Share

บทที่ 46

last update Last Updated: 2025-12-01 21:29:29

#####บทที่ 46

 

 

บุรุษร่างสง่างามในชุดสีกรมลวดลายมังกรงามพริ้วเร่งฝีเท้าเข้ามา นางกำนัลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกยังไม่ทันเอ่ยขานชื่อเขาก็เปิดประตูเข้าไปเสียแล้ว ก่อนเสียงแฝงอำนาจติดออกกรุ่นโกรธจะเอ่ยกับเจ้าของสถานที่แห่งนี้

“เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ทำ”

เฟิงอี้พยักหน้าให้นางกำนัลในห้องซึ่งกำลังปรนบัตินางออกจากห้องไปก่อน จากนั้นถึงตอบเทียนเหิงผู้เป็นพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มร้าย

“ข้าช่วยท่านให้ได้พบนางตามที่ท่านขอร้องแล้วก็ต้องมีรางวัลสำหรับข้าบ้างสิเพคะ”

เทียนเหิงมองเฟิงอี้ด้วยสายตาดุดันเพราะเขามิชอบให้ใครใช้ตนเองเป็นเครื่องมือ แต่สุดท้ายปรับสายตาให้อ่อนลงก่อนเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มลึกแฝงความห่วงใย

“เจ้าเลิกคิดเรื่องนั้นเสียเถิด ตัวเจ้าย่อมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้”

เทียนเหิงเป็นบุรุษไยมองไม่ออกเล่าว่าผู้เป็นน้องของเขานั้นชอบพอกับท่านอาของตนเอง ตั้งแต่เด็กยันโตเขาก็เห็นเฟิงอี้ตามติดชินหวังต้อย ๆ และเขาย่อมมองออกว่าชินหวังนั้นมองเฟิงอี้เป็นเพียงหลานสาวคนหนึ่งเท่านั้น 

“ข้ามิได้อยากครอบครอง ข้าเพียงอยากให้เขามองข้าบ้างเพียงเท่านั้น เรื่องของข้าท่านพี่ไม่ต้องลำบากหรอกเพคะ”

น้ำเสียงตัดพ้อแววตาเศร้าสร้อยแสดงออกชั่ววาบก่อนเฟิงอี้จะปรับสีหน้ากลับมาปรกติ “หากท่านไม่มีธุระอื่นใดแล้ว ออกไปเถิดน้องอยากพักผ่อนเพคะ”

เฟิงอี้หันหน้าเบี่ยงไปทางอื่นเป็นเชิงไล่ รอจนเว่ยเทียนเหิงจากไปจึงหันกลับมา แววตานางทอประกายไม่ยอมแพ้ก่อนริมฝีปากอวบอิ่มหยักยิ้มขึ้น

 

“คุณหนูเจ้าคะไว้คราหน้ารอให้ข่าวลือหายไปก่อนค่อยไปไม่ได้หรือเจ้าคะ”

เย่าถิงพูดพร้อมเดินตามคุณหนูของตนออกมาด้วย ซูเมิ่งตอนนี้อยู่ในชุดเยี่ยงบุรุษผู้หนึ่ง รวบผมขึ้นพันผ้าสีฟ้าหม่นที่หัว ใบหน้าไร้การแต่งเติมปล่อยความใสธรรมชาติออกมา ด้วยความที่นางอยากออกไปข้างนอกแต่ด้วยตอนนี้ข่าวลือเรื่องคุณหนูซูเมิ่งลักลอบคบชู้ยังดังกระฉ่อนไม่หาย หากซูเมิ่งออกปรากฏกายอาจเป็นจุดรวมสายตาได้ ซูเมิ่งจึงตัดสินใจแต่งกายเป็นชายออกไปแทน ทั้งไม่ต้องเป็นจุดสนใจและทั้งไม่ต้องจำเป็นต้องใส่หมวกคลุมหน้าคลุมตาด้วย ซึ่งสาเหตุที่ซูเมิ่งต้องออกไปข้างนอกเป็นเพราะสมุนไพรที่นางจำเป็นต้องใช้ทำพิษต่าง ๆนั้นหมดพอดี จะใช้ให้บ่าวไปซื้อก็อาจไม่ได้ดั่งใจ และอีกอย่างนางอยากไปหาเอาเองที่หอสรรพสิ่งแบบไม่เสียเงิน เลือกเองดีที่สุดแล้ว เผื่อเจอวัสดุดิบอื่นจะได้หยิบเผื่อมาด้วยได้

“เจ้าเฝ้าเรือนดีดีล่ะ ข้าให้ถิงเย่ตามไปเป็นพอ”

