Share

ตอนที่ 6

last update Last Updated: 2025-02-13 23:48:22

เช้าวันใหม่มาถึง สี่ผู้อาวุโสมาเยือนหน้าเรือนเว่ยซือซานอย่างรวดเร็ว ยิ่งทราบข่าวว่าหลานน้อยเป็นทารกเพศหญิงต่างก็อยากเห็นหน้าหลานไว ๆ ทั้งยังไม่ลืมเตรียมของรับขวัญหลานมาด้วยเช่นกัน

“คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ พวกท่านมากันเร็วไปหน่อยหรือไม่” เว่ยซือซานเร่งเข้าคารวะทั้งสี่ อันประกอบไปด้วยบิดามารดาเขา และบิดามารดาของภรรยา

“เร็วอะไรกัน นี่ช้าไปด้วยซ้ำ ไหน หลานแม่อยู่ไหน พาแม่ไปดูก้อนแป้งน้อยเร็ว ๆ” หลินซือเหยา ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเว่ยเอ่ยกับบุตรชาย

“ถูกของพี่ซือเหยา นี่ไม่ช้าเลย ลูกเขย เจ้ารีบพาพวกเราไปหาหลานน้อยเร็ว ๆ เถอะ คนแก่ตื่นเต้นจะแย่แล้ว” กู้เยว่ หรือฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหลิวมารดาหลิวลี่หงเอ่ยกับบุตรเขยด้วยท่าทางตื่นเต้นและเร่งเร้าสุดกำลัง

“ใช่ ๆ มัวชักช้าทำไมอาซานรีบพาพวกเราไปสิ”

“ใช่ ตาแก่เว่ยพูดถูก ไป ๆ พาพวกเราไปหาหลานน้อย”

สองเสียงชราตามมาติด ๆ โดยเว่ยซือหลิว หรือนายท่านใหญ่ตระกูลเว่ย และหลิวห้าว นายท่านใหญ่ตระกูลหลิวบิดาหลิวลี่หงนั่นเอง

เว่ยซือซานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้อาวุโสทั้งสี่ที่อยากเห็นหน้าหลานน้อยโดยไว ลางสังหรณ์ร้องเตือนว่า เขากำลังจะถูกแย่งลูก! แม่ทัพใหญ่ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ทว่าจะขวางก็ไม่ได้ ในเมื่อทั้งสี่คือปู่ย่าตายายของลูกรัก ได้แต่เดินก้มหน้านำเข้าไปในเรือน

“แอ๊ แอ๊”

ทันทีที่เว่ยซือซานนำผู้อาวุโสทั้งสี่เข้าห้องมาหาภรรยาและบุตรสาว เจ้าก้อนแป้งน้อยก็ส่งเสียงทักทันที สองเท้าดีดดิ้น สองมือกำก่อนยืดแขนขึ้นลงไปมา ทั้งยังยิ้มหวานจนเห็นแต่เหงือกสีชมพู ทำเอาคนทั้งห้องอ่อนระทวยใจเหลวไปตาม ๆ กัน

“โธ่... อาหงของย่า ทำไมน่ารักน่าชังอย่างนี้ลูก”

“นั่นสิ ทำไมอาหงของยายถึงได้ขี้อ้อนแบบนี้ เห็นปู่ย่าตายายเข้ามาก็รีบทักทายเลยจริงเชียว น่าเอ็นดูยิ่งนัก”

“ใช่ ๆ อาหงของตาน่าเอ็นดูยิ่งนัก ดูสิยิ้มหวานและหัวเราะให้ตาด้วย น่ารักจริง ๆ”

“ฮ่าฮ่า อาหงของปู่น่ารักมาก อยากได้อะไรบอกปู่ ปู่จะหาให้หมดเลย”

“เพ้ย! ตาแก่เว่ย ข้าไม่ยอมหรอกนะ อาหงลูก หากหลานอยากได้อะไรบอกตามานะลูก ตาจะหามาให้หลานเอง... ไม่ดีกว่า ตายกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้หลานเลยดีไหม ฮืม คนดีของตา”

“แอ๊”

“ฮ่า ฮ่า ตาแก่เว่ย ดูสิ อาหงตอบรับคำข้าละ” หลิวห้าวหันไปเยาะเย้ยสหายสนิทด้วยสายตาเหนือกว่า ซึ่งก็ได้รับสายตาอิจฉากลับมาก่อนที่เขาจะหันมาหยอกล้อหลานน้อย

