ร่างแบบบางของจอมใจยืนหอบหายใจออกแรงด้วยความเหนื่อยล้าอยู่หน้าประตูห้องเพนท์เฮาส์ของนักรบ หลังจากที่เธอวางสายจากคุณป้าเธอก็รีบโทรหาภูผาคนสนิทของเจ้านายเพื่อถามภูผาว่านักรบอยู่ที่ไหนทันที
จอมใจทิ้งงานทุกอย่างที่กำลังทำอยู่รีบตรงดิ่งมาหานักรบที่เพนท์เฮาส์อย่างรวดเร็ว หญิงสาวยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มือบางจะเอื้อมไปกดปุ่มที่อยู่ข้างๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์เล็กๆ ตรงประตูพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ท่านประธาน ฉันเองค่ะเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
จอมใจไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ ออกมาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเลยสักนิด เธอจึงกดปุ่มเล็กๆ พลางเอ่ยออกไปอีกครั้งหนึ่ง
“เปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
หญิงสาวยืนนิ่งรออยู่ไม่นานสักเท่าไหร่ ประตูบานใหญ่ตรงหน้าของเธอก็ค่อยๆ แง้มเปิดออกอย่างช้าๆพร้อมกับร่างกำยำเสื้อผ้าหลุดลุ่ยปรากฏอยู่ตรงหน้าของจอมใจ
“ท่านประธาน” เสียงหวานพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตกวาดสายตาสำรวจร่างกายของนักรบก็พบว่ามือขวาของชายหนุ่มกำลังมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
“มาทำไม” นักรบเอ่ยถามเสียงแข็งกร้าว
“ขอฉันเข้าไปในห้องหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานตอบกลับอย่างนุ่มนวล
นักรบไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไปแต่ทว่าชายหนุ่มกลับหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องเหมือนเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าอนุญาตเธอแล้ว จอมใจจึงเดินตามเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ
“มานั่งลงก่อนค่ะเดี๋ยวฉันทำแผลให้” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้อง”
“ถ้าไม่ทำแผลงั้นขอฉันเช็ดแผลให้แล้วกันนะคะท่านประธาน”
เมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่ได้มีการคัดค้าน จอมใจจึงเดินไปในห้องครัวของชายหนุ่มเพื่อหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้าขาวผืนเล็กมาเช็ดแผลให้ชายหนุ่ม
จอมใจได้ของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว เธอจึงถือกะละมังที่ใส่น้ำเปล่ากับผ้าผืนสีขาวสะอาดตาเดินมาย่อตัวนั่งลงข้างๆ นักรบบนโซฟาใหญ่กลางห้อง
หญิงสาววางกะละมังไว้บนโต๊ะตรงหน้าของพวกเขา มือบางเอื้อมไปบิดผ้าขาวในกะละมังน้ำให้หมาดๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นมาเพื่อขออนุญาตเจ้านาย
“ขออนุญาตค่ะ”
จอมใจถือวิสาสะจับมือนักรบขึ้นมาและเอาผ้าที่ชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดคราบเลือดออกจากแผลอย่างเบามือที่สุด หญิงสาวตั้งอกตั้งใจเช็ดคราบเลือดอย่างเบามือ ส่วนนักรบก็ปรายตามองร่างบางอยู่เป็นระยะโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“มันลึกมากเลย ไปโรงพยาบาลเถอะนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นในระหว่างที่เธอกำลังเช็ดเลือดออกจากหลังมือให้ชายหนุ่มอยู่
“ไม่ไป” เสียงทุ้มตอบกลับสั้นๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันลงไปซื้อยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบมาไว้ให้แล้วจะกลับไปทำงานต่อ ช่วงเย็นฉันจะกลับมาอีกรอบนะคะ”
จอมใจเช็ดคราบเลือดออกจนหมด เธอวางผ้าขาวใส่ไว้ในกะละมังเตรียมจะยกไปเก็บในห้องครัวแต่ทว่ามือหนาก็เอื้อมมาจับข้อมือเรียวเล็กเอาไว้เสียก่อน
“จอมใจ” นักรบเอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ทะ..ท่านประธาน” หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย ดวงตากลมโตมองไปที่มือหนาพร้อมกับเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงด้วยความอึดอัดใจ
“อยู่กับฉันก่อนได้ไหม”
ประโยคต่อมาทำให้จอมใจเหมือนต้องมนต์สะกดไปชั่วขณะ ใบหน้าหล่อเหลาหันมาสบตากับดวงตากลมโตที่กำลังสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ฉันต้องกลับไปทำงานนะคะ” เสียงหวานตอบกลับไปอย่างสั่นเครือ
“เดี๋ยวให้ภูผาเอางานมาให้ทำที่นี่”
“แต่ว่า..”
