สี่สาวล้วนอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าเนื้อผ้าสายเดี่ยว ชุดเดินชายหาด เดินเล่นทะเล เป็นเดรสกระโปรงบางพลิ้ว สีสันสดใส คนละสี่ ปามเน้นเทา ลีน่าออกเขียวใบเตย พริ้งต้องสีแดงสด และหวานใช้สีน้ำเงิน ทำให้ตัวเองดูเด่น แววตาเพื่อนสาวมองจิก เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แต่พวกเธอสนุกสนานเฮฮากันแบบนี้มานานแล้ว
แววตาทั้งสี่คู่ หันมองหาหนุ่มหล่อต่างชาติ ซึ่งเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว ทำให้พวกเธอได้ทานข้าวฟรีในค่ำนี้ ท่าทางจะยังไม่ลง ลีน่ามองหาโต๊ะอาหารวิวดีๆ เพื่อจับจอง จากนั้นเริ่มมองหาอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ
“มิเสียแรง เก็บเงินมาเที่ยวมัลดีฟส์ บรรยากาศดี อาหารก็อร่อย อยากอยู่ที่นี่ทั้งชีวิต ไม่ต้องกลับไปทำงานจะดีมากๆ เลย” ปามเกริ่นระหว่างนั่งตักอาหารเข้าปาก คำกว้างๆ ฟังเสียงคลื่นในยามค่ำคืน เพลงบรรเลงแนวฮาวายคลอตลอด
“เฮ้ย ลงขันเก็บเงินรวมกัน ยิ่งมีเยอะ เราก็ได้มาบ่อยๆ ไง” หวานตอบเสียงค่อนข้างดัง ทำให้พริ้งนั่งกระมิ้ดกระเมี้ยน แอพใสเหมือนเดิม ให้ดูน่ารักน่าฟัด
“อย่าแอพเยอะ กูเหนื่อยแทน” ลีน่าแซวระหว่างยกช้อนตักอาหารใส่ปาก พริ้งมิได้ตอบนอกจากหัวเราะ ยิ้มร่าเริง โดยหารู้ไม่ว่าพวกเธอตกเป็นเป้าสายตาหนุ่มๆ ต่างชาติ ต่างยืนแอบมองพวกเธอ ราวกับมีอะไรเซอร์ไพร์สด้วย
ระหว่างที่สาวๆ ทั้งสี่กำลังเฮฮาปาร์ตี้กับอาหารดินเนอร์ฟรีในคืนนี้ พวกเธอได้ยินเสียงเดินจากหนุ่มๆ ทั้งสี่คน เดินเข้ามาหา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่หนึ่งหนุ่มเดินตรงไปหาลีน่า ซึ่งนั่งอยู่ริมนอกโต๊ะ เขาโน้มตัวลงต่ำ พลางหอมแก้มแผ่ว
“หูย... หมั่นไส้ ต่อหน้าต่อตา...” หวานแซวกลัวเมื่อเห็นลีน่าโดนหนุ่มต่างชาติ แปลกหน้าหอมแก้มนวล ราวกับจะเป็นแฟนกัน ณ วินาทีนั้น ปามและพริ้งเบ๊ะปาก มองจิกกัด เพราะมาไม่ทันข้ามวัน ได้หนุ่มมาทำแฟนเสียแล้ว
“อาหารอร่อยมั๊ย? ทานเยอะๆ นะ” หนุ่มต่างชาติผมดำประกายน้ำตาล คุยกับลีน่าภาษาอังกฤษ เธอตอบอย่างยิ้มแย้ม แกมเขิน อมเสียงหัวเราะยกมือปิดปาก ทำให้เขายิ้มตอบกลับ พลางกระซิบบอกเธอเล็กน้อย แล้วจากไป
“นั้นแฟนใหม่มึงหรอ? อีลีน่า?” หวานถามอย่างสนใจ ท่าทางเขาจะปรายตาแอบลอบมองเธอบ่อยๆ
“เออ ก็ตอนกูขอบัตรกินข้าว เขาก็บอกว่าขอกูเป็นแฟนไง” ลีน่าตอบเสียงค่อนข้างดังอย่างมั่นใจ
