Share

บทที่ 47

last update Last Updated: 2025-12-01 21:30:21

 

#####บทที่ 47

 

 

วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่น

ใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ 

ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไปจึงใช้ข้ออ้างขอออกไปเดินให้อาหารย่อยก่อนจึงได้ออกมาสัมผัสอากาศนอกห้องบ้าง

“คารวะคุณหนูซูเมิ่งเจ้าค่ะ”

ซูเมิ่งพ่นลมหายใจติดไอความเย็นออกมาทันที โชคไม่ดีของตนเสียจริงที่ต้องมาเจอสตรีผู้นี้ ...เจียงเหมย

ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำพลางก้าวเท้าเดินผ่านไป แต่มีหรือเจียงเหมยที่ตั้งใจมาหาเรื่องอยู่แล้วจะปล่อยผ่านเสียง่าย ๆ

“ได้ข่าวว่าท่านชินหวังเดินทางกลับถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แปลกนะเจ้าคะ ว่าที่ชายาป่วยหนักแท้ ๆไยไม่มาเยี่ยมเยียนสักหน่อย ส่งของมาให้ดูต่างหน้าก็ยังดี” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความถากถาง

“เอ หรือว่าท่านชินหวังจะได้ยินข่าวที่คุณหนูลอบคบชู้แล้ว จึงปล่อยปะละเลยเยี่ยงนี้”

ซูเมิ่งนิ่งชะงักโดยพลัน ไม่ใช่เพราะรู้สึกเสียใจกับที่เจียงเหมยพูดหรอกนะ แต่เป็นรู้สึกสังเวชเสียมากกว่า นางคงไม่รู้ว่าเมื่อวานตอนดึกทันทีที่เขากลับมาเมืองหลวงก็มาหานางเรียบร้อยแล้วต่างหาก

“เป็นเจ้าหรือข้าที่กำลังจะได้ออกเรือนกับชินหวังกันแน่ ดูเจ้าสนใจเรื่องนี้ยิ่งกว่าข้าเสียอีกนะ หากเจ้าไม่มีอันใดทำข้าแนะนำให้เข้าห้องไปท่องตำราฝึกฝนทักษะให้ชำนาญเสียจะดีกว่านะ ในอนาคตเจ้าจะได้ออกเรือนกับคุณชายชาติตระกูลดีได้อย่างที่หวัง”

พูดจบซูเมิ่งก็เปลี่ยนทิศจากที่จะเดินผ่านเจียงเหมยเพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเรือน เป็นกลับเข้าห้องไปตามเดิมเสียดีกว่า ตอนนี้นางหมดอารมณ์สุนทรีชมธรรมชาติแล้ว

หลังจากนั้นซูเมิ่งต้องนอนพักผ่อนอีกและตื่นขึ้นมาราวยามเซิน เห็นท่านพ่อยืนมองนางนิ่งอยู่ หย่งคังพอเห็นซูเมิ่งตื่นก็แย้มยิ้มมาให้ก่อนนั่งลงตรงชุดโต๊ะไม่ไกลจากเตียงนอน

“เป็นอย่างไรบ้าง เมิ่งเอ๋อเจ็บป่วยตรงไหนหรือไม่”

ซูเมิ่งส่ายหน้าเป็นคำตอบ พอนึกถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนกับหยางเหวินได้จึงเอ่ยถามผู้เป็นบิดา

“เมื่อคืนลูกได้คุยกับท่านหมอเย่ เขาบอกว่าพิษชนิดนี้สะสมในร่างกายลูกตั้งแต่แต่เกิดเจ้าค่ะ แต่เพิ่งมาแสดงอาการ ข้าเลยสงสัยว่าแล้วท่านแม่ไม่มีพิษตกค้างหรือเจ้าคะ”

เท่าที่ซูเมิ่งคิดมาทั้งคืน หากพิษชนิดนี้อยู่ในร่างกายซูเมิ่งมาตั้งแต่เกิดจริงอย่างที่หยางเหวินบอกนั่นก็หมายความว่าคนที่ได้รับพิษโดยตรงไม่ใช่เป็นเฟยจินหรอกหรือ และด้วยนางอยู่ในครรภ์จึงได้รับพิษติดตามตามกระแสเลือด หรือไม่อีกกรณีนึงก็คือนางได้รับพิษทันทีที่คลอดหรือ กรณีนี้ช่างเป็นไปได้ยากยิ่ง เด็กทารกอ่อน ๆได้รับพิษแต่ไม่แสดงอาการใดใดแม้กระทั่งผู้เป็นบิดาและมารดาก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นกรณีที่ได้รับการถ่ายทอดจากมารดาน่าจะเป็นไปได้มากกว่า

หลังจากที่ซูเมิ่งพูดประโยคก่อนหน้าไปบนใบหน้าของหย่งคังแสดงถึงรอยยิ้มดั่งเดิม แต่สำหรับคนที่จ้องมองเขาไม่คาดสายตาอย่างนางย่อมเห็นความตื่นตระหนกวาบหนึ่งของเขา แต่นั่นล่ะการที่เขาแสร้งแสดงท่าทีปรกติให้นางเห็นก็แปลว่าเขาต้องการปกปิดเรื่องนี้นางอย่างไรเล่า

