แชร์

บทที่ 37 (ต่อ)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:21:27

บทที่ 37 (ต่อ)

เวลาผ่านไปราวเกือบชั่วยามที่ซูเมิ่งในสภาพบุรุษนามช่างหลินเดินดูอาการคนป่วยภายในโรงรักษาโดยหากนางสงสัยอะไรก็จะสอบถามหยางเหวินทันทีทำให้พอทั้งสองออกมาจากโรงรักษาจึงดูสนิทกันราวรู้จักกันมานานจนแม้นายอำเภอถางที่คอยอยู่ด้านนอกอดเอ่ยทักมิได้

“เราเคยพบกันมาก่อนครั้งหนึ่งน่ะ”

หยางเหวินเป็นผู้ตอบนายอำเภอพร้อมดวงตาหยีนั่น

…เรา! หึ คุยกันไม่นานกล้าเรียกคนของข้าว่าเราแล้วหรือ?

“รีบออกไปกันเถอะ อย่ามัวพูดจาไร้สาระกันอยู่เลย”

สิ้นคำร่างสูงสง่าภายใต้ชุดสีดำรัตติกาลนั่นก็เดินนำออกไปพร้อมแขนข้างหนึ่งคว้าแขนเรียวของซูเมิ่งให้ตามมาด้วย แต่ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถม้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้าก็มีคนของนายอำเภอที่คุ้นตาคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเสียก่อน

“เดี๋ยวขอรับ ท่านนายอำเภอให้ข้าน้อยมาถามท่านทั้งสองว่าเย็นนี้พวกท่านสะดวกมาทานมื้อเย็นกับท่านนายอำเภอไหมขอรับ พอดีท่านนายอำเภอเขาอยากเลี้ยงต้อนรับขอบคุณทั้งพวกท่านและท่านหมอเย่ที่อาสามาช่วยขอรับ”

“ไม่…”

“ได้สิ เย็นนี้เจอกัน ฝากบอกขอบคุณท่านนายอำเภอด้วยนะ”

คนของนายอำเภอถางโค้งคำนับก่อนหมุนตัวเดินออกไป พอห่างไประยะหนึ่งซูเมิ่งก็หันมาเอ่ยต่อบุรุษที่ยังหน้าตึงไม่หาย

“อยากมาสืบความเป็นไปของลูกเสือ ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะรู้หรือ”

เหตุผลที่นางเอ่ยแก่ซือหมิงนั้นก็ส่วนหนึ่ง เพราะจากการเดินสำรวจดูวันนี้ยังไม่เจอสิ่งใดผิดปรกติเลยทุกอย่างเป็นไปตามที่รายงานทุกประการ เพราะฉะนั้นนางจึงคิดว่าต้องตีสนิทกับนายอำเภอถางเสียหน่อยเผื่อว่าเขาจะกุมความลับอะไรไว้

ซึ่งหลังจากนั้นขณะเดินทางกลับคฤหาสน์ของซือหมิงภายในรถม้าก็เงียบมาตลอดทาง และตามที่นางคิดไว้ก็คือซือหมิงคงไม่ค่อยถูกกับหยางเหวินเท่าไรนักดูจากท่าทีทั้งวันของเขาหลังจากพบหน้าหยางเหวิน เพราะฉะนั้นหลังจากที่นางล้างเนื้อล้างตัวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็คิดว่าตนอาจต้องไปทานมื้อค่ำกับนายอำเภอคนเดียว ทว่าพอออกมาจากห้องตนก็พบซือหมิงในชุดที่เปลี่ยนใหม่แล้วยืนรออยู่ก่อน ทั้งสองจึงเร่งเดินทางไปยังหอขึ้นชื่อของอำเภอนี้ตามนัดของนายอำเภอทันที

พอทั้งสองเข้ามายังห้องชั้นสองของหอก็พบหยางเหวิน นายอำเภอและคนของเขา และพี่ใหญ่ของนางนั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว 

…ดีนะที่คิดไว้แล้วว่าอาจต้องเจอพี่ใหญ่ในมื้อค่ำวันนี้จึงเตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอเลี้ยงมื้อค่ำทั้งทีจะไม่เชิญขุนนางใหญ่มาได้อย่างไรล่ะ ใช่ไหม

“พวกท่านเชิญดื่มได้เต็มที่เลยขอรับ วันนี้ข้าเลี้ยงเอง ไม่ทราบว่าพวกท่านดื่มสุรากันหรือไม่ขอรับ?”