“ตอนได้บัตรไม่เห็นบอกกูเลยว่ะ ไม่มีแบ่งกันบ้างเลย ผู้ชายนะ ไม่ใช่บัตรกินข้าว” ปามแซวกลับ เธออยากได้อย่างนี้บ้างอ่ะ
“กูเขินอยู่ แทบจะเอาบิกินี่ข้างล่างยกมาปิดหน้ากูอยู่แล้ว” ลีน่าหัวเราะ แซวหน้าดำหน้าแดงกันไปมา พริ้งเหลือบตามองอย่างกับลูกคุณหนู
“ไม่มียางอายเลยนะ เอาบิกินี่ถอดมาปิดหน้า แล้วข้างล่างก็ไม่เหลืออะไรสิวะ” พริ้งถามกลับ ทำให้ปามกับหวานหัวเราะตามๆ กัน ลีน่าเบ๊ะปาก เหลือกตาโต ของอย่างนี้ใครดีใครได้ ไวกว่าก็ได้ไปครอง
“เมื่อกี้เขากระซิบอะไรมึงวะ?” ปามถามอีกรอบ เพราะอยากรู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
“เขาบอกว่า กินข้าวเสร็จแล้ว จะเลี้ยงเหล้า เชิญกูกับพวกมึงไปด้วย” ลีน่าตอบพลางตักอาหารใส่ปาก เธอใกล้จะอิ่มแล้ว
“กับเพื่อนเขาน่ะหรอ?” หวานถามอีกคน อย่างสนใจ เธอปรายตาลอบมองกลุ่มพวกนั้น ซึ่งนั่งอยู่อีกฟาก กระดกยกขวดเบียร์อย่างสบายอารมณ์ พลางหันมาแอบดูพวกเธอด้วย
“เออ... เขาบอกว่า อยากรู้จักพวกเราทุกคน ก็เลยชวนไปนั่งดริ๊งค์ ไม่ดีหรอ?” ลีน่าบอกน้ำเสียงใส วางช้อนส้อมลง หยิบแก้วน้ำมาดื่มล้างปาก เริ่มจะควานหาลิปสติกทาปากแดง เพื่อให้ดูสวยเซ็กซ์ซี่ คืนนี้เธอจะงาบหนุ่มให้มันปากล่ะ
“อย่างกะกูเก่งภาษาแน่ะ” หวานตอบน้ำเสียงแข็ง เพราะเธอไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ถนัดจีนซะมากกว่า
“ไม่ต้องห่วง พวกนั้นมีแอพแปลภาษา กูใช้ของเขาคุยกันเลย ตอนนี้ต้องเริ่มโหลดมาใช้ซะแล้วล่ะ” ลีน่าสาธิตเสียดิบดี ราวกับรู้ลู่ทางไปหมด
“ฉลาดล้ำเลิศนะ แม่หัวแหลม ต้องไปรับของทื่อนี่ หมดคมหรือเปล่าล่ะ?” พริ้งตอกกลับ เพราะเธอค่อนข้างขี้อาย ไม่รู้จะกล้าคุยกับพวกนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เรื่องอะไร... พริ้งตั้งใจว่าจะหนีกลับห้องเลย... นั่งหย่อนปลายเท้าเล่นน้ำทะเลยังจะดีเสียกว่า...
“ไปเหอะน๊า เชื่อกู... สนุกนะ” ลีน่าคว้ามือพริ้งเชิงให้กล้าๆ หน่อย จะได้มีแฟนดี สบายไปตลอดชาติไง
“เออ... ลองดูก็ได้วะ...” ปามกับพริ้งตอบลีน่าไม่ค่อยมั่นใจ หวานยิ่งแล้วใหญ่ เธอรู้สึกหวั่นๆ กับหนุ่มต่างชาตกลุ่มนั้น... ปกติอยู่กับชายไทย เธอก็ต้องเงยหน้าสูงพอสมควร แล้วนี่หนุ่มต่างชาติพวกนั้น สูงราวกับต้นไม้ใหญ่ เธอต้องปีนขึ้นไปคุยหรือเปล่านะ เพราะใบหน้าของเธออาจจะอยู่ตรงเป้ากางเกงพวกเขาพอดีนี่แหละ...
