Home / เมือง / เลนส์รักในเงาไฟนีออน / บทที่10 รอยรั่วในเงาแสง

Share

บทที่10 รอยรั่วในเงาแสง

last update Last Updated: 2025-11-15 10:10:44

หลังจากที่ Quantum Prime ประสบความสำเร็จเพียงไม่กี่วัน ข่าวร้ายก็เหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางสำนักงานใหญ่กลางพายุกระหน่ำ

..

ในเช้าวันจันทร์อันแสนวุ่นวาย ณ สำนักงานใหญ่ของ StrideX

สายฝนเทกระหน่ำลงมาไม่หยุด เสียงหยดน้ำแข่งกับเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นหน้าตึกกระจกสูงเสียดฟ้า

เหล่าชายในสูทหรูใบหน้าเคร่งขรึมก้าวเดินอย่างเร่งรีบ พร้อมชายชุดดำที่ตามประกบแน่นราวเป็นเกราะกำบัง ทั้งหมดมุ่งตรงเข้าสู่โถงประชุมโดยไม่เสียเวลา

ข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับ โครงการลับ Quantum X ซึ่งยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ เริ่มรั่วไหลสู่สื่อมวลชน โดยไม่มีใครรู้ว่าต้นตอมาจากไหน

ความตึงเครียดในอาคารเพิ่มขึ้นทุกวินาที เสียงฝน เสียงรองเท้า และกระซิบข่าวลือผสมกัน ทำให้เช้าวันจันทร์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ วิกฤตครั้งใหญ่ของ StrideX

บทความพาดหัวขนาดใหญ่ปรากฏบนหน้าจอทุกสำนักข่าว

“Quantum X ลับไม่โปร่งใส แฝงเทคโนโลยี AI ล้วงข้อมูลส่วนบุคคล ในรองเท้าแพงลิ่ว?”

รายงานนี้ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของบริษัทและหุ้นที่ตกฮวบเพียงข้ามคืน

อารัญนั่งหัวโต๊ะ มือประสานกันอยู่บนโต๊ะข้างในปั่นป่วนอยู่ไม่น้อยแต่เขาซ่อนมันไว้ใต้ ใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาคม กริบไล่สแกนผู้เข้าร่วมประชุมไปทีละคนราวกับกำลังค้นหาต้นตอคนหักหลังบริษัท

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด

“ต้องมีใครบางคนเอาข้อมูลลับของบริษัทไปใช้เล่นงานเรา… ถ้าไม่มีคนหักหลัง ข้อมูลพวกนี้จะรั่วออกไปได้อย่างไร?”

“คุณหมายความว่าใคร?!” เสียงของคุณธีรเดช ผู้บริหารฝ่ายการเงิน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้ม

“คุณกำลังกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน”

สายตาทุกคู่มองกันกันอย่างเลิ่กๆลักๆ ความกดดันแฝงด้วยความไม่ไว้ใจแขวนอยู่ในอากาศ

คุณเมธา ฝ่ายการตลาด กระซิบออกมาแทบไม่ให้ใครได้ยิน

“นี่มันบ้าไปแล้ว… ใครจะกล้าใช้ข้อมูลลับทำลายบริษัทตรง ๆ แบบนี้?”

ความตึงเครียดหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก เงียบงันปกคลุมทั้งห้อง อารัญนั่งนิ่ง ใช้สติและเหตุผลทั้งหมดที่มีประคองตัวเองไว้ เขาบีบมือแน่น สายตาคมกริบกวาดสำรวจไปรอบโต๊ะราวกับกำลังสแกนหาตัวคนทรยศ ก่อนจะหยุดลงที่ชายคนหนึ่ง

ชายในสูทหรูสีเข้ม ผมถูกเซตอย่างสมบูรณ์แบบ นาฬิกาแบรนด์ดังวาววับบนข้อมือ ดวงตาเย็นเฉียบ ไร้ความหวั่นไหว ทั้งสองรู้จักกันดี ทว่าแววตาที่ประสานกันนั้นกลับมีเพลิงลุกไหม้ซ่อนไว้อย่างยากจะปิดบัง

เขาคือ คริส ฟอร์ด วัย 38 ปี เป็นพี่ชายต่างมารดา หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ชายที่พ่อไม่เคยโปรดปรานนัก ทั้งเพราะนิสัยใช้เงินฟุ่มเฟือย ฟุ้งซ่านอยู่กับการพนันและความหรูหราที่เกินจำเป็น ทุกอย่างในตัวเขาต่างจากอารัญราวกับ เทพบุตรกับอสูร

วันที่เปิดพินัยกรรม ข้อความที่พ่อทิ้งไว้ระบุอย่างชัดเจนว่า

คริสจะไม่ได้อะไรเลย หากไม่ทำงานจริงจังในบริษัท Stride X

ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีผลประโยชน์…ไม่มีอะไรทั้งนั้น นอกจากข้อผูกมัดให้เขาต้องอยู่ใต้กฎของบริษัทที่เขาไม่เคยให้ความสำคัญมาก่อน

