Share

บทที่ 37

last update Last Updated: 2025-12-01 21:21:14

#####บทที่ 37

 

 

ซูเมิ่งพักหนึ่งคืนแล้ววันรุ่งขึ้นก็กลับไปที่หมู่บ้านแห่งนั้นอีกครั้ง โดยครานี้พารถม้าของพวกนางไปถึงก็มีรถม้าหลายคันจอดอยู่ก่อนแล้ว เป็นคันของนายอำเภอถานนั่นเอง เมื่อวานถงฝูได้ทำการติดต่อนัดเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยใช้ฐานะของเจ้าของหอสรรพสิ่งซึ่งผู้คนต่างย่ำเกรงไม่แพ้ตำเเหน่งขุนนางในเมืองหลวงทีเดียว

“คารวะนายท่านช่างอินขอรับ”

นายอำเภอถานรีบรี่เข้ามายืนต่อหน้าบุรุษเจ้าของรถม้าคันหรูแทบจะทันที เป็นบุรุษชุดขาวสวมหน้ากากลงมาก่อนแล้วตามด้วยบุรุษชุดดำสวมหน้ากากดำพร้อมรังสีน่าเกรงขามกำจายรอบตัว

“แล้วท่านนี้”

สายตาของนายอำเภอถานและคนที่ติดตามมาจ้องมองไปที่ชายอีกคนที่สวมหน้ากากขาวยืนเคียงข้างช่างอิน ดูไม่เหมือนบ่าวรับใช้คนอื่นที่แม้สวมหน้ากากดำแต่ก็จะยืนเรียงอยู่ด้านหลัง และสีของหน้ากากนั้นขาวเด่นไม่เหมือนใครเสียด้วย

“พาไปสิ”

สิ้นคำร่างสูงของซือหมิงก็เดินออกไปไม่ว่าใครมองก็ต้องรู้ว่าเขาไม่คิดแม้จะตอบคำถามก่อนหน้าเลย นายอำเภอถานจึงได้เเต่ยิ้มจืดเจื่อนรีบเดินขึ้นหน้าไป

“ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการไปดูที่ไหนบ้างหรือ? ข้าน้อยจะรีบพาไป”

“พาไป…”

ทั้งซูเมิ่งและซือหมิงเดินตามนายอำเภออไปดูที่สถานที่เก็บเสบียง เดินดูบ้านแต่ละหลังแบบได้แต่ยืนอยู่ห่าง ๆเพราะดูเหมือนท่านนายอำเภอจะไม่อยากให้เข้าใกล้เพราะกลัวได้รับโรค ทำให้ใช้เวลานานจนล่วงเลยช่วงกลางวันไป

“นายท่านต้องการน้ำหรืออาหารไหมขอรับ นี่ก็เลยยามอู่มาแล้วขอรับ” 

เป็นถงฝูที่เดินมาถามทั้งซือหมิงและซูเมิ่งเพราะตั้งแต่เข้ามาที่หมู่บ้านนี้ทั้งสองท่านยังได้เได้ดื่มแม้กระทั่งน้ำสักหยดเลยทั้งที่เวลาผ่านมาราวเกือบสองชั่วยามแล้ว

เเต่ก็ต้องได้รับการปฏิเสธจากซูเมิ่ง สตรีภายใต้การปลอมเป็นบุรุษยังคงเดินตรวจดูตามบ้านต่าง ๆอย่างมุ่งมั่นแม้จะดูได้เพียงหน้าบ้านและรอบ ๆบ้านแต่ละหลังเท่านั้น จะมีบางครั้งโชคดีที่ชาวบ้านบางคนออกมาให้สอบถามบ้าง

“งั้นเเปลว่าชาวบ้านที่ป่วยส่วนใหญ่ถูกย้ายไปรักษาที่อื่นหรือ?”

