7 ปีผันผ่านอย่างรวดเร็วราวสายน้ำไหล ทารกน้อยผู้เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของคนทั้งตระกูลได้เติบโตมาเป็นอย่างดี นางได้รับความรักจนล้นปรี่เพราะเป็นน้องสาว ลูกสาว และหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเว่ย
เว่ยซือหงเปรียบเสมือนศูนย์รวมความรักของคนในตระกูล ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูทั้งยังรู้ความ นอกจากได้รับความรักจากทุกคนอย่างเต็มที่แล้ว นางยังถูกตามใจค่อนข้างมาก กระนั้นเด็กน้อยแก้มกลมก็ไม่ได้กลายเป็นเด็กเกเรแต่อย่างใด
วันนี้เป็นวันที่สมาชิกทั้งเจ็ดของตระกูลเว่ยรวมตัวกันที่เรือนหลักเพื่อรับอาหารพร้อมกันอันประกอบไปด้วย
ท่านปู่เว่ยซือหลิว อายุ 57 ปี ท่านย่าหลินซือเหยา อายุ 52 ปี ท่านพ่อเว่ยซือซาน อายุ 35 ปี ท่านแม่หลิวลี่หง อายุ 33 ปี พี่ใหญ่เว่ยซือหลางอายุ 17 ปี พี่รองเว่ยซือเหลียง อายุ 14 ปี และก้อนแป้งน้อยเว่ยซือหง ที่พรุ่งนี้ก็มีอายุครบ 7 หนาวแล้ว
บรรยากาศที่ควรจะเต็มไปด้วยความชื่นมื่น กลับมีความเสียใจและรู้สึกผิดอยู่เจือจาง ยิ่งมองเด็กน้อยอันเป็นที่รักของพวกเขา ความรู้สึกผิดยิ่งพุ่งทะยาน
ตระกูลเว่ยเป็นตระกูลแม่ทัพที่มีประวัติยาวนานมานับร้อย ๆ ปี ทรัพย์สมบัติที่ตระกูลสะสมมาเนิ่นนานสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นนับว่ามากมายมหาศาล ถือเป็นตระกูลมั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของแคว้นโจว เป็นรองเพียงราชวงศ์เท่านั้น แต่ถึงจะมีเงินทองมากมายเพียงไร ยามนี้กลับไม่มีค่า เพราะเพียงแค่ผักสด ๆ สักต้นยังซื้อหามาขึ้นโต๊ะไม่ได้
คนที่มีวัยวุฒิมากกว่าได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ พลางลอบมองสีหน้าเจ้าตัวน้อยคนสำคัญของตระกูลไปด้วย
เด็กน้อยเว่ยซือหงกวาดตามองอาหารที่จัดวางบนโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นับตั้งแต่เกิดมาจวนจะอายุ 7 หนาวในวันพรุ่งนี้ นางได้กินผักสดนับครั้งได้เลย
นางเบื่อจานเนื้อพวกนี้ แม้มันจะอร่อยแต่นางก็เบื่อ มองจานผักดองที่มีอยู่น้อยนิดแล้วทอดถอนใจ รสชาติผักดองนางกินจนเอือมพอ ๆ กับเนื้อสัตว์เลยทีเดียว
นางอยากกินผักสด!
ทำอย่างไรถึงจะได้กินผักสด ๆ กันนะ?!
ใบหน้าขาวอวบแก้มกลมของเด็กน้อยเริ่มเหยเก ปากเล็กเบะออกอย่างขัดใจโดยมีสายตาเห็นใจสงสารจากสมาชิกในจวนมองมา พวกเขาต่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถหาผักสดมาให้เด็กน้อยกินได้ ผู้คนในจวนตระกูลเว่ยนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูของจวนอันเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวชอบกินผักสดขนาดไหน
แต่ต่อให้อยากมีผักสดให้เจ้าตัวเล็กกินเพียงไรมันก็หาไม่ง่ายเลย ต่อให้ทุ่มเงินไปนับพันนับหมื่นตำลึงก็ไม่มีผักสดให้เจ้าตัวน้อยกินแล้ว มีเพียงผักดองที่พอจะแย่งซื้อมาได้เท่านั้น ส่วนผักสดที่ก้อนแป้งน้อยจะได้กินก็ต่อเมื่อท่านพ่อหรือพี่ใหญ่ของนางเข้าป่าไปหามาให้นั่นแหละ
เว่ยซือหงเองรับรู้ความลำบากของครอบครัว นางจึงไม่เรื่องมากต่อการกินนัก แต่นางไม่ได้กินผักสดมานานแล้ว ยามนี้จึงควบคุมอารมณ์และรักษาสีหน้าตัวเองไม่ได้
อย่าลืมว่านางยังเด็ก!
