นั่นคือคำตอบเจือเสียงหัวเราะของคุณเหมยอิง แต่ไม่ใช่สิ่งที่อินถวาต้องการเลย ถ้าไม่มีแล้วทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนถูกแอบมอง ยิ่งได้รับคำสนับสนุนจากเขาคนนั้น เธอก็ยิ่งหวาดหวั่น
“แต่ผีทะเล เอ่อ... แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่ามีผีจริงๆ นะคะ”
อินถวายังคงแย้งเสียงค่อย ไม่กล้าจะพูดเต็มเสียง เพราะกลัวว่าคุณเหมยอิงจะหาว่าเธอเพ้อเจ้อ แต่ผู้ชายคนนั้นก็พูดให้เธอกลัวจริงๆ คนไม่รู้จักกันทำไมต้องมาหลอกผีกันด้วย ถ้าผีไม่มีอยู่จริง
“หนูกลัวผีเหรอจ๊ะ แหม... ใครๆ เขาก็ว่าผีไทยน่ะน่ากลัวที่สุดในโลก นี่มาอยู่ฮ่องกง กลัวอะไรกับผีฮ่องกง ที่ฮ่องกงเนี่ยค่าครองชีพแพง ฉันว่าตายเป็นผีแล้วก็ต้องจ่ายนะ ของฟรีๆ ที่ฮ่องกงคงไม่มีหรอก ว่าไงอาซู อาหนิง เห็นด้วยกับฉันมั้ย” เหมยอิงหันไปถามความคิดเห็นจาก 2 สาวใช้ที่ชื่อ อาซู กับ อาหนิง และทั้งสองสาวก็ประสานคำตอบว่า “เห็นด้วยค่ะคุณเหมยอิง”
นั่นยิ่งทำให้อินถวาไม่กล้าที่จะแย้งอะไรอีก จะยังไงเธอก็มาถึงที่นี่แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำให้สำเร็จก็คือ ทำงานที่ได้รับการว่าจ้างมา
“แล้วสรุปว่าไงล่ะพุดซ้อน หนูกลัวผีเหรอจ๊ะ”
น้ำเสียงปรานีของเหมยอิงเอ่ยสอบถามสาวไทยหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในฝั่งตรงกันข้าม หญิงสาวชาวไทยที่เพื่อนของเธอแนะนำมา โดยบอกความจำเป็นที่อินถวาต้องมาทำงานต่างบ้านต่างเมือง โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษของอินถวานั้นถูกใจเธอเหลือเกิน ‘เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยร่วมสมัย’ นั่นทำให้ข้อเสนอที่อินถวาต้องการถูกอนุมัติในทันทีเพียงแค่เธอเอ่ยปากกับคุณชายลี
“เอ่อ... หนูก็กลัวอยู่หน่อยๆ น่ะค่ะ แต่ถ้าหนูรู้ว่ามี หนูก็จะได้หาวิธีป้องกันได้ถูก” อินถวายิ้มแหยแต่ก็ต้องตอบไปตามความคิด
“อ้าว... ของแบบนี้ป้องกันได้ด้วยเหรอ ไหนบอกมาสิว่าหนูจะป้องกันยังไง”
เหมยอิงเริ่มสนุกที่จะได้พูดคุยกับสาวไทยคนนี้ เพราะยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอมีดีมากกว่าทำอาหารเก่งจริงๆ สมแล้วที่เพื่อนยืนยันว่าดีมาก และก็ธนานมากแล้วที่ไม่มีคนไทยแท้ๆ เดินทางมาที่นี่
“ป้องกันได้สิคะ ถ้าหนูรู้ว่า เอ่อ... ผีที่นี่กลัวอะไร หนูก็จะได้ไปเตรียมมาไว้น่ะค่ะ ตอนนี้หนูมีแค่พระเครื่องห้อยคอ ด้ายสายสิญจน์ และก็น้ำมนต์ขวดเล็กที่แม่ให้ติดตัวมาด้วย แต่หนูก็ไม่รู้ว่าผีที่นี่จะกลัวพระหรือเปล่า หนูเคยดูในหนังจีนอาจารย์ปราบผีใช้ผ้ายันต์สีแดงไว้ป้องกันตัว แต่ถ้าคุณแม่บ้านใหญ่จะช่วยแนะนำหนู หนูก็จะได้ไปหาสิ่งนั้นมากันไว้น่ะค่ะ”
อินถวาพูดไปตามที่คิด เพราะคำว่า ‘ผี’ เร่งเร้าให้เธอต้องหาทางป้องกันตัวเองให้ได้ ทว่าเมื่อพูดจบแล้วเหลือบตาขึ้นมองคุณเหมยอิงก็พบว่าคุณแม่บ้านใหญ่อ้าปากค้าง ดวงตาเรียวรีตามแบบสาวจีนจ้องมองเธออย่างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ รวมทั้ง อาฉี อาซู และอาหนิงด้วย ที่มีอาการอึ้งไม่ต่างกัน นั่นทำให้อินถวาประหม่าเสียจนต้องก้มหน้าจนแทบจะติดหน้าตัก เพราะเธอพลาดไปแล้ว อย่างที่แม่ว่าไว้จริง
‘ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง จะพูดจะทำอะไรต้องคิดให้ดีก่อนนะพุด วัฒนธรรมบางอย่างบ้านเขาก็ไม่เหมือนบ้านเรา พุดจะทำเหมือนอยู่ที่เมืองไทยไม่ได้นะ’
นั่นคือสิ่งที่แม่ตักเตือนก่อนที่เธอจะเดินทาง แต่ไม่ทันซะแล้ว เพราะเธอพูดทั้งหมดไปตามความคิดซะแล้ว และความเพ้อเจ้อของเธอจะได้รับบทลงโทษยังไงบ้างล่ะ เธอจะถูกปฏิเสธไม่ให้ทำงานที่นี่ไหม คงไม่หรอกเพราะเธอรับเงินค่าจ้างล่วงหน้ามาแล้วนี่ ยังไงเสียคุณเหมยอิงก็ต้องให้เธอทำงานแน่ แต่จะที่ไหนล่ะ จะเป็นผู้ช่วยแม่ครัวอย่างที่คุยกันไว้เบื้องต้น หรือเธอจะต้องกลายไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำ หรือไปช่วยคนสวนตัดหญ้า แต่จะอย่างไหนก็ต้องยอมทั้งนั้น เลี่ยงไม่ได้แล้วหนิ
ส่วนเหมยอิงนั้นก็กำลังอึ้งและก็ทึ่งเมื่อได้ฟังสิ่งที่อินถวาบอกเล่า เพราะไม่คิดว่าได้มาฟังเรื่องราวแบบนี้จากหญิงสาวสมัยใหม่ อินถวาคงเป็นคนที่จะมาสร้างสีสันให้กับคฤหาสน์ลีจริงๆ เพราะแค่วันแรกเธอก็ต้องกลั้นยิ้มกลั้นหัวเราะจนหยุดไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
“พุดซ้อน... หนูนี่น่าเอ็นดูจริงๆ เอาล่ะนะ ถ้าหนูเตรียมพร้อมมาขนาดนั้น ก็ใช้ให้ครบเถอะ นี่อาซู อาหนิง ก่อนจะพาพุดซ้อนไปห้องพักก็แวะให้พุดซ้อนไปไหว้อาแปะด้วยล่ะกัน อาแปะจะได้คุ้มครอง เดี๋ยวฉันจะไปดูคุณชายสักหน่อย ป่านนี้คงจะพิโรธหนัก” เหมยอิงพูดจบก็ลุกขึ้นก่อนจะทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันมาที่อินถวาอีกครั้ง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจหันไปส่งคำถามที่อาฉีแทน
“อาฉี สรุปพุดซ้อนรู้จักคุณชายแล้วใช่มั้ย”
อินถวาหันมองอาฉีที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเธอตอนที่เห็นผีทะเลสุดหล่อนั่นพรวดออกมาจากเงาดำใต้ปีกตึกใหญ่
“ก็ไม่เชิงครับคุณแม่บ้านใหญ่”
“ไม่เชิง อ้าว... ยังไงเนี่ยอาฉี ไหงเมื่อกี้ลื้อบอกว่าพุดซ้อนกับคุณชายเจอกันแล้วไง พุดซ้อนเองก็บอกว่าเจอผีทะเล แล้วยังไงกันเนี่ย สรุปพุดซ้อนรู้จักคุณชายแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้ไม่ต้องพาไปแนะนำ”
“เอ่อ... เจอกันครับ แต่ว่า...”
อาฉีอึกอักที่จะให้คำตอบกับคุณเหมยอิง แต่อินถวากลับชาวาบไปทั้งร่างก่อนจะเปลี่ยนเป็นความร้อนพวยพุ่ง เมื่อนึกถึงสัมผัสของผีทะเลตนนั้น เพราะหากเป็นไปได้ อย่าให้เธอต้องเจอกับเขาคนนั้นอีกจะดีกว่า ผู้ชายบ้าๆ ที่แตะต้องของสงวนของเธอ หากต้องเจอหน้ากันจริงๆ เธอจะทำหน้ายังไงล่ะ ในเมื่อสัมผัสอุ่นวาบยังคล้ายจะครอบครองทรวงอกของเธออยู่
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