“รายงานมาผู้กองว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เสียงเรียบ ๆ นิ่ง ๆ จากผู้บังคับบัญชา ไม่สามารถทำให้ผู้กองเพลิงเสียอาการหรือหวั่นวิตกได้ ผู้กองหนุ่มทำเพียงยืนนิ่ง ๆ มองตรงไปข้างหน้าสบสายตากับนายแล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คนตรงหน้าฟัง
“เพราะแบบนี้คุณถึงปล่อยให้คนร้ายหนีไป”
“ครับ ผมรู้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่ผมไม่สามารถพาเพื่อนร่วมอาชีพที่ไว้ใจในการตัดสินใจของผมไปตายได้ หากผมยังดึงดันที่จะเดินไปข้างหน้าต่อแน่นอนว่าตอนนี้คงไม่ได้มีเพียงคนเจ็บ แต่คงจะมีใครในหน่วยผมตายไปแล้วก็ได้”
“...”
“ผมไม่ได้บอกว่าผมหรือเพื่อนร่วมอาชีพกลัวตาย แต่การเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่แน่ใจว่าจะเจอกับดักอีกหรือเปล่านั่นมันเสี่ยงจนเกินไป ผมจึงได้ตัดสินใจถอนกำลังทันทีที่เราตามเข้าไปแล้วเจอกับห่ากระสุนที่ยิงสวนกลับมาครับ”
“...”
“แม้วันนี้ผมจะพลาดไม่สามารถจับกุมคนพวกนั้นเอาไว้ได้ แต่ครั้งหน้าผมย่อมไม่พลาดแน่นอน ผมจะวางแผนการจับกุมและทลายแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ พวกอาชญากรกลุ่มนี้ให้ได้” ผู้กองเพลิงบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง ทำให้คนที่นั่งเก้าอี้บุนวมชั้นดีพยักหน้าอย่างพอใจ
ความจริงชายวัยกลางคนคนนี้พอใจตั้งแต่ผู้กองหนุ่มตรงหน้าตัดสินใจถอนกำลังแล้ว เพราะถ้าหากเป็นเขาลงพื้นที่เขาก็จะสั่งการเหมือนผู้กองหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน
“เอาละผมเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าผมจะไม่สั่งทำโทษคุณ เพราะจากเหตุการณ์และความน่าจะเป็นทั้งหมดสิ่งที่คุณทำและตัดสินใจก็สามารถนับได้ว่าดี และสามารถทำความเข้าใจได้ เพียงแต่ว่า...”
“...”
“แต่ว่าอะไรงั้นเหรอครับผู้การ”
ใช่แล้ว คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมในห้องนี้แท้จริงคือผู้การ ผู้บังคับบัญชาของผู้กองหนุ่มนั่นเอง ท่านมีชื่อว่า ผู้การณรงค์ หรือ พลตำรวจตรีณรงค์ เดชอนันต์ ผู้ว่าการตงฉินที่ผู้กองหนุ่มให้ความเคารพนับถือ
“แต่ว่านับจากนี้คุณต้องระวังตัวเองให้ดี เพราะชีวิตคุณคงไม่ปลอดภัยนัก”
“ท่านพูดเหมือนรู้ว่าใครคือคนบงการ”
“ผมยังไม่สามารถพูดมันออกมาตอนนี้ได้เพราะยังไม่มีหลักฐาน เอาเป็นว่าคุณระวังตัวไว้ก็พอเข้าใจไหมผู้กองเพลิง”
“เข้าใจครับ”
“ดี! เพราะผมยังไม่อยากเสียตำรวจน้ำดีอย่างคุณไป” ผู้การณรงค์ว่าก่อนจะฉีกยิ้มให้คนตรงหน้า
ในขณะที่ผู้กองหนุ่มกำลังจะขอตัวออกจากห้องของผู้บังคับบัญชา สายตาก็ปะทะกับรูปภาพที่ถูกอัดกรอบไว้อย่างดี ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว
ผู้การณรงค์หรี่ตามองผู้กองเพลิงชายหนุ่มรุ่นลูกของตนก่อนจะมองตามสายตาของผู้กองหนุ่มไป แล้วก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“นั่นลูกสาวผมเอง”
“เอ่อ... ครับ” ผู้กองเพลิงละสายตาจากรูปภาพ แล้วหันมามองหน้าผู้การก่อนจะก้มหัวเป็นอันว่าเขารับรู้แล้ว
“เอาละ ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณกลับไปได้แล้ว ว่าแต่จะอยู่ในเมืองหรือจะกลับต่างอำเภอล่ะ”
“กลับต่างอำเภอดีกว่าครับ ผมไม่ชอบความวุ่นวายผู้การก็รู้ ที่สำคัญการอยู่ที่อำเภอรอบนอกตัวจังหวัดจะทำให้ผมสืบความและทำงานง่ายขึ้น ยังไงรบกวนผู้การปิดข่าวให้หน่อยนะครับ”
ผู้การณรงค์พยักหน้ารับคำ จากนั้นผู้กองหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป โดยมีสายตาและรอยยิ้มพึงพอใจของผู้การณรงค์ตามหลังมา
เอี๊ยดดด!
ในขณะที่ผู้กองหนุ่มขับรถออกจากตัวจังหวัดมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่ตรงไปยังอำเภอที่ห่างไกลความเจริญ และเรียบง่ายที่สุดของจังหวัดนี้ ก็ต้องเหยียบเบรกรถกะทันหันเพราะอยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถของเขา!
“นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมถึงได้มาตัดหน้ารถคนอื่นแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่ามันอันตราย” แม้จะไม่พอใจแต่ด้วยความเป็นตำรวจผู้มีใจห่วงความปลอดภัยของประชาชนยิ่งชีพอย่างผู้กองเพลิง ก็จำเป็นต้องตัดความไม่พอใจนั้นทิ้งไปและเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วงแทน
“ฮือ... คุณจะมารู้อะไร ฉันอยากตาย!” เสียงของหญิงสาวปริศนาที่มีผมปิดบังใบหน้าตอบกลับพร้อมทั้งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“มาคุยกันดี ๆ หยุดร้อง ไม่อย่างนั้นจะแจ้งความนะ”
“ฮือ... โฮ... เอาสิ แจ้งเลย! ฉันมันไม่เหลืออะไรแล้วนี่ ชีวิตไร้ค่า บ้านก็ไม่มีให้กลับ ได้ยินไหมว่าฉันอยากตาย อยากตาย อยากตาย อยากตาย!” หญิงสาวปริศนาไม่สนใจคำขู่ของเขา เธอยังร้องไห้และพร่ำบอกว่าอยากตายไม่หยุด
“นี่! เอาละผมขอโทษ หยุดร้องก่อนแล้วมาคุยกันดี ๆ ผมเป็นตำรวจสัญญาว่าถ้าช่วยได้จะช่วยอย่างเต็มที่” ผู้กองเพลิงบอกด้วยความจำใจ เพราะดูท่าคนตรงหน้าของเขาจะไม่ยอมออกห่างจากหน้ารถเขาไปง่าย ๆ เขาจึงได้ตัดสินใจพูดออกไปแบบนี้
“สัญญานะ”
“อืม” หลังจากที่ผู้กองหนุ่มรับคำ หญิงสาวปริศนาก็หยุดร้อง ก่อนจะเงยหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างสดใส ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ร้องไห้เสียใจเลยสักนิด
เมื่อผู้กองเพลิงได้เห็นหน้าผู้หญิงตรงหน้าชัด ๆ เขาก็ชะงักไป ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยตามปกติ
“เอาละ คุณเป็นใครมาจากไหน ผมจะได้ไปส่งถูก รู้หรือเปล่าทำแบบนี้ที่บ้านอาจตามหาได้นะเด็กน้อย”
“หนูนิดไม่ใช่เด็กนะ!” หญิงสาวส่วนกลับทันทีที่ผู้ชายตรงหน้าเรียกเธอว่าเด็กน้อย เธอจะเป็นเด็กได้ยังไงกัน เธออายุ 22 ปีแล้วนะ เหอะ หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นมองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
ผู้กองเพลิงหลุดยิ้ม ก่อนจะถามคำถามต่อไป “งั้นเหรอ ไม่ใช่เด็กงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ อย่ามาพูดว่าหนูนิดเด็กนะ หนูนิดไม่ใช่เด็กหนูนิดโตแล้ว!” หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าตอบ กิริยาท่าทางเหมือนเด็กแบบนั้นของเธอทำเอาผู้กองหนุ่มอย่างเพลิงหลุดหัวเราะร่า แล้วก็ต้องหยุดลงเมื่อมีสายตาแทบจะกลืนกินเขามองมา
"เอาละ ๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก เอาเป็นว่าจะตอบได้หรือยังว่าเป็นใครมาจากไหน ผมจะได้ไปส่งได้ถูก” ได้ฟังคำถามจากชายหนุ่ม หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าหนูนิดก็หน้าบูดบึ้งก่อนจะตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้ตำรวจหนุ่มตรงหน้าฟัง
“ฮึก! หนูนิดค่ะ ชื่อ ณิชญารีย์ ออกจากบ้านเพื่อมาหางานทำ แต่ว่าไปสมัครมาหลายที่แล้วกลับไม่มีที่ไหนรับ จะโทรบอกที่บ้านก็ไม่กล้าเพราะที่บ้านมีฐานะยากจน”
“ยากจน?”
“ใช่ค่ะ บ้านหนูนิดยากจนมาก หนูนิดจึงออกจากบ้านเพื่อจะมาหางานทำ หวังว่าเมื่อได้รับเงินค่าจ้างแล้ว จะส่งเงินส่วนนั้นไปให้พ่อกับแม่ที่ทำไร่ทำนารออยู่ที่บ้าน”
“อืม... ทำไร่ทำนาด้วย” ผู้กองหนุ่มถามยิ้ม ๆ
“ใช่ค่ะ คุณ เอ่อ...”
“ผมชื่อเพลิง”
“พี่เพลิงรับหนูนิดทำงานได้ไหมคะ”
“หืม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเรียกเขาว่าพี่
“ก็ดูแล้วพี่แก่กว่าหนูนิดนี่ ก็ต้องเรียกพี่สิ หรือจะให้หนูนิดเรียกลุงกัน” จบคำพูดของหนูนิด ผู้กองเพลิงรู้สึกว่าขมับทั้งสองข้างบีบรัดอย่างรุนแรง ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะคำว่าแก่จากปากของหญิงสาว
“เอ่อ... ขอโทษค่ะ แต่พี่เพลิงรับหนูนิดทำงานเถอะนะคะ ไม่งั้นหนูนิดไม่มีที่ไปแน่”
“แล้วทำไมไม่กลับบ้าน”
“ไม่ได้! เอ่อ... คือหนูนิดหมายถึงถ้าหนูนิดกลับ ที่บ้านจะเอาเงินไหนใช้ แล้วพ่อกับแม่ก็ต้องทุกข์ใจ หนูนิดไม่ต้องการแบบนั้น”
“...”