นายอำเภอถางหันมาถามผู้มาใหม่ทั้งสองโดยเฉพาะ เพราะเขาถามเเขกคนอื่นเรียบร้อยแล้ว

“ท่านนายอำเภอเลี้ยงทั้งทีข้าทั้งสองคงไม่พลาดเป็นแน่! เอามาให้หมดเลย”

สิ้นคำของซูเมิ่งเสียงหัวเราะลั่นของบุรุษในวงก็ดังขึ้น ซูเมิ่งหันไปมองบุรุษหน้านิ่งด้านข้างทั้งนัยน์ตาแย้มยิ้ม

…หวังว่าผู้เป็นถึงชินหวังคงไม่คออ่อน หรือรับไม่ได้กับสุราพื้น ๆหรอกนะ สำหรับซูเมิ่งคนนี้แล้ว นางได้ฉายาคอทองแดงประจำเเก๊งในชาติก่อนมาเชียวนะ ดื่มเหล้าได้อย่างดื่มน้ำเปล่า ไม่เคยเมาก่อนใคร และมักเป็นคนที่มีสติจวบจนสุดท้ายทุกครา นางไม่อยากต้องแบกท่านชินหวังกลับคฤหาสน์ในสภาพเมาไม่ได้สติหรอกนะ

 

“พวกท่านรู้ม้าย ข้าน่ะแต่ก่อนเก่งเป็นที่หนึ่งในองค์กรเลยน้า มีแต่คนอิจฉาข้าทั้งน้าน แต่ข้าก็แกล้งทามเป็นไม่รู้เพราะอยากอยู่อย่างซาหงบ”

ร่างของชายในชุดสีขาวอมเทายืนขึ้นโดดเด่นท่ามกลางทุกคนที่นั่งล้อมโต๊ะวางอาหารอยู่ ก่อนหน้านี้เพียงไม่นานช่างหลินยังเอ่ยบอกอยู่เลยว่าตัวเองดื่มได้เยอะสิบไหก็ไม่เมา แต่นี้เพียงไม่กี่จอกก็มีสภาพอย่างที่เห็นแล้ว

“อะไรคืออง เอ่อ กรหรือ?”

เหิงซานที่นั่งตรงข้ามชายหน้ากากขาวนามช่างหลินเอ่ยถาม เขาตั้งใจฟังชายตรงหน้าฟังหลายประโยคแล้วก็สงสัยอยู่หลายคำ อดเอ่ยถามไม่ได้ 

“เอ้า ท่านพี่ล่ำไม่รู้หรือ? ก็องค์กรอย่างไรเล่า! ที่รวมคนไว้เย๊อะเยอะน่ะ”

พูดพลางยกมีขึ้นวาดบนอากาศแสดงท่าทางว่าเยอะ ๆอย่างปากว่า ฉับร่างสูงเพรียวอย่างบุรุษวัยเจริญเติบโตก็เซวูบเพราะเเรงฉุดของบุรุษข้างเคียง

“ข้าต้องขอตัวกลับก่อนนะ”

ซือหมิงพูดจบก็ฉุดแขนบอบบางที่มือเขากำรอบอย่างง่ายดายให้ตามตนออกไป แต่เจ้าของเเขนกับขืนไว้พร้อมสะบัดพยายามให้หลุดจากการเกาะกุม

“ข้าไม่ไป เจ้าบุรุษหน้าตายนี่ใครกันบังอาจมาจับเเขนข้า ปล่อยน้า ม่ายอย่างนั้นเจ้าแขนขาดข้าม่ายรู้ด้วยน้า…เหวอ”

ยังพูดไม่ทันจบร่างสูงเพรียวก็ถูกยกลอยขึ้นจากพื้นโดยบุรุษที่ตนบอกว่าจะทำให้แขนขาด แต่ถึงจะถูกบังคับออกมาคนอย่างซูเมิ่งก็ไม่ยอมเเพ้นางยังพยายามพูดไม่หยุดปากและใช้เเขนผลักให้ตัวเองออกจากอกของบุรุษหน้าตายให้ได้ จนซือหมิงต้องหยุดชะงักฝีเท้าชั่วคราว สายตาดำล้ำลึกหลุบมองคนในอ้อมกอดที่อ้าหุบปากส่งเสียงไม่หยุดก่อนตัดสินใจทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น

อุ๊บ! 

