แชร์

บทที่ 46 (2)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:29:40

บทที่ 46 (2)

หยางเหวินเหลือบขึ้นมองใบหน้าของสตรีที่แต่งตัวเป็นชายชั่วครู่เมื่อเขาจับชีพจรดูแล้วรู้สึกว่าอาการป่วยนี้ช่างแสนคุ้นเคย ชีพจรยุ่งเหยิงจากการกำเริบของพิษที่สะสมในร่างกาย และพิษชนิดนี้นั้นไม่ใช่ว่าใครจะได้รับการโดยง่ายเหมือนอย่างที่คนคนหนึ่งที่เขารู้จักเป็นเลย 

...ช่างหลิน ชายหน้าขาวผู้นั้น เขารู้ว่านางคือสตรีที่ปกปิดตัวตน แต่จะใช่สตรีตรงหน้าหรือไม่นั้น มีความเป็นไปได้ห้าส่วน อาการของพิษนี้อาจบังเอิญเป็นเหมือนกันก็เป็นได้

หยางเหวินเบี่ยงสายตามองบ่าวที่ติดตามมาของสตรีตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปหยิบยาลูกกลอนกดอาการพิษที่เขามักพกไว้เสมอขึ้นมา ส่งให้บ่าวของนาง

ใช้เวลาสักพักรถม้าของหยางเหวินก็มาหยุดที่จวนตระกูลไป เป็นเย่าถิงที่อุ้มซูเมิ่งเข้าไป ซึ่งสร้างความแตกตื่นในคนในจวนเป็นอันมาก ไป๋หย่งคังที่กลับมาจากพระราชวังสักพักแล้วพอเห็นบุตรีกลับมาพร้อมสภาพเยี่ยงนี้และตามเสื้อผ้าเปื้อนเลือดมากมายจึงรีบสั่งคนให้ไปตามหมอมา และได้รู้ว่าคนที่มาส่งซูเมิ่งก็เป็นหมอเช่นเดียวกันจึงตามให้หยางเหวินเข้าไปตรวจดูอาการซูเมิ่งก่อนและรอหมอประจำตระกูลเข้ามา หย่งคังสังเกตได้ว่ารถม้าคันของหยางเหวินมีตราตระกูลเย่ซึ่งคือเจ้าของโรงโอรสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจึงวางใจ และยิ่งได้รู้อีกว่าชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตลูกสาวตนก็คือทายาทสายตรงของตระกูลเย่นั่นเองจึงต้อนรับเป็นอย่างดี

เย่หยางเหวินตรวจอาการซูเมิ่งอีกรอบ ก่อนหันกลับมาคุยกับเจ้าบ้านที่เฝ้ารอฟังอาการอยู่ด้านหลัง เพิ่มเติมคือบุรุษหน้าคล้ายอีกคนซึ่งก็คือไป๋ลู่ซานนั่นเอง

“อาการพิษที่สะสมในร่างกายของนางกำเริบขอรับ ซึ่งเกิดจากร่างกายต้องลมหนาวและอ่อนแรงทำให้เทียบยาที่นางทานอยู่เพื่อระงับพิษไม่สามารถต้านทานได้”

พูดจบความฉงนก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของบุรุษทั้งสองทันที

“พิษอันใดกัน ท่านหมอเย่จะบอกว่าน้องสาวข้าถูกพิษอย่างนั้นหรือ?”

ไป๋ลู่ซานเอ่ยออกมาเสียงดัง ไยเขาถึงไม่รู้ว่านางถูกพิษตั้งแต่เมื่อใด และพอมองไปที่ท่านพ่อก็เห็นว่ามีใบหน้าตระหนกเช่นเดียวกัน

“พวกท่านไม่รู้หรือว่าร่างกายนางมีพิษสะสมอยู่ จากที่ข้าตรวจดูอย่างละเอียดพิษนี้น่าจะมีมาแต่กำเนิด และเพิ่งมาแสดงอาการเมื่อไม่นานมานี้ และนางน่าจะได้รับเทียบยาระงับพิษอยู่ด้วย หากพวกท่านไม่รู้แล้ว...”

“มีมาแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ? ยาระงับพิษ?”

ยิ่งฟังที่หยางเหวินพูดไป๋ลู่ซานยิ่งสงสัยหนักไปใหญ่ ในห้องนี้นอกจากท่านหมอ ไป๋หย่งคัง และไป๋ลู่ซานแล้วก็ยังมีเย่าถิงนั่งนิ่งคอยปรนนิบัติซูเมิ่งอยู่อีกคน 

แน่นอนเย่าถิงถูกซือหมิงส่งมาเพื่อดูแลซูเมิ่งย่อมต้องรู้เรื่องที่ซูเมิ่งดื่มยาระงับพิษอยู่แล้ว พอนางชั่งน้ำหนักว่าควรบอกหรือไม่บอกจนแน่ใจแล้ว ตัดสินใจเอ่ยแทรกทันที

“คุณหนูซูเมิ่งอาการพิษชนิดนี้กำเริบมาสักพักแล้วเจ้าค่ะ เป็นท่านชินหวังที่กำลังรักษาอาการนางอยู่ คุณหนูสั่งบ่าวไม่ให้บอกพวกท่านเจ้าค่ะ”

บุรุษทั้งสองหันมองเย่าถิงอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขารู้สึกโกรธก็จริงที่ซูเมิ่งต้องการปกปิดพวกเขา แต่ก็คลายอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่คนที่พวกเขารักต้องเผชิญ ทำให้จะโกรธก็โกรธไม่ได้ หากไม่ได้ชินหวังที่ช่วยซูเมิ่งมาครานี้พวกเขาคงต้องเสียนางไปจริงโดยหลังจากซูเมิ่งถูกชินหวังพากลับมาครานี้นางไม่ได้เล่าว่าตนเองต้องพบเจออันใดบ้าง แต่พวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่นางเจอต้องมิใช่สบายอย่างแน่นอน

“พิษนี้ไม่ใช่ใครจะรักษาได้โดยง่าย หากข้าเดามิผิดพิษชนิดนี้คงไม่มีในอาณาจักรนี้ ดังนั้นหมอทั่วไปย่อมไม่สามารถรักษาได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านหมอที่ใดเป็นผู้รักษา”

“เอ่อ เป็นทานหมอจูเจ้าค่ะ เป็นเพียงเทียบยาที่ใช้ระงับพิษเท่านั้น”

หยางเหวินพยักหน้ารับรู้ เขาคิดไว้แล้วเชียวว่าคงยังหาทางถอนพิษไม่เจอ พอได้ยินคำที่บ่าวคนนี้กล่าวเขายิ่งมั่นใจเพิ่มเข้าไปอีกจึงหันไปเอ่ยกับไป๋หย่งคัง

“หากเป็นไปได้ ข้าจะขอเป็นผู้ดูแลอาการของคุณหนูซูเมิ่งแทนจะได้หรือไม่”

หย่งคังหลุดจากภวังค์ เมื่อครู่เขาสติหลุดลอยนึกถึงบางเรื่องจนไม่ทันได้ฟังบุรุษตรงหน้าพูด พอได้ยินอีกทีก็พยักหน้าตอบรับถึงอย่างไรเขาจะต้องหาทางรักษาบุตรีของเขาให้หาย เขาจะไม่ยอมให้พิษตัวนี้ฆ่าชีวิตคนที่เขารักได้อีกคนเป็นแน่...