“พี่เพลิงรับหนูนิดทำงานเถอะนะคะ หนูนิดสัญญาว่าจะไม่วุ่นวายเด็ดขาด ทั้งยังจะทำงานให้สุดความสามารถเลย” ผู้กองเพลิงมองคนตรงหน้า ที่ตอนนี้กระโดดเกาะแขนเขาไว้แน่น มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนเหมือนแมวอ้อนเจ้าของ ใจที่เคยแกร่งก็รู้สึกอ่อนยวบลงไปทันตา
“นะคะ นะค้า... นะคะพี่เพลิง รับหนูนิดทำงานเถอะนะคะ” หนูนิดพูดกับชายหนุ่มพร้อมทั้งลงทุนออดอ้อนผู้ชายตรงหน้าสุดฤทธิ์
“เอาละ ๆ จะรับไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าอยากกลับเมื่อไหร่ให้บอกทันทีเข้าใจไหม จะได้ไปส่ง”
“จริงนะคะ”
“อืม”
“เย่! ขอบคุณพี่เพลิงมาก ๆ ค่ะ” พูดจบหนูนิดก็เดินหิ้วกระเป๋าขึ้นรถของผู้กองหนุ่มทันที
ผู้กองเพลิงมองตามร่างเล็กของหญิงสาวก่อนจะส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วจึงตามเธอขึ้นรถก่อนจะขับรถออกไป
“อ่า... นี่บ้านพี่เพลิงเหรอคะ”หญิงสาวร่างเล็กมองบ้านตรงหน้าด้วยความพอใจ เพราะที่นี่นอกจากจะสงบแล้ว ยังอยู่ใกล้ป่าเขาซึ่งเป็นธรรมชาติสามารถสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดได้ดีที่สุด“ครับ”“สวยและร่มรื่นมาก ๆ เลยค่ะ หนูนิดชอบ!” หญิงสาวว่า ก่อนที่จะพาร่างบอบบางของเธอเดินสำรวจทั่วบ้าน ก่อนจะวิ่งเข้าไปสำรวจในบ้านโดยมีผู้กองหนุ่มถือกระเป๋าเดินตามมาทีหลัง“เฮ้อ! คิดถูกคิดผิดวะเนี่ย” ในขณะที่ถือกระเป๋าเดินตามร่างเล็กเข้าไปในบ้าน ผู้กองเพลิงก็อดบ่นออกมาเบา ๆ ไม่ได้“บ้านพี่เพลิงดีมากเลยค่ะ หนูนิดชอบมาก แบบนี้สิจะได้อยู่ได้นาน ๆ หน่อย” คนตัวเล็กยังคงพูดต่อไปผู้กองเพลิงนั่งลงที่โซฟากลางห้องรับแขกของบ้าน ตาก็มองร่างเล็กสำรวจห้องนั้นห้องนี้ด้วยความสบายใจ“สำรวจพอหรือยัง”“อุ้ย!” เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม หนูนิดก็พาตัวเองมานั่งลงที่โซฟาอีกตัวตรงข้ามกัน พร้อมกับส่งยิ้มให้กับเขา“แค่ดูนิดหน่อยเอง พี่เพลิงอย่าดุหนูนิดเลยนะคะ” หญิงสาวพูดพร้อมทั้งส่งสายตาออดอ้อนไปให้ผู้กองเพลิงแห่งหน่วยปราบปรามพิเศษเหยี่ยวดำที่ว่ากันว่าใจแข็งและเยือกเย็นนักหนา สามารถฆ่าโจรผู้ร้ายได้โดยไม่กะพริบตา ตอนนี้กลับใจอ่อนยวบเพราะหญิ
“สดชื่นจัง”หนูนิดตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น เธอสูดลมหายใจเอาอากาศที่แสนบริสุทธิ์เข้าปอดโดยไม่มีฝุ่นควันหรือมลพิษอย่างในเมืองได้อย่างสบายใจใบหน้าสวยแต้มรอยยิ้มที่มุมปากจาง ๆ ในขณะที่แขนก็เหยียดตึง บิดขี้เกียจไปพร้อม ๆ กัน ทว่าหญิงสาวไม่อาจทำตัวขี้เกียจอย่างที่ควรเป็นได้ เพราะเธอมาที่นี่ในฐานะคนงานของเพลิง ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องหักห้ามใจรีบไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปข้างล่างเพื่อเข้าครัวทำอาหารทันที ตุบ ตุบ ตุบ“อู้วววว! วงแขนกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกซ์แพ็กแน่น ๆ หูย ดีอ่า... เห็นแล้วใจละลาย” หนูนิดพูดออกมาในขณะที่สายตามองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเช้าวันนี้เมื่อหนูนิดเข้าครัวทำอาหารเสร็จแล้ว เธอจึงได้ไปตามเขามาทานข้าวเช้าด้วยกัน แต่กลับไม่เจอชายหนุ่มอยู่ที่ห้อง หญิงสาวจึงต้องมาตามหาชายหนุ่มนอกบ้าน แล้วเธอก็พบกับร่างของชายที่เธอชื่นชอบกำลังออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน“ฮือ... ยิ่งมีเหงื่อไหลออกมาแบบนั้นยิ่งหน้าซบไปอีก! พี่เพลิงของหนูนิดจะน่ากินเกินไปแล้ว!”หญิงสาวยืนบิดไปมา เมื่อภาพที่เธอเห็นตอนนี้คือ เหงื่อที่ออกมาจากการออกกำลังกายของเพลิงไหลลงมาช้า ๆ ตามกล้ามแขน หรือใบหน้า ยิ่งเห็นเขาหยุดมือแล้วหยิ