ผ้าสีดำเงาผืนหนึ่งถูกดึงออกมาจากที่ไหนสักเเห่งถูกยัดใส่ปากคนในอ้อมอกทำให้เสียงเงียบลง จากนั้นซือหมิงจึงค่อยออกเดินอีกครั้ง ไม่สนใจคนรอบข้างที่พุ่งสายตามายังพวกเขาทั้งสิ้น

“เอ่อ พวกเราก็มาทานกันต่อเถอะขอรับ เเหะ ๆ”

นายอำเภอถางที่เพิ่งหายตกใจรีบเอ่ยขึ้นทำให้หลายคนในห้องหลุดจากอาการตื่นตกใจ ตกใจแรกคือตั้งแต่ที่คุณชายช่างอินที่ใครต่างก็บอกว่าถือตัวสุดโต่งอุ้มคนอื่น ตกใจที่สองคือคนที่ถูกอุ้มนั้นคือบุรุษ มิใช่สตรี แต่คือบุรุษคนหนึ่ง!

…หรือว่าข่าวลือที่ว่าคุณชายช่างอินเจ้าของหอสรรพสิ่งผู้ลึกลับจะเป็นชายตัดแขนเสื้อจะเป็นเรื่องจริง ซึ่งนั่นก็จะสามารถตอบข้อสงสัยเรื่องเขาไม่สนใจสตรีที่แม้งดงามหยาดเยิ้มเพียงใดได้เลย ที่แท้ก็มีรสนิยมเป็นบุรุษนี่เอง!

 

“อื้อ ไอ้อ้าอ่อยข้าอ๊า”

แขนเรียวอีกข้างที่ว่างจากการรั้งชายเสื้อไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองตกลงไปยังคงสะบัดตีไปบนตัวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งซือหมิงอุ้มเจ้าตัวขึ้นและเข้าไปในรถม้า ซูเมิ่งที่เมาไม่ได้สติจึงค่อยหยุดมือที่ตีลดลงเอาปิดปาก เพราะด้วยนางรู้สึกอยากอาเจียนจากการที่ถูกอุ้มขึ้นลงอย่างลงอย่างรวดเร็วเมื่อครู่

“หากเจ้าอ๊วกเจ้าเจอดีแน่!”

เสียงเอ่ยแฝงความดุดันดังขึ้นพร้อมสายตามองมาที่คนในอ้อมอก เขายังคงโอบนางอยู่และวางซูเมิ่งให้นั่งบนตักตัวเองแม้ที่ว่างในรถม้าคันงามของเขาจะขว้างเพียงใดก็ตาม

…เขากลัวคนเมาไม่รู้สติอย่างนางจะกลิ้งตกรถม้าไปเสียต่างหาก จึงได้เสียสละตัวเองให้เป็นที่นั่งชั่วคราวอย่างนี้

อึก ๆ

คนเมาที่เกือบอ๊วกก่อนหน้ารีบกลืนน้ำลายไล่บางอย่างก่อนหน้าที่เพิ่งเดินทางขึ้นมาถึงคอให้กลับลงไปที่เดิมอย่างเสียไม่ได้ แม้นางจะไม่รู้สติแต่ด้วยสัญชาตญาณก็บอกให้ตนทำตามอย่างไม่ต้องคิด

“ออกรถ!”

สิ้นเสียงแห่งอำนาจ รถม้าคันงามก็พุ่งตัวออกไป

“เห้ ขับรถให้มันช้า ๆหน่อยสิ นายไปเอารถยี่ห้อไหนมาขับเนี่ย สั่นเป็นบ้าเล๊ย งึมงัม ๆ”

ซือหมิงเวทนาจึงยอมเอาผ้าออกจากปากให้ และทันทีปากของคนในอ้อมอกว่างเสียงและภาษาพูดที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้น เขาที่อยู่ใกล้ได้ยินเสียงและคำพูดทุกคำอย่างชัดเจนทว่าก็ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด สองคิ้วงามจึงขมวดมุ่นได้เเต่เงียบฟังนางพูอย่างไม่คิดขัด

“แล้วอีกอย่างเบาะรถคันนี้ก็ไม่ได้เรื่องแข็งเป็นบ้า นั่งก็ไม่สบาย หากครั้งหน้านายยังไม่เปลี่ยนรถอย่างหวังเลยว่าฉันจะยอมขึ้น”

ไม่พูดเปล่ามือเรียวก็คลำไปยังสิ่งที่คิดว่าคือเบาะอย่างไม่ลดละ 

“เนี่ย ให้ตายสิ เบาะบ้าอารายแข็งอย่างกับหิน แต่ก็ดีไซน์ให้เอนนอนสบายดี พอยอมให้อภัยได้บ้าง”

ซูเมิ่งเริ่มขยับตัวหาช่องว่างเพื่อให้ตนนอนสบายขึ้นพอหาที่ได้แล้วก็เงียบเสียงลง ตอนนี้อากาศหนาวเย็นกว่าช่วงกลางวันมากแต่นางกลับรู้สึกอบอุ่นราวตนเองนอนอยู่บนเตาไฟร้อนกำลังดี

ภายในรถม้าคันนี้นอกจากเตาพกที่ตั้งไว้ที่มุมรถแล้วก็ไร้ซึ่งเเหล่งให้พลังงานความร้อนอื่นใด แต่ความร้อนที่นางได้รับจนรู้สึกสบายนั้นมาจากบุรุษที่ทำหน้าที่เป็นที่นั่งชั่วคราวต่างหาก!