“ฉันขอร้อง” เป็นครั้งที่นักรบเอ่ยขอร้องใครแบบนี้ในชีวิต เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไปเขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องการให้จอมใจอยู่ข้างๆ เขาแค่นั้น
“เอ่ออ งั้นก็ได้ค่ะ” จอมใจคิดว่าเจ้านายอาจจะมีเรื่องที่หนักใจเอามากๆ ไม่งั้นเขาคงไม่พูดจาแบบนี้กับเธอหรอก
“แต่ว่าท่านประธานต้องให้ฉันทำแผลให้ก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยต่อ
“อือ”
“กล่องอุปกรณ์ทำแผลอยู่ตรงไหนคะ”
นักรบไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาปล่อยข้อมือเรียวเล็กออกจากการเกาะกุม ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยังหน้าทีวีและเปิดตู้ข้างทีวีหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลออกมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าจอมใจ
หญิงสาวเปิดกล่องอุปกรณ์ทำแผลหยิบของต่างๆ ออกมาวางไว้บนโต๊ะ เธอจับมือขวาของนักรบขึ้นมาก่อนที่เธอจะค่อยๆ ทำแผลให้กับชายหนุ่มอย่างเบามือที่สุด
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จอมใจยังคงก้มหน้าก้มตาทำแผลให้นักรบอย่างตั้งใจ ถึงแม้ใจดวงน้อยของเธอจะเต้นรัวมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องพยายามทำตัวปกติราวกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไร
นักรบล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้วยมือเพียงมือเดียวเพราะอีกข้างหนึ่งมีหญิงสาวร่างอวบอิ่มกำลังวุ่นวายกับการทำแผลที่มือให้เขาอยู่ มือหนากดโทรศัพท์พิมพ์ข้อความหาใครบางคนอยู่ชั่วครู่ จากนั้นนักรบก็วางโทรศัพท์ลงไว้บนโต๊ะตรงหน้าทันที
“ฉันลงไปซื้อยามาให้ก่อนนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอพันแผลที่มือให้ชายหนุ่มเสร็จสรรพ
“ไม่ต้อง ฉันส่งข้อความไปหาภูผาแล้ว” เสียงทุ้มทรงพลังตอบกลับไป
“ค่ะ”
จอมใจเก็บอุปกรณ์เข้ากล่องไว้เหมือนเดิม เธอเดินเอากล่องอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บไว้ที่เดิมพลางครุ่นคิดหาอะไรทำระหว่างรองานของเธอจากภูผาเพราะเธอไม่อยากอยู่ว่างๆ ให้สถานการณ์ระหว่างเธอกับนักรบต้องอึดอัดใจต่อกัน
“ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ” จอมใจเอ่ยถาม
“อือ”
สิ้นเสียงของนักรบ จอมใจก็รีบเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตมองตัวเองในกระจกที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย อีกทั้งใจดวงน้อยยังเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก เธอไม่เคยเห็นนักรบเป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งเธอไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มไปเจอกับเรื่องอะไรมาแต่มันคงทำให้ชายหนุ่มเครียดและหนักใจมาก
จอมใจหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆ หลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำแต่เธอนึกขึ้นได้พอดีว่ามารดาของตัวเองมานอนที่ห้องพักของเธอด้วย เธอจึงจะต้องโทรไปบอกมารดาเสียก่อนเพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วง
หญิงสาวย่างกรายมาตรงทางเดิน เธอหามุมที่ไกลจากห้องโถงใหญ่เพื่อที่จะไม่ให้เสียงของเธอไปรบกวนเจ้านาย เมื่อจอมใจได้มุมที่เหมาะสมกับการคุยโทรศัพท์แล้วเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหามารดาของตัวเอง ซึ่งรอไม่นานสักเท่าไหร่จารวีก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“แม่ หนูน่าจะกลับดึกนะแม่กินข้าวนอนก่อนได้เลยนะ”