“คุณอีธาน”“ว่ายังไงเจ้าสัวอิทธิ”เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะระหว่างคนสองคนที่จ้องตากันผ่านหน้าจอโทรศัพท์กล้องวิดีโอคอลฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อก่อนคืออีธาน อีธานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือเรียกอีกอย่างคือหัวหน้าการก่ออาชญากรรมเป็นบอสใหญ่ขององค์กรค้ามนุษย์ข้ามชาติรวมถึงสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้พักอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษเพื่อไปขยายธุรกิจมืดที่นั่นชายหนุ่มอีธานกำลังคุยโทรศัพท์กับเจ้าสัวอิทธินายหน้าองค์กรค้ามนุษย์ข้ามชาติทางตอนเหนือรายใหญ่ของประเทศไทย เดิมทีทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกันค่อนข้างมากเพราะเจ้าสัวอิทธิจะเป็นฝ่ายจัดหาสินค้ามีชีวิตส่งไปให้อีธานเสมอทั้งสองจึงพูดคุยกันด้วยดีเสมอมาแต่ตอนนี้เจ้าสัวอิทธิไม่สามารถส่งสินค้าให้กับอีธานมาแล้วหลายครั้ง ทำให้เขาเสียผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล ดังนั้นบรรยากาศการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ของคนทั้งคู่จึงไม่ดีนักส่วนเจ้าสัวอิทธิ คือผู้มีอิทธิพลค่อนข้างมากในจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศไทย และเป็นผู้มีชื่อเสียงและอิทธิพลลำดับต้น ๆ ของประเทศ เนื่องจากเจ้าสัวอิทธิชอบบริจาคเงินช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้าหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุอยู่เสมอ ผู้คนจึงรู้จักเขาในชื่อ เจ้าสัวนั
“อื้อ! เช้าแล้วเหรอเนี่ย”หนูนิดลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจยามเช้า เธอสะบัดไล่อาการขบเมื่อยไปมา ก่อนจะยกมือน้อยของเธอปิดปากหาวเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำจัดการตัวเองอย่างไม่เต็มใจหนูนิดชอบที่นี่มาก แต่การตื่นเช้าทุกวันแล้วมาทำอาหารให้ชายหนุ่มทานเธอก็รู้สึกเพลีย แม้ว่าเธอจะชอบการทำอาหารและมีความสุขที่เห็นเขาทานทุกอย่างที่เธอทำหมดทุกครั้งก็เถอะ“ขี้เกียจจัง ทำไมพี่เพลิงไม่รุกหนูนิดสักทีเล่า! จะว่าเป็นเกย์ก็ไม่ใช่ ในเมื่อพี่เพลิงมีผู้หญิงไม่ขาดขนาดนั้น เอ๊ะ! หรือว่าเรามีสิ่งที่น่าดึงดูดไม่เพียงพอ”หนูนิดพูดพร้อมกับก้มมองหน้าอกตัวเองอย่างสับสน ขนาดของหน้าอกของเธอไม่สมควรน้อยสิ นี่มันคือสิ่งที่ดึงดูดผู้ชายให้มองเธอเลยนะ จะบอกว่าพวกผู้ชายมักชอบมองนมเธอก่อนมองหน้าก็ว่าได้แล้วทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงไม่ได้ผลกับพี่เพลิงผู้ชายที่เธอหมายปองเล่า!หนูนิดคิดด้วยความสับสนและไม่พอใจ แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นไปแล้วรีบฉีกยิ้มแจกความสดใสให้อากาศในห้องก่อนที่เธอจะเดินลงไปยังห้องครัว ทว่ายังไม่ทันไปถึงห้องครัวก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเรียกของชายหนุ่มได้หยุดไว้“หนูนิด”“คะพี่เพลิง”“วันนี้ไม่ต้องทำ
“นี่! คุณนิดคุณไม่ต้องร้อนใจไปหรอก เดี๋ยวลูกสบายใจก็กลับมาเองนั่นแหละ”ณ บ้านหลังใหญ่ในตัวจังหวัดที่มีร่างของหญิงวัยกลางคนกำลังว้าวุ่นเดินกลับไปกลับมา ทั้งยังสั่งให้คนออกตามหาผู้เป็นลูกสาวให้วุ่นหญิงวัยกลางคนผู้นี้แท้จริงแล้วคือคุณนิตยา เดชอนันต์ ภรรยายังสวยของผู้การณรงค์ และเป็นแม่ของหนูนิดนั่นเองคุณนิตยากำลังกังวลและร้อนใจอย่างหนักเมื่อผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วกลับติดต่อผู้เป็นลูกสาวไม่ได้ ทั้งยังให้คนออกตามหาก็ยังไม่พบ จึงไม่สามารถนิ่งได้อีก จนผู้เป็นสามีอย่างผู้การณรงค์พูดปรามนั่นล่ะ คุณนิตยาถึงได้หยุดเดินและหันมามองผู้เป็นสามีเขม็ง“อะไรกันคุณมองผมแบบนั้นทำไม” ผู้การณรงค์พูดหลังจากเจอสายตาพิฆาตจากภรรยาคู่ชีวิต“ฉันแค่แปลกใจ ทำไมคุณถึงดูไม่ร้อนใจกระตือรือร้นที่จะตามหาลูกสาวเราเลยล่ะคะ”“...”“หรือว่า... คุณมีอะไรปิดบังฉันใช่ไหม” คุณนิตยาหรี่ตาจับผิด“อะไรกันคุณ เปล่าสักหน่อย ผมก็เป็นห่วงลูก แต่ลูกโตแล้วคุณก็ปล่อย ๆ ลูกบ้างเถอะ” ผู้การณรงค์รีบปฏิเสธทันที เขาไม่สามารถให้ภรรยารู้ได้ว่าเป็นเขานี่แหละที่ให้การช่วยเหลือหนูนิด“จะให้ฉันปล่อยได้ยังไง นั่นลูกฉันทั้งคนนะ”“นี่คุณนิด ลูกก็บอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“มาแล้วค่า” หนูนิดรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องเมื่อมีเสียงเคาะจากด้านนอก ทว่าเมื่อจะบิดลูกบิดประตูเธอก็ชะงักมือ เหตุการณ์เมื่อวานที่ชายหนุ่มจูบและพูดกับเธอก็ลอยวนเข้ามาในหัวนั่นมันจูบแรกของเธอเลยนะ!