“เรื่องนี้ข้าจะให้ท่านหมอตรวจดูแม่ของเจ้าอีกทีแล้วกัน เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไปหรอก” 

หย่งคังเห็นว่าซูเมิ่งยังไม่คลายสงสัยจึงหยิบเรื่องอื่นขึ้นมาพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจนาง

“และเรื่องที่ชินหวังไม่มาหาเจ้าในวันนี้มิต้องน้อยใจไปหนา เขากลับมาจากการทำงานย่อมต้องรีบไปรายงานฝ่าบาทให้เร็วที่สุด และส่วนเรื่องนี้เขาทำงานมิสูญเปล่าแน่ ครานี้ตระกูลหานมิรอดอยู่แล้ว เจ้ากลับมาสนใจเพียงร่างกายเจ้าเถอะ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นเรื่องของบุรุษเถิด”

ซูเมิ่งได้แต่พยักหน้ารับคำเพราะด้วยรู้ว่าตอนนี้ทั้งทางท่านพ่อและพี่ชายต่างก็หัวหมุนกับเรื่องจัดการกับฝ่ายตรงข้ามอยู่ ส่วนนางก็คิดว่าพวกเขาต้องทำได้แน่ ส่วนเรื่องเหมืองแร่ที่ชินหวังไปจัดการนางว่าเรื่องนี้ก็พอให้ตระกูลหานและตระกูลจ้าวรับโทษไปไม่น้อยแล้ว ฉะนั้นพวกเขาคงไม่มีเวลามาทำลายตระกูลนางหรอก ไม่เอาเวลาไปรักษาตระกูลตัวเองมิดีกว่าหรือ

และก็เป็นอย่างที่ซูเมิ่งคิด เพราะหลังจากวันที่หย่งคังคุยกับซูเมิ่งไม่นานฮ่องเต้ก็เปิดประชุมกับข้าราชบริพารเรื่องเหมืองแร่พร้อมหลักฐานที่ญาติของท่านเสนาบดีจ้าวทุจริต ซึ่งญาติผู้นี้คือขุนนางที่เสนาบดีจ้าวเอ่ยเสนอชื่อเพื่อให้มาดูแลเรื่องนี้เองเมื่อครั้งตอนที่ไป๋หย่งคังถูกปลดจากตำแหน่งแม่ทัพชั่วคราว โดยหลักฐานที่มัดตัวว่าญาติตระกูลหานและตระกูลซ่งผู้นี้ทุจริตก็คือ รายงานปริมาณแร่ที่ขุดไม่สัมพันธ์กับงบประมาณที่ใช้ในการจ้างคนงานขุดแร่ รวมถึงข้าใช้จ่ายต่าง ๆ ระยะเวลาที่ใช้นั้นมากเกินกว่าที่จะเหมาะสำหรับแร่ที่ขุดได้ในรายงาน เมื่อตรวจสอบลึกลงไปจึงพบแร่ที่ขุนนางผู้นั้นซ่อนไว้ ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงมีคำสั่งให้ประหารผู้ทรยศทันที ส่วนคนในตระกูลนั้นให้ลาออกจากตำแหน่งขุนนางทั้งหมดพร้อมริบทรัพย์สินที่พอตรวจสอบย้อนหลังก็พบว่ามีการยักยอกมาหลายครั้งแล้ว แต่โชคดีของหานเผยหนิงที่ยังคงตำแหน่งชายาขององค์ไท่จื่อได้ แต่เหมือนจะถูกปลดจากตำแหน่งชายาเอกอีกไม่นาน ส่วนทางด้านตระกูลจ้าว ตระกูลของฮองเฮาซึ่งมีความสนิทชิดเชื่อกับตระกูลหานมาช้านานย่อมต้องถูกตรวจสอบด้วยอยู่แล้ว แต่ด้วยความละเอียดรอบครอบของเสนาบดีจ้าวทำให้การตรวจสอบนั้นไม่พบหลักฐานการยักยอกหรือทุจริตใดใด สินทรัพย์ต่าง ๆล้วนมีที่มาที่ไป แต่ถึงอย่างนั้นโทษที่เสนอญาติผู้นั้นเข้ารับหน้าที่สำคัญย่อมไม่สามารถละเลยได้ ความไว้วางใจที่เคยมีย่อมสูญหายไปด้วย ฮ่องเต้ถือโอกาสนี้ตัดอำนาจของเสนาบดีจ้าวลง โดยการปลดออกจากตำแหน่งเสนาบดีให้กลายเป็นขุนนางขั้นหนึ่งควบคุมดูแลคลังอาวุธแทน