การออกนอกจวนครั้งนี้ซูเมิ่งได้ให้คนไปบอกแก่ท่านพ่อเรียบร้อยแล้วทำให้นางได้องครักษ์ติดตามไปด้วยอีกห้าคน ซูเมิ่งจึงให้บ่าวติดตามไปคนเดียวเพราะแค่นี้คนก็เยอะเกินไปแล้ว

และรถม้าที่นางใช้ออกมาข้างนอกครานี้ก็ให้บ่าวไปเรียกข้างนอกมา เพราะหากนำรถม้าของจวนไป๋ไปก็มิต่างอันใดกับบอกให้คนอื่นรู้ว่าคุณหนูซูเมิ่งที่กำลังเป็นข่าวอยู่นี่ งั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นชายเยี่ยงนี้หรอก

ซูเมิ่งเดินทางไปยังหอสรรพสิ่งโดยนางถือหยกที่เป็นตัวแทนชินหวังให้คนดูแลที่หอสรรพสิ่งดูทำให้สามารถเข้าไปยังชั้นที่วางของหายากซึ่งตามปรกติแล้วคนเข้าถึงชั้นนี้จำต้องมีการวางเงินค่าบัตรเข้าเป็นจำนวนมหาศาล แต่สำหรับซูเมิ่งแล้วหาได้ต้องทำอย่างนั้นไม่ นางเดินดูของชั้นนั้นได้อย่างตามสบาย ต้องการสมุนไพรหรือของชิ้นไหนก็เลือกหยิบมาได้เลย พอได้ของตามใจแล้วซูเมิ่งจึงออกมาขึ้นรถม้าคันเดิมเตรียมกลับจวน

...ชีวิตว่าที่ชายาของชินหวังมันก็ดีเหมือนกันนะ และด้วยความที่ข่าวลือที่เกิดขึ้นนี้ซูเมิ่งเดาว่าชินหวังคงยังไม่รู้เรื่องเป็นแน่ และหากรู้นางก็คาดเดาอารมณ์เขาไม่ได้เช่นกันว่า จะยกเลิกงานแต่งหรือไม่ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขายังไม่มีคำสั่งยกเลิกซูเมิ่งจึงย่อมต้องสามารถใช้สิทธิ์ที่เขามอบให้ได้เหมือนเดิมสิ

“หยุดทำไมหรือ?”

รถม้าที่กำลังเคลื่อนอยู่หยุดชะงักฉับพลัน ซูเมิ่งชักเริ่มรู้สึกประหลาดใจพอเลิกม่านออกเท่านั้นแหละถึงได้รู้ว่าคนขับรถม้าคนเดิมหายไปแล้ว มีบุรุษปิดบังใบหน้าขึ้นนั่งบังคับม้าแทน และตอนนี้รอบข้างก็มิใช่ทางกลับบ้านของซูเมิ่งเสียด้วย ส่วนองครักษ์ที่มากับซูเมิ่งน่าจะถูกกำจัดทิ้งหมดแล้ว และสาเหตุที่รถม้าหยุดชะงักเพราะว่าตรงหน้ามีกลุ่มคนในชุดคุ้นเคยขวางอยู่ 

...เป็นคนของชินหวังที่ตามซูเมิ่งมาตลอดทางนั่นเอง 

พวกเขาน่าจะเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาจึงออกจากที่ลับเผยตัวออกมาเพื่อขวางไม่ให้เหล่าชายชุดดำบังคับรถม้าที่ซูเมิ่งนั่งอยู่ไปได้ตามใจ

พอถูกขวาง รถม้าหยุดลง ชายชุดดำที่ตามมาหลายสิบคนก็พุ่งตัวเข้าโจมตีคนของชินหวังทันที ส่วนคนขับรถม้าปลอมก็ทำหน้าที่คุมไม่ให้ซูเมิ่งและเย่าถิงออกมาข้างนอกรถ

ซูเมิ่งยื่นมือเกี่ยวม่านสีซีดให้เปิดออกนิดหน่อย มองแผ่นหลังของชายชุดดำคนที่เฝ้าซูเมิ่ง เขาหยิบดาบออกมาและคอยระวังไม่ให้คนของชินหวังเข้ามาแล้ว 

แต่หารู้ไม่ว่าคนข้างในรถม้าต่างหากที่เขาควรระวังมากกว่าใคร

ฉับพลันร่างคนขับรถปลอมร่วงหล่นจากตำแหน่งขับรถม้าพร้อมเลือดพุ่งกระฉูดจากลำคอ

เป็นฝีมือของเย่าถิง บ่าวสตรีนามเย่าถิงแหวกม่านออกนำซูเมิ่งออกมาคอยกันพวกชายชุดดำที่พอเห็นพวกนางออกมาจากรถม้าแล้วพุ่งเข้ามา