 

ท่ามกลางหิมะโปรยปราย กลุ่มคนเดินทางของซือหมิงเพิ่งได้หยุดพักระหว่างทาง ตอนนี้เขาจัดการเรื่องการทุจริตเหมืองแร่และรวบรวมหลักฐานเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่สิบลี้จะถึงด่านตรวจก่อนเข้าประตูเมืองหลวงแล้ว ทว่ายามนี้หัวใจของเขากลับไม่อยู่กับตัว ซือหมิงเร่งรีบเดินทางโดยแทบไม่ได้พักเพียงเพราะคนของเขามาส่งข่าวว่า ซูเมิ่งถูกลอบโจมตีและอาการของพิษกำเริบ ซือหมิงหยุดพักให้ม้าได้กินอาหารกินน้ำไม่นานร่างสูงสง่าก็เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้าอีกครั้ง ก่อนที่จะทยานมุ่งไปข้างหน้าสุดความเร็ว

ดวงจันทร์ลอยเด่นกลางฟากฟ้าแล้ว ร่างสูงในชุดสีดำคลุกฝุ่นรีบลงจากหลังม้านำเข้าไปที่ประตูจวนตระกูลไป๋ทันที บ่าวรับใช้ที่ทำหน้าที่เฝ้าข้างหน้าประตูหลีกทางให้ทันทีที่เห็นใบหน้าผู้มาใหม่ ซือหมิงเร่งฝีเท้าก้าวไปตามทางที่มุ่งไปสู่เรือนพักผ่อนของสตรีที่จิตใจเขาเฝ้าห่วงหา พอเดินมาถึงประตูห้องของซูเมิ่งก็แว่วเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของคนสองคนแว่วออกมา เขาจำไม่ผิดแน่หนึ่งเสียงนั้นคือเสียงของซูเมิ่ง แต่อีกเสียงเป็นเสียงของบุรุษ!

มือหนาเอื้อมมือขึ้นผลักประตูให้เปิดออกทันที เสียงบานประตูกระแทกกำแพงดังสะท้านเรือนตามแรงอารมณ์ของผู้เปิด ทำเอาชายหนึ่งหญิงหนึ่งในห้องสะดุ้งตกใจ สายตาสองคู่มองมาที่แหล่งกำเนิดเสียงอย่างพร้อมเพรียง

แววตาฉายแววประหลาดใจของซูเมิ่งเกิดชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายโดยพลัน

“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ?”

พอได้ยินเสียงแสนหวานจากนางแล้วหัวใจของซือหมิงจึงอ่อนลง ความหนักใจทั้งหมดที่แบกมาตลอดทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง แต่พอละสายตาจากใบหน้างามมายังบุรุษที่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงนอนของซูเมิ่งฉับพลันสีหน้ากลายเป็นดุดันทันทีพร้อมแผ่รังสีเยือกเย็นออกมารอบกาย

“ถวายบังคมพะยะค่ะ องค์ชินหวัง”

เย่หยางเหวินย่อลงกับพื้นถวายบังคมอย่างรู้มารยาท พอเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับจึงลุกขึ้นมานั่งตามเดิม สายตาของชินหวังที่มองมายังตนทำเอาเขารู้สึกหนาวสันหลังประหลาด แม้หยางเหวินจะไม่เคยพบบุคคลแห่งอำนาจผู้นี้มาก่อนแต่เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียง คนมักพูดกันว่าชินหวังนั้นคือบุรุษที่เดาอารมณ์ได้ยากสุด ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไร จิตใจซับซ้อนเสียยิ่งกว่าฮ่องเต้อีก

“ป่วยแล้วไยไม่พักผ่อน มัวคุยเสียไม่รู้เวลาที่ควรนอน”

ซือหมิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ แววตาดุดันกดดันจนหยางเหวินรู้สึกหายใจไม่คล่อง พลอยทำให้ซูเมิ่งรู้สึกไม่สบายตัวจากรังสีกดดันของเขาไปด้วย 

“อย่างนั้นคราหน้าข้าค่อยมาตอบคำถามที่ซูเมิงถามแล้วกัน วันนี้ข้าขอตัวก่อน”

หยางเหวินส่งยิ้มแสนอบอุ่นไปยังผู้ป่วยบนเตียงจากนั้นคารวะลาชินหวังก่อนจากไป พอซูเมิ่งเห็นว่าหยางเหวินออกไปจึงขยับตัวเตรียมตัวเอนลงนอน