คริสจ้องกลับมาที่อารัญโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา แววตาเต็มไปด้วยความท้าทายกดดันจนบรรยากาศในห้องตึงขึ้นไปอีกระดับ ก่อนเขาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำ เต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ทุกคนในห้องต้องหยุดฟัง

“ข่าวลือพวกนี้… อย่าเพิ่งรีบชี้หน้าใครง่ายๆ ลองถามตัวเองก่อนว่ามีใครได้ผลประโยชน์จากมัน… หรือมีใครแค่ใช้จังหวะนี้แก้แค้นส่วนตัว?”

คริสยังคงจ้องอารัญไม่วางตา แววตาแข็งกร้าวดุดันราวกับไม่คิดจะถอยแม้ก้าวเดียว ก่อนจะย้ำคำพูดของตนอย่างชัดเจนทุกพยางค์

“ที่สำคัญ…” คริสทอดเสียงช้า ๆ แต่เฉียบคม

“ถ้าผมรู้ว่ามีใครเกี่ยวข้อง… แม้แค่ปลายเล็บ และกล้าเอาอารมณ์ส่วนตัวมาวางเหนือความมั่นคงของบริษัทแล้วล่ะก็…”

เขาเอนตัวเล็กน้อย ดวงตาเย็นเฉียบตวัดมอง

“คนคนนั้น… เตรียมตัวไว้ให้ดี”

เสียงกระซิบกระซาบเริ่มกระจายไปทั่วโต๊ะ ผู้บริหารแลกสายตาอย่างระมัดระวัง ความไม่ไว้ใจและความกังวลลอยอยู่รอบตัวหนักยิ่งกว่าพายุฝนกระหน่ำ

“หยุด!” อารัญเปล่งเสียงชัด มือกระทบโต๊ะอย่างหนักพลางยืดตัวขึ้น

“ผมจะหาไอ้คนที่หักหลังบริษัทให้เจอ จะจัดการให้สิ้นซาก..

ปิดประชุม” น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดจนไม่มีช่องว่างให้โต้แย้ง

การประชุมจบลงด้วยความตึงเครียด ทุกคนลุกออกจากห้องทีละคน ราวกับถูกแรงกดดันกลืนกิน เหลือเพียงอารัญที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่หัวโต๊ะ คำพูดสุดท้ายของคริสยังคงก้องอยู่ในใจเหมือนมีบางสิ่งสะกิดอยู่เบา ๆ ในความคิด

“เธอคนนั้น… ระวังตัวไว้ให้ดี”

ความห่วงใยและความกังวลผสมปนเปกัน กลายเป็นแรงผลักดันในอกของอารัญ เสียงพึมพำเรียกชื่อเธอดังออกมาอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น

“ลิลิน…”

***

“วันนี้ฝนตกหนักทั่วกรุงเทพเลย ดูเหมือนน้ำคงท่วมแน่ ๆ

ให้ฉันไปส่งเธอไหม ลิลิน”

“ไม่เป็นไร แนนซี่ ฉันเดินเลาะฟุตบาทไปบ้านเอง อยู่แถวนี้ คุ้นชินแล้ว”

แนนซี่ยื่นมืออีกข้างมาสัมผัสมือฉันแผ่ว ๆ พลางพยักหน้าและยิ้มให้ ก่อนที่รถหรูจะเคลื่อนมาหยุดเทียบฟุตบาทหน้าคาเฟ่

ทันทีที่ประตูรถปิด เธอก็หายไปในสายฝน แสงไฟท้ายสะท้อนบนพื้นเปียกเป็นริ้ววาวราวกับลากสายตาตามเธอไป

บ่ายนี้ ฉันกับแนนซี่นัดเจอกันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หลังงานศพแม่ นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน…

แม้จะเป็นแค่บ่ายแก่ ๆ ฝนกลับตกหนัก ฟ้ามัวจนแทบไม่รู้เวลา ราวกับพายุกลืนกินทั้งเมือง

ฉันเดินเลาะไปตามฟุตบาท รถติดยาวเป็นสาย กล้องถ่ายรูปของพ่ออยู่ในกระเป๋า บางภาพในนั้นสะท้อนชีวิตที่หดหู่ของเมืองกรุงในวันฝนตกหนัก

ฉันหยุด มองภาพตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนมือดึงกล้องออกมาเพื่อจับภาพเหล่านั้น

ทันใดนั้น ชายสูงโปร่งในชุดกันฝนสีดำคลุมตัวแน่น ผ้าปิดหน้าเหลือเพียงดวงตาที่จ้องฉันอย่างเย็นชา มือหนาผลักฉันล้มลงบนถนนเปียก ร่มไถลไปกับพื้น น้ำสาดเข้าร่างฉันเปียกปอนทั้งตัว

