Home / เมือง / เลนส์รักในเงาไฟนีออน / บทที่11.จูบแรกในสายฝน

Share

บทที่11.จูบแรกในสายฝน

last update Last Updated: 2025-11-17 10:00:50

สายฝนกระหน่ำจนทุกอย่างรอบตัวพร่ามัว อารัญผลักประตูรถหรูสีดำออกโดยไม่รีรอ ก่อนกระโจนฝ่าสายฝนที่สาดซัดไม่ลืมหูลืมตา สูทสีเข้มบนร่างกำยำเปียกชุ่มแนบไปกับแผ่นอกกว้าง เม็ดฝนเกาะพราวบนเส้นผมและกรอบหน้าคมเข้ม ขณะที่เขาทรุดตัวลงข้างฉัน

“คุณ เป็นอะไรไหม!”

เสียงทุ้มของเขาสั่นพร่า แฝงทั้งความหวาดหวั่นและความกังวล

ฉันนั่งทรุดอยู่กับพื้น ร่างกายอ่อนแรงจนแทบขยับไม่ได้ มือข้างหนึ่งกุมข้อเท้าที่เจ็บแปลบจนลมหายใจสะดุด เสียงครางหลุดออกมาจากลำคออย่างห้ามไม่อยู่

ด้านหลัง ชายในชุดกันฝนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเริ่มมีท่าทีลังเล เหมือนจะถอยเมื่อเห็นอารัญ ชายหนุ่มมาดเข้มที่อยู่ในสภาวะพร้อมปกป้องเต็มที่ ทว่าทันทีที่มีคนจากพวกเดียวกันก้าวเข้ามาสมทบ ท่าทีลังเลก็พลันเปลี่ยนเป็นวงล้อมที่ค่อยๆ กระชับเข้ามาอย่างน่าหวั่นใจ

อารัญลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตรงหน้าพวกนั้น ความอ่อนโยนในดวงตาเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยแววแข็งกร้าว ราวนักล่าที่พร้อมปะทะโดยไร้ความหวาดกลัว

การปะทะเกิดขึ้นแทบจะทันที อารัญชกหมัดแรกเข้าใต้คางคู่ต่อสู้ พอดีกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นเหนือหัว ฝนตกหนักจนพื้นสั่น แต่ฉันกลับมองเห็นแค่อารัญ ผู้ชายที่กำลังสู้สุดแรงเพื่อปกป้องฉันโดยไม่ลังเล

ไม่นานนัก ชายทั้งสองซึ่งแทบไม่มีทักษะการต่อสู้ก็ถอยหนีจนลับหายไปในม่านฝน เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของอารัญ ท่ามกลางฝนที่ตกกระแทกพื้นไม่หยุด

เขาทรุดลงข้างฉันอย่างรวดเร็ว มือหนาอุ่นสั่นเล็กน้อยแตะแก้มฉันแผ่วเบา

“ลิลิน… คุณเป็นอะไรไหม”

เสียงทุ้มนุ่มของเขาอ่อนลงจนเกือบกลายเป็นกระซิบ

ฉันเงยหน้ามองดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยความห่วงใย

มืออีกข้างก็กุมข้อเท้าตัวเองแน่นเพราะความเจ็บ พลางเอ่ยเสียงสั่น

“ข้อเท้าฉัน… พลิก”

อารัญกัดฟันแน่น ความกังวลสะท้อนบนใบหน้าคมของเขา

แต่ท่อนแขนกลับค่อยๆ ช้อนตัวฉันขึ้นอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไร… ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเจ็บ”

คำพูดหนักแน่นของเขาดังก้อง แม้ฝนที่ตกกระหน่ำก็กลบเสียงสัญญานั้นไม่ได้

สายฝนยังคงเทลงมาไม่หยุด  ทว่าในอ้อมกอดของเขากลับอบอุ่นเสียจนฉันแทบลืมความหนาวไปหมดสิ้น ร่างสูงอุ้มฉันฝ่าสายฝนจนมาหลบอยู่ใต้ชายคาตึกร้างในตรอกแคบ ลมหายใจของเราชิดใกล้จนฉันรับรู้ได้ทั้งความอุ่นจากเขา… และความเย็นชื้นของฝนที่เกาะทั่วร่าง

นิ้วมือหนาอุ่นค่อยๆ ถอดรองเท้าฉันออก จากนั้นเลื่อนมาสัมผัสข้อเท้าที่บวมแดงอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าจะทำให้ฉันเจ็บไปมากกว่านี้ ฉันก้มหน้าหลบสายตาอ่อนโยนคู่นั้นทั้งที่หัวใจยังสั่น… ทว่าความรู้สึกกลับเต็มไปด้วยความอาลัย