ดังนั้นเมื่อคืนกว่าหญิงสาวจะหลับก็ดึกแล้ว วันนี้เธอถึงได้ตื่นสายยังไงล่ะก๊อก ก๊อก ก๊อก“เปิดแล้วค่ะ เปิดแล้ว”พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูห้องออกไป เมื่อเงยหน้าก็สบสายตาเข้ากับชายหนุ่มที่มองมาอยู่ก่อนแล้วจู่ ๆ ใบหน้าของเธอก็เห่อแดง จนชายหนุ่มหลุดขำ“พี่จะไปทำงานแล้ว อย่าไปไหนไกลนะครับ แล้วก็อยู่บ้านดี ๆ อย่าดื้อล่ะ”“หึ! รู้แล้วน่า เลิกพูดเหมือนหนูนิดเป็นเด็กสักทีเถอะ หนูนิดเป็นเด็กที่ไหนกัน” หญิงสาวตอบด้วยความไม่พอใจ ที่ถูกชายหนุ่มพูดราวกับเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร“ยังไงก็เด็กอยู่ดี อย่าดื้อล่ะ ถ้าไม่เชื่อฟังกลับมาจะถูกลงโทษ”จุ๊บ“นี่!” หนูนิดยกมือลูบริมฝีปากที่จู่ ๆ ก็ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้วต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่ที่หญิงสาวถูกชายหนุ่มจูบเมื่อวาน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกว่าเขาเอาเปรียบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ“ปากบอกว่าเราเป็นเด็ก แต่ดันชอบมาขโมยจูบจากเราตลอดเลย อ
“หายไปไหน”ผู้กองเพลิงพูดเพราะหลังจากที่เขากลับมาจากทำงานเมื่อมาถึงบ้านก็ไม่เจอหนูนิดแล้ว ปกติเธอจะชอบมานั่งรอเขาบริเวณโต๊ะหน้าบ้านเสมอ แต่วันนี้กลับไม่นั่งคอยเหมือนเดิมเมื่อเข้าไปดูในบ้านและห้องนอนของเธอก็ไม่พบทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้ายังคงอยู่ในตู้ ชายหนุ่มจึงได้พูดออกมา เขาเดินไปยังโรงจอดรถและกดรีโมตที่เขาติดตั้งไว้ เพื่อเอารถมอเตอร์ไซค์ออกมา ทว่าเมื่อพื้นเปิดแล้วกลับไม่มีรถลูกรักจอดอยู่เหมือนทุกทีหัวชายหนุ่มเต้นตุบตุบ ผู้กองเพลิงรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกหนูนิดปั่นหัว แผนการทำโทษต่าง ๆ นานา ถูกชายหนุ่มร่างไว้คร่าว ๆ“ป้าจันทร์ครับเห็นหนูนิดหรือเปล่าครับ” เมื่อหาไม่เจอและไม่รู้ว่าจะติดต่อคนก่อเรื่องยังไง จึงต้องไปถามป้าข้างบ้านที่เขาเคยไปฝากฝังหนูนิดไว้“หนูนิดเหรอ อืม... เห็นบอกป้าว่าจะขับรถไปร้านอาหารตามสั่งนะ” ได้ฟังคำตอบของป้าจันทร์ ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจ แต่ว่าก็ยังไม่สบายใจเพราะบางสิ่งบางอย่างกำลังร่ำร้องว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะล้ำเส้นเขาอยู่ และรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนอยากลองดียุ่งเกี่ยวกับของรักของหวงของเขาผู้กองเพลิงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมาก ดังนั้นเขาจึงขบกรามแน่นทันที“ผ
“หนูนิดหยุดก่อน หนูนิด! อย่าเดินหนีพี่นะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง”“...”“หนูนิด!”ผู้กองเพลิงตะโกนเรียกเจ้าของชื่อให้หยุดเดิน ทว่าหญิงสาวก็ไม่หยุด เธอเดินเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มจึงรีบจอดรถแล้วตามเข้าไปด้านในทันทีเมื่อเข้ามาในบ้านก็เห็นคนตัวเล็กนั่งเอาหลังพิงโซฟาเชิดหน้าขึ้น สองมือกอดอก ยกขาขวาไขว่ห้างขยับเท้าไปมาอย่างสบายใจ เห็นแบบนี้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกอยากสั่งสอนคนตรงหน้าให้เลิกดื้อและทำท่าทางเอาแต่ใจนี่สักที “บอกให้รอทำไมไม่รอ”“ก็รอแล้วนี่ไงคะ นั่งอยู่นี่ไม่ได้ขึ้นไปข้างบนสักหน่อย” หนูนิดเถียงกลับ ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเข้ามานั่งที่โซฟาตรงกันข้ามมองสบสายตากลมโตของเธอด้วยสายตาดุ“หึ! ถ้าจะมองแบบนี้ด่าออกมาก็ได้เถอะ” หนูนิดพูดก่อนจะสะบัดหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์“เป็นอะไรครับ” ทว่าน้ำเสียงอ่อนโยนจากผู้กองหนุ่ม ทำเอาใจหญิงสาวอ่อนยวบ แต่เธอก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ดี“หนูนิดอย่าเอาแต่ใจแล้วมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นะ อย่าลืมนะว่าพี่เป็นเจ้านายของเธอ”“ชิ! หนูนิดไม่ทำงานแล้วก็ได้”“งั้นจะไปไหน”“หนูนิดจะกลับบ้าน!”“ไม่ต้องการเงินไปให้พ่อกับแม่แล้วเหรอ”“ไม่! พ่อแม่หนูนิดรวย”“รวย! แล้วมาบอกพี่ว่าไม่มีที