‘เดี๋ยววันนี้แม่กลับบ้านแล้วนะลูก’ จารวีตอบกลับมา
“แม่แน่ใจใช่ไหม”
‘จ้ะ’
“งั้นมีอะไรแม่ก็โทรมาหาหนูได้ตลอดเลยนะจ๊ะ”
‘ได้จ้าลูก’
“แค่นี้นะจ๊ะแม่”
‘จ้า’ สิ้นเสียงของจารวี จอมใจก็กดวางสายทันที
หลังจากพูดคุยโทรศัพท์กับมารดาเสร็จเรียบร้อย จอมใจก็เก็บโทรศัพท์และเดินกลับมาที่ห้องโถงใหญ่ทันที ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นักรบเดินกลับเข้ามาในห้องพอดีนักรบเดินไปเอาข้าวของของจอมใจและยาจากคนสนิทตรงหน้าประตูห้องมา
เมื่อจอมใจเห็นแล็บท็อปกับแฟ้มเอกสารของตัวเองในวงแขนแกร่ง หญิงสาวรีบเดินไปคว้าข้าวของตัวเองจากชายหนุ่มมาอย่างรวดเร็ว เธอค่อนข้างที่จะเกรงใจเจ้านายเอามากๆจึงไม่อยากรบกวนนักรบนานๆ
“นั่งทำงานตรงนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับมือหนาชี้ไปตรงโต๊ะภายในห้องโถง
“ค่ะ” จอมใจพยักหน้าให้ชายหนุ่มหนึ่งครั้ง จากนั้นเธอก็เดินไปตรงโต๊ะที่ชายหนุ่มชี้ไปทันที จอมใจวางของลงบนโต๊ะก่อนที่เธอจะนั่งลงและเปิดแล็บท็อปขึ้นมาเพื่อทำงานที่ค้างคาอยู่อย่างรวดเร็ว
นักรบเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง เขาหยิบยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบที่ฝากภูผาซื้อขึ้นมากินและดื่มน้ำตามเข้าไป ดวงตาคมกริบปรายตามองแผ่นหลังแบบบางอยู่สักพัก จนกระทั่งชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความหนักอึ้งของเปลือกตาเขาจึงเอนกายนอนลงไปบนโซฟา ซึ่งเวลาผ่านไปไม่นานนักรบก็หลับใหลลงไปอย่างง่ายดาย
จอมใจนั่งทำงานอย่างตั้งใจจนไม่ได้สนใจรอบข้างเลยสักนิดเพราะเธอมักจะเห็นงานมาก่อนทุกเรื่องและเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
เวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆ จนถึงห้าโมงเย็นของวันจอมใจก็ทำงานเสร็จพอดี เธอบิดกายเล็กน้อยด้วยความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ หญิงสาวหันมาหาเจ้านายก็พบว่าชายหนุ่มกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา
มือบางปิดแท็บเล็ตลงและเก็บข้าวของของตัวเองขึ้นมาไว้บนวงแขนเรียวเล็ก จอมใจลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานก้าวเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่นักรบนอนหลับอยู่ หญิงสาววางของลงบนโต๊ะตรงโซฟาก่อนที่เธอจะเอ่ยเรียกนักรบอย่างน้ำเสียงแผ่วเบา
“ท่านประธานค่ะ ฉันเสร็จงานแล้วค่ะ”
สิ้นเสียงของจอมใจ นักรบก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เพราะปกติแล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้เป็นคนที่ตื่นยากถึงขนาดที่ว่ามีคนมาเรียกมาปลุกแล้วจะไม่ตื่น
“จะกินอะไรไหมคะ ฉันจะทำไว้ให้ก่อนจะกลับค่ะ” จอมใจพูดต่อ
“ไม่” นักรบตอบกลับสั้นๆ
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบกลับอะไร มือหนาก็เอื้อมไปคว้าข้อมือเรียวเล็กพร้อมกับออกแรงดึงรั้งร่างเล็กให้ทรุดตัวนอนลงบนร่างกำยำ
“กรี๊ดดด! ท่านประธาน” จอมใจไม่ทันได้ตั้งตัว เธอร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ
“ขอฉันอยู่แบบนี้สักพักได้ไหม” นักรบพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนแทบจะชนกันจนพวกเขารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดใส่ใบหน้าของกันและกัน
“คือ..” หญิงสาวไม่รู้จะตอบกลับชายหนุ่มอย่างไรดี
“ขอร้องละจอมใจ” นักรบจึงเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
“คะ..ค่ะ”