กล้องของพ่อ… สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ฉันรักที่สุด ถูกน้ำเชี่ยวในคลองพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เขามองฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ราวกับรับรู้ความเจ็บปวดทั้งหมดโดยฉันไม่ต้องเอ่ยสักคำ

“ลิลิน…”

เสียงทุ้มเรียกฉันเบาๆ

“ผมจะซื้อกล้องให้คุณใหม่เอง”

ฉันส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้า ทุกอย่างพร่า เสียงที่เปล่งออกมาสั่นสะเทือนจากใจ

“กล้องของพ่อฉัน… มันคือแรงบันดาลใจของฉัน”

อารัญสบตาฉันนิ่งไปชั่วครู่ เหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น

ปัง!

เสียงปืนดังแหวกฝนขึ้นมาอย่างกะทันหัน กระสุนเฉียดผนังด้านหลังไปเพียงคืบ

พวกมันกลับมาอีกครั้ง

อารัญไม่รอช้า เขาช้อนตัวฉันขึ้นแนบอก จากนั้นวิ่งฝ่าสายฝนตามตรอกแคบ เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังดังไม่หยุดราวกับฝันร้าย สายฝนตกหนักยิ่งกว่าเดิมกลบเสียงรอบข้างจนพร่ามัว แต่ท่ามกลางความสับสนทั้งหมด ฉันกลับได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่ข้างใบหู… ชัดเจนเหลือเกิน

เราเลี้ยวเข้ามาแอบหลบหลังต้นไม้ใหญ่กลางตรอกเงียบๆ ลมหายใจของเราทั้งคู่หนักและถี่ แต่เขาก็ยังประคองฉันไว้แน่น อารัญปลดเสื้อหนาออกอย่างรวดเร็ว แล้วคลุมลงบนศีรษะฉันทันที

“อย่าขยับ” เขากระซิบเบา เสียงทุ้มแผ่วเหมือนลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสผิว

ไม่นานพวกมันก็วิ่งผ่านไป ทิ้งไว้เพียงเสียงฝนกระทบใบไม้และลมหายใจแผ่วสั่นของเรา

อารัญทรุดตัวลงข้างฉัน แล้วเคลื่อนมือหนาขึ้นโอบร่างฉันที่สั่นทั้งเพราะความหนาวและความหวาดกลัว ในจังหวะที่เขาขยับแขน ฉันเห็นเลือดสีเข้มซึมออกจากเสื้อเชิ้ต

“คุณ… เลือดไหล” ฉันเอ่ยเสียงสั่น

เขาหันมองเพียงแวบเดียว แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมไม่เป็นไร แค่เฉียดไป”

ฉันยื่นมือไปแตะแขนเขาเบาๆ ดวงตาคมที่เมื่อครู่ดุดันราวคมมีดกลับอ่อนโยนลงเมื่อสายตาเราประสานกันความอบอุ่นแล่นวาบขึ้นจนล้นอก ลมหายใจของเราวนเวียนใกล้กันเกินกว่าจะปฏิเสธแรงดึงดูดบางอย่างที่เริ่มเชื่อมเราไว้โลกทั้งใบเหมือนหยุดนิ่ง เสียงฝนที่ซาลงจนเหลือเพียงละอองบางเบากลายเป็นฉากหลังที่แทบไม่ส่งเสียง

เขาโน้มตัวเข้ามา ริมฝีปากหนาประทับลงบนริมฝีปากฉันอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆผละออกเพียงเล็กน้อยเพื่อเอ่ยถ้อยคำที่หนักแน่นจนหัวใจฉันสั่น

“ขอให้คุณไว้ใจผม”

เขามองลึกเข้ามาในดวงตาฉัน ราวกับต้องการสลักถ้อยคำนี้ลงไปในหัวใจฉันอย่างถาวร

“ผมจะปกป้องคุณเอง”

สายตาคู่นั้นมั่นคงจนฉัน… เผลอเชื่อเขาไปทั้งใจ

“ผมมีเพนท์เฮาส์อยู่แถวสุขุมวิท” เขาเอ่ยต่อ “คุณไปอยู่ที่นั่นก่อน จนกว่าจะปลอดภัยกว่า”

ฉันมองหน้าเขา ชายที่เพิ่งเสี่ยงชีวิตเพื่อฉัน คนที่ดูห่างไกลในตอนแรกจนแทบแตะไม่ถึง แต่ตอนนี้กลับอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเป็นจังหวะเดียวกับของฉัน

