อธิวัฒน์พบเพื่อนสองคนนั่งอยู่ในรถทัวร์ พวกเขาสวมแว่นกันแดดเท่ห์ พลางหยิบขนมมากินและแลกกันเอง พวกเขาสองคนเงยหน้ามองอธิวัฒน์ ราวกับจะทักว่าหายไปไหน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ถามเพื่อนสองคนก่อน
“พวกแกสองคนแอบไปกินถั่วสิ?” อธิวัฒน์หย่อนกายนั่งลงเก้าอี้ว่างซึ่งอยู่ในแถวเดียวกัน กับเพื่อนอีกสองคน
“แล้วแกล่ะ? ไปคว้าสาวที่ไหนมาล่ะ?” กวินทร์ทักตอบ ทำให้สายตานิธิหันมองหน้าเพื่อนสองคนในเวลานั้น
“เฮ้ย... แกเอาจริงดิ...” นิธิตอบลากเสียง อยากจะแซวเชิงเจ้าเล่ห์ อย่างนี้น่าจะมีสนุก
“อ้อ... เขาก็มาเที่ยวทัวร์เรานี่แหละ นั้นไง... นั่งอยู่ข้างหน้านั้น” อธิวัฒน์ชี้ไปยังที่นั่งของรินรดา เธอกำลังคุยอยู่กับไกด์ซึ่งกำลังให้คำแนะนำเวลาไปยังที่พัก และการปฏิบัติตัวในการเป็นนักท่องเที่ยวในแต่ละแห่ง
“ก็น่ารักดีนะ มาคนเดียวหรอ? ปกติเขาต้องมาสองคนขึ้นไปนิ” กวินทร์ถามอย่างสงสัย มันดูผิดปกติ เพราะค่าตั๋วเขาไม่มีทางขายคนเดียว นอกจากจัดเป็นคู่หรือครอบครัว
“เธอว่า เพื่อนที่จะมาด้วย ดันติดธุระมาไม่ได้ เลยไม่อยากให้เสียค่าตั๋วเลยมาคนเดียว” อธิวัฒน์รู้ข้อมูลแค่นี้ เธอพูดน้อยและไม่บอกอะไรมาก
“ถ้างั้น แกจะไปนอนค้างกับเพื่อนใหม่แกก็ได้นะ พวกเราสองคนจะได้ยึดห้องนอนไว้เลย” นิธิออกความเห็น ราวกับได้ความเป็นส่วนตัว
“เฮ้ย... เขาคงไม่ให้กูเข้าไปนอนด้วยหรอก”
“งั้นแกจะมาเล่น P3 กับเราสองคนใช่ปะ เกมส์กินถั่ว” กวินทร์กับนิธิคุยกันร่าเริง พลอยทำอารมณ์อธิวัฒน์สยองพองขน
“ถ้ามึงสองคนแตะตัวกูแม้แต่น้อยนะ กูกระทืบพวกมึงจมตีนแน่ๆ” อธิวัฒน์ขู่เอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันความบริสุทธิ์ทางทวารตน
แม้จะรู้ดีว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ กวินทร์และนิธิจะร่วมกันออกให้คนละครึ่งให้เขามาฟรีๆ ช่องทวารเขาก็เสี่ยงต่อการถูกละลาบละล้วงเช่นกัน
“เอาน่ะ อย่าไปซีเรียส หิวข้าวแล้วว่ะ” กวินทร์เปรย หลังจากออกแรงให้นิธิกระเด้าเข้าร่องก้น ท้องเขาก็ร้องหิวเหมือนคนอื่นๆ
รินรดานั่งมองทัศนียภาพยามเย็น ช่างสวยงามลดความเศร้าภายในใจ พลางปลอบใจตัวเองว่า กลับจากทัวร์ครั้งนี้ เธอจะเริ่มชีวิตใหม่ และทิ้งคนเฮงซวยกับเพื่อนเลวๆ ออกไปจากใจ
******
นัดอาหารค่ำดินเนอร์ตอนหนึ่งทุ่ม นักท่องเที่ยวในทัวร์เดียวกัน รวมตัวเพื่อไปทานอาหารตามอัธยาศัย รินรดาเดินไปตักอาหาร แล้วพาตัวเองกับของกินในมือ ไปนั่งที่โต๊ะห่างไกลจากทุกๆ คน เธอแค่อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด
อธิวัฒน์พลันมองเห็นรินรดาตีตัวออกห่างไกลจากทุกๆ คน เขากลัวเธอจะคิดอะไรลบๆ เพราะสีหน้าเธอก็เศร้า แถมทำอะไรก็ไม่คุยกับใคร เกรงว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าไปเสียก่อน เขาตัดสินใจคว้าจานอาหารตนยกไปนั่งกับรินรดาด้วย
“นั่นแกจะไปไหนวะ โต๊ะพวกเราอยู่นี่” นิธิทัก เห็นอธิวัฒน์ยกจานอาหารสองสามจาน พะรุงพะรังออกจากโต๊ะเดียวกัน
“พวกแกสองคนนั่งกินข้าวเหอะ กูจะไปกินที่อื่น พวกมึงสองคนชวนกูอ้วกข้าวเย็นจริงๆ” อธิวัฒน์แซวกลับ เขาตั้งใจปล่อยให้ กวินทร์และนิธิ ใช้เวลากันสองคน โดยไม่ต้องพยายามลากเขาไปร่วม P3
******
“นั่งด้วยคนได้มั๊ยครับ?” อธิวัฒน์หอบอาหารของตัวเอง เพื่อมากินเป็นเพื่อนกับรินรดา
“เอ่อ... ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ เมื่อมีชายหนุ่มขอนั่งด้วย ก็แค่รู้จักกันวันแรก ท่าทางเขาตีสนิทเธอเร็วมาก
“มานั่งตรงนี้มันไกลจากส่วนตักอาหารบุฟเฟ่ต์นะครับ” อธิวัฒน์เปรยพลางจัดเก้าอี้ และเริ่มทานอาหารกับรินรดา
“คือ ดาตั้งใจจะทานแค่นี้ค่ะ วันนี้อากาศร้อนและดาก็เพลีย อยากจะกลับไปนอนเร็วๆ” รินรดาบอกพลางตักอาหารใส่ปากตามปกติ แววตาชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวเบื้องหน้า
เมื่อเธออ้าปากกว้าง งับก้อนเนื้อสเต็กชิ้นงาม เต็มปากเต็มคำ เขากลับไปนึกถึงตอนเธอกำลังใช้ปากขบกัดกับจ้าวโลกอีกแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันขบกราม กลืนน้ำลายเงียบๆ หญิงสาวหันมามองพอดี นึกสงสัยแต่ไม่ได้ถาม ว่าเขาเป็นอะไร
“ไม่ไปนั่งทานกับเพื่อน แล้วเพื่อนๆ ไม่ว่าหรอคะ?” เธอพอจะรู้มาว่า อธิวัฒน์มากับเพื่อนอีกสองคน ที่จริงเขาไม่น่ามาเสียเวลากับเธอเลยนะ รินรดาถึงมานั่งห่างไกลจากทุกๆ คนแถวนี้
“ปล่อยพวกมันสนุกเถอะครับ ความจริงการมาเที่ยวครั้งนี้ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่เห็นพวกมันอยากพาผมมาด้วย แต่ลืมผมตอนเอามาด้วยทุกที...” อธิวัฒน์ชวนคุยขำๆ ให้รินรดาลืมความสงสัยหรือช่างถามเสีย เขาตั้งใจมาเที่ยวสนุกมากกว่า
“ถ้ามีบ้านที่ทะเลได้ ถึงเราจะทำงานเหนื่อยแค่ไหน เราอาจจะสนุกได้ทุกวัน อิจฉาคนชาวเลย์จริงๆ นะคะ” รินรดาคุยสุภาพ ยิ้มหวานเล็กน้อย พลางหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ แววตาสดใสโดยไร้เครื่องสำอาง แม้จะดูธรรมดา แต่สวยในยามเมื่อต้องแสงจันทร์แผ่ว เสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาชายฝั่ง ยามค่ำคืน ทำให้บรรยากาศราตรีนี้ น่าภิรมณ์กว่าสิ่งใด...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้