หวานเจื่อนริมฝีปากเล็กน้อย เพราะส่วนสูงเป็นอุปสรรค แต่ลองดูก็ได้ เผื่อเข้ากันได้ มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ อาจจะได้ลู่ทางไปเมืองนอก หรือสบายตลอดชาติ
******
ลีน่าพาเพื่อนสาวทั้งสี่เดินเข้าไปหาหนุ่มต่างชาติ ซึ่งกำลังดื่มเบียร์ รอพวกเธอมานั่งร่วมดื่มเหล้าด้วยกัน เธอมีโอกาสได้แนะนำเพื่อนหนุ่มให้เพื่อนสาวได้รู้จัก
“นี่ สเวน นะ แฟนกูๆ” ลีน่าแนะนำเขาให้เพื่อนสาวทั้งหมดรู้จัก เธอยิ้มแย้มก่อนจะทักทายแนะนำตัวเองกัน
“นั้นก็... แคสเซียส, ร็อกโก้ และ แม็ก พวกเขาเป็นเพื่อนกัน” ลีน่าแนะนำอย่างกับรู้จักเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่เจอกันไม่เกินสามชม. ราวกับลีน่าจะช่ำชองเรื่องสำรวจชายหนุ่มเสียเอง
หลังจากคุยกันสี่ชม. จนถึงเวลาเที่ยงคืน พวกเธอตกลงปลงใจจะไปนอนกับหนุ่มๆ ในค่ำนี้ เพราะคุยกันถูกคอ ลีน่าจึงไปกับสเวน เธอเองก็ตั้งใจอยากจะได้เสียกับเขาใจแทบขาด อยากรู้ขนาดกะปู๋ว่าจะมหึมาขนาดไหน
ปามพยักหน้าไปกับร็อกโก้ ท่าทางเขาอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มนุ่มนวล สุภาพต่อเธอทีเดียว
พริ้งถูกเชิญอย่างสุภาพบุรุษ เขาขอเธอเป็นแฟนราวกับเจ้าหญิง เขาชื่อ แม็กซ์ ชวนให้เพื่อนสาวต่างพากันอิจฉา... และหวานจึงลองเป็นแฟนกับแคสเซียสดู ท่าทางเขาหนุ่มแน่น ร่างใหญ่ บึกบึน น่ากินน่าเจี๊ยะพอสมควร อาจจะเต็มปากเต็มคำ
“พวกมึงคิดดีแล้วรึวะ? มาวันแรก ยังไม่ได้นอนห้องพักตัวเองเลย ไปเอากับผู้ชายเลยหรอวะ?” หวานถามอย่างตื่นเต้น หน้าตาตื่นพอสมควร ไม่ใช่ว่ากลัวนะ เธอรู้สึกเร้าใจ
“เฮ้ย ของอย่างนี้ เอาไว้ก่อน ดีไม่ดี ค่อยว่ากันไป เคยกันมาหมดแล้ว มาเหนียมอะไรกันตอนนี้วะ?” ลีน่าเย้ยกลับ เพราะเธอกำลังได้อารมณ์หน้าดำหน้าแดง บวกกับดื่มเบียร์ ดื่มเหล้าไปแล้ว พวกเธอขอคุยกันเองอีกรอบ ก่อนจะแยกย้ายกันไปเสพหนุ่มต่างชาติในคืนนี้ให้หน่ำใจ
“เฮ้ย กูได้กับแฟนไม่กี่ทีเอง เล็กนิสนุง... ยังไม่รู้เลยว่าเสร็จเป็นยังไง... มึงแน่ใจนะ ว่าพวกนั้นน่ะทำเป็น หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลย” ปามหลิวตามองกับหนุ่มน้อย ซึ่งตัวสูงแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือว่าชวนไปนั่งเล่นริมระเบียง เอาเท้าแตะน้ำทะเล เธอก็ไม่ว่าอะไรนะ
“เชื่อสายตากูเหอะ อาหารเสริม มีวิตามินเสริมความงาม” ลีน่าตอบอย่างมั่นใจ ราวกับรู้ว่ามันจะต้องดีต่อพวกเธอแน่นอน
“กูจะลองเชื่อมึงก็ได้นะ อีลีน่า ถ้างั้น พรุ่งนี้เช้าค่อยมาคุยกันนะ” พริ้งแนะนำก่อน พวกเธอจึงสวมกอดอีกครั้ง แล้วเริ่มแยกย้ายเข้าไปในห้องของชายหนุ่มแต่ละห้อง...
หลังจากนั้น... เสียงประตูปิดลงกลอน และเสียงของพวกเธอเงียบหายไป... ราวกับโดนอะไรบางอย่างเข้าสิง... แต่ละคนคงจะได้รับท่วงท่ารักกันมิใช่น้อยเลยทีเดียว...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้