สายฝนซา เหลือเพียงละอองเบา ๆ ในความเงียบงันของตรอกแคบกลางเมืองฉันกำลังจะเอ่ยคำขอบคุณ ทว่าก่อนเสียงจะหลุดจากริมฝีปาก แสงไฟจากปลายตรอกก็วาบขึ้น ไฟหน้ารถที่แล่นเข้ามาช้า ๆฉันมองแสงไฟที่ใกล้เข้ามา หัวใจเต้นแรงไปตามจังหวะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความกลัว…หรือเพราะมือของอารัญที่กระชับฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม

ประตูรถเปิดออกอย่างเร่งรีบ ชายร่างสูงในชุดสูทดำวิ่งเข้ามา ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นตระหนก

“ท่านประธานครับ!” เสียงแรกดังขึ้นตะกุกตะกัก

“พวกเราขอโทษที่มาช้าครับ เจ้านาย!” อีกเสียงรีบเสริมแทบจะซ้อนคำ

อารัญขยับโอบฉันให้แนบชิดเข้ามาอีก ก่อนตอบลูกน้องด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบจนทั้งสองคนชะงัก

“ฉันไม่เป็นไร”

“รู้ไหมครับ…พวกมันเป็นใคร?”

“ขอโทษครับ เรายังยิงไม่โดนตัวครับ” ชายอีกคนรายงาน เสียงเบาราวกับถูกกดทับด้วยความหวาดหวั่น

อารัญสบตาพวกเขาเพียงครู่เดียว ดวงตาวาวลึกเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักชะตาของทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ไปตามล่าพวกมันมา ให้เร็วที่สุด”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่23.ตื่นจากฝันร้าย

    “ผมตามคุณลิลินไปครับ… แล้วเจอเธอนอนหมดสติอยู่ที่คอนโดของพ่อเธอ ‘โฮชิคาวะ’ ครับ ”วรากรรายงานอารัญด้วยเสียงเรียบ แต่สัมผัสได้ถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึก ๆเขายื่นซองสีน้ำตาลให้ อักษรบนหน้าซองเขียนไว้ว่า H.F. Project“แล้วนี่ครับ… สิ่งที่ผมเจอ”อารัญมองวรากรด้วยสายตาคมราวกับพยายามค้นความหมายจากใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนรับซองมาไว้ในมือและค่อย ๆ แกะออก ความเงียบรอบตัวหนาแน่นจนเหมือนอากาศหยุดไหล.ภายในซองคือ แผ่นฟิล์มเก่าบนขอบฟิล์มมีตัวเลขเขียนด้วยลายมือ… ปี

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่22 ความจริงหลังภาพ

    นิ้วเรียวดันบานประตูให้เปิดออกภายในห้องเงียบสงบ ทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบง่ายในตำแหน่งเดิม ทว่ากลับให้ความรู้สึกว่างเปล่า ราวกับเวลาได้ถูกตรึงไว้ตั้งแต่วันที่ใครบางคนจากไปฉันก้าวไปอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสงนีออนจากป้ายริมทางด่วนลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นเรื่อบาง สะท้อนบนกรอบรูปที่ยังแขวนเด่นอยู่บนผนังฉันยื่นมือไปแตะสวิตช์ไฟในรูปนั้น… หญิงชราผู้มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง ‘ตัวฉันเอง’ เพียงสบตากับภาพนั้น ความอบอุ่นก็ซัดเข้ามาจนหัวใจสั่นวูบ..ฉันเคลื่อนกายไปยังอีกห้อง

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่21.จุดเริ่มต้นที่ต้องเผชิญ

    เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับมีใครกดปุ่มกรอชีวิตให้ฉันข้ามช่องว่างนั้นมาทันทีที่ประตูรถเปิดออก เบื้องหน้าคือเพนต์เฮาส์หรูหรากลางใจเมือง งดงามราวกับฉากหนึ่งในชีวิตของใครบางคน…แต่อาจไม่ใช่ของฉัน“ถึงแล้วครับ” อารัญผายมือพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉันยืนนิ่ง เท้าเหมือนถูกตรึงกับพื้น มือกำชายเสื้อแน่น เมื่อความลังเลกับความประหม่าพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน“หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไป?” คำพูดนั้นทำให้หัวใจสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะรีบตอบกลับ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินเองได้”ฉันสูดลมหายใจ พยายามรวบรวมสติ ขณะที่วรากรหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเรื่องน่าขันอารัญยกมือมาประคองทิศทางให้ฉันหันกลับไปหา แววตาคมมั่นคงราวกับต้องการย้ำให้ฉันรับฟังทุกคำที่เอ่ยออกมา“คุณต้องอยู่ที่นี่นะครับ ผมจะดูแลคุณเอง”ความอุ่นจากปลายนิ้วค่อย ๆ แทรกเข้ามาจนลมหายใจฉันติดขัด ร่างกายพลันนิ่งงันราวกับต่อมรับรู้ทั้งหมดถูกดึงให้โฟกัสไปที่เขาเพียงคนเดียว…แม้ฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเขาและตัวเอง แต่ท่าทีอ่อนโยนและการดูแลที่แฝงความพิเศษ กลับทำให้รู้สึกปลอดภัย..ทว่าท่ามกลางสัมผัสและความอบอุ่นนั้น คำถามหนึ่งยังดังก้องไม่หยุดฉันคือใคร?และเ