“อาหงลูก ถึงตระกูลเว่ยของเราจะไม่ใช่ตระกูลคหบดี แต่ตระกูลเราก็มีทรัพย์สินมากมาย หากหลานอย่างได้สิ่งใดโปรดบอกปู่ รับรองว่าปู่จะให้หลานไม่น้อยไปกว่าตาของหลานแน่นอน ดีไหมลูก ตาจะยกให้หลานหมดเลย ดีไหมเด็กดี”

“แอ๊”

“วะฮะฮ่า เป็นไงเล่าตาเฒ่าหลิว หลานข้าก็ตอบรับคำข้าเหมือนกัน” และก่อนที่สองผู้อาวุโสจะทุ่มเถียงกันไปมากกว่านี้ ผู้เป็นภรรยาของทั้งคู่ก็เอ่ยห้ามปรามเสียก่อน

“เลิกเถียงกันได้แล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ไม่เบื่อบ้างหรือไร” กู้เยว่กล่าวใช้สายตาปรามสามีตัวเองเล็กน้อย ซึ่งหลินซือเหยาก็ปรามสามีตนเองเช่นกัน

“จริงอย่างที่น้องเยว่พูด พวกท่านสองคนอายุก็มากจวนจะลงโรงกันอยู่แล้ว เลิกเถียงกันเป็นเด็กได้แล้วเจ้าค่ะ ไม่อายหลานหรือไง อาหงก็แล้วไปเถิดเพราะยังไม่รู้เรื่อง แต่อาหลางกับอาเหลียงเล่าเจ้าคะ หลานนั่งมองตาปริบ ๆ อยู่ตรงนี้ช่วยเพลา ๆ ลงหน่อยเถิด หลานจะได้ไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่าง”

พอถูกภรรยาตักเตือนสองผู้เฒ่าก็ยิ้มแห้งออกมาพลางส่งสายตาขอโทษขอโพยให้ คนเป็นภรรยาได้แต่ส่ายหัวให้กับผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นเด็ก

สี่พ่อแม่ลูก เว่ยซือซาน หลิวลี่หง เว่ยซือหลาง และเว่ยซือเหลียงลอบมองตากันอย่างปลง ๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ จนได้รับค้อนจากคนอายุมากกว่าเนือง ๆ

ฮูหยินหลิวคร้านจะใส่ใจเลยหันมามองบุตรสาวและถามไถ่อาการหลังคลอดแทน “เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นบ้างหรือยัง”

“ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”

“เช่นนั้นแม่ก็สบายใจ ก่อนนี้ได้ข่าวว่ากว่าเจ้าจะคลอดร้องเจ็บปวดอยู่ตั้งนาน ทำแม่กังวลไปหมด ร่ำ ๆ จะมาหาเจ้า แต่ได้ลูกเขยและพ่อเจ้าห้ามไว้ บอกให้รอมาเยี่ยมเจ้าเช้าวันนี้”

“ดีแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ พวกท่านอายุเยอะแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี พักผ่อนให้มาก ๆ ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ”

“น้องเยว่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลลูกสะใภ้อย่างดีแน่นอน และจะช่วยเลี้ยงหลานน้อยและตัวแสบทั้งสองในช่วงที่ลูกสะใภ้อยู่ไฟเอง”

“ลำบากท่านแม่สามีแล้วเจ้าค่ะ”

“ลำบากอะไรกัน นับเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เจ้าแต่งให้ลูกชายข้า ก็นับว่าเป็นลูกสาวข้าด้วย คนในครอบครัวเดียวกันมีอะไรให้เกรงใจ”

“แม่เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้วลูกสะใภ้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจ”

“เจ้าค่ะท่านพ่อสามี”

“ขอบคุณพวกท่านที่เอ็นดูบุตรสาวข้า คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ยกลี่เอ๋อร์ให้อาซาน ลี่เอ๋อร์ หากเจ้าแข็งแรงดีแล้วต้องตอบแทนและดูแลพ่อสามีแม่สามีให้มากรู้หรือไม่”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ” หลิวลี่หงยิ้มรับคำ หากใบหน้ายังซีดเซียวอยู่บ้างเพราะร่างกายยังพักฟื้นไม่เต็มที่ เห็นดังนั้นผู้มาเยือนก็เห็นควรแก่เวลา