คนของชินหวังตอนนี้นั้นมีไม่มากหากเทียบสัดส่วนระหว่างพวกคนของชินหวังกับพวกชายชุดดำแล้วจำนวนมีมากกว่ากันถึงหนึ่งต่อหกเลยเชียว แม้คนของชินหวังจะมีฝีมือเก่งกาจเพียงใดก็ไม่น่าจะสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามที่มีฝีมือด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยได้หมด ตอนนี้จึงมีสองทางเลือก คือถ่วงเวลารอกำลังเสริมหรือไม่ก็ต้องหาทางหนีไปให้พ้นจากพวกนี้

พอเท้าซูเมิ่งสัมผัสพื้นชายในชุดดำพุ่งเข้ามาหานางพร้อมดาบทันที ซูเมิ่งยกดาบขึ้นตั้งรับ ก่อนพยายามไปรวมกลุ่มกับคนของชินหวัง

“คุณหนูเข้าไปอยู่ข้างในวงล้อมเถอะเจ้าค่ะ”

ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำ นางรู้สภาพร่างกายดีว่าทนอากาศที่หนาวเย็นไม่ค่อยได้ อีกทั้งหากร่างกายอ่อนแออาการของพิษอาจแสดงออกมาก็เป็นได้ จึงค่อย ๆ ถอยเข้าสู่วงล้อม แต่สายตาอันแหลมคมก็กวาดมองโดยทั่วสังเกตการณ์และคิดหาทางออกไปด้วย

เป้าหมายของคนพวกนี้คือซูเมิ่ง และหากคิดว่าตอนนี้นางนั้นมีปัญหากับใครจนถึงขนาดให้ต้องจ้างคนมาทำร้ายกันเยี่ยงนี้ก็คิดไม่ออกเสียทีเดียว แต่ดูจากฝีมือและจำนวนคนพวกชายชุดดำแล้วคนจ้างต้องมีกำลังทรัพย์มากโข ซึ่งบางทีอาจไม่ใช่ศัตรูฝั่งซูเมิ่งแต่อาจเป็นของชินหวังก็ได้ แต่ดูเหมือนเป้าหมายของพวกมันจะไม่ใช่การลักพาตัวซูเมิ่งอย่างเดียวเพราะนางเพียงยืนอยู่ในวงล้อมอย่างสงบแต่กลับมีลูกศรพุ่งมาทางนางไม่ขาดสาย พุ่งมาแบบไม่คิดไว้ชีวิตเลยจริงเชียว 

ฉะนั้นพวกเขาต้องมีเป้าหมายคือฆ่านางเป็นแน่!

ซูเมิ่งไม่สามารถนิ่งและทนดูคนอื่นต่อสู้เพื่อปกป้องนางได้ ร่างบอบบางกระชับดาบในมือและเข้าร่วมการต่อสู้ทันที เวลาผ่านไปหลายเค่อเหล่าชายชุดดำก็ไม่ลามือไปเสียที คนของชินหวังเหลือเพียงห้านายเท่านั้น แม้อัตราการเสียชีวิตของฝั่งนางจะน้อยแต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะอยู่รอดหากการต่อสู้ยืดเยื้อถึงเพียงนี้

กุกกัก!

ด้วยไม่คิดว่าเส้นทางเปลี่ยวเส้นทางนี้จะมีรถม้าคันใดหลงผ่านมา ทำให้การที่มีเสียงรถม้าและม้าหลายตัววิ่งเข้ามาทางนี้จึงสร้างความตกใจให้แก่เหล่าชายชุดดำยิ่งนัก พวกเขามองไปยังต้นเสียงก่อนที่คนผู้เป็นหัวหน้าจะออกสัญญาณให้พวกตัวเองสลายตัวหายไป ซูเมิ่งและคนของชินหวังมองหน้ากันในใจพลันโล่งออกราวโยนหินก้อนใหญ่ออกไป แต่ก็ยังมิวายกระชับดาบในมือ เพราะด้วยไม่รู้วากลุ่มคนที่มาใหม่นั้นดีหรือร้ายอย่างไร

เหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้างาม ร่างกายเปียกชื้นเหงื่อ พอปะทะกับอากาศหนาวทำเอาซูเมิ่งแอบตัวสั่นอย่างมิอาจห้ามได้

“พวกท่านทั้งหลายเกิดปัญหาใดขึ้นหรือไม่?”

เสียงทุ้มนุ่มดังจากบุรุษที่เพิ่งลงจากรถม้าคันที่เคลื่อนมาขัดจังหวะนั่นเอง ซูเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงฉับพลัน นัยน์ตาลึกล้ำของตนเบิกกว้างขึ้น

เป็นเขาอีกแล้ว เย่หยางเหวิน...