สิ้นเสียงของหญิงสาว นักรบก็กระชับวงแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กที่อยู่บนร่างกายกำยำของเขาเอาไว้แน่น มือหนากดหัวของหญิงสาวให้ใบหน้าหวานซบลงบนอกแกร่งพร้อมกับดวงตาคมกริบค่อยๆ ปิดลงเหมือนเดิม
ใจดวงน้อยเต้นโครมครามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้แนบชิดกับชายหนุ่มมากขนาดนี้ ความทรงจำในวันนั้นที่เธอกับเขาแนบชิดกันมากกว่านี้ฉายซ้ำวนกลับเข้ามาในหัวของเธอทำให้ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย
นักรบได้ยินเสียงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงจนผิดปกติของหญิงสาวแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจไปมากกว่านี้
มือหนาลูบเรือนผมสีน้ำตาลของจอมใจเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลมหญิงสาว
“ขอนอนก่อน” เสียงทุ้มมีเสน่ห์เอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ
จอมใจนอนตัวเกร็งอยู่บนร่างกำยำสมบูรณ์ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยขึ้นมาปะทะจมูกของหญิงสาวทำให้เธอเผลอสูดดมกลิ่นหอมน่าหลงใหลอย่างลืมตัว ส่วนชายหนุ่มที่สภาพร่างกายและจิตใจอ่อนแอเมื่อได้ที่พักพิงเขาก็หลับลงไปอีกครั้งอย่างง่ายดาย
หญิงสาวได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของชายหนุ่ม เธอจึงรับรู้ได้ทันทีว่านักรบได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวผ่อนคลายลงไปเล็กน้อยเธอค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ กลิ่นหอมจากร่างกำยำทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
จอมใจนอนหลับตาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่บรรยากาศและความเงียบสงบภายในห้องจะทำให้เธอหลับลงตามนักรบไปในเวลาต่อมา…
ริมฝีปากหนาของนักรบฉกจูบลงบนเรียวปากสีชมพูระเรื่ออย่างจาบจ้วง ลิ้นสากร้อนส่งเข้าไปทักทายกับลิ้นเรียวเล็กพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากล่างของหญิงสาวเบาๆ มือหนาเลื่อนต่ำลงมาโอบรอบเอวคอดกิ่งพลางดึงรั้งหญิงสาวให้แนบชิดกับแผงอกแกร่งเปลือยเปล่า มือบางยกขึ้นมาลูบไล้หน้าอกกำยำอย่างแผ่วเบาด้วยความเสน่หา นิ้วเรียวเล็กซุกซนสะกิดยอดจุกของชายหนุ่มพลางจูบตอบสามีจนเสียงทุ้มครางต่ำในลำคอด้วยความพึงพอใจชายหนุ่มเคลื่อนมือสากล้วงเข้าไปในเสื้อสีขาวสะอาดตาของจอมใจก่อนที่มือหนาจะหยุดลงตรงเต้าอวบอิ่ม เขาบีบเคล้นก้อนเนื้อนุ่มนิ่มอย่างเมามัน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงจูบกันเกี่ยวพันลิ้นร้อนอย่างดูดดื่มนักรบคว้ามือบางให้ล้วงเข้าไปในกางเกงผ้าเบาสบายของเขา จอมใจรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี มือเล็กล้วงเข้าไปสัมผัสหยอกล้อกับแก่นกายใหญ่ที่มีเส้นเลือดปูดโปนกำลังแข็งขันชูชันสู้มือ หญิงสาวถลกหนังหุ้มปลายหัวหยักแดงก่ำลงพลางใช้นิ้วเล็กลูบวนบนปลายหัวจนเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลปริ่มออกมาจากรูเล็กตรงกลางหัวมันเงาชายหนุ่มไม่รอช้า มือหนาเริ่มปลดกระดุมชุดนอนสีขาวสะอาดตาของหญิงสาวออกอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหนาค่อยๆ เคลื่อนไปตรงซอกคอขาวเนี