“เอาเถอะ ให้ลูกสะใภ้พักสักหน่อย พวกเราค่อยมาเยี่ยมหลานน้อยใหม่คราวหลัง” เว่ยซือหลิวกล่าว

“อาหงเด็กดี ยายกับตาไม่รู้จะมอบอะไรให้หลาน นอกจากที่ดินผืนใหญ่ที่พวกเราครอบครองอยู่ผืนหนึ่ง ยายกับตามอบให้อาหงนะลูก หลานจะใช้ทำอะไรย่อมได้ แต่ตอนนี้หลานยังเด็กเกินไป ยายจะฝากไว้ที่พ่อของหลานก่อนนะ” พูดจบฮูหยินหลิวก็พยักหน้าให้สามี ผู้เฒ่าหลิวนำโฉนดที่ดินออกมาจากแหวนมิติก่อนส่งให้เว่ยซือซานเก็บเอาไว้

“โอ หลานน้อยได้ที่ดินผืนงามไปแล้ว เช่นนั้นย่ากับปู่ก็มอบร้านค้าที่อยู่ในย่านการค้าให้หลานนะลูก โตมาค่อยคิดนะว่าจะทำอะไร” ฮูหยินเว่ยกล่าวจบ ผู้เฒ่าเว่ยก็หยิบโฉนดร้านค้าให้บุตรชายตนเก็บไว้ทันที

“เอาละได้เวลาแล้ว พวกเราขอตัวก่อนเดี๋ยวจะมาเยี่ยมใหม่ ไป อาหลางอาเหลียง ไปกับพวกปู่ อย่ารบกวนแม่หลานและน้องสาวเลย ไปเล่นกับปู่ดีกว่า”

“ขอรับท่านปู่” สองพี่น้องรับคำอย่างว่าง่ายเพราะอยากให้มารดาพักผ่อน ก่อนเดินตามปู่ย่าตายายของตนไปช้า ๆ 

คล้อยหลังที่ทุกคนออกไปแล้ว ทั้งห้องเหลือเพียงสามีภรรยาและบุตรสาวตัวน้อยเท่านั้น เว่ยซือซานอุ้มบุตรสาวขึ้นมาหยอกเย้า ปล่อยให้ภรรยาพักผ่อนเต็มที่ ก้อนแป้งน้อยก็รู้ความนักไม่ร้องสักแอะ ยิ้มหัวเราะไปกับคนเป็นบิดาอย่างน่ารักน่าชัง

โดยที่คนในจวนตระกูลเว่ยลืมไปแล้วว่า คืนที่บุตรสาวหลานสาวตัวน้อยของตนเองเกิด ทั่วทั้งแคว้นเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์ทอแสงสว่างไสว กลีบดอกไม้โปรยปรายจากฟากฟ้า สัตว์ตัวน้อยตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์อสูร ล้วนแซ่ซ้องหมอบกราบมาทางทิศทางที่ตั้งของจวนตระกูลตน

และหากมีผู้ใดสังเกตสักนิดจะเห็นได้ว่า ทันทีที่เว่ยซือหงแผดเสียงร้อง แสงสีทองได้อาบไล้ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เงามืดที่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านต่างหนีหายเร่งหลบหลีกเป็นพัลวัน และเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดแค่เพียงแคว้นโจว เเต่เป็นทั้งดินแดนเบื้องล่างนี้

ก่อนจะมีเสียงเล่าลือภายหลัง เมื่อชาวบ้านในแคว้นโจวคนหนึ่ง ได้เก็บกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายลงมาในคืนเทศกาลหยวนเซียว นำมาตากแดดและต้มเป็นชาดื่ม อาการป่วยไข้ของคนในบ้านก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความดีใจและน่ายินดีให้กับผู้คนที่ได้เก็บกลีบดอกไม้นั้นไว้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร พอรู้ข่าวบ้างเก็บเป็นสมบัติประจำตระกูล บ้างนำออกขายจนครอบครัวร่ำรวยก็มี

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมีคนยินดีย่อมมีคนอิจฉา ยามนี้แคว้นโจวได้ถูกจับตามองอย่างลับ ๆ จากบรรดาแคว้นอื่น ๆ แล้ว และยิ่งถูกจับตามองจากเงามืดเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

เรียกได้ว่าแนวขอบตะเข็บชายแดนการทหารของแคว้นโจวช่วงนี้ทำงานหนักและรัดกุมทีเดียว ซึ่งนั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเจ้าตัวน้อยผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด เว่ยซือหงยังคงกินอิ่มนอนหลับอย่างสุขกายสบายใจที่สุด  

จากทารกน้อยผิวหนังยับย่นที่เว่ยซือเหลียงเคยปรามาสในครั้งแรกคลอด ค่อย ๆ กลายเป็นเด็กน้อยตัวขาวอวบอ้วนจ้ำม่ำน่ารักน่ากอด จนบิดาอย่างเว่ยซือซานหวงบุตรสาวตัวน้อยจนไม่รู้จะหวงอย่างไรแล้ว 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 91 จบ

    ส่วนกลุ่มคนที่มาจากขุมอำนาจหรือจวนขุนนางต่าง ๆ มีความต้องการผลผลิตปราณจำนวนมาก ต่างตรงไปที่ชั้นสองของร้าน แล้วแจ้งชนิดและจำนวนผักที่ต้องการเสร็จ คนของตระกูลเว่ยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ จะนำผลผลิตออกมาจากแหวนมิติตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ หลังตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย ทำการจ่ายเงินเป็นอันจบการซื้อขายงานในส่วนนี้ถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ขุมอำนาจต่าง ๆ ต่างชื่นชอบการจัดการด้วยวิธีนี้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับคนทั่วไป เพราะผลผลิตปราณถูกคนตระกูลเว่ยเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยผักผลไม้ปราณในร้านค้าตระกูลเว่ยมีราคาดังนี้ผักกาดขาว ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริกชั่งละ 1 ตำลึงทองหัวไชเท้า แครอท แตงกวา ฟักทอง ฟักเขียว ชั่งละ 5 ตำลึงทอง มะเขือเทศ บัวหิมะ ชั่งละ 10 ตำลึงทองกล้วยชนิดต่าง ๆ ขายที่หวีละ 1 ตำลึงทอง แต่ละหวีมีถึงสิบลูกแตงโมขายผลละ 3 ตำลึงทอง ส้ม ผิงกั่ว(แอปเปิล) สับปะรด ชั่งละ 10 ตำลึงทององุ่น เฉ่าเหมย(สตรอว์เบอร์รี) และผลไม้ตระกูลเหมยทั้งหมดชั่งละ 20 ตำลึงทองลูกท้อ ทับทิม ลูกพลับจัดเป็นผลไม้มงคลขายชั่งละ 30 ตำลึงทองส่วนข้าว มันฝรั่งและมันเทศนั้นมีความต้องกา

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 90

    ร้านค้าตระกูลเว่ย “สวรรค์ พวกเขาปลูกผักปราณได้จริง ๆ”“เจ้าดูแสงสีเขียวระยิบระยับนั่นสิ นี่มันผักปราณระดับสูง”“ตระกูลเว่ยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว”หน้าร้านตระกูลเว่ยมีแต่เสียงพูดคุยหลายช่วงอายุทั้งชายหญิง ดังสลับกันไปมา เรื่องที่ตระกูลเว่ยจะเปิดขายผักปราณสร้างความแตกตื่นไปทั้งยุทธภพ จะเห็นได้ว่าแคว้นโจวมีคนเข้าออกค่อนข้างมาก ทั้งผู้ฝึกยุทธ์อิสระ คนจากสำนักศึกษาต่าง ๆ เหล่าบัณฑิต และคนจากดินแดนเบื้องบน ที่ยืนปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งออกมาจาง ๆ เพียงเท่านั้นก็สร้างความอึดอัดให้คนของดินแดนเบื้องล่างได้แล้ว“ไม่คิดว่าข่าวที่คนของเราส่งไปจะเป็นเรื่องจริง”“ถ้าไม่เห็นผักปราณจำนวนมากที่อยู่ในร้านรอขายข้าก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันขอรับคุณชาย”“ถึงลมปราณดินแดนเบื้องล่างจะขาดแคลนทว่าก็ไม่อาจดูเบาพวกเขาได้เช่นกันขอรับคุณชาย”“ไม่ถูกต้อง คนที่เราไม่อาจดูเบาคือตระกูลเว่ยเจ้าของผักปราณระดับสูงมากมายนี้ต่างหาก...”คุณชายของกลุ่มวิเคราะห์ออกมา พลางมองผักปราณระดับสูงที่ถูกจัดเตรียมไว้บนชั้นวางของ และอยู่ในตะกร้าแบ่งแยกเป็นชนิดต่าง ๆ ชัดเจน ง่ายต่อการเลือกหา ทั้งยังสะดวกต่อการซื้อขายราคาบนป้ายไม้ที่เด่นหราอยู