“คุณหนูอยู่หลังบ่าวไว้นะเจ้าค่ะ” เย่าถิงพูดพลางดันซูเมิ่งไปด้านหลังตน ปล่อยให้ลูกน้องซือหมิงคนอื่นรับหน้าไป

“พวกเราถูกโจรแถวนี้ดักปล้นขอรับ ต้องขอบคุณพวกท่านที่ผ่านมาขัดจังหวะพวกมันพอดี”

หยางเหวินพยักหน้ารับคำ เขามองไปโดยรอบเห็นศพหลายสิบคน อีกทั้งสภาพรถม้าก็เลวร้ายน่าจะไม่สามารถใช้งานต่อได้ อีกทั้งม้าที่ใช้ต่างวิ่งหนีไปหมดแล้ว และจากที่เขาดูท่าทีของกลุ่มคนเคราะห์ร้ายตรงหน้า พวกเขาคงกำลังไม่ไว้ใจผู้มาใหม่อย่างพวกตน และดูเหมือนกำลังปกป้องสตรีนางนั้นที่ยืนกำดาบอยู่กลางวง และที่สำคัญจากสภาพการณ์ตอนนี้ดูเหมือนไม่ใช่การปล้นธรรมดาเสียด้วย

“พวกท่านมีใครบาดเจ็บหรือไม่ ข้าเป็นหมอ หากมีอะไรให้ข้าช่วยบอกมาได้เลย”

ด้วยนิสัยชอบช่วยเหลือคนที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กทำให้เขามักยื่นมือเข้าช่วยเหลือเมือเห็นคนลำบากเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่พอหยางเหวินพูดอย่างนั้นไปกลุ่มคนตรงหน้าเอ่ยขอบคุณพร้อมบอกปัดพวกเขาแทบจะทันที หยางเหวินจึงเดินกลับไปจะขึ้นรถม้า พร้อมส่งสัญญาณให้เหล่าองครักษ์ที่ตามเขามาขึ้นม้าเตรียมเคลื่อนตัว

“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะคุณชาย!”

เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้น พร้อมพยุงสตรีอีกนางที่น่าจะแต่งกายเป็นบุรุษเดินเข้ามา

“หากไม่ลำบากบ่าวอยากจะขอรบกวนท่านให้ไปส่งคุณหนูของบ่าวกลับจวนหน่อยเจ้าค่ะ”

เย่าถิงเห็นอาการของซูเมิ่งไม่ค่อยดี ใบหน้าของเจ้านายตนซีดขาวริมฝีปากไร้เลือดฝาด ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะความหนาว หากปล่อยให้ยืนตากหิมะอาการจากพิษต้องกำเริบยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่จึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น และเท่าที่นางดูท่าทีคุณชายผู้นี้แล้วท่าทางไว้ใจได้

ส่วนซูเมิ่งนั้นเริ่มไม่ได้สติ นางพิงร่างทิ้งน้ำหนักไปที่เย่าถิง ตอนต่อสู้เมื่อครู่ซูเมิ่งใช้แรงกายเยอะเกินไปพอร่างกายอ่อนแอเจ้าพิษที่สะสมในร่างกายจึงกำเริบขึ้น

“เชิญขึ้นรถเถิด”

เย่าถิงอุ้มร่างบอบบางของซูเมิ่งขึ้นรถท่ามกลางความแปลกใจของหยางเหวินและคนของเขา ด้วยมิคิดว่าบ่าวสตรีผู้นี้จะกำลังเยอะเพียงนี้ สามารถยกสตรีรูปร่างใกล้เคียงกันขึ้นอย่างไม่ลำบากเลย

จากนั้นหยางเหวินจึงตามสตรีทั้งสองนางขึ้นรถม้าไป โดยให้เย่าถิงเป็นผู้บอกทางอีกทีว่าจวนพวกนางอยู่ไหน

หยางเหวินแอบสังเกตสตรีในอ้อมอกของเย่าถิง นางมีผิวติดขาวราวหิมะอยู่แล้วพอยิ่งไม่สบายใบหน้าขาวซีดจึงทำให้ดูน่าตกใจเข้าไปอีก แม้หยางเหวินจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าเขายังดูออกเลยว่านางงดงามเพียงใด ไม่แปลกที่บ่าวนางนี้ดูหวงคุณหนูตัวเองมาก

“หากไม่รังเกียจ ข้าเป็นหมอขอตรวจดูอาการคุณหนูของเจ้าได้หรือไม่? ในรถม้าพอดีมียาบ้างอาจช่วยบรรเทาอาการนางได้”

เขามองบ่าวที่ดูลังเลชั่วครู่ ก่อนพยักหน้ารับคำ ปล่อยให้หยางเหวินเขยิบเข้ามาเพื่อตรวจดูอาการ

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status