“หงเอ๋อร์ทนกินไปก่อนนะลูก เดี๋ยวเข้าป่าครั้งหน้าพ่อจะพยายามหาผักป่ามาให้เจ้านะ”
คิ้วของเจ้าตัวน้อยขมวดยุ่งเมื่อได้ยินคำพูดของท่านพ่อ ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววาวเงยหน้ามองบิดาอย่างสงสัยพลางถาม “ผักสดที่อาหงได้กินท่านพ่อต้องเข้าไปหามาจากในป่าตลอดเลยหรือเจ้าคะ”
พลันนั้นบิดาอย่างเว่ยซือซานรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ยิ่งดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองมายังเขาอย่างต้องการคำตอบด้วยแล้ว แม่ทัพใหญ่เริ่มร้อนรนทำตัวไม่ถูก
ดวงตาของก้อนแป้งน้อยเว่ยซือหงหม่นแสง เห็นท่าทางของบิดาและคนอื่น ๆ ในครอบครัวนางก็คาดเดาคำตอบได้แล้ว ถึงนางจะเด็ก แต่นางเป็นเด็กที่ฉลาดมากนะบอกเลย
ทั่วใต้หล้านี้มีเด็กบ้านใดพูดจารู้เรื่องตั้งแต่อายุ 2 หนาวบ้าง มีเด็กบ้านใดมองเห็นสิ่งแปลก ๆ อย่างนางบ้าง?
สิ่งแปลก ๆ ที่ว่าก็อย่างเช่น เมื่อนางจับจ้องไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รายละเอียดสิ่งนั้นจะปรากฏให้นางเห็นเสมอ ตัวอย่างก็แหวนทองบนนิ้วมือของท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ทั้งสองของนางอย่างไรเล่า
แหวนมิติระดับกลาง มีพื้นที่ 1 หมู่ สามารถกักเก็บสิ่งของได้จำกัด
ไม่เพียงเท่านั้นนะ นางยังสามารถมองเห็นแสงเเปลก ๆ บนร่างคนด้วย ใช่แล้ว แสงที่แผ่ออกมาจากร่างคน บ้างสีดำ บ้างสีขาว บ้างก็สีเทา นางไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เรียกว่าอะไร นางรู้แค่นางไม่เหมือนเด็กคนอื่น
ตกกลางคืนที่บิดามารดาหลับแล้วมักมีผู้เฒ่าเคราขาวมาเล่นกับนางเสมอ ผู้เฒ่าคนนี้แปลกนัก ชอบมาตอนที่คนในจวนหลับแล้ว แต่ไม่เป็นไร นางชอบ เพราะผู้เฒ่ามาทีไรมักมีผลไม้แปลก ๆ มาให้นางกินอยู่เสมอ ซึ่งมารู้ในภายหลังที่เริ่มเรียนรู้อ่านเขียนว่า มันเป็นผลน้ำนม เมื่อทารกได้กินเข้าไปจะอิ่มนานและทำให้สุขภาพดี มิน่า ที่นางไม่เคยร้องกลางดึกที่แท้ไม่ใช่นางที่รู้ความเร็ว หากเป็นเพราะนางอิ่มจากผลน้ำนมนั่นต่างหาก!