หนึ่งปีผ่านไปร่างอรชรของจอมใจนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่กำลังพูดคุยกับณิชาไปเรื่อยเปื่อยบนโซฟากลางห้อง ตรงพื้นห้องมีเหล่าบรรดาสาวใช้ประมาณสองคนที่กำลังเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดตรงพื้นห้องอยู่ ถัดไปก็มีแม่บ้านที่อาวุโสที่สุดในคฤหาสน์กำลังนั่งมองเด็กทารกวัยหนึ่งขวบหลับอยู่ในเปลนอนสีน้ำตาลสุดหรูด้วยสายตาเอ็นดูและหลงใหลในความน่ารักน่าชังของเด็กน้อยตั้งแต่มีเด็กชายตัวน้อยๆ เข้ามาในคฤหาสน์ ทุกคนในบ้านก็ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งทุกคนยังเลี้ยงดูเด็กชายช่วยกันเป็นอย่างดีจนแทบจะเรียกได้ว่าแย่งกันเลี้ยงเลยทีเดียวเหนือสมุทรเดินเข้ามาในห้องโถงพลางกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง เมื่อชายแก่เห็นว่าเด็กชายหลับอยู่เขาจึงค่อยๆ เดินย่องให้เบาที่สุด ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วเด็กน้อยจะตื่นยากแต่เหนือสมุทรก็ไม่อยากรบกวนการนอนหลับของเด็กชายตัวน้อยสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณปู่” ณิชากับจอมใจกล่าวทักทายชายแก่พร้อมกัน “นักรบละ” เหนือสมุทรเอ่ยถาม“อยู่ในห้องทำงานค่ะ” จอมใจตอบกลับพลางส่งยิ้มหวานไปให้“ฉันซื้อเสื้อผ้ากับของเล่นมาให้เหลนฉัน”“จอมทัพเพิ่งหลับไปสักพักเองค่ะ” จอมใจบอกกล่าวเหนือสมุท
สี่เดือนต่อมาเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายภายในคฤหาสน์ของตระกูลเทวาศิริโชติดังขึ้นมา ร่างกำยำของนักรบกำลังอุ้มจอมใจที่ท้องโตในท่าเจ้าสาวกำลังก้าวตรงมายังลานจอดรถด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจและวิตกกังวล เพราะเมื่อสักครู่นี้จอมใจเดินลงบันไดมาอยู่ดีๆ เธอก็บอกกับเขาว่าเธอเจ็บท้องมากๆ ซึ่งในเวลาต่อมาน้ำคร่ำของเธอก็แตกไหลเปียกลงมาระหว่างเรียวขาสวย นักรบรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวจะคลอดลูกชายตัวน้อย เขาจึงรีบช้อนร่างอวบอิ่มอุ้มตรงมาที่รถอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวใช้รีบวิ่งไปตามมารดาของนักรบทันที“จอมใจ! อดทนหน่อยนะ!” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยกับร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา“ฮึก! คะ..ค่ะ อืออ” จอมใจหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวดที่ท้องและอาการมดลูกหดเกร็งที่บีบรัดอยู่เป็นระยะ“ไหวไหม” นักรบเอ่ยถามหญิงสาวไม่หยุดปาก“วะ..ไหวค่ะ ฉันไหวค่ะ” หญิงสาวพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้“ไอ้ภูผา! ไอ้ภูผา! ไปไหนของมันวะ” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อเขาอุ้มภรรยามาถึงลานจอดรถของคฤหาสน์ ทว่าเขากลับไม่เห็นคนสนิทของเขา“นักรบ ใจเย็นๆ นะลูก ให้คนอื่นขับพาไปก็ได้นะลูก” ณิชาที่รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกกล่าวกับลูกชายทันที“ไม่ได้แม่…ต้องให้มัน
สองเดือนผ่านไปหญิงสาวร่างอวบอิ่มหน้าท้องนูนเด่นขึ้นมาเล็กน้อยกำลังนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีคุณหมอคนสวยสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ข้างเตียงกับชายหนุ่มร่างกำยำที่นั่งอยู่ใกล้ชิดกับจอมใจด้วยใบหน้าที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย นักรบกับจอมใจมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายของจอมใจและเพื่อตรวจเพศของทารกในครรภ์“ตอนนี้เรากำลังจะมาดูเพศน้องกันนะคะ” เสียงเครื่องอัลตราซาวน์ดังขึ้นเป็นระยะในขณะที่คุณหมอคนสวยดูท่าทางใจดีและอบอุ่นกำลังใช้หัวตรวจวนไปวนมาอยู่ตรงเจลที่ทาไว้ก่อนหน้านี้ตรงหน้าท้องของจอมใจ“เดี๋ยวรอน้องอยู่ในท่าที่เห็นได้ชัดก่อน หมอจะแจ้งให้ทราบนะคะ” หมอสาวค่อยๆ ขยับหัวตรวจอย่างแผ่วเบาอยู่สักพัก นักรบมองท้องของหญิงสาวสลับกับหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ“เห็นชัดแล้วค่ะ..