เสียงไม่หนาไม่บางออกจากปากชมพูระเรื่อของบุรุษร่างบางที่เพิ่งละสายตาและสมาธิจากการสำรวจบ้านหลังสุดท้าย

“ใช่แล้ว ใช่แล้วขอรับ อยู่ที่โรงรักษาขอรับ”

นายอำเภอถานละล่ำละลักบอกอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะเขากลัวเจ้าของคำพูดนะ แต่เป็นบุรุษเจ้าของหอสรรพสิ่งอันยิ่งใหญ่ด้านหลังต่างหาก ตั้งเเต่เดินมาเเม้ชายคนนั้นจะไม่พูดเลยก็ตามแต่สายตานั่นที่เหลือบมองเขายามบุรุษชุดขาวนามช่างหลินเอ่ยถามหรือขอความช่วยเหลือเขา ทำให้เขารู้สึกจิตใจหวาดหวั่นแทบตลอดเวลา ด้วยนึกถึงคำกล่าวถึงชายหนุ่มภายใต้หน้ากากดำคนที่คนทั่วไปคาดว่าอาจเป็นบุคคลที่เสมือนมือซ้ายของฮ่องเต้ก็เป็นได้ เพราะสิทธิพิเศษของเขาที่สามารถเปิดหอสรรพสิ่งได้ที่ไหนก็ได้และความไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งขุนนางขั้นสูง 

หากจะกล่าวว่าฮ่องเต้ที่มีอำนาจมากที่สุดในราชอาณาจักรแล้วล่ะก็ มือขวาคือชินหวังนั้นมีอำนาจรองลงมา ส่วนบุรุษคนนี้ก็คือผู้มีอำนาจเป็นอันดับสามนั่นเอง!

นายอำเภอถานและลูกน้องพามาที่โรงรักษาก่อนหันมาพูดกับคนที่ตามมาด้านหลังด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม

“พวกท่านโชคดียิ่งนักขอรับ พอดีที่วันนี้ท่านหมอตัวแทนของหอโอสถแห่งหนึ่งมาถึงพอดีน่าจะกำลังตรวจคนไข้อยู่ด้านในขอรับ”

เขาผายมือเข้าไปด้านในแต่ไม่ยอมเดินนำเหมือนคราก่อน แต่ซูเมิ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรนางเดินเข้าไปใกล้โรงรักษามากขึ้นและก็ต้องรีบยกมือขึ้นปิดจมูกแทบไม่ทัน

…นางรู้สาเหตุแล้ว เพราะกลิ่นเหล่านี้กระมังที่ทำให้นายอำเภอไม่ยอมเดินตามมา 

ซูเมิ่งหันมองสบตากับเจ้านายอำเภอจอมเจ้าเล่ห์อย่างอดไม่ได้ พอหันกลับมาพลันดวงตาก็เบิกโพลง สีหน้าฉายแววตกใจภายใต้หน้ากาก อาการแปลกประหลาดของซูเมิ่งนั้นย่อมไม่รอดสายตาคมกริบของซือหมิงที่แม้เดินตามก็สังเกตอาการได้จากแผ่นหลังของนาง สายตาเยือกเย็นเช่นเคยเงยหน้ามองไปตรงหน้ามองสิ่งที่ทำให้ซูเมิ่งเเสดงอาการนั่น

“คนท่านนี้คือ ท่านหมอเย่ขอรับ คือคนที่บอกว่าจะมาช่วยดูเเลคนป่วยขอรับ"

เย่หยางเหวิน!!!

พระเจ้าช่างแกล้งซูเมิ่งคนนี้เสียแล้ว นางเชื่อผลการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ในชาติก่อนแล้วว่าโลกเป็นทรงกลมจริง! นางสามารถกลับบ้านได้แล้วไยต้องกลับไปเจอบุคคลผู้นี้อีก คนที่เคยช่วยนางไว้คราที่เพิ่งมาฟื้นขึ้นมาในร่างคุณหนูซูเมิ่งใหม่ ๆและนางก็ไปเผาครัวของตระกูลเขาอีกด้วย