เฮ้อ พูดไปแล้วก็คิดถึง ตั้งแต่นางเริ่มพูดได้ ผู้เฒ่าคนนั้นก็ไม่มาหานางอีกเลย บอกแต่ว่าให้นางใช้ชีวิตให้ดี
เอาละกลับมาที่ปัจจุบันก่อน เด็กน้อยเงยหน้าสบสายตากับบิดาอีกครั้งพลางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงถ้อยคำจริงจัง “อาหงไม่กินผักสดแล้วก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าเข้าป่าอีกเลยนะเจ้าคะ หลายวันก่อนอาหงแอบได้ยินพวกบ่าวรับใช้คุยกันว่า มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่าแล้วเกิดได้รับอันตราย เป็นตายอย่างไรก็สุดรู้”
ส่วนกลุ่มคนที่มาจากขุมอำนาจหรือจวนขุนนางต่าง ๆ มีความต้องการผลผลิตปราณจำนวนมาก ต่างตรงไปที่ชั้นสองของร้าน แล้วแจ้งชนิดและจำนวนผักที่ต้องการเสร็จ คนของตระกูลเว่ยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ จะนำผลผลิตออกมาจากแหวนมิติตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ หลังตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย ทำการจ่ายเงินเป็นอันจบการซื้อขายงานในส่วนนี้ถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ขุมอำนาจต่าง ๆ ต่างชื่นชอบการจัดการด้วยวิธีนี้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับคนทั่วไป เพราะผลผลิตปราณถูกคนตระกูลเว่ยเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยผักผลไม้ปราณในร้านค้าตระกูลเว่ยมีราคาดังนี้ผักกาดขาว ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริกชั่งละ 1 ตำลึงทองหัวไชเท้า แครอท แตงกวา ฟักทอง ฟักเขียว ชั่งละ 5 ตำลึงทอง มะเขือเทศ บัวหิมะ ชั่งละ 10 ตำลึงทองกล้วยชนิดต่าง ๆ ขายที่หวีละ 1 ตำลึงทอง แต่ละหวีมีถึงสิบลูกแตงโมขายผลละ 3 ตำลึงทอง ส้ม ผิงกั่ว(แอปเปิล) สับปะรด ชั่งละ 10 ตำลึงทององุ่น เฉ่าเหมย(สตรอว์เบอร์รี) และผลไม้ตระกูลเหมยทั้งหมดชั่งละ 20 ตำลึงทองลูกท้อ ทับทิม ลูกพลับจัดเป็นผลไม้มงคลขายชั่งละ 30 ตำลึงทองส่วนข้าว มันฝรั่งและมันเทศนั้นมีความต้องกา
ร้านค้าตระกูลเว่ย “สวรรค์ พวกเขาปลูกผักปราณได้จริง ๆ”“เจ้าดูแสงสีเขียวระยิบระยับนั่นสิ นี่มันผักปราณระดับสูง”“ตระกูลเว่ยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว”หน้าร้านตระกูลเว่ยมีแต่เสียงพูดคุยหลายช่วงอายุทั้งชายหญิง ดังสลับกันไปมา เรื่องที่ตระกูลเว่ยจะเปิดขายผักปราณสร้างความแตกตื่นไปทั้งยุทธภพ จะเห็นได้ว่าแคว้นโจวมีคนเข้าออกค่อนข้างมาก ทั้งผู้ฝึกยุทธ์อิสระ คนจากสำนักศึกษาต่าง ๆ เหล่าบัณฑิต และคนจากดินแดนเบื้องบน ที่ยืนปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งออกมาจาง ๆ เพียงเท่านั้นก็สร้างความอึดอัดให้คนของดินแดนเบื้องล่างได้แล้ว“ไม่คิดว่าข่าวที่คนของเราส่งไปจะเป็นเรื่องจริง”“ถ้าไม่เห็นผักปราณจำนวนมากที่อยู่ในร้านรอขายข้าก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันขอรับคุณชาย”“ถึงลมปราณดินแดนเบื้องล่างจะขาดแคลนทว่าก็ไม่อาจดูเบาพวกเขาได้เช่นกันขอรับคุณชาย”“ไม่ถูกต้อง คนที่เราไม่อาจดูเบาคือตระกูลเว่ยเจ้าของผักปราณระดับสูงมากมายนี้ต่างหาก...”คุณชายของกลุ่มวิเคราะห์ออกมา พลางมองผักปราณระดับสูงที่ถูกจัดเตรียมไว้บนชั้นวางของ และอยู่ในตะกร้าแบ่งแยกเป็นชนิดต่าง ๆ ชัดเจน ง่ายต่อการเลือกหา ทั้งยังสะดวกต่อการซื้อขายราคาบนป้ายไม้ที่เด่นหราอยู
อย่างไรก็ตามทัณฑ์สวรรค์มีเพียงสามสายเท่านั้น ทั้งยังทำอันใดกับหินแร่นิฬกาลไม่ได้ สมกับเป็นวัตถุดิบไร้ระดับ สมบัติประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ นางอยากครอบครองให้มากสักหน่อย ขนาดทัณฑ์สวรรค์ที่เป็นดังตำนานเล่าขาน ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้เลย เป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางโลภอยากได้เพิ่มได้อย่างไรเล่า!ตัวหินแร่นิฬกาลลอยนิ่งอยู่เช่นนั้นอย่างองอาจราวกับกำลังเยาะเย้ยสายฟ้าจากสวรรค์ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เลือนรางหายไปอันที่จริงหินแร่นิฬกาลยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่มันหลบซ่อนตัวเองด้วยอักขระพรางตา จึงไม่มีใครมองเห็น นอกจากเว่ยซือหงเท่านั้น ซึ่งนับเป็นข้อดีอย่างมาก เพราะถ้ามีคนต้องการทำลายไร่ของนางขึ้นมา ก็จะทำได้ยาก เนื่องจากหาตาค่ายกลไม่เจอกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไปแล้ว เว่ยซือหงยืนมองผลงานนี้ของตนด้วยความภาคภูมิใจท่ามกลางสายตาแตกตื่นของคนงานทั้งหมดรวมถึงครอบครัวตนเองด้วยแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดในไร่ตระกูลเว่ยเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รับรู้แล้วเช่นกัน ม่านพลังสีทองที่ครอบคลุมทั่วไร่ตระกูลเว่ยมันชัดเจนเกินไป ราวกับเป็นพื้นที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะสร้างความแตกตื่นให้ผู้ค
การจะปลูกผักปราณนั้นใช่ว่าเพียงพูดออกมาแล้วจะทำได้เลยทันที ตระกูลเว่ยต้องเตรียมตัวหลายอย่าง จนเมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ พวกเขาจึงพากันไปที่ไร่ตระกูลเว่ยประตูจวนที่ปิดมานานหลายวันของตระกูลเว่ยถึงได้เปิดออก รถม้าประจำตระกูลทั้งสองคัน เคลื่อนออกจากประตูจวนท่ามกลางสายตาของชาวเมือง และเหล่าขุนนางที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อถึงไร่ตระกูลเว่ย คนงานทั้งหมดทั้งแรงงานที่เป็นชาวบ้าน บ่าวตระกูลเว่ย รวมถึงทหารที่คอยดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยของไร่ถูกเรียกมารวมตัวกันที่จุดเดียวพวกเขาทั้งงุนงงและสับสนว่าเจ้านายเรียกรวมตัวด้วยเหตุใด บ้างกังวลกลัวจะถูกเลิกจ้าง ยิ่งบรรดาเจ้านายไม่ปริปาก ความคิดพลันล่องลอยไปไกลมากกว่าเดิม ก่อนทุกคนจะแตกตื่นไปมากกว่านี้ พ่อบ้านอวิ๋นจึงเข้ามาไขข้อข้องใจเสียก่อน“ไม่ต้องแตกตื่น เจ้านายของพวกเราไม่ได้คิดจะเลิกจ้างพวกเจ้า ที่เรียกมารวมตัวกันเพราะจะมีการปรับเปลี่ยนไร่ตระกูลเว่ย การให้พวกเจ้าอยู่รวมกันเป็นจุดเดียวจะทำให้ปลอดภัยและดูแลง่ายกว่าเดิม”คนงานที่เป็นชาวบ้านต่างพากันโล่งใจ หม้อข้าวของตนยังอยู่ ยังไม่ได้ถูกทุบแต่อย่างใด ทว่าความสงสัยใคร่รู้ก็กลับมาอีก