เขากระชากกระเป๋ากล้องจากมือฉัน แล้วโยนลงคลอง น้ำไหลแรงพัดกระเป๋าหายไปทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าที่ฉันจะตั้งตัว

“ไม่!” ฉันตะโกนสุดเสียง หัวใจเต้นแรง มือสั่น น้ำฝนปะทะใบหน้า

เสี้ยววินาทีนั้น เสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้นแทรกผ่านสายฝน

“ลิลิน”

ฉันหันตามเสียง… และพบ อารัญ สายตาของเขาจับจ้องฉันอย่างเข้มข้น ราวกับเป็นเส้นชีวิตที่ดึงฉันกลับจากความโกลาหลนั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่23.ตื่นจากฝันร้าย

    “ผมตามคุณลิลินไปครับ… แล้วเจอเธอนอนหมดสติอยู่ที่คอนโดของพ่อเธอ ‘โฮชิคาวะ’ ครับ ”วรากรรายงานอารัญด้วยเสียงเรียบ แต่สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึก ๆเขายื่นซองสีน้ำตาลให้ อักษรบนหน้าซองเขียนไว้ว่า H.F. Project“แล้วนี่ครับ… สิ่งที่ผมเจอ”อารัญมองวรากรด้วยสายตาคมราวกับพยายามค้นความหมายจากใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนรับซองมาไว้ในมือและค่อย ๆ แกะออก ความเงียบรอบตัวหนาแน่นจนเหมือนอากาศหยุดไหล.ภายในซองคือ แผ่นฟิล์มเก่าบนขอบฟิล์มมีตัวเลขเขียนด้วยลายมือ… ปี

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่22 ความจริงหลังภาพ

    นิ้วเรียวดันบานประตูให้เปิดออกภายในห้องเงียบสงบ ทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบง่ายในตำแหน่งเดิม ทว่ากลับให้ความรู้สึกว่างเปล่า ราวกับเวลาได้ถูกตรึงไว้ตั้งแต่วันที่ใครบางคนจากไปฉันก้าวไปอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสงนีออนจากป้ายริมทางด่วนลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นเรื่อบาง สะท้อนบนกรอบรูปที่ยังแขวนเด่นอยู่บนผนังฉันยื่นมือไปแตะสวิตช์ไฟในรูปนั้น… หญิงชราผู้มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง ‘ตัวฉันเอง’ เพียงสบตากับภาพนั้น ความอบอุ่นก็ซัดเข้ามาจนหัวใจสั่นวูบ..ฉันเคลื่อนกายไปยังอีกห้อง

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่21.จุดเริ่มต้นที่ต้องเผชิญ

    เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับมีใครกดปุ่มกรอชีวิตให้ฉันข้ามช่องว่างนั้นมาทันทีที่ประตูรถเปิดออก เบื้องหน้าคือเพนต์เฮาส์หรูหรากลางใจเมือง งดงามราวกับฉากหนึ่งในชีวิตของใครบางคน…แต่อาจไม่ใช่ของฉัน“ถึงแล้วครับ” อารัญผายมือพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉันยืนนิ่ง เท้าเหมือนถูกตรึงกับพื้น มือกำชายเสื้อแน่น เมื่อความลังเลกับความประหม่าพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน“หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไป?” คำพูดนั้นทำให้หัวใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะรีบตอบกลับ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้”ฉันสูดลมหายใจ พยายามรวบรวมสติ ขณะที่วรากรหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเรื่องน่าขันอารัญยกมือมาประคองทิศทางให้ฉันหันกลับไปหา แววตาคมมั่นคงราวกับต้องการย้ำให้ฉันรับฟังทุกคำที่เอ่ยออกมา“คุณต้องอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะดูแลคุณเอง”ความอุ่นจากปลายนิ้วค่อย ๆ แทรกเข้ามาจนลมหายใจฉันติดขัด ร่างกายพลันนิ่งงันราวกับต่อมรับรู้ทั้งหมดถูกดึงให้โฟกัสไปที่เขาเพียงคนเดียว…แม้ฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเขาและตัวเอง แต่ท่าทีอ่อนโยนและการดูแลที่แฝงความพิเศษ กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย..ทว่าท่ามกลางสัมผัสและความอบอุ่นนั้น คำถามหนึ่งยังดังก้องไม่หยุดฉันคือใคร?และเ

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่20 .คนในภาพ

    “ลิลิน…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จมุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหวจากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตาฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนังพ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า “ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมาฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่ 19แรงดึงดูดและเดิมพัน

    “ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่” แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด “พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่ 18.ข่าวลือพันล้าน

    ในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัวชื่อบทความนั้นคือ“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจแต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Primeประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว: “ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status