เรื่องที่นางได้ฟังจากปากของไป๋เหิงซานนี้ ซูเมิ่งคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้คิดไว้หมดแล้ว หนึ่งเลยคือเรื่องการลดทอนอำนาจของตระกูลจ้าวที่อยู่ฝ่ายฮองเฮานั้นควรทำตั้งนานแล้ว นางคิดว่าการที่ฮ่องเต้ยอมให้ญาติตระกูลหานที่เสนาบดีจ้าวเสนอให้รับหน้าที่ดูแลการขุดเหมืองแร่นั้นก็เป็นการลองใจอย่างหนึ่ง หากการขุดเหมืองแร่นี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์การเพ่งเล็งตระกูลจ้าวนั้นย่อมหมดไป และกลับกันหากเกิดการทุจริตขึ้นซึ่งเกิดในกรณีนี้จริงนั่นเท่ากับว่าการลองใจในครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของหายนะ ทั้งการปลดเสนาบดีจ้าวที่ไม่มีแม้หลักฐานโยงไปถึงนั้นคือผลจากความไม่ไว้วางใจของฮ่องเต้นั่นเอง ด้วยความที่เสนาบดีจ้าวนั้นมากด้วยประสบการณ์ย่อมต้องหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไว้อยู่แล้ว นางคิดว่าเขาคงสร้างแผนสำรองคอยโบ้ยความผิดให้ตระกูลหานอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่รอดเพราะฮ่องเต้เพ่งเล็งไว้

ส่วนบทสรุปของการที่ฮองเฮาลอบซ่องสุมกำลังพลนั้นคือถูกสั่งให้ไปสวดมนต์ที่วัดทางทิศเหนือและกองกำลังโจรนั้นถูกริบคืนทั้งหมด แต่เนื่องด้วยไม่มีสิ่งใดโยงได้ว่าเรื่องนี้ไท่จื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง องค์ไท่จื่อจึงยังคงไว้ตำแหน่งเดิมเพียงแต่ต้องกลับมานับศูนย์สร้างผลงานที่ฮ่องเต้กลับมาไว้วางใจใหม่เท่านั้นเอง

ส่วนเรื่องการที่ตอนนี้ตระกูลไป๋กลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดนั้นย่อมไม่ดีเสมอไป แม้ท่านพ่อของนางจะไม่ได้มีเป้าหมายเพิ่มอำนาจใดแต่ก็ไม่อาจไว้ใจในความละโมบของคนได้ เพื่อเป็นการเพิ่มความไว้วางใจของฮ่องเต้ ไป๋หย่งคังจึงเอ่ยไว้ว่าเขาจะขอเกษียณออกจากข้าราชการหลังจากที่ซูเมิ่งออกเรือนแล้ว ด้วยคู่อริอย่างตระกูลจ้าวก็ไม่มีพิษมีภัยทำลายตระกูลนางได้อย่างแต่ก่อนจึงไม่มีเหตุจำเป็นใดที่ต้องกุมอำนาจที่เป็นดั่งเผือกร้อนไว้ในมืออีก ซึ่งซูเมิ่งเข้าใจและเห็นด้วยในจุดนี้

และในที่สุดก็มาถึงวันงานแต่งของซูเมิ่งแล้ว ซูเมิ่งถูกปลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่งหน้าตั้งแต่ฟ้ายังมืด เป็นนางกำนัลเจี่ยงที่พานางกำนัลคนอื่นมาเป็นผู้ดูแลเรื่องการแต่งตัวของซูเมิ่ง 

“คุณหนูของบ่าวงดงามมากเจ้าค่ะ”

เป็นไป๋จื่อที่สลัดตัวเองออกจากภวังค์ได้ก่อนใคร นางมองซูเมิ่งตาค้าง วันปรกติที่คุณหนูของนางไม่แต่งหน้าก็งดงามแทบล่มเมืองอยู่แล้ว พอได้แต่งหน้า พร้อมผลัดเสื้อผ้าเพิ่มความอลังการเข้าไปทำให้คุณหนูนางคล้ายนางฟ้านางสวรรค์ลงมาเกิดเลยทีเดียว

หลังจากที่ทุกคนต่างได้สติ ต่างเอ่ยปากชื่นชมความงามของซูเมิ่งมิขาดปากและยิ่งนางกำนัลเจี่ยงนำมงกุฎหงส์ขึ้นไปประดับบนศีรษะยิ่งทำให้ร่างงามสูงสง่าเข้าไปอีก แม้กระทั่งบ่าวในห้องจะเป็นสตรีก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากเอื้อมมือสัมผัสใบหน้ารีรูปไข่นั่น และอยากลูบไล้ผิวขาวเนียนละเอียดที่โผล่พ้นผ้าออกมาด้วย

ผิวพรรณผุดผาด และความมีน้ำมีนวลที่นางมีเพิ่มเข้ามาคงเป็นเพราะหลังจากที่นางป่วยครั้งล่าสุดแล้ว ทั้งท่านพ่อและพี่ชายต่างก็ส่งสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้ซูเมิ่งดื่มไม่ขาดสาย อีกทั้งซูเมิ่งก็ถูกห้ามไม่ให้ออกไปเที่ยวนอกจวนเหมือนอย่างเคยอีก ผิวพรรณจึงขาวราวหิมะยิ่งกว่าเดิม และร่างกายซูเมิ่งก็ดูมีน้ำมีนวล เห็นสัดส่วนชัดเจน

“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status