ซูเมิ่งรีบเก็บอาการตกใจของตนเองไว้ ปลอบใจตนเองว่าเขาคงจำนางบ่าวผู้เผาครัวคนนี้ไม่ได้หรอกเพราะตอนนี้ตนอยู่ในคราบบุรุษและสวมหน้ากากอีกต่างหาก และที่สำคัญตอนที่ตัวเองยอมเป็นบ่าวที่ตระกูลนั้นก็มีผื่นเเดงปิดบังใบหน้าเต็มไปไหม ไม่เหลือเค้าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์สักหน่อย

“อ้าว ไม่เจอกันนานเลยนะขอรับ”

ใบหน้าที่เพิ่งกลับไปราบเรียบตามเดิมกลับมากบิดเบ้มากขึ้น มุมปากหยักขึ้นด้วยความตกใจ เพราะเจ้าของนามหยางเหวินเดินเข้ามาใกล้พวกนางมากขึ้นไม่พอ สายตาอบอุ่นใจดีนั่นยังมุ่งตรงมาที่นางอีกด้วย

…นางไม่ได้เข้าใจผิดเป็นแน่ เขาจำนางได้หรือ! เพราะคำทักนั่น

และระหว่างที่สายตาทั้งสองคู่กำลังผสานกันนั้นดวงตาอีกคู่ก็พลันคุกกรุ่นขึ้นราวมีเปลวไฟลุกอยู่ภายใน 

…บุรุษหน้าเต้าหู้ตรงหน้ากล้าดีอย่างไรจ้องมองของของเขาอย่างเปิดเผยเช่นนั้น คงไม่รู้จักเขาผู้นี้เสียแล้ว! แล้วยังนางที่มีท่าทีแปลกประหลาดยามเห็นชายผู้นี้อีก!

บรรยากาศโดยรอบบุรุษสามคนถูกปกคลุมไปด้วยรังสีเย็นยะเยือกทำเอาผู้อยู่ใกล้เคียงรู้สึกขนลุกซู่อย่างควบคุมไม่ได้ 

…หรือว่าฤดูวสันต์ปีนี้จะมีหิมะตกเร็วกว่าปรกติหนา

หยางเหวินเดินเข้ามาหายังกลุ่มคนผู้มาใหม่โดยเดินมาหยุดที่หน้าของบุรุษร่างสูงเพียงพ้นไหล่เข้าอันเเสนคุ้นตา

“หลังจากคดีที่ท่านช่างหลินช่วยน้องชายข้าไว้ท่านก็ออกจากเมืองไป ข้าไม่ทันได้ตอบแทนท่านเลย”

เขาจำรูปร่างท่าทางและหน้ากากทรงนี้ได้ว่าคือจอมยุทธิ์ที่ช่วยทางการไขคดีฆาตกรที่ฆ่าหลายศพจนเกิดเรื่องใหญ่เกี่ยวพันหลายเมือง ซึ่งเหยื่อคนสุดท้ายคือน้องชายของเขาเอง โดยได้บุรุษผู้นี้ช่วยไขคดีจนน้องชายเขาอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน ครานั้นมีโอกาสได้พบกันเพียงชั่วครู่พอหลังจบคดีทางตระกูลเขาคิดไว้ว่าจะนำสิ่งของตอบเเทนไปให้แต่ได้รู้จากเจ้าเมืองว่าชายผู้นี้จากมาแล้ว ซึ่งไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในที่แห่งนี้

รอยยิ้มถึงตาสว่างไสวของหมอหนุ่มขัดกับบรรยากาศเย็นยะเยือกโดยรอบสิ้นเชิง ซึ่งพอซูเมิ่งได้ยินคำกล่าวต่อไปของหยางเหวินก็ผ่อนหายใจเบา 

…อ่อ ลืมไปว่านางเคยไปเจอเขาครั้งหนึ่งในสภาพช่างหลินตอนไปสอบปากคำน้องชายของคนผู้นี้ 

“ไม่คิดว่าคุณชายเย่จะจำคนธรรมดาอย่างข้าได้ด้วย”

ซูเมิ่งส่งยิ้มเช่นเคยที่มักสร้างขึ้นตามมารยาทไปให้ ใจของนางกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง

“หากท่านอยู่นานหน่อยเราคงได้พบกันอีกเป็นแน่ ท่านช่างหลินอาจไม่รู้ ตอนท่านออกมาชาวเมืองต่างยกย่องให้ท่านเป็นวีรบุรุษรูปงามคนใหม่ของเมืองเลยเชียวนะ”

พูดจบก็ขยิบตาเป็นเชิงแซวผู้ที่ถูกขนานว่าเป็นบุรุษรูปงามเชิงหยอกล้อ สายตาอบอุ่นที่ส่งมาทำเอาบรรยากาศโดยรอบค่อย ๆหายเย็นยะเยือกลง ซูเมิ่งนึกถึงยามที่นางเป็นบ่าวข้างกายบุรุษตรงหน้าก็พลันรู้สึกคิดถึงประหลาด

“อากาศร้อน หากเจ้าไม่ดูต่อก็กลับเถอะ”

เสียงแข็งกระด้างของบุรุษอีกคนที่เดินเข้ามาชิดแผ่นหลังของซูเมิ่งตั้งเมื่อไหร่ไม่ทราบเอ่ยขึ้น ทำให้ทั้งหยางเหวินและซูเมิ่งหันไปมองพร้อมใบหน้าฉายแววแปลกใจ

…ร้อนหรือ? นี่มันต้นฤดูวสันต์นะอีกไม่นานก็คงถึงเวลาหิมะตกแล้ว และวันนี้ก็ถือว่าอากาศหนาวกว่าวันก่อนด้วยซ้ำ

“ดูสิ ๆ ข้ายังไม่ได้เข้าไปสำรวจโรงรักษาเลย อ้อ ท่านหมอ ท่านนี้นามช่างอินขอรับ เป็น… เอ่อ”

…จะแนะนำเขาในฐานะใดดีหว่า นิ่งไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม

“เป็นพี่ชายร่วมสาบานของข้าเองขอรับ” 

ก็นะเขาเคยบังคับให้นางเรียกท่านพี่บ่อยครั้ง และยังชื่อก็คล้ายกันอีก เพราะฉะนั้นเป็นพี่ชายคงไม่ผิดหรอกกระมัง

“ส่วนนี่ท่านหมอเย่ ข้าเคยพบเมื่อครั้งที่ตอนไปที่เมืองซีเปียน”

ซูเมิ่งหันไปบอกกับซือหมิงที่ยืนด้านหลังนาง แต่พอเงยหน้าขึ้นมองสบกับสายตาดำลึกล้ำภายใต้หน้ากากดำก็เห็นถึงความไม่พอใจบางอย่างในนั้น

…อ้อ นางจำได้ว่าตอนนั้นซือหมิงถูกหยางเหวินปฏิเสธเรื่องการค้านี่นา คงไม่ถูกกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นแน่!

“อ้อ ท่านต้องการดูคนป่วยในโรงรักษาหรือ เช่นนั้นข้าจะพาเดินดูแล้วกัน เผื่อเจ้าไม่รู้อะไรก็ถามข้าได้”

หยางเหวินนั้นรับรู้ได้ถึงสายตานั่นของเจ้าของหอสรรพสิ่งแต่เขาก็เลือกที่จะเมินไป เปลี่ยนไปคุยกับซูเมิ่งแทน ซึ่งเขาก็ได้รับคำตอบรับอย่างดี แววตาเปล่งประกายยามที่เขาพูดนั่นช่างดูคุ้นตานัก แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกจึงสลัดความคิดนั่นทิ้งไป เดินนำซูเมิ่งเข้าไปยังโรงรักษา

สายตาคมกริบจ้องมองแผ่นหลังของคนสองคนไป ความรู้สึกเขาตอนนี้นั้นมันคันยุบยิบในใจประหลาด อยากเอื้อมมือรั้งนางแทบขาดใจแต่ก็ต้องสะกดไว้เพราะไม่อยากขัดความต้องการของนางจึงทำได้เพียงเดินตามด้านหลังไม่ห่าง และแผ่รังสีความไม่พอใจให้คนตรงหน้าได้รู้แทน

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status