เเผ่นอกที่ชายเสื้อเปิดเปลือยเห็นกล้ามหน้าอกรำไร แผ่นหลังเหยียดตรงสองแขนวางข้างลำตัวทั้งสองข้าง ตรงบริเวณระหว่างสองขาที่เดิมนั่งชิดติดกันเพื่อวางคนเมามายไม่ได้สติไว้ทว่าตอนนี้กลับเบิกกว้างพร้อมมีร่างสตรีเลื้อยไหลอยู่หว่างขานั้น และพอมองไปที่กรอบหน้าเรียวที่แดงก่ำนัยน์ตาแข็งค้างสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง ขอบกรามขึ้นสันชัดเจน และพลันก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อหัวเล็กของคนบนตักเริ่มขยับอีกครา และเริ่มขยับเข้าหาจุดยุทธศาตร์ของเขามากขึ้นจนกระทั่งมือหนายกขึ้นรั้งศีรษะบางได้ทันก่อนจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

 

“งึม งัม…”

บรรยากาศกดดันภายในรถดำเนินมาจนกระทั่งรถม้าคันงามหยุดลงที่จุดหมาย ถงฝูกระโดดลงจากที่นั่งข้างคนขับก่อนเปิดม่านกั้นภายในรถออก

“ถึงละเเล้ว…ขอรับ”

สายตาตื่นตระหนกของผู้เป็นลูกน้องรีบหลุบตาลงต่ำแทบจะทันที 

ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นนั่นต้องใช่อย่างที่เขาคิดเป็นแน่!

เจ้านายเขาถือโอกาสที่คุณหนูซูเมิ่งเมาไม่ได้สติทำเรื่องอย่างว่างั้นหรือนี่! สภาพเสื้อผ้าของผู้เป็นเจ้านายที่เปิดเปลือยไม่เรียบร้อย ไหนจะตำเเหน่งนางในอ้อมอก ผมเผ้ายุ่งเหยิงและชุดที่ยับย่นของคุณหนูซูเมิ่งอีกเล่า! ไม่อยากเชื่อว่าคนที่ชอบปะทะกับศัตรูซึ่งหน้าอย่างนายท่านซือหมิงพอถึงเรื่องสตรีจะแอบลักกินลับหลังเยี่ยงนี้

ถงฝูกล้ำกลืนความอัดอั้นตันใจ ความไม่ชอบใจกับการกระทำของเจ้านาย เขาช่วยเเหวกม่านเปิดทางให้ซือหมิงอุ้มคนเมาไม่ได้สติลงจากรถม้าและตามทั้งสองเข้าเรือน 

“นายท่านขอรับ เอ่อ ห้องของท่านช่างหลินทางนี้ขอรับ”

ถงฝูเอ่ยไม่เต็มเสียง เขารีบเอ่ยทักทันทีที่เห็นเหมือนว่าเจ้านายเขาจะพาสตรีในอ้อมอกที่หลับไม่รู้เรื่องเข้าห้องตัวเอง

“อ้อ ใช่สิ”

ฟู่ว

ถงฝูถอนหายใจเงียบ ๆ เมื่อครู่เขาเสี่ยงหัวขาดยิ่งนัก มองเจ้านายที่หายเข้าไปในห้องของซูเมิ่ง เพียงครู่หนึ่งก็เดินออกมา

“ให้คนจัดการนางให้เรียบร้อย”

แววตาสว่างวาบยามพูดถึงเรื่องคนในห้องก่อนกลับมาเยือกเย็นตามเดิม

“อ้อ แล้วก็หารถม้าคันใหม่ด้วย เปลี่ยนที่นั่งให้นุ่ม แล้วก็หาคนขับรถม้าใหม่ด้วย”

“ขอรับ”

ถงฝูรับคำด้วยใบหน้าแฝงความงุนงง คนขับรถม้าวันนี้คือคนที่รับใช้มากนานและถูกใจนายท่านมากที่สุด อยู่ดีดีไฉนถึงต้องการเปลี่ยน แล้วรถม้าคันนี้เป็นอย่างไรหรือ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status