขาจะจัดคนขี้กลัวตรงลานจอดรถในห้างนี่อย่างสาสมพอถึงโรงหนังเพทายก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะที่ทามไทเลือกมันเป็นที่นั่งแบบ sweet seat มันเป็นกึ่ง private ที่เน้นความส่วนตัวพื้นที่กว้างขวางมีพนักพิงกั้นโซนให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่เฉพาะ และขณะเดียวกันก็อยู่ด้านบนสุดเพทายหยุดยืนมองเบาะนั่งสวีทซีทที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองทามไทอย่างไม่ไว้ใจ“ทาม..นายจะทำอะไรของนายเนี่ย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปนั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟากว้างข้างๆ กัน“ฉันแ
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาด้านในเพื่อหาทามไท เธอก็ต่อว่าเขาไปชุดใหญ่ ก็เมื่อคืนเขาเล่นหนีหายกันทั้งคู่“ทามอ่ะ จะกลับก็ไม่บอกลลิน”“ก็จะไปบอกได้ไงล่ะครับ ก็ลลินเมา พูดจารู้เรื่องกันซะที่ไหน”“แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ”หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสด และรองเท้าเข้าเซต พร้อมด้วยกระเป๋าหนังสีแดงใบจิ๋ว ไม่บอกก็รู้ว่าเธอคือเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นแค่ไหน ไม่นานนักเสียงอินเตอร์คอมก็ถูกกดเข้ามายังห้องของเลขา แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านในต่างได้ยินด้วย“ครับผม” เพทายกดรับและตอบกลับไปในทันที“คุณเพทายคะ คือคุณอลิสให้ถามน่ะค่ะว่าหลังเลิกงานสะดวกคุยไหม พอดีเธอติดต่อคุณไม่ได้น่ะค่ะ เลยให้อรฝากถาม เพราะคืนนี้ผู้ใหญ่มีนัดคุยกันเรื่องหมั้นค่ะ”คนด้านในที่กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาว ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูอื้อตาลาย และเงี่ยหูรอฟังคำตอบ“งั้นบอกเธอให้ผมทีนะครับว่าตอนเย็นเจอกัน พอดีโทรศัพท์ผมแบตหมดน่ะครับ รบกวนคุณอรด้วยนะครับ”“ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะแจ้งให้นะคะ”“ขอบคุณครับ”โทรศัพท์ของชายหนุ่มแบตหมดและก็ลืมเอาที่ชาร์ตมา อีกอย่างว่าจะไปยืมใครอีกคน เขาก็เหมือนจะติดธุระกับแฟนสาวอยู่ ไม่นานหญิงสาวที่อยู่ด้านในก็ออกมาอย่างหน้าตาบึ้งๆ
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิตตัวในสีขาวแบบฉบับเท่หรู มันเป็นการแต่งสูทแบบเรียบๆ ที่ไม่เน้นเนกไท หรือโบว์อะไรมาผูกติด พวกเขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องความหล่อ ไม่มีใครกินขาดทันทีที่ลลินดามองเห็นดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงกับ paper bag สีดำ งานถูกจัดที่เอ็กซ์บาร์ มันเป็นร้านสไตล์ยุโรปแบบ outdoor แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่แบบเอ็กซ์คลูซีฟลลินดาในธีมชุดราตรีสีแดง ให้เข้ากับธีมงานในสีแดงดำ รูปร่างเพรียวระหง ตอนนี้ในมือของหญิงสาวถือดอกไม้สีแดงช่อใหญ่กับกระดาษห่อสีดำเคลือบทอง มันเป็นอะไรที่สวยสะดุดตาและเข้ากับชุดของเธอแบบสุดๆ ด้วยเช่นกันชายหนุ่มอีกคนยืนมองร่างสูงกำลังเดินควงสาวสวยไปต่อหน้า จู่ๆ อาการมันก็หึงหวงออกมาแปลกๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร เพื่อนๆ ของหญิงสาวก็กรูกันเข้ามาทักทายเพทายกันใหญ่ เพราะคนที่สูงถึง 187 ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ไหนจะหุ่นล่ำแบบนายแบบทามไทเองก็หันชำเลืองมองมายังอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ไม่ต่างกัน“ทามว่ามั้ย ทายนี่เสน่ห์แรงไม่เบา ดูเพื่อนๆ ของลลินสิ เล่นรุมหน้าล้อมหลังจนเขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”คนพูดถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง“เฮ้!! ทา
“อ้าว อลิส นี่บังเอิญจังนะ”กลับเป็นหญิงสาวอีกคนเอ่ยทักขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว“มานั่งกับพวกพี่สิ” ลลินดาเอ่ยบอกกับหญิงสาวขณะที่คนทั้งสามก็ยืนคุยทักทายกันสักครู่ ทว่าหญิงสาวติดลูกค้าคนสำคัญ เธอจึงมาร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยไม่ได้“พอดีอลิสติดธุระน่ะค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ”เธอพูดพร้อมส่งสายตามายังเพทายเป็นพิเศษ“นี่อย่าบอกนะว่า พวกนาย …”ทามไทเอ่ยถามอย่างพอจะรู้ในคำตอบเพทายหันมามองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พยักหน้าน้อยๆ นั่นถือว่าเป็นคำตอบ“นายก็รู้ว่าที่บ้านของผมกับเธอเชียร์ให้พวกเราคบกันตั้งแต่เรียนอยู่ม.6”“นี่นายจะบอกว่า พวกนายคบกันแล้ว?”“อืมม ว่าที่คู่หมั้นผมน่ะ แต่ก็… ทานข้าวกันเถอะ”แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยดังขึ้น“โห!! นี่อลิสกับทายจะหมั้นกันแล้วหรอคะเนี่ย!!”สองหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทีแปลกๆ เพราะเหมือนเธอจะสนิทกับอลิสอย่างไรอย่างนั้น เห็นดังนั้นเธอจึงรีบชิ่งตอบก่อน“จริงๆ ลลินกับอลิสเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะค่ะ ทามขา ดูเพื่อนเลขาสุดหล่อของคุณสิคะ กำลังจะหมั้น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นคิวของเราบ้างละค๊าาาทาม …”พูดไปก็อ้อนไปมือไม้เกาะแ
“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวงได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น“ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม”“นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ”ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด“ใช่”“ใช่อะไร? ”“อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก”ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วยอื้อออ …. อ๊าาาา …..ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย“ทาม…. ผมไม่ไหว…”ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตร