“ผีทะเล... เอ่อ... ผู้ชายคนนั้น ทำไมเหรอคะ”
“สรุปว่าหนูรู้จักคุณชายแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้ไม่ต้องพาไปแนะนำอีก”
“รู้จักหน้าค่ะ แต่หนูไม่รู้จักชื่อคุณชายคนนั้น”
อินถวายิ่งงงหนักเมื่อคุณเหมยอิงปรายตามองอาฉีอย่างคาดโทษก่อนจะหันมาหาเธอ พร้อมกับสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้ แต่เป็นความเข้าใจที่ทำให้ขนหัวเธอลุกตั้งเสียยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผีซะอีก เพราะเขาเป็นใครบางคนที่เธอแตะต้องไม่ได้
“นั่นแหละจ้ะ ‘คุณชายไรเฟิล ลี’ ทายาทคนเดียวของตระกูลลี และก็เป็นคนเดียวกันกับผีทะเลที่หนูบอกนั่นแหละ”
อินถวาส่ายหน้าดิก ‘ไม่นะ ไม่น่าจะเป็นไปได้’ เธอคิดว่าที่อาฉีเรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ ก็คือการให้เกียรติเหมือนอย่างที่อาฉีเรียกเธอว่า ‘คุณ’ ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นใครที่สำคัญของคฤหาสน์นี้แน่ และผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนยุโรปไม่ใช่เอเชียอย่างที่เธอเป็น อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ว่าเขาจะเป็น ‘คุณชายลี’ นายจ้างของเธอ แต่สายตาเกรงๆ พร้อมใบหน้าที่พยักน้อยๆ ของอาฉีที่ส่งมาก็ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้
“ฉันว่าที่หนูควรจะกลัวมากกว่าผีตัวอื่น ก็น่าจะเป็นผีทะเลสุดหล่อตัวนั้นนะ หนูคงต้องระวังให้จงดีเลยล่ะ ผีทะเลเจอหนูแล้วนี่ อีกอย่าง อย่าลืมว่าคุณชายลี คือเจ้านายของหนูโดยตรง ท่านนี่แหละที่อนุมัติสัญญาว่าจ้างให้กับหนู”
อาการอกสั่นขวัญแขวนหรือขวัญอาจบินไปไกล อินถวารับรู้ได้ว่าจริงแท้ก็เวลานี้เพราะขนหัวของเธอลุกตั้งอย่างหยุดไม่ได้ หัวใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะอนาคตนับต่อแต่นี้ไปมืดมนอย่างเห็นได้ชัด
ลำพังแค่คิดว่าเขาเป็นใครบางคนที่มาทำงานในคฤหาสน์นี้ก็ลำบากใจที่จะเจอหน้ามากพอแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับจังหวะหัวใจที่เต้นผิดปกตินี้ยังไง แต่เมื่อมารู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญและมีอิทธิพลกับงานของเธอที่สุด เส้นทางปลายอุโมงค์ของเธอก็เหมือนจะมึดดับดำปิ๊ดปี๋ เพราะหัวใจของเธอหยุดเต้นไปแล้ว ‘คุณชาย, เจ้าของคฤหาสน์, นายจ้าง’ เขาจะจัดการกับเธอยังไง
แต่โชคชะตายังคงโหดร้ายกับเธอต่อ เพราะเมื่ออาซูกับอาหนิงพาเธอมาไหว้อาแปะตามที่คุณเหมยอิงบอกไว้ อินถวาก็เริ่มรู้แล้วว่าพระเครื่องห้อยคอ สายสิญจน์ และน้ำมนต์ที่แม่ให้ติดตัวมาจากเมืองไทยคงมีเรื่องต้องใช้งานแน่แล้ว เมื่ออาแปะที่คุณเหมยอิงหมายถึงนั้นคือ ร่างที่ไร้วิญญาณใน ‘ฮวงซุ้ย’ ซึ่งเป็นพ่อของคุณนายลีนั่นเอง
“ไหว้อาแปะนะอาพุดซ้อน อาแปะจะได้คุ้มครองลื้อ ลื้อไม่ต้องกลัวอะไร ที่นี่ไม่มีดวงวิญญาณไหนจะเข้ามาทำร้ายลื้อได้ทั้งนั้น เพราะที่นี่น่ะ อาแปะท่านใหญ่ จริงมั้ยอาซู”
ภาษาไทยสำเนียงจีนของอาหนิงที่พูดกับเธอก่อนจะหันไปถามอาซูที่ยื่นธูปที่จุดติดแล้วมาให้ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เพราะนั่นยิ่งทำให้ขนบนหัวของอินถวาลุกตั้งมากขึ้นอีก ถ้าเธอรู้มาก่อนว่าในคฤหาสน์แห่งนี้มีฮวงซุ้ยจัดสร้างอยู่ภายใน เธอจะไม่มีวันรับงานนี้อย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากผีทะเลสุดหล่อที่คุณเหมยอิงบอกว่าน่ากลัวสุดๆ แล้วนั้น เธอก็คิดว่าคนที่นอนอยู่ในฮวงซุ้ยตรงหน้าก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไร
“บรื้อออออ...” อินถวาขนลุกตั้งและสั่นไปทั้งร่าง
“เป็นอะไรอาพุดซ้อน” อาซูหันมาถาม และก็เห็นว่าแม่บ้านสาวสวยคนใหม่ทำหน้าจะร้องไห้ซะแล้ว
“อะ... อาซู อาหนิง แล้วทำไมถึงมีฮวงซุ้ยในคฤหาสน์ ทำไมไม่ไปสร้างที่สุสาน” อินถวาปากคอสั่นแม้จะรับธูปมาปักไว้ที่หน้ากระถางเรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็กลัวเหลือเกิน
“โถๆๆ ไม่ต้องกลัวนะอาพุดซ้อน ซินแสท่านบอกว่าที่นี่น่ะชัยภูมิดี อยู่แล้วลูกหลานจะร่ำรวยก้าวหน้า ยิ่งอาแปะอยู่ปกป้อง ลูกหลานก็จะมีแต่รวยรวยรวย ฮวงซุ้ยนี่อาแปะท่านก็สร้างเตรียมไว้หลายปีก่อนที่ท่านจะเสีย อาแปะน่ะใจดีนะอาพุด ท่านดูแลทุกคนที่นี่ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ”
“จริงๆ เหรออาหนิง ไม่หลอกนะ”
“จริงสิ ไม่หลอกหรอก ที่สำคัญนะ อาแปะให้หวยถูกด้วย รวยๆๆๆ”
อินถวาฝืนยิ้มแม้จะอยากร้องไห้อย่างที่สุดก็ตาม เพราะมาถึงตอนนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้ จะกลับบ้านก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อก็กลัวเหลือเกิน แต่ทางเลือกของเธอไม่มีเลย ที่ต้องทำก็คือรีบไหว้ให้เสร็จๆ และรีบไปจากที่นี่ให้เร็ว ทว่าเมื่ออาซูกับอาหนิงพาเธอมาที่ห้องพัก อินถวาก็อยากจะกรีดร้องออกมาอีกเสียให้ได้ เพราะนั่นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย เพราะห้องพักคนงานของคฤหาสน์ลี อยู่ด้านข้างของฮวงซุ้ยนี่เอง
อินถวาทรุดนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง แต่หัวใจกลับเต้นรัวเร็วอย่างหยุดไม่ได้ เพราะอาซูกับอาหนิงออกไปแล้ว เพื่อให้เธอจัดเก็บข้าวของและผลัดเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของพนักงานให้เรียบร้อย จากนั้นให้เธอเดินไปที่ตึกใหญ่ด้านหน้าเพื่อกินอาหารกลางวันและจะได้รับงานจากคุณแม่บ้านใหญ่ ว่างานของเธอประจำวันนั้นมีอะไรบ้าง
แต่ในเวลานี้อินถวากลับไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย เพราะแค่มองผ่านบานเกล็ดหน้าต่างออกไป ก็มองเห็นเนินดินนั่น ความรู้สึกของเธอตอนนี้เหมือนกับว่าปลูกบ้านอยู่ข้างวัด จะย้ายหนีก็ไม่ได้เพราะลงหลักปักฐานไปแล้ว จะไม่อยู่ก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงินจะไปเช่าที่อื่นอีก มันคืออาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะกลายเป็นว่าเธอต้องเห็นเนินดินฝังศพนั่นในทุกวัน ทั้งตื่นนอนตอนเช้า ออกไปทำงาน กลับมาจากทำงาน และก่อนเข้านอน อย่างนั้นเหรอ
“อึ๊ยยยยย... กลัวอ่ะ แม่คะ พุดคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มาที่นี่ พุดกลัวอ่ะ”
ยิ่งชำเลืองก็ยิ่งกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองดูอีกครั้ง ก่อนที่อินถวาจะเบิกดวงตากว้างกับสิ่งที่เห็น พร้อมกับเปล่งเสียงกรีดร้อง เมื่อเงาดำสูงใหญ่ทาบทับอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