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 89

    อย่างไรก็ตามทัณฑ์สวรรค์มีเพียงสามสายเท่านั้น ทั้งยังทำอันใดกับหินแร่นิฬกาลไม่ได้ สมกับเป็นวัตถุดิบไร้ระดับ สมบัติประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ นางอยากครอบครองให้มากสักหน่อย ขนาดทัณฑ์สวรรค์ที่เป็นดังตำนานเล่าขาน ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้เลย เป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางโลภอยากได้เพิ่มได้อย่างไรเล่า!ตัวหินแร่นิฬกาลลอยนิ่งอยู่เช่นนั้นอย่างองอาจราวกับกำลังเยาะเย้ยสายฟ้าจากสวรรค์ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เลือนรางหายไปอันที่จริงหินแร่นิฬกาลยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่มันหลบซ่อนตัวเองด้วยอักขระพรางตา จึงไม่มีใครมองเห็น นอกจากเว่ยซือหงเท่านั้น ซึ่งนับเป็นข้อดีอย่างมาก เพราะถ้ามีคนต้องการทำลายไร่ของนางขึ้นมา ก็จะทำได้ยาก เนื่องจากหาตาค่ายกลไม่เจอกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไปแล้ว เว่ยซือหงยืนมองผลงานนี้ของตนด้วยความภาคภูมิใจท่ามกลางสายตาแตกตื่นของคนงานทั้งหมดรวมถึงครอบครัวตนเองด้วยแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดในไร่ตระกูลเว่ยเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รับรู้แล้วเช่นกัน ม่านพลังสีทองที่ครอบคลุมทั่วไร่ตระกูลเว่ยมันชัดเจนเกินไป ราวกับเป็นพื้นที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะสร้างความแตกตื่นให้ผู้ค

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 88

    การจะปลูกผักปราณนั้นใช่ว่าเพียงพูดออกมาแล้วจะทำได้เลยทันที ตระกูลเว่ยต้องเตรียมตัวหลายอย่าง จนเมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ พวกเขาจึงพากันไปที่ไร่ตระกูลเว่ยประตูจวนที่ปิดมานานหลายวันของตระกูลเว่ยถึงได้เปิดออก รถม้าประจำตระกูลทั้งสองคัน เคลื่อนออกจากประตูจวนท่ามกลางสายตาของชาวเมือง และเหล่าขุนนางที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อถึงไร่ตระกูลเว่ย คนงานทั้งหมดทั้งแรงงานที่เป็นชาวบ้าน บ่าวตระกูลเว่ย รวมถึงทหารที่คอยดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยของไร่ถูกเรียกมารวมตัวกันที่จุดเดียวพวกเขาทั้งงุนงงและสับสนว่าเจ้านายเรียกรวมตัวด้วยเหตุใด บ้างกังวลกลัวจะถูกเลิกจ้าง ยิ่งบรรดาเจ้านายไม่ปริปาก ความคิดพลันล่องลอยไปไกลมากกว่าเดิม ก่อนทุกคนจะแตกตื่นไปมากกว่านี้ พ่อบ้านอวิ๋นจึงเข้ามาไขข้อข้องใจเสียก่อน“ไม่ต้องแตกตื่น เจ้านายของพวกเราไม่ได้คิดจะเลิกจ้างพวกเจ้า ที่เรียกมารวมตัวกันเพราะจะมีการปรับเปลี่ยนไร่ตระกูลเว่ย การให้พวกเจ้าอยู่รวมกันเป็นจุดเดียวจะทำให้ปลอดภัยและดูแลง่ายกว่าเดิม”คนงานที่เป็นชาวบ้านต่างพากันโล่งใจ หม้อข้าวของตนยังอยู่ ยังไม่ได้ถูกทุบแต่อย่างใด ทว่าความสงสัยใคร่รู้ก็กลับมาอีก