“ทีกับข้าเจ้ามิเห็นอยากคุยบ้างเลย แต่กลับบุรุษอื่นกลับคุยเสียดึกดื่นมิรู้เลยหรือว่าชายหญิงไม่ควรอยู่เพียงลำพัง และยิ่งเป็นสตรีใกล้แต่งงานแล้วยิ่งมิควร”

ซือหมิงพูดพลางจดจ้องใบหน้างามที่ยังเหลือเค้าอาการอ่อนเพลียอยู่ ใบหน้าติดออกซีดถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่พักผ่อน และอีกอย่างคือ ไยบุรุษผู้ถึงถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้เล่า! แทนที่เขาเร่งเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยควรต้องได้เห็นหน้านางให้คลายเหนื่อยแต่กลับต้องมาเจอภาพบาดตาบาดใจนี่ ควรแล้วหรือ?

ซูเมิ่งได้ฟังซือหมิงพูดคราแรกนางก็ย่นคิ้วฉงนในใจ เพราะที่นางเตรียมเอนตัวนอนเพราะเขาเองที่เอ่ยบอกให้นางพักผ่อน แต่พอนางจะนอนกลับตำหนีเสียได้ แต่พอได้ฟังจนจบประโยคซูเมิ่งจึงรู้ได้ทันทีว่าบุรุษตรงหน้าไหน้ำส้มแตกเสียแล้ว 

...เขากำลังหึงนางต่างหาก ฉะนั้นรอยยิ้มมุมปากจึงหยักขึ้นอย่างอดมิได้

“รับทราบแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงคุยเรื่องอาการป่วยและหนทางแก้พิษในกายหม่อมฉันจนเพลินเท่านั้นเอง แล้วพระองค์เดินทางมาเหนื่อยไหมเพคะ?”

พูดจบก็ส่งยิ้มหวานไปให้อย่างเอาใจ ทำเอาซือหมิงที่รู้สึกไม่พอใจก่อนหน้ากลับอารมณ์แทบไม่ทัน 

...นั่นนางกำลังเป็นห่วงเขาใช่ไหมนะ?

“หม่อมฉันเพียงพิษเดิมกำเริบไม่เป็นอันใดมากแล้วเพคะ พระองค์เองเถอะเดินทางมาต้องมิได้พักผ่อนเป็นแน่ ให้หม่อมฉันนอนพระองค์ก็ไปพักผ่อนด้วยเพคะ”

ซูเมิ่งเห็นได้จากชุดที่เปื้อนฝุ่นของเขา และเกล็ดหิมะตามตัวทำให้นางเดาได้ว่าเขาคงรีบเร่งเดินทางมาอย่างแน่นอน พอคิดได้ดังนั้นพลันอบอุ่นหัวใจประหลาดยิ่งทำให้แววตามที่นางมองไปยังซือหมิงแฝงความห่วงใย

“อืม”

แม้ในหัวเขาจะสั่งให้ร่างกายเดินเข้าไปโอบกอดนางผู้เป็นที่รักให้หายคิดถึงแต่ความจริงแล้วเขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าและเดินออกมา 

...ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของเขา นางควรได้พักผ่อน หลังแต่งงานไปเขาอยากทำอันใดย่อมทำได้ตามใจคิด พอคิดได้ดังนั้นรอยยิ้มสุขใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าแสนเย็นชาทันที พอเขาเดินออกมาจากจวนก็เจอกับถงฝูที่รออยู่ข้างนอก

“ข้าอยากรู้ว่าไยหยางเหวินถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่”

พูดจบก็เหวี่ยงตัวขึ้นม้าและขี่ออกไปทันที ถงฝูยืนมองผู้เป็นนายอย่างเข้าใจและรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก

เจ้านายเขายิ่งไม่เหมือนคนก่อนมากเข้าอีกแล้ว จากบุรุษไม่ยุ่งเกี่ยวสตรีใดแปลงร่างกายเป็นบุรุษผู้หมกมุ่นเสียอย่างนั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status