“ทุกคนเจ้าคะ อาหงมีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ” “ว่าเช่นไรลูกรัก มีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราหรือ” เว่ยซือซานถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราเลิกขายผักกันเถอะเจ้าค่ะ”“เลิกขายผัก? เลิกแล้วผักที่ปลูกอยู่พันหมู่จะทำอย่างไร” ถึงจะแปลกใจที่เว่ยซือหงเอ่ยเรื่องการยกเลิกกิจการที่กำลังรุ่งเรืองในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่ได้แตกตื่น เรื่องราวที่ผ่านมาได้สอนพวกเขาแล้ว ว่าเจ้าตัวน้อยเป็นคนมีเหตุผลเพียงใด การเอ่ยว่าจะไม่ขายผักแล้ว ไม่ใช่คำพูดที่เอ่ยออกมาเพราะต้องการล้อเล่นแน่“ไม่ต้องทำอันใดเลยเจ้าค่ะ แค่เปลี่ยนจากผักธรรมดาพวกนั้นเป็นผักปราณให้หมด”“เจ้าหมายความว่าอยากปลูกผักผลไม้ปราณแทนการปลูกผักธรรมดาหรือ”“เจ้าค่ะท่านแม่”สมาชิกในตระกูลเว่ยนิ่งคิด ความต้องการของบุตรสาวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยน้ำพลังปราณที่เจ้าตัวมี การเปลี่ยนจากผักธรรมดาเป็นผักปราณนั้นทำได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้พวกตนก็กินผักผลไม้ปราณและเห็ดปราณ ที่ปลูกอยู่หลังเรือนของเว่ยซือหงหรอกหรือหลินซือเหยาถอนหายใจมองหลานสาวพลางว่า “บอกเหตุผลให้ย่าและพวกเราทุกคนฟังได้หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงอยากปลูกและขายผักปราณ”ซึ่งคำถามของฮูหยินผู้เฒ่
ช่วงนี้เว่ยซือหงไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำอะไรเป็นพิเศษ นางทุ่มเวลาทั้งหมดให้ครอบครัว ทดแทนที่ตนหายไปตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน คนในตระกูลก็พอใจมากที่เจ้าตัวน้อยใช้ชีวิตสมกับที่เป็นเด็กเสียทีทว่าเป็นคนตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นสตรี สิ่งที่ควรเรียนยังต้องเรียน นางจึงถูกท่านย่าคุมเข้มเรื่องศาสตร์ทั้งสี่เป็นประจำ ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่เว่ยซือหงก็เข้าใจและทำได้ดี ทั้งนี้ยังต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงกับท่านย่าหรือท่านแม่ยังจวนอื่น ๆ ตามบัตรเชิญที่ถูกส่งมาเป็นครั้งคราว เจ้าตัวน้อยเลยไม่รู้สึกเบื่อนักการออกไปพบปะผู้คนและเจอเพื่อนบ้างนับเป็นเรื่องดี เช่นวันนี้ที่นางมาเดินเที่ยวตลาดกับหลินหว่าน เด็กสาวจากตระกูลหลินที่เพิ่งทำความรู้จักกันไปเมื่อครั้งงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตที่ผ่านมานั่นเอง“เจ้าว่าปิ่นอันนี้สวยหรือไม่” หลินหว่านเอ่ยถามสหายพร้อมยื่นปิ่นดอกหมู่ตาน(โบตั๋น) ให้ดูเว่ยซือหงดูแล้วทั้งตัวรูปปิ่นและขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป เหมาะกับเด็ก ๆ อย่างพวกหน้า ก็พยักหน้ารับตอบคำทันทีเช่นกัน “สวยมาก เหมาะกับเจ้า”“จริงหรือ”“จริง”“เช่นนั้นข้าเอาอันนี้เจ้าค่ะ” คุณหนูตระกูลหลินส่งปิ่นให้สาวใช้ที่ติดตามมานำไปคิดเงิน“