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่20 .คนในภาพ

    “ลิลิน…”เสียงเรียกอ่อนโยนดังก้องในห้องว่างเปล่า..ฉันยืนอยู่ลำพัง เลื่อนสายตารอบห้อง ทุกสิ่งดูคุ้นเคยแต่พร่าเลือนราวกับความทรงจำที่ยังโหลดไม่เสร็จมุมหนึ่ง แสงส้มจากโคมไฟทาบลงบนใบหน้าอ่อนโยนของหญิงชรา เธอมองฉันด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก อบอุ่นจนหัวใจฉันสั่นไหวจากนั้น ชายอีกคนก้าวออกมาจากมุมด้านใน มายืนเคียงข้างเธอ รอยยิ้มของทั้งคู่ช่างงดงามราวกับภาพที่ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง… แต่จำไม่ได้แต่แล้ว ร่างของทั้งสองค่อย ๆ มลายกลายเป็นหมอกบาง ฉันยื่นมือออกไปพร้อมคำวิงวอนสั่นเครือ “เดี๋ยว… อย่าเพิ่งไป”แต่ปลายนิ้วกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหายไปในพริบตาฉันยืนนิ่ง ดวงตาไล่มองหาบางสิ่งด้วยหัวใจที่ถูกดึงรั้ง จนกระทั่งสายตาหยุดลงที่กรอบรูปครอบครัวบนผนังพ่อ แม่ ลูก… และเด็กหญิงในภาพใบหน้าของเธอคล้ายฉันอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าที่ฉันจำได้เสียอีกบางอย่างภายในอกบีบรัดแน่น เหมือนจะบอกฉันว่า “ภาพนั้น…สำคัญ”ฉันยกมือขึ้น ตั้งใจจะสัมผัสความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกรอบรูปนั้นทันใดนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าพุ่งวาบขึ้นมาฉันหรี่ตาแน่น พลางยกมือขึ้นบังจากความสว่างที่โถมเข้าใส่

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่ 19แรงดึงดูดและเดิมพัน

    “ดูมีพิรุธ… ต้องตามไปดูให้รู้เรื่องสักหน่อย กำลังเล่นอะไรกันอยู่ ยัยอเล็กซี่” แนนซี่พึมพำกับตัวเอง พอคิดได้ก็รีบยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่ล้อรถยังไม่ทันหยุดสนิท ร่างบางก็เปิดประตูพุ่งขึ้นไปบนเบาะ พลางสั่งเสียงชัด “พี่! ตามรถคันนั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวให้พิเศษหลายเท่า”คนขับรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนเร่งเครื่องตามรถหรูสีดำที่แล่นนำหน้าไป ไม่นาน จากถนนกลางเมืองอึกทึก เส้นทางก็เริ่มเปลี่ยนไป แสงตึกสูงถูกแทนด้วยไฟนีออนและป้าย LED สีสันฉูดฉาดที่เรียงรายตลอดสองข้างทางท้ายที่สุด รถหรูคันนั้นชะลอหยุดหน้าอาคารสูงโอ่อ่าที่ไร้ป้ายชื่อ

  • เลนส์รักในเงาไฟนีออน   บทที่ 18.ข่าวลือพันล้าน

    ในขณะที่ชื่อของ StrideX Group กำลังถูกสาดด้วยข่าวฉาวรายวัน จู่ ๆ สื่อออนไลน์ ก็ถูกเขย่าด้วยบทความที่ไม่มีใครตั้งตัวชื่อบทความนั้นคือ“StrideX: ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังแบรนด์พันล้าน”ชื่อที่ฟังดูเหมือนจะเป็นแค่การวิจารณ์เชิงธุรกิจแต่เนื้อหาภายในกลับพุ่งเป้าไปที่อารัญโดยตรง ทั้งตัวเขา และรองเท้าที่กำลังเป็นกระแสของบริษัทในตอนนี้Quantum Primeประโยคเปิดที่ทำให้ทั้งวงการสะดุ้ง มีเพียงบรรทัดเดียว: “ข่าวลือที่ว่าโครงการ Quantum Prime เป็นการต่อยอดจากโครงการที่ปิดตัวลงไปเมื่อ 20 ปี… และมีการฝังข้อมูลเอไอไว้ในรองเท้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status