2 เดือนต่อมางานแต่งงานของร้อยตำรวจเอกเพลิง พงศ์พิริยะ และนางสาวณิชญารีย์ เดชอนันต์ ได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดแขกเหรื่อมากหน้าหลายตามากมายมาแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างเหนื่อยกับการต้อนรับไปหมด แต่ว่าหน้ายังคงฉีกยิ้มเพราะตอนนี้ทั้งคู่กำลังมีความสุขมากเมื่อได้แต่งงานกันสักทีพิธีการถูกดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามกำหนด จนมาถึงพิธีการสำคัญนั่นคือการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและเพื่อนสนิทของทั้งสองจึงได้ขึ้นไปส่งยังห้องที่ทางโรงแรมเตรียมไว้พร้อมกับค่อย ๆ อวยพรให้ทั้งสองทีละคน“แม่ขอให้ลูกทั้งสองรักกันนาน ๆ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูกนะ” คุณนิตยาพูดพร้อมกับจับมือบ่าวสาวไว้“พ่อฝากน้องด้วยนะเพลิงจากนี้ดูแลน้องแทนพ่อด้วย รักกันนาน ๆ นะลูก” ผู้การณรงค์พูดบ้าง“พ่อขอให้เพลิงคิดอ่านสิ่งใดด้วยความรอบคอบ ตอนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว แต่มีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล ดังนั้นถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาพ่อกับแม่ได้เสมอ ลูกก็เหมือนกันนะหนูนิด พ่อดีใจที่ได้เราเป็นลูกสะใภ้” ผู้พันพีระพูดด้วยรอยยิ้ม“แม่ขอให้ลูกทั้งสองคนมีแต่ความรักและความ
เช้าวันต่อมารถยนต์คันหรูได้เคลื่อนตัวออกจากบ้านพงศ์พิริยะตรงไปที่บ้านเดชอนันต์ ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึง แม้จะไม่ไกลมากแต่ท้องถนนการจราจรติดขัดจึงไม่สามารถขับรถเร็วกว่านี้ได้ เมื่อมาถึงประตูรั้วบ้านพงศ์พิริยะก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว“สวัสดีครับผู้พันพีระ คุณพิมพ์พิมล เชิญด้านในครับ”“ขอบคุณครับผู้การณรงค์” ผู้พันพีระพูดเดินตามพลตำรวจที่ยศน้อยกว่าตนด้วยรอยยิ้ม โดยมีคุณพิมพ์พิมลผู้เป็นภรรยาเดินยิ้มอยู่ข้าง ๆ และที่ยิ้มมากที่สุดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้กองเพลิง!“มากันแล้วเหรอคะคุณ ยายพิมพ์!” คุณนิตยาที่ไปเตรียมน้ำมาต้อนรับแขกด้วยตัวเองเมื่อเห็นแขกเดินเข้ามาในบ้านแล้วจึงถามผู้เป็นสามี ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเพื่อนสมัยประถมยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคน และอีกหนึ่งหนุ่มที่เธอรู้จัก“ว่าไงยายนิดตกใจเลยล่ะสิ”“ใช่ แล้วนี่เธอมาทำไม แล้ว?” คุณนิตยาเอ่ยถามด้วยความสับสนงุนงง คุณพิมพ์พิมลเห็นท่าทางแบบนั้นจึงได้แนะนำลูกชายและสามีให้อีกฝ่ายได้รู้จัก คุณนิตยาเธอเป็นเพื่อนกับคุณพิมพ์พิมลจริง และมีความคิดที่จะให้ลูกสาวเธอและลูกชายเพื่อนคนนี้ได้รู้จักกัน แต่ไม่คิดเลยว่าเจอกันอีกครั้งในวันนี้
“สวัสดีค่ะเมื่อวานนี้เวลาสิบนาฬิกาได้มีการบุกเข้าจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติและสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ศาลพิจารณาให้เป็นคดีอาชญากรรม ซึ่งถ้าพูดถึงผู้ร้ายหรือที่ศาลเรียกว่านักโทษอาชญากรรายใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศไทยไม่คิดเลยนะคะว่าจะเป็นเจ้าสัวในคราบนักบุญ หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในนาม เจ้าสัวใจบุญ อย่างเจ้าสัวอิทธินั่นเองค่ะ”“ผลการจับกุมครั้งนี้ปรากฏว่าเมื่อทำการสืบสาวและไต่สวนกลับพบว่าเบื้องหลังกลับมีคนใหญ่คนโตเกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัวอิทธิที่ตายคาที่ระหว่างจับกุม อีกคนคือนายอำเภอบุญ ที่มีข่าวว่าใจดีชอบช่วยเหลือผู้คนก็เกี่ยวข้องในคดีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ลูกสาวของนายอำเภอบุญยังตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกยิงอาการสาหัสนอนอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีตำรวจคอยเฝ้าระวังด้วย และนอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยคนอื่น ๆ ในคดีนี้อีกด้วย แต่ว่าศาลขอปิดเป็นความลับเนื่องจากเกี่ยวข้องกับรูปคดี” “อย่างไรก็ตามการจับกุมในครั้งนี้เป็นการจับกุมครั้งใหญ่จึงได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายได้รวมตัวกันเข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตามการปฏิบัติภารกิจหน้าที่จับกุมคนร้ายอาชญากรในครั้งนี้นำทีมโดยผู