น้องเป็นผู้ชายนะคะ” สิ้นเสียงคุณหมอคนสวย จอมใจหันหน้าไปมองชายหนุ่มพลางฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจให้เขาทันที แน่นอนว่านักรบเองก็ดีใจมากๆ เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพศไหนเขาก็รักลูกของเขาอยู่ดีทว่าได้ลูกชายก็ดีเลยเพราะเขาก็อยากจะสอนถ่ายทอดวิชาและการใช้ชีวิตต่างๆ ให้กับลูกชายของเขา“ดีใจด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่”“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” เสียงหวา
หลังจากที่นักรบพาภรรยาคนสวยไปทานมื้อค่ำกันจนเสร็จเรียบร้อย คู่สามีภรรยาก็พากันกลับมายังคฤหาสน์ในช่วงพลบค่ำของวัน ชายหนุ่มร่างกำยำโอบไหล่แบบบางของภรรยาเดินตรงเข้ามาในคฤหาสน์ ในขณะเดียวกันสาวใช้ก็เดินตรงมาหาพวกเขาพอดี“นายท่านคะ..ท่านปู่มาค่ะ” สาวใช้ชุดดำเอ่ยขึ้นทันที“อือ” นักรบพยักหน้าให้เธอ สาวใช้ก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์“มีอะไรหรือเปล่าคะ” จอมใจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย วันแต่งงานพวกเธอก็ไม่ได้คุยอะไรกับปู่ของนักรบเลยสักนิดเพราะยุ่งกับงานแต่งอยู่ ซึ่งท่านเองก็เงียบขรึมไม่พูดไม่จาอะไร เธอจึงไม่รู้ว่าชายแก่คิดอะไรอยู่“ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปในบ้านกันเถอะ” พูดจบ ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวเดินเข้ามาในคฤหาสน์และตรงไปยังห้องรับแขกทันทีชายแก่ที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นดูดุดันน่าเกรงขามนั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา นักรบเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับจอมใจที่เดินเคียงข้างชายหนุ่มเข้ามา“มาทำไม” เสียงทุ้มของนักรบเอ่ยถามชายแก่ทันที “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาพนมกลางอกพลางกล่าวทักทายชายแก่อย่างนอบน้อม“ฉันซื้อผลไม้
คู่รักข้าวใหม่ปลามันลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์พร้อมกัน จอมใจสวมชุดเดรสสั้นทรงตรงสีขาวแขนกุดมีใบหน้าที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ชายหญิงตื่นมาทานอาหารเช้ากับมารดาทั้งสองคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่หนุ่มสาวก็ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องมานั่งรอพวกเขาเพื่อทานอาหารเช้า“ตื่นเช้ากันจังเลยละลูก” เสียงของณิชาเอ่ยทักทายคู่สามีภรรยาที่เดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกัน“หนูกลัวว่าคนอื่นจะรอกินข้าวค่ะ” จอมใจตอบกลับไปอย่างนอบน้อม“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย พวกแม่เข้าใจดี” ณิชาหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มกับจารวีที่นั่งอยู่ข้างเธอ“มาๆ กินข้าวกันลูก” จารวีพูดขึ้นมา นักรบกับจอมใจจึงเดินไปนั่งลงประจำที่ของตัวเอง ชายหนุ่มนั่งลงตรงหัวโต๊ะและจอมใจเดินไปย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านขวามือของนักรบ พวกเขาทั้งสี่คนลงมือทานอาหารเช้าด้วยกันอย่างช้าๆ บรรยากาศภายในบ้านดูอบอุ่นแตกต่างจากเมื่อก่อนไปเยอะมาก“จ๋า เธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเลยสิ” มารดาของนักรบเอ่ยขึ้นมาในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารกันอยู่“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเกรงใจ” จารวีตอบกลับ แค่นี้เธอก็เกรงใจครอบครัวของณิชามากๆ แล้ว“จะเกรงใจทำไม คนกันเองทั้งนั้น อีกอย่างเราก