Share

บทที่ 44

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-09-03 17:54:00

ในขณะที่พลขับจัดเตรียมรถม้าตามคำสั่งอยู่ที่ไหนสักที่ ท่ามกลางย่านร้านค้าผู้คนคับคั่ง ลูคัสและมาธาได้แต่เหลียวสบตากัน ก่อนมองไปทางด้านหน้าด้วยแววตาใคร่รู้

ในสายตาผู้ติดตามและต้นห้อง เวลานี้นายท่านกับคุณหนูช่างดูมีความสุข พวกเขาต่างมีรอยยิ้มบางเบาประดับริมฝีปาก ดวงตาเปล่งประกาย ใบหน้าผ่องใส แววตาสดชื่น

ปากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ สายตาก็จ้องมองกันและกัน ทำราวกับโลกนี้มีแค่ตนเองกับอีกฝ่าย

เหมือนคู่รักตัวอย่าง ดูหวานซึ้ง น่าประทับใจ ทั้งลูคัสและมาธาต่างคิดตรงกัน

ชาวเมืองที่พบเห็นเองก็คิดเช่นนั้น...

แต่อัยน์นาไม่คิด ต่อให้วันนี้ผู้ชายที่จู่ๆ ก็เข้ามาเสนอความช่วยเหลือรายนี้ จะทำตัวสุภาพ จะดูมีมิตรจิตมิตรใจแค่ไหน ก็ไม่คิด!

“ดูชาวเมืองรักคุณมากนะครับ พากันให้โน่นให้นี่ เยอะแยะไปหมด” พ่อค้าหนุ่มหมายถึงผลไม้ เครื่องประดับหินถัก ผ้าพันคอ ดอกไม้ และอะไรต่อมิอะไรที่ลูคัสกับมาธาต้องหอบหิ้วพะรุงพะรัง จนเธออดแบ่งมาช่วยถือไม่ได้

พอเธอแบ่งมาช่วยถือ เขาก็รีบยื่นมือเข้าช่วยอีกแรง

พอเขายื่นมือมาช่วยอีกแรง ชาวเมืองที่เห็นมือเธอว่างๆ อยู่ ก็ส่งนั่นส่งนี้ให้เพิ่ม กลายเป็นว่าตอนนี้ คนสี่คนต้องเดินหอบข้าวของ หอบดอกไม้ เต็มไม้เต็มมือไปหมด

“เพราะพวกชาวเมืองใจดีมากกว่าค่ะ” อัยน์นาหมายความตามนี้จริงๆ

เธอรำคาญสายตาคมกริบเจือรอยยิ้มกึ่งเย้ายวนกึ่งยั่วยิ้มที่ดูฉลาดเป็นกรดคู่นั้นนัก เลยก้มลงสูดดอกไม้ในมือหลบสายตา ปลดปล่อยเส้นผมคล้อยลงไล้แก้มนวลเนียน

กลิ่นดอกไม้หอมสดชื่นและความจริงที่เธอค้นพบมานานแล้ว ช่วยให้สบายใจจนยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ใครว่าชาวเมืองหลวงเวเนเซียเป็นแต่ค้าขายทำกำไรจนจิตใจแข็งกระด้างขึ้นมาก...” เจ้าของดอกไม้หลากสีสันเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตาเขา แล้วคลี่ยิ้มกว้างขึ้น

ทุกกิริยา ทุกท่าที ล้วนเกิดขึ้นเพราะความจงใจ

 “ไม่จริงเลยสักนิด ว่าไหมคะ” อัยน์นาบอกด้วยน้ำเสียงกังวานใสดึงดูดใจ คล้ายลูกธนูที่สร้างจากน้ำค้าง

มีคำกล่าวที่ว่า บุรุษ แม้แข็งแกร่งสักปานใด เฉลียวฉลาดสักแค่ไหน ก็แพ้ทางสตรี

เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเผยความลับที่ซุกซ่อนไว้ได้หรือไม่ และไม่ว่านี่จะเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ หรือราดน้ำมันลงบนหัวใจแช่แข็ง เธอก็อยากจะลองดูสักตั้ง

ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะคลี่ยิ้มอ่อนโยนขึ้น แล้วชื่นชมเธอด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา ท่าทีที่แสดงออกก็ล้วนดูเป็นธรรมชาติ

“ผมรู้แล้ว ว่าทำไมพวกชาวเมืองถึงให้ดอกไม้คุณเสียเยอะ” ไซรัสจ้องลึกลงในตาเธอด้วยแววตาแบบเดิม ก่อนเฉลย “เพราะคุณดูงดงามบอบบางเหมือนดอกไม้ มองคุณถือช่อดอกไม้แล้ว เหมือนเห็นกุหลาบดอกใหญ่บานสะพรั่งอยู่กลางช่อดอกไม้หลากสี”

พ่อค้าที่วันนี้ปากหวานเป็นพิเศษจงใจไม่ทิ้งช่องว่างในบทสนทนา

ทันทีที่หยอดคำหวานชมเธอซึ่งๆ หน้าพอหอมปากหอมคอ เขาก็ผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินนำไปยังรถม้าที่จอดรออยู่

“เริ่มสายแล้ว แดดแรงขึ้นทุกที ก่อนที่ดอกไม้พวกนั้นจะเฉา รีบขึ้นรถม้าเถอะครับ”

“จะไม่รบกวนแน่นะคะ” คนที่รู้ตัวแล้วว่าผู้ชายตรงหน้า เป็นประเภท ‘เคี้ยวยาก’ ถามซ้ำทันที

ทั้งน้ำเสียงทั้งสีหน้าอัยน์นา แสดงออกชัดเจนว่าเกรงใจ

“ผมบอกแล้วนี่ครับ ว่ากำลังจะไปขอพบท่านเจ้ากรมอยู่พอดี” จู่ๆ พ่อค้าที่มาไม่แน่ชัดรายนี้ก็ชะงักปาก สีหน้าคล้ายลังเลบางเรื่อง ทำเอาอัยน์นาเผลอจับจ้องอย่างลืมตัว

“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าคะ” เธอรีบถาม แววตาซื่อใส น้ำเสียงเป็นห่วง

“แค่เรื่องยุ่งยากเล็กน้อยเท่านั้น...” เขาเปลี่ยนสีหน้ากลับเป็นยิ้มแย้มตามปกติ แล้วยื่นมือประคองเธอขึ้นรถม้า “เชิญครับ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status