ร้อยตำรวจเอกเพลิงได้วางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่จะจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติและสิ่งผิดกฎหมายในอีกสองวันข้างหน้าไว้เป็นอย่างดีแล้วทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพทั้งหลักฐานและพยานบุคคลต่าง ๆ รวมถึงด้านกำลังคนและเจ้าหน้าที่ทั้งกองกำลังพิเศษทางตำรวจและทหาร ไหนจะเจ้าหน้าที่สากลที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วยเนื่องจากนี่เป็นการจับกุมครั้งยิ่งใหญ่เพราะผู้ร้ายอาชญากรเหล่านี้ก่อคดีอาชญากรรมมีการทำงานเป็นลูกโซ่หลายต่อ ดังนั้นเมื่อต้องการจับกุมและทำลายองค์กรใหญ่พวกนี้ ข้าราชการและเอกชนหลายหน่วยงานจึงต้องร่วมมือกันเพื่อจับกุมและทำลายกลุ่มคนเหล่านี้นั่นเองทางด้านเจ้าสัวอิทธิตอนนี้ได้เดินทางมายังบ้านนายอำเภอบุญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อมาดูสินค้าที่นายอำเภอบุญได้จัดเก็บไว้ รวมถึงวางแผนจะจัดการผู้กองเพลิงอีกด้วยก่อนหน้านี้ที่เขาได้ให้ลูกน้องฝีมือดีมาเก็บผู้กองเพลิง กลับพบว่าพวกมันทำงานพลาดทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สุดท้ายเจ้าสัวหนุ่มใหญ่จึงต้องรีบเปลี่ยนแผนการทั้งหมดใหม่คืนนั้นเจ้าสัวได้นอนพักที่บ้านของนายอำเภอบุญ กลางดึกของคืนนั้นเองที่มีสิ่งไม่สมควรเกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งไม่ดี เพราะสิ่งที่เก
“เด็กดีกลับบ้านไปก่อนนะครับ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยบอกคนที่นั่งบนหน้าตักซุกหน้าที่ซอกคอมือกอดเอวเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเช้าวันนี้ผู้กองเพลิงถูกหนูนิดออดอ้อนครั้งแล้วครั้งเล่าหลายครั้งที่เขารู้สึกอยากใจอ่อนให้เธออยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อ แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของหญิงสาวระหว่างที่เขาไปทำภารกิจจับกุมคนร้าย บางทีระหว่างนั้นอาจมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ ยิ่งช่วงนี้มีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านอยู่หลายครั้ง ชายหนุ่มยิ่งระวังตัวเป็นเท่าตัว“หนูนิดไม่อยากกลับ พี่เพลิงให้หนูนิดอยู่ด้วยนะคะ หนูนิดสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน” หนูนิดพูดพร้อมทั้งกระชับกอดให้แน่นขึ้น“ไม่ได้ครับ”“เพราะพี่เพลิงได้หนูนิดแล้วใช่ไหมพี่เพลิงถึงได้เป็นแบบนี้ พี่เพลิงผลักไสไล่ส่งหนูนิด พอหนูนิดกลับบ้านพี่เพลิงก็จะไปหาผู้หญิงคนอื่น”“เหลวไหล! ใจพี่มีเพียงหนูนิด พี่จะไปมีคนอื่นได้ยังไง” ผู้กองเพลิงรีบแย้งเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ แล้วเร่งอธิบายต่อว่า“พี่จะไปทำภารกิจ ดังนั้นถ้าหนูนิดอยู่ที่นี่ถึงจะอยู่ในบ้านพี่ก็ไม่สบายใจ พี่กลัวว่าจะโดนคนพวกนั้นตลบหลังและมาเล่นงานหนูนิดแทน ถ้าไม่ใช่อย่างที่พี่คิดมันก็ดีไป แต่ถ้าใช่ล่ะ
“ตื่นแล้วเหรอครับเด็กดี”ผู้กองเพลิงพูดทักทาย เมื่อเขาเห็นว่ารางเล็กของหนูนิดเริ่มขยับไปมา แล้วมือเจ้าตัวก็ยกขึ้นปิดตาก่อนจะกะพริบตาไปมาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง“อย่าขยี้ตาครับ เดี๋ยวตาแดง”ผู้กองเพลิงรีบเอ่ยห้ามและจับมือหนูนิดไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเธอยกมือหมายจะขยี้ตาหนูนิดมองสบตาคมดุที่มองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างหงุดหงิดที่ถูกห้าม แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนใบหน้าสวยก็เห่อแดงขึ้นมาแล้วรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมหน้าไว้ ริมฝีปากของเธอขบกันแน่น ในหัวสับสนวุ่นวายไม่สามารถจัดเรียงความคิดได้ อาการของหญิงสาวตรงข้ามกับผู้กองเพลิงลิบลับ ชายหนุ่มยกยิ้มขำและเอ็นดูเด็กดื้อของเขาคนนี้เหลือเกิน ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงนอนส่งผลให้ร่างเล็กตัวแข็งทื่อ ทว่าหญิงสาวเกร็งตัวได้ไม่นานก็ต้องดีดตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเมื่อได้ฟังคำพูดของเขา“ถ้าหนูนิดยังไม่ยอมลุกขึ้นมาดี ๆ พี่จะปลุกหนูนิดด้วยการเอาน้องชายไปทักทายน้องสาวดีไหมครับ”“อ้าว ไม่นอนห่มผ้าต่อแล้วเหรอครับ” ผู้กองเพลิงเอ่ยปากถาม ทั้งยังยิ้มล้อเลียนหญิงสาวจนได้รับค้อนวงโตจากเธอ“ไม่ต้องมาพูดเลยนะ ห้ามยิ้มด้วย”“ไม่ยิ้มได้ไง
ผู้กองเพลิงบดขยี้ความร้อนรุ่มลงบนริมฝีปากบางอย่างดุดัน ลิ้นหนาตวัดเกี่ยวกับลิ้นบาง จนหนูนิดที่ถูกสอนจูบอยู่บ่อย ๆ ก็ยังโต้ตอบและหายใจไม่ทัน ไหนจะสมองเบลอเพราะถูกคนที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์หลอกล่ออีกตุบ ตุบเมื่อสู้ไม่ไหวหนูนิดก็ต้องทุบตีเรียกสติของเขา ทว่าเขายอมให้เธอหายใจเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ริมฝีปากหนาก็บดจูบลงมาอีกครั้ง คราวนี้เขาทั้งขบกัดริมฝีปากเธอจนได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ“อื้อ อื้อ”หนูนิดครางประท้วงเพราะรู้สึกเจ็บ ผู้กองหนุ่มจึงละจากริมฝีปากแล้วขยับปากไปตามกรอบหน้าของเธอจนไปหยุดที่ใบหูเล็ก เขาหยอกล้อขบเม้มติ่งหูของเธอไปมา ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปเลียในใบหูของเธอจนหญิงสาวต้องย่นคอหนีผู้กองเพลิงเห็นคนตัวเล็กขัดขืนก็เกิดความไม่ชอบใจ จึงเปลี่ยนเป้าหมายจากใบหูเป็นซอกคอขาวระหงของเธอแทน เขาซุกไซ้จนหญิงสาวอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงไปหมด คอขาวเกิดร่องรอยสีแดงที่ใครหลายคนเรียกว่ารอยคิสมาร์ก รอยดูด หรือรอยรัก อยู่สองสามจุดเมื่อสร้างรอยรักตีตราจองจนพอใจแล้ว ผู้กองเพลิงก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังดอกบัวตูมที่ทั้งนุ่มทั้งเด้งสู้มือเขายามมันถูกบีบขย้ำ“พะ... พี่เพลิง”หนูนิดเรียกชื่อเขาเสียงสั่
“เพลิง เพลิงคะ”ใบเตยรีบเข้าไปเขย่าร่างของชายหนุ่มและพยายามเรียกสติเพื่อดูว่าเขาไร้สติจริงหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มสติไม่ครบร้อยรวมทั้งฝ่ามือหนาที่ลูบไล้เอวคอดของเธออีกหญิงสาวก็รู้สึกสบายใจ ประคองชายหนุ่มขึ้นไปยังห้องนอนของเธอทันที“ในที่สุดคุณก็จะเป็นของเตย”หญิงสาวพูดใช้มือลูบไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยความอ่อนโยนและเสน่หา จากนั้นจึงเริ่มปลดเสื้อออกจากตัวเขาและเธอใบหน้าของใบเตยก้มหน้าไปแนบชิดกับผู้กองเพลิงช้า ๆ ริมฝีปากบางยกยิ้ม ดวงตาสวยกวาดมองไปทั่วใบหน้านี้อีกครั้งแล้วมาหยุดลงที่ริมฝีปากหนา จากนั้นจึงก้มหน้าหวังประกบริมฝีปากและดำเนินกิจกรรมรักตามที่เธอฝันเสียทีทว่าอีกเพียงแค่คืบเดียวปากเธอและเขาจะประกบกัน สติของหญิงสาวก็ขาดหายไป หลับกลางอากาศก่อนจะฟุบหน้าลงที่ซอกคอของชายหนุ่มอย่างไร้สติ“หึ! ถ้าไม่ใช่หนูนิดอย่าหวังเลยว่าจะได้แอ้มผม ดีนะที่เป็นตำรวจร่างกายจึงแข็งแรงและมีความอดทนอดกลั้นดีกว่าคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้แน่” ผู้กองเพลิงพูดก่อนหน้าที่เขาจะมาที่บ้านของนายอำเภอบุญ ผู้กองปราบเพื่อนของเขาได้เตือนเขาเรื่องยาปลุกเซ็กซ์ไว้เสียหลายค
ด้านร้อยตำรวจเอกเพลิงหลังจากขับรถมอเตอร์ไซค์ลูกรักออกมาจากบ้านได้แล้ว ผู้กองหนุ่มก็แวะไปสถานที่นัดหมายก่อนถึงบ้านนายอำเภอเพื่อรับของและเตรียมการบางอย่าง หากมีอะไรเกิดขึ้นและจวนตัวเขาจะได้หลบหนีออกมาได้ทัน“ไอ้เพลิง แกเข้าไปในถ้ำเสือก็ระวังด้วยนะเว้ย ทางที่ดีพยายามเลี่ยงที่จะอยู่กับลูกสาวนายอำเภออย่างคุณใบเตยดีกว่าว่ะ บอกตามตรงว่าฉันกลัวแทนแกมาก ผู้หญิงอะไรวะจ้องแต่จะเขมือบแก”“เออน่าฉันรู้ ว่าแต่แกเถอะเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อยนะเว้ย ฉันจะได้ใช้โอกาสนั้นหนีออกมา”“ทำไม รีบหนีนี่ไม่ได้กลัวคุณใบเตย แต่แกกลัวหญิงสาวคนสวยที่รอแกอยู่ที่บ้านใช่มะ” ผู้กองปราบเอ่ยแซว“เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับแก”“อู้ว... ร้ายกาจ ๆ ไม่ต้องห่วงนะผู้กองเพลิงหากแกพลาดท่าเสียทีให้คุณใบเตยลูกสาวนายอำเภอ ฉันผู้กองปราบ ปราบดา เพื่อนสนิทแกคนนี้จะคอยดูแลคนทางบ้านให้แกเอง”“ไอ้ปราบ!”“อุ้ย ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ยังไงก็ระวังตัวด้วย” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงกดต่ำชวนขนลุกและสายตาฟาดฟันที่ส่งมาจากผู้กองเพลิง ผู้กองปราบก็ยิ้มขอโทษก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันทีผู้กองเพลิงไม่สนใจเพื่อนสนิทของตัวเองนัก เมื่อแผนก