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 87

    “ทุกคนเจ้าคะ อาหงมีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ” “ว่าเช่นไรลูกรัก มีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราหรือ” เว่ยซือซานถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราเลิกขายผักกันเถอะเจ้าค่ะ”“เลิกขายผัก? เลิกแล้วผักที่ปลูกอยู่พันหมู่จะทำอย่างไร” ถึงจะแปลกใจที่เว่ยซือหงเอ่ยเรื่องการยกเลิกกิจการที่กำลังรุ่งเรืองในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่ได้แตกตื่น เรื่องราวที่ผ่านมาได้สอนพวกเขาแล้ว ว่าเจ้าตัวน้อยเป็นคนมีเหตุผลเพียงใด การเอ่ยว่าจะไม่ขายผักแล้ว ไม่ใช่คำพูดที่เอ่ยออกมาเพราะต้องการล้อเล่นแน่“ไม่ต้องทำอันใดเลยเจ้าค่ะ แค่เปลี่ยนจากผักธรรมดาพวกนั้นเป็นผักปราณให้หมด”“เจ้าหมายความว่าอยากปลูกผักผลไม้ปราณแทนการปลูกผักธรรมดาหรือ”“เจ้าค่ะท่านแม่”สมาชิกในตระกูลเว่ยนิ่งคิด ความต้องการของบุตรสาวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยน้ำพลังปราณที่เจ้าตัวมี การเปลี่ยนจากผักธรรมดาเป็นผักปราณนั้นทำได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้พวกตนก็กินผักผลไม้ปราณและเห็ดปราณ ที่ปลูกอยู่หลังเรือนของเว่ยซือหงหรอกหรือหลินซือเหยาถอนหายใจมองหลานสาวพลางว่า “บอกเหตุผลให้ย่าและพวกเราทุกคนฟังได้หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงอยากปลูกและขายผักปราณ”ซึ่งคำถามของฮูหยินผู้เฒ่

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 86

    ช่วงนี้เว่ยซือหงไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำอะไรเป็นพิเศษ นางทุ่มเวลาทั้งหมดให้ครอบครัว ทดแทนที่ตนหายไปตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน คนในตระกูลก็พอใจมากที่เจ้าตัวน้อยใช้ชีวิตสมกับที่เป็นเด็กเสียทีทว่าเป็นคนตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นสตรี สิ่งที่ควรเรียนยังต้องเรียน นางจึงถูกท่านย่าคุมเข้มเรื่องศาสตร์ทั้งสี่เป็นประจำ ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่เว่ยซือหงก็เข้าใจและทำได้ดี ทั้งนี้ยังต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงกับท่านย่าหรือท่านแม่ยังจวนอื่น ๆ ตามบัตรเชิญที่ถูกส่งมาเป็นครั้งคราว เจ้าตัวน้อยเลยไม่รู้สึกเบื่อนักการออกไปพบปะผู้คนและเจอเพื่อนบ้างนับเป็นเรื่องดี เช่นวันนี้ที่นางมาเดินเที่ยวตลาดกับหลินหว่าน เด็กสาวจากตระกูลหลินที่เพิ่งทำความรู้จักกันไปเมื่อครั้งงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตที่ผ่านมานั่นเอง“เจ้าว่าปิ่นอันนี้สวยหรือไม่” หลินหว่านเอ่ยถามสหายพร้อมยื่นปิ่นดอกหมู่ตาน(โบตั๋น) ให้ดูเว่ยซือหงดูแล้วทั้งตัวรูปปิ่นและขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป เหมาะกับเด็ก ๆ อย่างพวกหน้า ก็พยักหน้ารับตอบคำทันทีเช่นกัน “สวยมาก เหมาะกับเจ้า”“จริงหรือ”“จริง”“เช่นนั้นข้าเอาอันนี้เจ้าค่ะ” คุณหนูตระกูลหลินส่งปิ่นให้สาวใช้ที่ติดตามมานำไปคิดเงิน“

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status