(บทนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ)
“ไหนนายบอกจะพาผมไปค้างด้วย แล้วนายมาจอดรถบนห้างทำไม นี่คนเยอะแยะนะ ชั้นนี้คนมาดูหนังกันเยอะ” “นายแม่งป้อด” “นายจะไม่ให้ผมพักบ้างรึไงทาม” ชายหนุ่มหัวเราะกับเสียงออดอ้อนของอีกคน “เราไปดูหนังกัน ผมจองไว้แล้ว” ทามไทเอ่ยบอก “นายจองห้องวีไอพีหรอ?” “ถ้าวีไอพี มันจะไปสนุกได้ยังไง” “ไม่เอานะทาม อย่าเล่นแบบนี้ ผมกลัว!!” เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของใครบางคนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เลยเลือกที่จะนั่งกอดซบกันและดูหนังเฉย แต่รับรองว่าหนังจบ เขาจะจัดคนขี้กลัวตรงลานจอดรถในห้างนี่อย่างสาสม พอถึงโรงหนังเพทายก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะที่ทามไทเลือกมันเป็นที่นั่งแบบ sweet seat มันเป็นกึ่ง private ที่เน้นความส่วนตัวพื้นที่กว้างขวางมีพนักพิงกั้นโซนให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่เฉพาะ และขณะเดียวกันก็อยู่ด้านบนสุด เพทายหยุดยืนมองเบาะนั่งสวีทซีทที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองทามไทอย่างไม่ไว้ใจ “ทาม..นายจะทำอะไรของนายเนี่ย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปนั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟากว้างข้างๆ กัน “ฉันแค่อยากดูหนังแบบสบายๆ มีปัญหาอะไรมั้ย?” น้ำเสียงนั้นราบเรียบ แต่แววตาที่ส่งกลับมามันไม่ได้ดูบริสุทธิ์ใจเลยสักนิด “นายแน่ใจนะว่าแค่มาดูหนัง? นายมัน… มันน่าสงสัย” เพทายเอ่ยพลางย่นคิ้ว ขยับตัวนั่งชิดขอบเบาะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทามไทหัวเราะหึหึในลำคอเบาๆ “ฉันแค่อยากทำอะไรโรแมนติกกับนายบ้างไม่ได้หรือไงทาย นายแม่งขี้ระแวงเกินไปว่ะ” “นายไม่ต้องมาพูดจาน่าขนลุกแบบนั้นเลยนะทาม” เพทายสวนกลับ พร้อมหยิบป๊อปคอนขึ้นมากินกลบเกลื่อนความขวยเขิน ‘แบบนี้เนี่ยนะโรแมนติก’ หนังเริ่มฉาย ในโรงเริ่มมืดสนิท เหลือไว้เพียงแสงจากจอภาพยนตร์ แต่ทามไทที่นั่งข้างๆ ดูเหมือนจะไม่สนใจเนื้อหาบนหน้าจอสักเท่าไหร่ เขาค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เพทายทีละนิด “ทาม! นายจะทำอะไร” เพทายกระซิบเสียงเขียว เมื่อรู้สึกได้ว่าทามไทโน้มตัวเข้ามาใกล้เกินความจำเป็นมากเกินไปแล้วนะ “ดูหนังไง นายก็นั่งดูไปสิ” ทามไทกระซิบตอบ แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมแกล้งวางแขนพาดพนักพิงด้านหลังเบาะของเพทาย บรรยากาศในโรงเริ่มร้อนขึ้น ทั้งๆ ที่เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอยู่เต็มที่ เพทายขยับตัวเล็กน้อย พยายามรักษาระยะห่าง แต่ทามไทกลับไม่ยอมปล่อยวงแขนออกง่ายๆ ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ เสียงหัวใจชักจะดังเกินเสียงภาพยนตร์แล้วนะ!! “ทาม นาย… เอาแขนออกไปเลยนะ!” เพทายหันมาขู่เสียงกระซิบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย “ฉันเมื่อยแขนน่ะ ขอพิงนายหน่อยไม่ได้หรือไง” เขายังคงเอ่ยหน้าตาย ก่อนจะทำเนียนเอนศีรษะลงมาซบไหล่ อีกฝ่าย “นี่มันโรงหนังนะทาม!” พูดแทบกระซิบ “ก็คนดูเขาดูหนัง ไม่ได้ดูพวกเรา นายจะอายทำไม” เพทายถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาอยากจะผลักทามไทออกไปให้พ้นๆ แต่กลับทำได้แค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้หัวใจเต้นแรงอยู่ฝ่ายเดียว อีกอย่างข้างในกายตอนนี้มันชักจะร้อนระอุอย่างบอกไม่ถูก ทามไทแอบยิ้มพอใจที่เห็นคนข้างๆ หน้าแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “นายสนุกมั้ยล่ะ ดูหนังกับฉันแบบนี้” “สนุกบ้าอะไรเล่า! นายมันตัวก่อเรื่องชัดๆ” เพทายกัดฟันพูดพลางหลบสายตา มือหนาเริ่มซุกไซร้เข้าที่ชายเสื้อของคนขี้กลัวจากทางด้านหลัง เพทายเริ่มดึงผ้าห่มออกมาคลุมร่างเอาไว้ ก่อนที่ทามไทเองจะดึงมาห่มตัวเองบ้าง ถ้ามองเผินๆ มันก็เหมือนกับคนห่มผ้าด้วยกันทั่วๆ ไป “ถ้ารู้ว่าจะทำแบบนี้ ทำไมนายถึงไม่จองห้องส่วนตัวล่ะ? ” “นั่นไง นายยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าตัวเองก็แอบคิด” คนร่างสูงกว่าเอ่ยถาม ตอนนี้ข้างในร่มผ้าของพวกเขาเริ่มขยายตุงเป้า ทามไทหันเอ่ยกระซิบข้างๆ ใบหูของอีกฝ่าย “นายช่วยงัดมันออกมาชักให้ฉันหน่อยสิ” คนได้ฟังถึงกับหันขวับแทบจะทันที ในขณะเดียวกันเสียงหนังก็ดังกลบทุกสิ่งอย่าง ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างคนด้านบนสุด มือเรียวยาวค่อยๆ รูดซิปกางเกงออก ก่อนจะค่อยๆ ดึงกางเกงลงมายังต้นขา ทันใดนั้นเจ้าแท่งไซซ์ยักษ์ขนาด 60 มันก็ผงาดเด้งขึ้นสุดความยาวทั้งๆ ที่ยังไม่ถูกสัมผัสดีซะด้วยซ้ำ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะทนไม่ไหว และหันไปกระซิบข้างๆ ใบหูของคนตัวใหญ่ในทันที “นายแม่งมันขี้เงี่ยนได้ทุกที่” มีหรือที่คนได้ฟังจะยอม เขากลับมุดตัวเองใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนจะรูดซิบของอีกคนลงอย่างไว จากนั้นก็งัดเจ้าไซซ์ 58 ที่มันแข็งขึงอยู่ก่อนหน้านี้แล้วจับจ้วงมันมาเข้าปาก ทำเอาใครอีกคนยังไม่ทันตั้งหลัก รู้ตัวอีกที มันทั้งเสียวทั้งกลัวจะมีคนเห็น แต่กลับหยุดการกระทำนี้ไม่ได้ แม่งบ้าชัดๆ โมโหตัวเองชะมัดที่ดันชอบ คนตัวโตหยุดปาก ก่อนจะเงยหน้าหน้าขึ้นมาถาม “ให้ฉันหยุดมั้ย? ” คนร่างบอบบางกว่าส่ายหน้ารัวๆ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้หยุด ทามไทเริ่มก้มลงงับเจ้าแท่งไอติมอีกครั้งในผ้าห่ม เขาใช้ลิ้นตวัดเลียรอบๆ หัวที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำใสๆ ก็จะลากลิ้นสากลงมาจนสุดโคน ทำเอาคนร่างเล็กถึงกับแอ่นตูดสู้ มืออีกข้างก็บีบขย้ำบั้นท้ายของอีกคนด้วยความเสียวซ่าน ในขณะที่ริมฝีปากของอีกคนที่ดูดดื่มควงกระบองไซซ์ 58 ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาจนดังจ๊วบจ๊าบ เขาเอามืออีกข้างช่วยรูดชักขึ้นชักลงเบาๆ ไปตามจังหวะ สลับกับดูดอย่างรุนแรงดุเดือด ลิ้นยังคงตวัดรัวๆ ตรง ปลายหัวหยักแล้วเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง “อื้มมม ทาม …. ผมเสียว…” คนถูกกระทำกัดฟันจนดังกรอดใบหน้าขึ้นเป็นสันกราม ยิ่งได้ฟังเขาก็ไม่ยอมหยุด เขาผงกหัวขึ้นสุดลงสุดจนคนถูกกระทำแทบกลั้นหายใจ มันเสียวสุดๆ จนใจจะขาด เจ้าแท่งเอ็นเริ่มแผ่ขยายเหมือนมีน้ำค่อยๆ สูบฉีดมาตามเส้นเอ็น บ่งบอกได้ว่าใครอีกคนกำลังจะถึงฝั่ง เขาเร่งจังหวะมือและจังหวะดูดอย่างเต็มที่ “ทามครับ … ที่รัก … ผมจะเสร็จ” อื้มมมม … ซี้ดดดด … ชายหนุ่มปล่อยน้ำเชื้อลาวาอุ่นๆ เข้ามายังโพรงปาก คนร่างโตดูดกระดกกลืนกิน ก่อนจะจะแทะเล็มเลียทำความสะอาด ยิ่งเขาตวัดเรียวลิ้นที่ปลายหัวดอก คนร่างเล็กยิ่งเกร็งจิกกระตุก เขาก็ยิ่งได้ใจที่ได้แกล้ง ก่อนจะค่อยๆ มุดหน้าออกจากผ้าห่ม แล้วรีบคว้าริมฝีปากของคนที่พึ่งปล่อยน้ำให้เขากลืนกินอย่างไวๆ “เป็นไงครับ คนขี้กลัว .. ม๊วฟ …” คนที่พึ่งเสร็จก็รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะหันซ้ายแลขวา ดูว่ามีใครหันมามองพวกเขาไหม ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือไม่ ‘นี่ผมควรจัดให้นายด้วยรึเปล่านะ!!’ “ทาม ….? ” “หืมม? ” “นายอยากให้ผมช่วยมั้ย? ” คนร่างสูงใบหน้ามองตรงที่จอหนังแต่คลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ถ้านายกังวลก็ไม่เป็นไร” จากนั้นเขาก็หันมาบอกกับคนข้างๆ ว่า “ถึงยังไงออกไป ฉันก็จะจัดนายในรถต่ออยู่ดี” พูดเสร็จก็หันมายิ้มและหน้าตรงมองหนังต่อ ปล่อยให้คนขี้อายใบหน้าแดงก่ำอยู่ข้างๆ หนังจบลงพร้อมกับแสงไฟที่เริ่มสว่างจ้าขึ้น ทามไทลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วยื่นมือให้ใครอีกคนเอื้อมมาจับ “ไม่เอาหน่าทาม เดี๋ยวคนอื่นสงสัย” “งั้นก็ได้ นายก็เดินดีๆ ล่ะ คนเยอะแยะเดี๋ยวสะดุดล้ม” “ผมเดินเองได้หน่า นายนี่ก็!” ร่างบางปัดมือคนร่างสูงออกเบาๆ ก่อนจะรีบเดินนำหน้าออกจากโรงหนังไป ทิ้งให้ทามไทหัวเราะหึหึอย่างเอ็นดู ร่างสูงไม่ได้หยุดแค่นั้น เขารีบเดินตามหลัง พร้อมเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะแซวไม่หยุด “นายเขินฉันใช่มั้ยล่ะทาย” เพทายหันกลับมาทำหน้านิ่ว “เขินบ้าอะไรเล่า!!” ทามไทหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะรีบเดินไปให้ทันคนด้านหน้า กระซิบที่ข้างหูใครอีกคนเบาๆ “งั้นเดี๋ยวฉันไปจัดนายต่อที่รถแบบที่เคยบอกไว้ไง” คำพูดนั้นทำเอาเพทายหยุดชะงักไปทันที ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง “นายมัน… ไอ้บ้า!” ทามไทหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินไปโอบไหล่คนขี้โวยวายแล้วพาเดินไปยังลานจอดรถอย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง…คนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส